ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1715 : ลบคำสาป
ที่โลกป่าภายในโลกตันเถียน
จ้านเทียนเกอ, เบเกิล, หลินเป่ยชานและคนอื่นๆต่างก็รออยู่ที่นั่น
พวกเขาได้แผ่คลื่นพลังออกไปจนทำให้คนในโลกป่านับไม่ถ้วนต้องตัวสั่นราวกับว่าเจอกับรังสีอาฆาตที่รุนแรง
ไม่นานหลังจากนั้น ใกล้ๆกับพวกเขาก็มีรูหนอนปรากฏขึ้นมาอย่างช้าๆ
ต่อมาจางหยูก็ปรากฏตัวจากรูหนอนนั้น
“ เจ้าสำนัก ! ” จ้านเทียนเกอและคนอื่นๆต่างก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและพากันทำความเคารพ
เบเกิล, จงหรานและคนอื่นๆต่างก็พากันตะโกนตาม “ เจ้าสำนัก ! ”
แม้ว่าจะไม่ได้เห็นจางหยูสู้กับจาเบ็ธ แต่ตอนที่จางหยูอยู่ในสุสานนั้นก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่าจางหยูแกร่งกว่าผู้นำขั้น 8
จางหยูพยักหน้าตอบรับก่อนจะหันกลับไปมองที่รูหนอน
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจก็มีร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากรูหนอน
“ ทะ..ท่านหงอี ” จ้านเทียนเกอและคนอื่นๆต่างก็แสดงสีหน้าแปลกใจออกมา พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าหงอีจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่
กลุ่มของเบเกิลยิ่งตะลึงกว่าคนอื่นๆ “ ท่านหงอีรึ ?”
พวกเขาพากันมองไปที่หงอีด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ สาวสวยคนนี้กลับเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ในตำนาน…หงอี !
หงอียังไม่ทันได้เปิดปากพูด จางหยูก็ยับยั้งการหน่วงเวลาที่ตัวหงอีและปรับให้เวลาเดินตามปกติแล้วพูดขึ้น “ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะตามมาจริงๆ”
เขาคิดว่าหงอีจะลังเลและปฏิเสธ แต่ไม่คิดเลยว่าหงอีจะตามเขามาจริงๆ
หงอีไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะนางรู้สึกว่าการหน่วงเวลานั้นหายไป สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที
นางมองไปที่จางหยูด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ จะ..เจ้าทำได้จริงๆ !”
นางคิดว่ามันอาจจะมีโชคอยู่บ้างแต่ไม่คิดเลยว่ามันจะสำเร็จ นางไม่คิดเลยว่าจางหยูจะทำได้จริงๆ
“ เจ้าตกใจอะไรกัน ?” ตอนนั้นเจ้าสำนักก็ปรากฏตัวที่ข้างกายจางหยู “ หยุดการหน่วงเวลา มันเป็นเรื่องง่ายไม่ใช่รึ ?”
เมื่อเห็นหน้าตาของเจ้าสำนักที่เหมือนกับจางหยู หงอีก็พูดขึ้น “ เจ้าเป็นคนทำรึ ?”
“ ไม่สำคัญว่าใครเป็นคนทำ เขาก็คือข้า ข้าก็คือเขา ” เจ้าสำนักยิ้มออกมา
หงอีพยักหน้าและถามขึ้นมา “ เจ้าทำเช่นนี้ได้ยังไง ? ”
นางเคยไปหามาหลายคนแล้วรวมถึงผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ที่แข็งแกร่งและคนที่ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งในโกลาหล แต่ไม่มีใครลบคำสาปนี้ได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงการลบคำสาป แค่การยับยั้งการหน่วงเวลาก็ไม่อาจจะทำได้ แต่จางหยูกลับทำได้
แม้ว่าคำสาปจะไม่ได้ถูกลบไปและแค่ถูกยับยั้งเอาไว้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นมันก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว
มันทำให้นางเห็นความหวังว่าจะลบคำสาปไปได้ !
