ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1700 : คำสาป
จางหยูไม่เข้าใจว่าทำไมอัลเวอร์ถึงได้ชอบหงซีขนาดนี้ หงซีสวยรึไง ?
แน่นอนว่านางน่ะสวย !
ใบหน้าที่ดูไร้ที่ติราวกับศูนย์รวมความงามของทั้งโลก มันไม่อาจจะมีคำพูดไหนที่อธิบายความงดงามของนางได้ !
ความหยิ่งทะนงของนางรึ ?
นี่ไม่จำเป็นต้องพูดถึง นางน่ะดูเย็นชาและสูงส่งราวกับเทพธิดา จางหยูไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนที่เทียบกับนางได้เลย
ที่สำคัญที่สุดคือหงซีเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 ที่เป็นผู้หญิง มันคิดภาพออกได้ว่านางจะหยิ่งทะนงแค่ไหน
แต่ผู้หญิงที่เกือบสมบูรณ์แบบนี้ก็ไม่อาจจะทำให้จางหยูรู้สึกอะไรกับนางได้เพราะหงซีน่ะทำตัวเย็นชาและหยิ่งทะนงเกินไปมันไม่ใช่นิสัยที่จางหยูชอบ “ บางทีความชอบของทุกคนอาจจะแตกต่างกันไป” จางหยูไม่เข้าใจอัลเวอร์ แต่มันก็เป็นเรื่องของอัลเวอร์เขาไม่คิดจะเข้าไปยุ่ง
“ แมลงหวี่…” จางหยูนั้นสงสารอัลเวอร์อย่างมาก ชายคนนี้ได้กลายเป็นหุ่นเชิดแต่ก็ยังนึกถึงผู้หญิงที่ตัวเองชอบแต่อีกฝ่ายยังมองว่าเขาเป็นแมลงหวี่ที่คอยไล่ตาม มันดูน่าสงสารจริงๆ
เมื่อตอบคำถามของจางหยูแล้วหงซีก็ได้พูดขึ้น “ ข้าชอบความสะอาด ข้าไม่อยากให้คนนอกอยู่ในโลกที่ข้าสร้างนานนักพวกเจ้าไปได้แล้ว ”
คำพูดนี้ทำให้จางหยูคิ้วขมวดแต่มันก็จริงว่าที่นี่คือที่ของนาง เขาไม่มีสิทธิ์จะคัดค้าน
“ ข้าคงต้องรบกวนเจ้าอีก” จางหยูหน้าด้านก็จริง แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่ที่นี่ต่อ เขาได้หันกลับก่อนจะพยักหน้าบอกกับทุกคน “ ไปกันเถอะ ”
นี่ไม่ใช่ดินแดนแห่งความฝัน มันไม่มีอะไรน่าประทับใจ หงซีกวาดนิ้วก่อนจะมีรูหนอนก่อตัวขึ้นตรงหน้าจางหยู ก่อนที่นางจะบินหนีออกไปแล้วหายตัวไปในท้องฟ้า
“ ท่านหงซี ไม่คิดจะผูกมิตรกับใครเลย” เกลดันพูดขึ้นมา
หลินเป่ยชานเองก็อึดอัดเล็กน้อย “ รักความสะอาดรึ ? เราไปทำให้โลกนางสกปรกรึไง ?”
หงซีเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 การที่นางวิจารณ์พวกเขานั้นพวกเขาก็ยังพอรับได้ แต่คำพูดของหงซีนั้นฟังไปแล้วก็ยิ่งน่าหงุดหงิด มันได้ทำลายภาพลักษณ์ของผู้ควบคุมขั้น 9 ที่ยิ่งใหญ่ไปอย่างสิ้นเชิง
“ พูดจาระวังด้วย ” วอซ่งพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย “ อย่าลืมว่าที่นี่คือโลกของนาง ทุกการเคลื่อนไหวของเรานั้นบางทีนางอาจจะรับรู้ได้หมด”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเกลดันและหลินเป่ยชานก็ตัวแข็งทื่อไปทันที พวกเขารีบปิดปากเงียบพร้อมเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก “ เรามีเหตุผลที่เข้ามาที่นี่แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราได้เข้ามาในที่ของคนอื่น” จางหยูคิ้วขมวดมองไปที่หลินเป่ยชาน และ เกลดันก่อนจะพูดขึ้น “ แต่นางก็ไม่ได้ไล่เราออกไปโดยตรง เรามีสิทธิ์อะไรไปบ่นให้กับนาง ?”
