ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1697 : หงซี
เมื่อเห็นว่า จางหยู และคนอื่นๆเดินาทางเข้าไปในรูหนอนนั้น คนของวังดอกไม้แดงก็ไม่อาจจะทำใจได้
“ หัวหน้า ทำไมท่าน…” หนึ่งในนั้นถามขึ้นมา
“เพราะชายหนุ่มคนนั้นอาจจะเป็นผู้ควบคุมขั้น 9” เจียงหยุนตอบกลับ
ทุกคนต่างก็ตะลึงกับข่าวนี้
พวกนางเพิ่งจะหาเรื่องผู้ควบคุมขั้น 9 รึ ?
ทุกคนต่างก็พากันเหงื่อตก
ตงหยูพูดขึ้นมา “ เขาจะเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 รึไม่นั้นคำตอบจะเปิดเผยในไม่ช้า”
อันที่จริงแล้วจางหยูจะเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 รึไม่นั้นไม่สำคัญ เรื่องที่สำคัญคือจางหยูพูดความจริงรึไม่
…. จางหยูและพวกเดินทางผ่านรูหนอนตรงเข้าไปในโลกดอกไม้
โลกนี้ถูกสร้างขึ้นโดยหงซี มันเป็นโลกที่งดงาม มันมีภูเขาและแม่น้ำรวมถึงวิวอันงดงาม มันราวกับโลกแห่งความฝัน บางทีเพราะโลกนี้ไม่ได้เปิดเผยสู่โลกภายนอกจึงทำให้โลกนี้สงบสุขอย่างมาก
ฉากที่งดงามคือความโดดเด่นของโลกนี้
ความเงียบสงบที่ไม่อาจจะทำลายได้
“ มันดูผิดปกติ” วอซ่งคิ้วขมวด
หลินเป่ยชานและเกลดันถามขึ้นมา “ มีอะไรผิดปกติกัน ?”
จางหยูตรวจสอบโดยรอบและพึมพำออกมา “ มันมีบางอย่างผิดปกติ”
จางหยูและวอซ่ง มองหน้ากันก่อนจะพูดขึ้นมาพร้อมกัน “ เวลา ! โลกที่สร้างขึ้นมานี้มีกฎเวลาที่ต่างจากโลกภายนอก เราชินกับกฎเวลา ทันทีที่เราเข้ามายังโลกนี้เราก็รับรู้ได้ถึงความแตกต่าง ทักษะของผู้ควบคุมขั้น 9 แทบจะไร้เทียมทาน หากไม่ใช่เพราะสัญชาตญาณที่เฉียบคมแล้วข้ากลัวว่าข้าคงไม่อาจจะรู้ตัวได้”
หลินเป่ยชานไม่รู้ว่าจะหัวเราะรึร้องไห้ดี “ มันไม่แปลกที่หลายคนใช้การเร่งเวลาในบางส่วนในโลกที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเพื่อที่จะบ่มเพาะได้เร็วกว่าเดิม”
มันง่ายที่จะเร่งเวลาของทั้งโลกแต่มันยากที่จะคงการเร่งเวลาเอาไว้ได้นาน
ยิ่งโลกแข็งแกร่งเท่าไหร่ มันก็ยิ่งยากเท่านั้น !
มันง่ายที่จะเร่งเวลาสักเขตเอาไว้เป็นระยะเวลาอันยาสวนาน
เกลดันพยักหน้า “ ใช่ ข้าใช้การเร่งเวลากลับพื้นที่เล็กๆในโลกที่ข้าได้สร้างขึ้นมา ข้าถึงกับเร่งเวลาเป็นร้อยเท่า”
“ มันไม่ใช่การเร่งเวลา” จางหยูส่ายหน้า สายตาเขาเต็มไปด้วยความสงสัย “ ในทางกลับกันแล้วเวลาที่นี่ถูกหน่วงเอาไว้ต่างหาก !” เมื่อได้ยินที่จางหยูบอกมาหลินเป่ยชานและเกลดันต่างก็อึ้ง “ หน่วงเวลารึ ?”
“ ที่นี่เป็นที่ที่แปลกประหลาด…แทนที่จะใช้การเร่งเวลาแต่กลับใช้การหน่วงเวลาเอาไว้ ทำไมหงซีถึงได้ทำเช่นนี้ ?”