“ มันไม่สำคัญว่าทำได้ยังไง” เจ้าสำนักพูดขึ้น “ สรุปคือเจ้าแค่ต้องรู้ว่าข้าลบคำสาปของเจ้าได้ ” เจ้าสำนักเงียบไปชั่วครู่ และพูดต่อ “ เพื่อยืนยันว่าข้าทำได้จริงๆ ข้าจึงไม่คิดจะลบคำสาปของเจ้าทันที ก่อนอื่นข้าอยากรู้ว่าใครกันที่ใช้คำสาปนี้กับเจ้า ทำไมเขาถึงได้ทำแบบนั้น ? ”
หงอีเงียบไป
“ หากเจ้าไม่พูด ข้าจะยังช่วยเจ้าอยู่ แต่….” เจ้าสำนักพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ “ ข้าแค่หวังว่าเจ้าจะพูดมันให้ชัดเจน ”
ทุกคนต่างก็มองไปที่หงอี เบเกิลและคนอื่นๆไม่รู้เรื่องนี้ แต่เกลดันได้บอกพวกนั้น หลังจากที่พวกนั้นได้ฟังแล้วพวกนั้นก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย
“ความงามคือปัญหามาตั้งแต่โบราณแล้ว” หงอีพูดขึ้นมา “ บางทีเพราะข้านั้นดูโดดเด่นและขึ้นมาถึงขั้นที่ 9 ได้ มันจึงทำให้ผู้ควบคุมขั้นที่ 9 สนใจ รวมไปถึงผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ที่แข็งแกร่งที่ชื่อว่าตวนมู่หลิน ตวนมู่หลินและผู้ควบคุมขั้นที่ 9 คนอื่นๆนั้นแตกต่างกัน เขาอยู่ระดับแนวหน้า หากเทียบกับเขาแล้วข้าดูด้อยกว่าอย่างมาก แต่ข้าไม่ชอบเขา เพราะนิสัยของเขานั้นแย่เกินไป อาจจะกล่าวได้ว่าเขาเป็นคนที่หยิ่งยโสมาก เขาชอบข้าและไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องข้า…หากไม่ใช่เพราะข้าขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย ไม่งั้นข้าคงไม่เป็นตัวของตัวเองอีกต่อไป…”
ทุกโลกมักจะมีคนแปลกๆเช่นนี้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นคนอวดดีหรือคนบ้า คนเหล่านั้นก็มีจำนวนไม่น้อย
“ ตวนมู่หลินห้ามให้ใครติดต่อกับข้าและถึงกับฆ่าผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ที่กล้ายุ่งกับข้า ” เสียงของหงอีเริ่มสั่นเมื่อนึกถึงอดีต “ เขาแข็งแกร่งเกินไป แม้ว่าข้าจะขึ้นไปถึงขั้นที่ 9 แต่ก็ไม่อาจจะเทียบกับเขาได้…แม้ว่าภายใต้คำขู่ของข้า เขาจะไม่กล้ามายุ่งกับข้า แต่ก็เพราะเขาที่ทำให้ข้าแทบสูญเสียอิสรภาพไป ”
“ สุดท้ายตอนที่ตวนมู่หลินหมดความอดทน เขาก็ถามกับข้าว่าข้าต้องการอะไร ข้าที่คิดจะหนีจากการควบคุมของเขา และรู้เรื่องสุสานสวรรค์ ดังนั้นข้าจึงบอกเขาว่าหากเขาเข้าไปในสุสานสวรรค์และสำรวจความลับในสุสานแล้วรอดกลับมาได้ ข้าจะยอมอยู่กับเขา !”
“ ข้าบอกเขาว่าคนของข้าไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดแต่ต้องเป็นคนที่กล้าหาญที่สุด ! ”
“ ตวนมู่หลินเชื่อข้า แม้จะรู้ว่าสุสานสวรรค์อันตรายแต่เขาก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธ ”
“ หลังจากนั้นตวนมู่หลินก็ได้เข้าไปในสุสาน ข้าไม่รู้ว่าเขาเจออะไรบ้าง ข้ารู้แค่ว่าหลังจากที่เขาเข้าไปในสุสานได้ไม่นาน หยกวิญญาณที่เขาทิ้งเอาไว้กลับพังลง วิญญาณในหยกก็พังลงไปด้วย ในวิญญาณนั้นมีพลังที่จะสร้างคำสาปรุกล้ำเข้ามาในจิตผู้สร้างของข้า พลังคำสาปนั้นเหมือนกับปราณสุสาน แต่มันไม่ได้กลืนกินสติของข้า พลังของมันบังคับการไหลของเวลารอบตัวข้า รวมถึงกลืนกินพลังชีวิตของสิ่งมีชีวิตรอบตัวข้าให้สติของพวกเขาอ่อนแอลง…”
หงอีมองไปที่จางหยูแล้วพูดขึ้น “ นี่คือจุดเริ่มต้นและจุดจบของเรื่องนี้ ตอนนี้เจ้าพอใจรึยัง ?”