แม้ว่าจางหยูจะไม่ได้ชื่นชอบหงซี แต่ก็ไม่ได้อคติด้วย ถึงอย่างนั้นจางหยูก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะมีสิทธิ์ไปบ่นนาง
วอซ่ง พยักหน้า “ เจ้าสำนัก พูดถูก สิ่งที่เราควรทำตอนนี้คือโทษตัวเองไม่ใช่ว่ากล่าวคนอื่น หงซี ไม่ได้ไล่เราโดยตรง นางยังบอกถึงเรื่องสุสานสวรรค์ให้กับเรา นั่นก็ถือว่าดีแล้ว “
ไม่นานจางหยูและคนอื่นๆก็เดินทางออกมาจากรูหนอนออกจากโลกของหงซี
จางหยูมองไปยังบึงรอบๆแต่ก็พบว่าคนของวังดอกไม้แดงก่อนหน้านี้หายตัวไปแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ “ คนพวกนั้นไปไหนกัน ?”
วอซ่งและคนอื่นๆเองก็สับสนอย่างมาก แต่ตอนที่จางหยูเพิ่งจะพูดจบนั้นดอกไม้รอบตัวพวกเขาก็บานออกพร้อมกับร่างหนึ่งที่ปรากฎตัวขึ้นมา
ร่างนี้เหมือนกับแสงมันได้พุ่งมาตรงหน้าจางหยูนางมองมาที่จางหยูและคนอื่นๆก่อนจะพูดขึ้น “ เป็นเจ้านี่เอง !” น้ำเสียงของนางดูตกใจเล็กน้อย
คนของวังดอกไม้แดงที่เหลือพากันบินออกมาและมองจางหยูกับคนอื่นๆด้วยความแปลกใจและเหลือเชื่อ
“ ทะ….ท่านเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 จริงๆรึ ?” น้ำเสียงของตงหยูนั้นสั่นไหว “ ท่านไม่ได้โกหกรึ ?”
หากจางหยูและคนอื่นๆโกหก งั้นก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะรอดออกมาจากโลกของหงซีได้ ดูจากนิสัยของหงซีแล้ว แม้ว่านางจะไม่ฆ่าจางหยูและคนอื่นๆแต่ก็กลัวว่าคงต้องลงโทษพวกนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่นางจะปล่อยพวกนี้ออกมาง่ายๆ
เกลดันได้พูดขึ้นมาอย่างภูมิใจ “ เจ้าสำนักนั้นคือคนที่ยิ่งใหญ่ทัดเทียมกับท่านหงซีเขาจำเป็นต้องโกหกเจ้าด้วยรึ ? เจ้าคิดจะดูถูกใครกัน ?”
จางหยูมองไปที่เกลดัน ก่อนจะส่ายหน้าก่อนจะบอกกับตงหยู “ ข้ามารบกวนเจ้า หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ ตอนนี้ข้าได้บอกเรื่องราวกับหงซีแล้ว พวกข้าคงไม่อยู่ที่นี่ต่อ พวกเราขอตัว”
“ช้าก่อน” ตอนนั้นเองตงหยูก็ได้ตะโกนออกมา
จางหยูชะงักไป “ มีอะไรรึ ?”
ตงหยูเงียบไปชั่วครู่ นางลังเลอยู่สักพักก่อนที่สุดท้ายจะถามขึ้นมา “ ท่านเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 ใช่รึไม่ ?”