ทุกคนพากันมองหน้ากัน เรื่องแบบนี้พวกเขาเพิ่งได้พบเป็นครั้งแรก
“ นางคิดจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา” จางหยูมองไปรอบๆก่อนจะพูดขึ้น “ ข้าแค่อยากบอกความจริงกับนาง”
เมื่อพูดจบจางหยู ก็ติดตามผู้สร้างออกไป เสียงขอเขาดังก้องไปทั่ว “ ด้วยการไหว้วานจากอัลเวอร์ให้มาบอกความจริงกับหงซี ข้าอยากขอพบกับเจ้าด้วย”
แต่จางหยูก็ต้องแปลกใจที่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆราวกับว่า หงซี ไม่ได้ยินคำพูดของเขาแม้แต่น้อย
“ แปลก…” หลินเป่ยชานคิ้วขมวด “ นี่คือโลกที่หงซีสร้างขึ้นมา นางต้องรับรู้การเคลื่อนไหวทั้งหมดในโลกได้บางทีทันทีที่เราเข้ามานางก็รู้ตัวแล้ว ทำไมนางถึงยังไม่ปรากฏตัวอีก ?”
นางไม่คิดใส่ใจอัลเวอร์ รึไง ?
แม้แต่จางหยูก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอัลเวอร์กับหงซีเป็นสหายกันจริงรึไม่ บางทีทั้งสองอาจจะไม่ได้สนิทกันแบบที่เขาคิด
“ เราจะทำยังไงกันดี ?” หลินเป่ยชานและเกลดันมองไปที่จางหยูตอนนี้เขาได้แต่ต้องพึ่งจางหยูเท่านั้น
วอซ่งเองก็มองไปที่จางหยู “เจ้าสำนักเราจะทำยังไงกัน?”
เขาอยากจะตะโกนบอกว่าจางหยูนั้นเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 เมื่อผู้ควบคุมขั้น 9 มาทีนี่ด้วยตัวเอง เดาว่าหงซีต้องสนใจเป็นแน่
มันแค่ว่าเขาไม่กล้าจะพูดแบบนั้นออกมาไม่งั้นแล้วจางหยูอาจจะไม่พอใจ
“ หงซีข้าคิดว่าเจ้าจะปรากฏตัวเสียอีก” เสียงของจางหยูดังก้องขึ้นมา เสียงนี้แฝงไปด้วยพลังสร้างทำให้มิติสั่นไหว “ หากเจ้าไม่ปรากฏตัวงั้นก็อย่าหาว่าข้าทำลายโลกนี้”
ขู่ชัดๆ !
แต่ก็มีแค่จางหยูที่กล้าพูดแบบนี้หากเปลี่ยนเป็นหลินเป่ยชานรึเกลดัน พวกเขาคงไม่กล้าคิดแม้แต่วอซ่งก็ไม่กล้าจะทำให้หงซีไม่พอใจ
คำขู่ของจางหยูได้ผล เมื่อเขาพูดจบท้องฟ้ากลับมีร่างของหงซีปรากฏนมา หงซีในชุดแดงได้ปรากฏตัวขึ้นร่างของนางมีแสงสีแดงลึกลับปกคลุมเอาไว้ มันทำให้นางดูสูงส่งอย่างมาก
“ วอซ่ง ” นางกวาดตามองไปที่จางหยูและคนอื่นๆก่อนจะมองไปที่วอซ่ง “ ผ่านมาหลายพันปีแต่เจ้ากลับปรากฏตัวขึ้นที่นี่”
วอซ่ง ไม่คิดเลยว่าหงซีจะรู้จักเขา
วอซ่ง ยังไม่ทันได้ตอบอะไรกลับหงซีก็มองไปที่จางหยู “ เจ้าบอกว่าจะทำลายโลกข้ารึ ? เจ้าลองดูสิ” จางหยูกระแอมออกมาและพูดขึ้น “ ข้าแค่อยาให้เจ้าออกมา ข้าไม่ได้คิดจะทำอะไรกับโลกนี้” เขาไม่ได้กลัวอีกฝ่ายยแต่ที่เขาพูดเกินไปหน่อยจริงๆ เมื่ออีกฝ่ายถามมาเช่นนั้นก็ทำให้เขาอายนิดๆ