ความทรงจำนี้คือความทรงจำที่น่าเจ็บปวดสำหรับนาง
เพราะแบบนี้จึงทำให้นางรังเกียจผู้ชายทุกคน !
ตอนที่ตวนมู่หลินยังมีชีวิต เขาก็พรากอิสระไปจากนาง ถึงตายก็ยังกักขังนางเอาไว้ !
“ เจ้าหมายความว่าพลังคำสาปเกิดขึ้นเพราะเขาตายในสุสานสวรรค์รึ ?” จางหยูถามขึ้นมา “หรือว่าพลังคำสาปนี้เกี่ยวข้องกับสุสานสวรรค์?”
“ ข้าไม่รู้ ” หงอีส่ายหน้า “บางทีอาจจะเป็นเช่นนั้น ”
นางไม่ได้สนใจเรื่องนี้ นางแค่อยากลบคำสาปและทวงคืนอิสระกลับมา
“ ตวนมู่หลินผู้นี้นิสัยแย่จริงๆ…” จางหยูอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา “ แต่มันก็ยืนยันเสน่ห์ของเจ้าได้ ขนาดตายไปแล้วก็ไม่ยอมปล่อยเจ้าไป ข้าสงสัยว่าเจ้าวางยาเขารึไม่ ”
หงอีคิ้วขมวด “ เจ้าช่วยเคารพข้าได้รึไม่ ?”
เจ้าสำนักถามขึ้นมา “ แล้วทำไมอัลเวอร์ถึงไปที่สุสาน ?”
เมื่อเป็นเรื่องอัลเวอร์ หงอีก็อดไม่ได้ที่จะเงียบไป
“ เขาพยายามจะช่วยข้า” หงอีถอนหายใจออกมา “ เขาอยากแบ่งรับพลังคำสาปจากข้า แต่ข้าปฏิเสธ เขาไม่ยอม ดังนั้นเขาจึงทำตามตวนมู่หลิน เขาได้เข้าไปในสุสานเพื่อหาทางทำลายคำสาปเพราะเขาได้ยินมาว่าตวนมู่หลินตายไปหลังจากที่เข้าไปในสุสานก่อนจะร่ายคำสาปขึ้นมา….ข้าพยายามห้ามเขาและถึงกับด่าเขาด้วย ข้าได้บอกเขาชัดเจนแล้วว่าไม่ว่าเขาจะทำยังไง แต่ข้าก็จะไม่ยอมรับเขา แต่เขาก็ไม่ฟังข้าเลย ”
กลับเป็นว่าอัลเวอร์น่ะไล่จีบนางจริงๆ
“ เข้าใจแล้ว” เจ้าสำนักไม่รู้ว่าจะมองอัลเวอร์เป็นคนแบบไหนดี บางทีสำหรับอัลเวอร์แล้ว มันอาจจะเป็นรักแท้ “คำถามของข้าหมดแล้ว ต่อไปข้าจะลบคำสาปนี้ให้กับเจ้า”
หงอีมองไปที่เจ้าสำนักด้วยสายตาตึงเครียดและคาดหวัง นางรอเวลานี้มานานแล้ว นางกลัวว่ามันจะเป็นความฝันที่พังทลายลงไป
เจ้าสำนักควบคุมจิตผู้สร้างเข้าไปในตัวหงอี กระบวนการก็เหมือนกับตอนที่กวาดล้างปราณสุสานที่เข้ามาในตัว ก่อนจะขับพลังคำสาปออกมาจากตัวหงอี ทั้งหมดกินเวลาไม่ถึง 1 วินาที จากนั้นเจ้าสำนักก็ได้กักขังพลังคำสาปเอาไว้ในมิติแยกส่วน “ นี่คือพลังคำสาปงั้นรึ ? ” เขาตรวจสอบพลังคำสาปราวกับว่าศึกษาว่ามันทำงานยังไง
ในอีกด้าน หงอีก็เหมือนกับปลดโซ่ตรวนที่ล่ามนางไว้ออกไป นางรู้สึกสบายตัวขึ้นมา ความอึดอัดที่มีได้หายไปในพริบตา นางราวกับได้เกิดใหม่
“ นี่….ลบไปได้จริงๆรึ ? น่าเหลือเชื่อจริงๆ”
สิ่งที่รังควาญนางมาหลายยุค แม้แต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่อาจจะทำอะไรพลังคำสาปนี้ได้ แต่ตอนนี้เจ้าสำนักกลับลบมันออกไปได้