ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1699 : วิหารซ่ง !
จางหยูไม่มีทางลืมวิหารซ่งอย่างแน่นอน !
เขาได้เจอกับอัลเวอร์ที่วิหารแห่งนั้นนอกจากอัลเวอร์แล้วก็ยังมีผู้นำอีกหลายคน !
สิ่งที่ทำให้เขาตะลึงคือมีวิหารแบบนั้นอยู่หลายร้อยแห่ง !
หลินเป่ยชานและเกลดัน แม้ว่าจะไม่ได้เห็นวิหารแต่ก็ได้ยินที่จางหยูและวอซ่งพูดถึงวิหารแห่งนี้ พวกเขารู้ถึงความน่ากลัวของวิหาร ผู้ควบคุมขั้น 9 รวมกับผู้นำอีกหลายสิบคน กองกำลังแบบนี้หากอยู่ในจักรวาลแล้วก็ถือว่าเป็นกองกำลังชั้นนำ
แม้แต่หงซีและวังดอกไม้แดงก็ไม่อาจจะเทียบได้
“ หลายร้อยแห่ง..” เกลดันอดไมได้ที่จะกลืนน้ำลาย
หลินเป่ายชานเองก็ขนลุก วอซ่งแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา “ ไม่คิดเลยว่าสุสานสวรรค์กลับน่ากลัวถึงเพียงนี้ “
เขาดีใจอย่างมากหากจางหยูไม่ช่วยเขาเอาไว้ เขากลัวว่าเขราคงเป็นสมาชิกของวิหารไปตลอดกาล
“ ไม่มีใครรู้ว่าคนพวกนั้นเป็นใครรึว่าพวกเขาเป็นมนุษย์อย่างเรารึไม่ ไม่มีใครู้ว่าสุสานแห่งนี้มีเป้าหมายอะไร ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้แล้วสุสานสวรรค์ก็ยังคงลึกลับมาโดยตลอด มันทั้งลึกลับและอันตราย มันทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนเข้าไปด้านใน พวกนั้นโดนฆ่าไม่ก็ตกเป็นทาสโดยสุสานนั่น มีแค่ผู้นำเท่านั้นที่มีโอกาสที่จะรอดไปได้และตกเป็นทาสโดยปราณสุสานก่อนจะกลายเป็นหุ่นเชิด”
แม้แต่ผู้นำก็ยังมีโอกาสที่จะตาย
สำหรับผู้ควบคุมขั้น 9 แล้วจางหยูไม่รู้แน่ชัดเขาพบแค่อัลเวอร์เพียงคนเดียวผู้ควบคุมขั้น 9 ที่เหลือนั้นจะมีชีวิตอยู่รึตายไปแล้วนั้นไม่มีใครรู้ “ ผู้ควบคุมขั้น 9 ยิ่งแก่เท่าไหร่ก็ยิ่งรู้เกี่ยวกับสุสานมากเท่านั้น” หงซีพูดขึ้น “ น่าเสียดายหลังจากที่ผ่านมานานครนเหล่านั้นล้วนแต่ตายไม่ก็หายตัวไป แม้แต่ที่วิหารแห่งการสร้างก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ตอนนี้คนที่แก่ที่สุดอายุแค่หลายแสนปี ”
หลายแสนปีนี้ถือว่าเป็นเวลาที่ยาวนาน
“ นี่คือสิ่งที่ข้ารู้เกี่ยวกับสุสานสวรรค์ สำหรับแก่นแท้ของสุสานแล้ว ผู้ควบคุมคนนั้นไม่ได้บอกข้าไว้ ข้าจึงไม่รู้รายละเอียด เท่าที่ข้ารู้มาแล้วไม่มีใครเคยไปถึงเขตหลักของสุสาน บางทีนอกจากพวกที่ตายไปไม่ก็ตกเป็นทาสแล้ว พวกที่หนีมาจากหายนะและออกมาจากสุสานได้นั้นคงยังไปไม่ถึงเขตหลัก ” หงซี เงียบไปชั่วครู่ “ พวกนั้นไปถึงสุสานเหมือนกับเจ้าแต่อาจจะไปยังวิหารแห่งอื่น มันคงไม่ใช่วิหารที่เจ้าพบมา”
จางหยูคิ้วขมวดแม้ว่าหงซี จะบอกข้อมูลออกมามากมายแต่ส่วนมกาแล้วเป็นข้อมูลทั่วไปแม้ว่าจะข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์แต่ก็ให้ประโยชน์จำกัด
มันแน่นอนว่าสุสานนี้อันตรายกว่าที่เขาคิดเอาไว้ สุสานแห่งนี้ลึกลับกว่าที่เขาคิดเอาไว้ !