“ ทำไมรึ ?” จางหยูไม่ได้ตอบคำถามของตงหยู ยังไงซะเขากับผู้ควบคมขั้น 9 ก็ต่างชั้นกันอยู่ แม้ว่าพลังสร้างในตัวจะใกล้เคียงกับผู้ควบคุมขั้น 9 แต่ยังไงซะเขาก็ไม่ใช่ผู้ควบคุมขั้น 9 จริงๆ ในโลกตันเถียนนั้นจางหยูน่ะคือตัวตนสูงสุด แม้ว่าจะเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 แต่ต่อหน้าเขาแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากมดปลวกเลย
ความแข็งแกร่งของจางหยูนั้นขึ้นอยู่กับว่าเขาอยู่ที่ไหน
เขาอาจจะเป็นจ้าวแห่งบรรพกาลรึผู้นำขั้น 8
ตงหยูไม่คิดว่าจางหยูจะถามแบบนี้ นางกัดปากแล้วพูดขึ้นมา “ หากท่านเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 จริงๆ งั้นโปรดช่วย ท่านหงซีด้วย !”
“ ช่วยหงซีรึ ?” จางหยูสับสนขึ้นมา “ เจ้าหมายถึงอะไรกัน ?”
“ ท่านไม่รู้รึ ?” ตงหยูมองไปที่จางหยูด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ หากจางหยูเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 จริงๆแล้วทำไมจางหยูถึงไม่รู้เรื่องนี้ ?
“ มัน…มันคือ…คำสาปของท่านหงซี”
“ คำสาปรึ ?” จางหยูแสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแต่ก็ยังถามขึ้นด้วยความสงสัย “ เจ้าบอกรายละเอียดได้รึไม่ ?” “ ท่านหงซีโดนสาปโดยผู้ควบคุมขั้น 9 ที่แข็งแกร่ง อีกฝ่ายนั้นได้ใช้ชีวิตของตนแลกกับการสาปนาง ตั้งแต่นั้นมานางก็ได้รับผลกระทบโดยกฎการหน่วงเวลา แม้แต่ในโลกที่นางได้สร้างขึ้นมานั้นนางก็ไม่อาจจะหนีจากการหน่วงเวลาได้” ตงหยูตาแดงก่ำ “ หากคนนอกอยู่กับนางนานๆ มันไม่ใช่แค่จะได้รับผลกระทบจากการหน่วงเวลาแต่จิตก็จะอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งจิตได้สลายไป…” นางมองไปที่จางหยูแล้วพูดขึ้นต่อ “ ท่านหงซีกลัวว่าจะทำร้ายผู้อื่น ดังนั้นนางจึงอยู่เพียงลำพังมาโดยตลอด นางถึงกับขับไล่เรา…โลกของนางนั้นเป็นที่เดียวที่นางจะเป็นอิสระได้อยู่เพราะโลกนั้นนางทำทุกอย่างที่ต้องการได้ นางไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นภาระกับผู้อื่น แม้ว่านางจะไม่เคยบอกเราแต่เราก็รับรู้ได้ถึงความโดดเดี่ยวและหมดหนทางของนาง …”
“ ข้าไม่รู้ว่าจะมีคนที่ชั่วร้ายที่ขนาดยอมใช้ชีวิตตัวเองเพื่อสาปท่านหงซวี…มันมีความแค้นเคืองอะไรกันถึงต้องทรมาน ท่านหงซี ถึงเพียงนี้ ?”
คนจากวังดอกไม้แดงต่างก็ตาแดงก่ำ มันถึงกับมีน้ำตาไหลออกมาจากตาของพวกนาง
“ ทำไมท่านหงซีถึงต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ ?” ตงหยูพูดจบก็สะอื้นออกมา
เมื่อได้ยินที่ตงหยูพูดมา จางหยูก็หนักใจขึ้น มุมมองที่มีต่อหงซีนั้นเปลี่ยนไปหลังจากที่รู้เรื่องนี้ เขาพอเข้าใจความคิดของอีกฝ่าย อีกฝ่ายน่ะไม่ได้คิดจะทำตัวเหินห่างผู้คนแต่นางแค่กลัวและกังวลแทนพวกเขา
หลินเป่ยชานและเกลดันต่างก็รู้สึกละอายกับการกระทำของตัวเอง
“ แต่ทำไมเจ้าคิดว่าข้าจะช่วยนางได้ถึงข้าเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 ก็เถอะ ?” จางหยูถามขึ้นมา
“ เพราะข้าได้ยินว่าตราบใดที่เป็นผู้ควบคุมขั้น 9 งั้นก็จะสามารถแบ่งพลังคำสาปจากท่านหงซีได้” ตงหยูพูดขึ้น