ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1701 : 9,000 ปีผ่านไป
“ ผู้ควบคุมขั้น 9 สามารถแบ่งคำสาปจากนางได้รึ ?” จางหยูแปลกใจนิดๆ “ หากเป็นเช่นนั้นทำไมอัลเวอร์ถึงไม่ทำเช่นนั้น ?”
จางหยูไม่สงสัยว่าอัลเวอร์คงเต็มใจที่จะแบ่งพลังคำสาปจากหงซีเขาจะไม่ลังเลด้วยซ้ำ
“ ท่านอัลเวอร์เต็มใจจะแบ่งพลังสาปจากท่านหงซี แต่เป็นท่านหงซีต่างหากที่ไม่ยอม..” ตงหยูอธิบายออกมาด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
จางหยูเมื่อได้ฟังก็สับสน “ สถานการณ์เป็นยังไง ?”
“ การแบ่งพลังคำสาปนั้นอันที่จริงคือการส่งพลังคำสาปไปยังอีกคน ด้วยวิธีนี้แม้ว่าท่านหงซีจะไม่อาจจะกำจัดคำสาปนี้ได้แต่ก็จะทำให้นางสบายขึ้นมาอย่างมาก ในเวลาเดียวกันคนที่ได้รับพลังคำสาปนี้ไปก็จะต้องทนทุกข์ “ ตงหยูถอนหายใจออกมา “ เพราะแบบนั้นท่านหงซีจึงไม่คิดจะส่งต่อคำสาปให้คนอื่น…”
ด้วยความทนทุกข์ทรมานที่นางได้เผชิญหน้ามา นางจึงไม่อยากให้ใครรู้สึกแบบเดียวกันกับนาง
“ ท่านหงซีไม่ได้ชอบท่านอัลเวอร์ แต่นางก็ไม่อยากให้เขาต้องทนทุกข์แบบเดียวกับนาง เพราะนางเองก็อาจจะชินกับเรื่องแบบนี้แล้ว” ตงหยูพูดขึ้น
สำหรับท่าทีของหงซีแล้วจางหยูเห็นด้วย เมื่อไม่ได้ชอบอีกฝ่าย งั้นก็ไม่ควรรับความเห็นใจจากอีกฝ่าย
นางเอาเปรียบอัลเวอร์ก็ได้ด้วยการส่งพลังคำสาปให้กับเขาก่อนที่จะไล่อัลเวอร์ไป แต่นางไม่ทำแบบนั้น มันเห็นได้ว่านางก็ยังมีความดีอยู่กับตัว
“ เมื่อหงซีถึงกับปฏิเสธอัลเวอร์ แล้วเจ้าคิดว่านางจะรับความช่วยเหลือจากข้ารึ ?” จางหยูมองไปที่ตงหยูด้วยความสนใจ “ ตามที่เจ้าบอกมา คนที่แบ่งปันพลังคำสาปนั้นจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก ทำไมข้าถึงต้องช่วยนาง ?”
ตงหยูได้ยินแบบนั้นก็สีหน้าหม่นลง “ ข้าไม่รู้ ข้าแค่อยากหวังพึ่งโชคเผื่อว่า…” นางมองไปที่จางหยูแล้วพึมพำออกมา “ ดูเหมือนว่าข้าจะเพ้อฝันเกินไป ขอโทษด้วยที่ทำให้ท่านเสียเวลา”
วอซ่ง, หลินเป่ยชาน และเกลดัน ต่างก็พากันเงียบไป เรื่องนี้พวกเขาไม่อาจจะช่วยอะไรได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะกล่อมให้จางหยูช่วย ยังไงซะพลังคำสาปก็ไม่ใช่ของที่ดี เมื่อได้รับพลังนั้นมาแล้ว ผลลัพธ์ก็จะน่าอนาถอย่างมาก แม้ว่าจะไม่ถึงกับตายแต่ความทรมานแบบนี้น่ะเจ็บปวดยิ่งกว่าความตายเสียอีก
“ เอาจริงๆแล้วมุมมองที่ข้ามองหงซีก่อนหน้านี้ถึงจะไม่แย่แต่ก็ไม่ได้ดีนัก” จางหยูมองไปที่ตงหยู “ แต่หลังจากที่ได้ยินที่เจ้าบอกมาแล้ว ข้าก็พอเข้าใจนางมากขึ้น”
เข้าใจแล้วมีประโยชน์อะไร ?