จางหยู ผิดหวังและอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “ นอกจากเรื่องนี้แล้วเจ้าไม่รู้ข้อมูลอื่นรึ ?”
หงซีส่ายหน้า
“ แล้วผู้ควบคุมขั้น 9 คนอื่นล่ะ ? อย่างคนที่เจ้าไปพูดคุยด้วย เขารู้อะไรอีกรึไม่ ?” จางหยูถามขึ้นมา
“ เขาคงรู้มากว่าข้าแต่เขาน่ะซ่อนตัว ตอนที่ข้าเพิ่งทะลวงผ่านขึ้นขั้น 9 เขาได้ปรากฏตัวขึ้นมา ตอนนั้นเองที่ข้าได้พูดคุยกับเขาแต่จากนั้นข้าก็ไม่ได้พบกับเขาอีก ข้อมลเกี่วกับสุสานที่เขาบอกข้ามาแต่ก็ย้ำไม่ให้ข้าตรวจสอบความลับของที่นั่น”
จางหยูอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าผิดหวังออกมาอีก หากหาตัวชายคนนั้นได้บางทีเขาอาจจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสุสานเพิ่มได้บ้าง “ ใช่สิ…” หงซีคิดบางอย่างออกและพูดขึ้นมา “ หากเจ้าอยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสุสานเพิ่ม เจ้าอาจจะสำรวจสุสานขั้น 9 อื่นๆโดยเฉพาะสุสานของพวกที่ตายมาแล้วหลายปีที่พลังกำลังจะหมดลง มันต้องมีสุสานของพวกผู้ควบคุมขั้น 9 ที่ตายไป บางทีเจ้าอาจจะได้คำตอบ”
จางหยูถามขึ้นมา “ สุสานขั้น 9 รึ ?”
หงซีพยักหน้า “ พวกผู้ควบคุมขั้น 9 เหล่านั้นมักจะรู้ความลับ สุสานของพวกเขาต้องมีเบาะแสไว้ไม่มากก็น้อย บางทีบางคนอาจจะทิ้งข้อมูลในอดีตเอาไว้”
“ มันไม่ใช่ว่าจะเสียเวลาเปล่าเพราะมันมีคนที่หาข้อมูลเกี่ยวกับสุสานสวรรค์อยู่แต่ข้อมูลส่วนมากไม่ได้มีค่านัก”
แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นแต่จางหยูก็ยังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อยู่ เขากับหงซวน ได้ตกลงกันไว้แล้วว่าจะไปสำรวจสุสานขั้น 9 ที่กำลังจะกำเนิดขึ้นมา เขาจะใช้โอกาสนี้ในการตามหาเบาะแสของสุสานสวรรค์ แม้ว่าจะได้เบาะแสแค่น้อยนิดแต่จางหยูก็พอใจ
“ นี่คือทั้งหมดที่ข้ารู้มา หากไม่มีอะไรแล้วเจ้าก็กลับไปเสียเถอะ”
จางหยู เตรียมที่จะบอกลาแต่ก็นึกบางอย่างออก “ โลกที่เจ้าสร้างขึ้นมานี้มีการหน่วงเวลา ทำไมกัน ?” เขาสงสัย ยังไงซะเขาก็ไม่รู้ว่าหงซีคิดจะทำอะไร
หงซีมองไปที่จางหยูด้วยสีหน้าเฉยเมย “ เมื่อเจ้ารู้ถึงสิ่งที่เจ้าอยากจะถามแล้ว เจ้ายังคิดถามเรื่องอื่นอีกรึ ?”