“ อัลเวอร์ฝากเจ้ามาบอกอะไรข้า ?” หงซี ถามขึ้นมา
“ อัลเวอร์บอกว่าสุนสานสวรรค์นั้นคือกับดักเขาห้ามไม่ให้เจ้าไปที่นั่น !” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้จางหยูก็แสดงสีหน้าเคร่งเคียดออกมา “ เราได้พบกับ อัลเวอร์ ในสุสานขั้น 9 เขาโดนปราณสุสานครอบงำ สติเขาแทบโดนกลืนกินเขารักษาสติไว้ได้ในเวลาอันสั้นแต่ในเวลานั้นเขาได้บอกให้ข้ามาบอกเจ้าเรื่องนี้”
หงซี ยังแสดงท่าทีเฉยเมย “ ข้าบอกเขานานแล้วว่าสุสานนั่นมีกับดักและอย่าเข้าไปแต่เขาไม่ฟังข้า..” เมื่อพูดถึงเรื่งอนี้ หงซี ก็ส่ายหน้าและถอนหายใจออกมา “ ไม่แปลกเลยที่ข้าไม่ได้ยินข่าวเขาตลอดหลายปีมานี้”
นางมองไปที่จางหยูแล้วพูดขึ้น “ เมื่อพูดจบแล้วเจ้าก็ไปได้”
“ ช้าก่อน” เมื่อเห็นว่าหงซีกำลังจะหายตัวไป จางหยูก็รีบพูดขึ้น “ เจ้าบอกข้าได้รึไม่ว่าสุสานสวรรค์คืออะไร ? ใครกันที่วางแผนหลอกล่อผู้ควบคุมขั้น 9 ?”
“ เจ้าไม่รู้รึ ? เจ้ายังไม่ได้ไปที่สุสานอีกรึ” หงซีมองจางหยูด้วยสีหน้าแปลกใจ
จางหยูตอบกลับ “ ข้าเคยไปที่สุสานสวรรค์มารึ ?”
เขาคิดถึงบางอย่างก็ต้องแปลกใจ “ เจ้าหมายถึงสุสานขั้น 9 ลึกลับที่เราไปสำรวจก่อนหน้านี้คือสุสานสวรรค์รึ ?”
“ เจ้านี่มัน…แปลกจริงๆ” หงซีมองจางหยูด้วยสีหน้าสนใจ “ เจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสุสานแต่เจ้ากลับออกมาจากสุสานได้ จากระดับการบ่มเพาะของเจ้าแล้ว ข้ากลัวว่าคงไม่ได้มากนักแต่เจ้าโชคดีที่รอดจากสุสานมาได้”
“ เจ้าสำนักเป็นผู้ควบคุมขั้น 9” เกลดันพูดขึ้นมา “ ในด้านความแข็งแกร่งของเจ้าสำนักแล้วอาจจะไม่ได้ด้อยกว่าท่านเลย”
หงซี มองไปที่จางหยู “ ขั้น 9 รึ ?” นางมองไปที่ จางหยู “ สถานการณ์ของเจ้านั้นแปลกประหลาดจริงๆ”
“ เขาอาจจะดูเหมือนผู้นำขั้น 8 ไม่เหมือนขั้น 9..แต่นี่คือร่างแยกของเจ้าสำนัก” วอซ่งพูดขึ้นมา
“ งั้นรึ ?” หงซีไม่อาจจะมองข้ามเรื่องนี้ได้ จางหยู ไม่ใช่ผู้ควบคุมขั้น 9 นางจึงไม่ได้สนใจอะไรนัก “ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 รึไม่แต่ข้าแนะนำเจ้าว่ามันจะดีกว่าที่จะไม่ไปหาความลับในสุสาน มันมีสิ่งที่น่ากลัวอย่างมาก เจ้าน่ะโชคดีที่หนีรอดมาได้ครั้งหนึ่งแต่มันไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะหนีออกมาเป็นครั้งที่สองได้ ไม่งั้นแล้วเจ้าคงมีโชคชะตาเดียวกับ อัลเวอร์”