ตงหยูยิ้มออกมาอย่างขมขื่น แม้ว่ามันจะไม่ต่างจากการเพ้อฝันแต่นางก็ยังหวังว่าจางหยูจะช่วยได้
สำหรับว่าหงซีจะยอมรับรึไม่นั้นก็อีกเรื่อง บางทีหงซีอาจจะได้สติสักทีว่าอะไรที่ดีกับนาง
“ เจ้าน่ะโชคดี แน่อนว่าหงซีน่ะโชคดีที่ได้พบกับข้า” จางหยูพูดขึ้น “ พลังคำสาปนั้นอาจจะน่ากลัวในจักรวาลแห่งนี้คงไม่อาจจะมีใครแก้ไขมันได้แต่ข้ามีความสามารถมากพอ ข้าน่าจะเป็นคนเดียวที่ทำได้”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นตงหยูและสตรีคนอื่นๆต่างก็พากันมองมาที่จางหยูด้วยความแปลกใจ
วอซ่ง, หลินเป่ยชาน และเกลดันเองก็มองมาที่จางหยูด้วยความแปลกใจเช่นกัน
ต้องรู้ก่อนว่านี่คือผู้ควบคุมขั้น 9 ที่ใช้คำสาปกับหงซีโดยแลกกับชีวิต ไม่ว่าจะเป็นใครก็เดาออกว่าพลังคำสาปนี้จะน่ากลัวแค่ไหนแต่จางหยูกลับบอกว่ามีวิธีกำจัดพลังคำสาปนี้ พวกเขาจะไม่ตกใจได้ยังไง ? “ ทะ…ท่านจะช่วยท่านหงซีรึ ?” เสียงของตงหยูสั่นเครื่องขึ้นมาทันที
แม้ว่านางจะสงสัยว่าจางหยูแค่โอ้อวดแต่มันไม่สำคัญมันสำคัญที่ว่าจางหยูน่ะยอมช่วยแม้ว่าจางหยูจะไม่อาจจะกำจัดพลังคำสาปได้แต่ก็สามารถแบ่งพลังคำสาปจากหงซีได้อยู่
จางหยูยิ้มออกมา “ ข้าช่วยนางได้แต่…”
เมื่อได้ยินคำว่า ’แต่’ ตงหยูและคนอืนๆก็พากันใจสั่น
“ ข้าได้ใช้เวลาและพลังงานมากมายในการช่วยบอกข้อความของอัลเวอร์ รวมถึงการหาวังดอกไม้แดงด้วย..มันไม่ง่ายที่จะได้พบกับหงซี แต่ท่าทีของนางกลับตีตัวห่างจากทุกคน แม้ว่านางจะมีเหตุผลแต่ข้าก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ ไปบอกนางว่าหากนางต้องการลบพลังคำสาปนี้จริงๆ งั้นให้นางไปหาข้าที่เขตตะวันออกตอนบน หากนางเชื่อในตัวข้าก็จงไปหาข้า ข้าจะช่วยนางกำจัดพลังคำสาปโดยไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไป” จางหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ หากนางไม่เชื่อ งั้นก็ไม่ต้องไปหาข้า ถือซะว่าข้าไม่ได้พูดเรื่องนี้ก็แล้วกัน”
การให้ผู้ควบคุมขั้น 9 ไปหาตัวเอง ไม่รู้เลยว่ามันจะทำให้จางหยูดูยิ่งใหญ่แค่ไหน
สำหรับว่าหงซีจะทำแบบนั้นรึไม่ จางหยูไม่ได้สนใจ หากอีกฝ่ายไม่ได้ใส่ใจกับพลังคำสาป เขาที่เป็นคนนอกจะสนใจทำไม ?
เขาไม่คิดจะวิ่งเข้าไปช่วยเหลืออีกฝ่าย
บางเรื่องได้มาง่ายเกินไปก็ไม่มีค่า ในทางกลับกันแล้วของที่ได้มายากน่ะมักจะมีค่าเสมอ
“ จำไว้ว่าข้าชื่อจางหยู จางหยูจากเขตตะวันออกตอนบน” จางหยูโบกมือ “ หากมีโอกาสเราคงได้พบกันอีก”
เมื่อพูดจบจางหยูก็หันกับแล้วเดินทางออกมาพร้อมกับคนอื่นๆ
“ หัวหน้าคำพูดของเขา…เชื่อถือได้รึ ?” ผู้ควบคุมขั้น 8 คนหนึ่งถามขึ้นมาด้วยความลังเล
ตงหยูมองไปทางที่จางหยู ที่เดินทางออกไปด้วยสายตาเหม่อลอยก่อนจะค่อยๆละสายตากลับมา “ ไม่ว่าจะเชื่อได้รึไม่แต่ก็ต้องลองดู ! บางทีเขาอาจจะทำได้ !”