จางหยูยิ้มออกมาอย่างอายๆ เขาพบว่าหงซีน่ะไม่ได้ตีสนิทง่ายนักนางน่ะเย็นชา
จางหยูอายและถามขึ้นมา “ ก็ได้ข้าอยากจะถามว่าเจ้ากับอัลเวอร์เกี่ยวข้องกันยังไง ?”
“ ข้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับอัลเวอร์แค่รู้จักกัน” หงซีพูดขึ้น “ แน่อนว่าเจ้าจะคิดว่าเขาเป็นคนที่ไล่ตามข้าก็ได้ เขาไม่ต่างจากแมลงวันที่น่ารำคาญ …” ไล่ตาม !
คนที่ไล่ตามนางกับคนที่ติดตามนาง แม้ว่าคำพูดจะคล้ายกันแต่ความหมายมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง !
เมื่อได้ยินคำตอบนั้น จางหยู, วอซ่ง, หลินเป่ยชาน และเกลดัน ต่างก็พากันสับนสน อัลเวอร์ไล่จีบหงซีอย่างนั้นรึ ?
ผู้ควบคุมขั้น 9 เองก็สนใจเพศตรงข้าม เขาไม่อาจจะกำจัดความรู้สึกด้านนี้ออกไปได้ !
เท่าที่เขาจำได้นั้นผู้ควบคุมขั้น 9 นั้นสูงส่งราวกับเทพ พวกเขาแทนถึงกฎ สำหรับผู้คนในโลกแล้วพวกเขาไม่ต่างอะไรจากพระเจ้าเลยแต่ตอนนี้ผู้ควบคุมขั้น 9 ไม่ต่างจากคนทั่วไป พวกเขาก็แค่แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปเท่านั้น
พวกเขามีความรู้สึก พวกเขามีความรัก
ภาพลักษณ์ของผู้ควบคุมขั้น 9 ในสายตาของทุกคนกลับพลิกผัน ! “ นี่มัน…” มุมปากของจางหยูกระตุกไปตามจนแทบพูดอะไรไม่ออก “ ผู้ควบุคามขั้น 9 กลับมีความรู้สึกรักใคร่ด้วย !”
เขาคิดว่าผู้ควบคุมขั้น 9 น่ะสูงส่งและไม่ได้มีความรู้สึกในด้านนี้แล้ว เขาคิดว่าความรู้สึกของผู้ควบคุมขั้น 9 นั้นบริสุทธิ์ไม่มีอะไรเจือปน เขาคิดว่า อัลเวอร์ และ หงซี เป็นสหายสนิทกัน เขาถึงกับคิดว่าทั้งสองจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอย่างสามีและภรรยา
สุดท้ายมันมีแค่อัลเวอร์ที่คิดไปเองฝ่ายเดียว แม้ว่าจะโดนขังไว้ในสุสานแต่ก็ยังเป็นห่วงหงซีเวลาที่ผ่านมานี้ไม่ได้ทำให้เขาลืมหงซีไป เขายังเตือนนางไม่ให้เข้าไปในสุสาน
นี่คือรักแท้งั้นรึ ?
ใช่ มันคือรักแท้ !
แน่นอนไม่ว่าความรักเขาจะเป็นแบบไหนแต่มันก็ไม่อาจจะเปลี่ยนความจริงที่ว่าเขาเป็นฝ่ายไล่ตามเธอได้
“ หากอัลเวอร์รู้ว่าหงซี ไม่ได้ใส่ใจเขาเลยถึงเขาจะโดนขังในสุสานแต่นางก็ยังเฉยเมย ไม่รู้เลยว่าอัลเวอร์จะรู้สึกยังไง ?”
จางหยูส่ายหน้าบางทีอัลเวอร์อาจจะได้สติและรู้ตัวว่าผู้หญิงน่ะมีแต่ส่งผลเสียต่อเขาแต่จางหยูรู้สึกว่าถึงอัลเวอร์จะรู้เรื่องนี้แต่เขาก็จะยังทำแบบเดิม
“ อัลเวอร์..ข้าว่าเขาเป็นคนที่ตามตอแยคนเก่งที่สุดก็ว่าได้ !”