ตอนนั้นตงหยูได้เปิดวังวนขึ้นมาแล้วเดินเข้าไป “ พวกเจ้าบ่มเพาะกันต่อ ข้าจะเข้าไปบอกเรื่องนี้กับท่านหงซี”
“ เจ้าสำนัก เราจะกลับไปที่เขตตะวันออกตอนบนรึ ?” วอซ่งถามขึ้นมา
หลินเป่ยชานพูดขึ้น “ ข้าได้ยินมาว่าที่ชายแดนนั้นจะมีสุสานขั้น 9 กำเนิดขึ้นมา เจ้าสำนักอยากไปดูรึไม่ ?” ไม่รู้เลยว่าท่าทีของเขาที่มีต่อจางหยู เปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เดิมเขาเรียกจางหยูว่าน้องชายแต่ตอนนี้เขากลับเรียกจางหยูว่าเจ้าสำนัก ในใจเขาเหมือนจะยอมรับแล้วว่าจางหยูเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 แล้ว
อันที่จริงแล้วเขาน่าจะเดาออกมานานแล้ว ตั้งแต่ที่เขาปะมือกับจางหยูมา จางหยูน่ะแสดงท่าทีเคารพต่อเขา เขาจึงมองว่าจางหยูเป็นผู้ควบคุมขั้น 8 โดยไม่ได้สนใจท่าทีของเกลดันและวอซ่งที่มี่ต่อจางหยูเลย
“ แน่นอนว่าต้องไป” จางหยูพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ ข้ากับหงซวนได้ตกลงกันไว้แล้ว เมื่อสุสานปรากฎขึ้นมา ข้ากับทีมของเขาจะมุ่งหน้าไปที่นั่น สำหรับพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าจะไปกับข้ารึไม่ก็ได้ข้าไม่คิดบังคับ”
“ เมื่อท่านจะไป เราก็ไม่คิดจะหนีไปไหน” วอซ่งพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ ข้าอยู่ในความมืดมิดมาหลายปี ข้าใช้ชีวิตอย่างกับผี มันไม่ง่ายที่จะได้พบกับสุสานขั้น 9 แน่นอนว่าข้าต้องรอดกลับมาให้ได้”
หลินเป่ยชานและเกลดัน ไม่ลังเลและพูดขึ้นทันที “ เราจะไปด้วย !”
จางหยูยิ้มออกมา “ งั้นก็กลับไปที่เขตตะวันออกตอนบนกันก่อน”
ทุกคนเดินทางออกจากเขตใต้ตอนบนแต่อยู่ๆกลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “ วอซ่ง เจ้า..เจ้ากลับมาแล้วรึ ?” เสียงนี้ดูแปลกใจ “ เจ้าไปพบกับ…ท่านหงซีมา เจ้าไม่เป็นอะไรเลยรึ ?” จางหยูและคนอื่นๆหันกลับไปมองและพบกับเจียงหยุน
“ แล้วยังไง ?” วอซ่งส่ายหน้า “ เรามีเจ้าสำนักอยู่ แม้ว่า ท่านหงซี จะไม่พอใจแต่ก็ไม่อาจจะทำให้เราอับอายได้ ”
เจียงหยุนมองไปที่จางหยูด้วยท่าทีลนลาน “ท่านเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 จริงๆรึ ?”
“ อาจจะใช่รึอาจจะไม่ มันสำคัญตรงไหน ?” จางหยูไม่ได้ปฏิเสธ
“ เจ้าสำนักเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 แล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้า ?” เกลดันมองไปที่เจียงหยุน “ เป็นเจ้าไม่ใช่รึที่บอกเรื่องเรากับ ตงหยูไม่งั้นแล้วนางคงรับมือได้ไม่ทันเร็วแบบนี้แน่ ?”
เจียงหยุนชะงักไป “ ผ่านมากว่า 9,000 ปี ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะจำได้ชัดเจนแบบนี้”
“ 9,000ปีรึ ? เจ้าสับสนรึไง ?” เกลดันแสดงท่าทีแปลกใจออกมา “แค่ชั่วโมงเดียวก่อนหน้านี้แต่เจ้ากลับบอกว่าผ่านไป 9,000 ปีเลยรึ ?” จางหยู, วอซ่งและหลินเป่ยชาน ต่างก็ตะลึงเมื่อได้รู้ความจริงเรื่องนี้
ตอนนั้นพวกเขากลับชื่นชมหงซีที่ทนทุกข์กับพลังคำสาปได้นานแบบนี้แต่เมื่อเทียบกับหงซี แล้วพวกเขายังดีกว่าอย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องทนกับความโดดเดี่ยว