ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1719 : คำเชิญของสำนักงานใหญ่วิหารอวี๋ฮุ่น
จางหยูรู้ตัวว่าถึงแม้ความเข้าใจจะเข้าไปถึงขีดจำกัดแต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ยังด้อยกว่าราชาตะวันออก
นี่ไม่ต้องพูดถึงราชาตะวันออกเลย แม้แต่ผู้ควบคุมขั้น 9 ที่อยู่ระดับนี้มานาน เขาก็ไม่อาจจะเทียบได้
หลังจากที่ได้สติขึ้นมาแล้ว จางหยูก็ไม่ได้ออกจากบรรพากาลทันทีแต่กลับเรียกร่างแยกมารวมตัวกันเพื่อสร้างหินแห่งการสร้าง
ด้วยความเข้าใจการสร้างในตอนนี้ มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะสร้างหินแห่งการสร้างขั้นเทพระดับสูงขึ้นมา เมื่อรวมกับความช่วยเหลือของร่างแยกแล้ว เวลาที่ใช้จึงต่างจากอดีตอย่างมาก
ไม่นานเจ้าสำนัก, เซียนกระบี่พเนจรและคนอื่นๆก็ได้มารวมตัวกันที่นั่น
ร่างแยกทั้งหมดรวมถึงร่างแยกที่ใช้บ่มเพาะทั้ง 8 แสนร่างต่างก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าจางหยู
“ หือ ?” จางหยูพบว่าร่างแยกทั้งหมดได้กลายเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 8 แล้ว แม้ว่าจะไม่มีตราขั้นที่ 8 ก็ตาม
แม้แต่ร่างแยกบ่มเพาะก็ยังอยู่ขั้นที่ 8 เช่นกัน
การบ่มเพาะกว่าหมื่นปีทำให้พวกนี้เกือบจะทัดเทียมกับจางหยูได้
ที่สำคัญที่สุดคือพื้นฐานการบ่มเพาะของพวกนี้แข็งแกร่งอย่างมาก คลื่นพลังของพวกนี้หนาแน่น มันเห็นได้ว่าพื้นฐานของพวกนี้หนาแน่นแค่ไหน
“ ร่างหลัก” ร่างแยกทั้งหมดต่างก็พูดขึ้นมา
จางหยูเหม่อลอยไปชั่วขณะ ถ้าเขารวมร่างกับร่างแยกบ่มเพาะตอนนี้ ความแข็งแกร่งของเขาจะขึ้นไปถึงระดับไหน ?
มันจะไปถึงระดับราชาตะวันออกรึไม่ ?
แต่จางหยูก็สลัดความคิดนี้ทิ้งไป การรวมร่างกับร่างแยกในตอนนี้แทบไม่มีความหมาย เพราะเขาสามารถพึ่งตัวเองขึ้นไปถึงระดับราชาตะวันออกได้ ไม่จำเป็นต้องรวมร่างกับคนอื่นๆ
ร่างแยกบ่มเพาะทั้งหมดนี้คือทางเลือกสำรองของเขา มันอาจจะใช้พลิกสถานการณ์ได้ เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ใช้ทางเลือกนี้ง่ายๆ
หากจำเป็นต้องใช้จริงๆ ก็อาจจะเหนือกว่าราชาตะวันออก หรือเหนือกว่าระดับผู้ควบคุมขั้น 9 ทั้งหมดและขึ้นไปเป็นจ้าวบรรพกาลได้ !
“ ด้วยการที่มีพวกนายช่วย มันก็ง่ายกว่าเดิมในการสร้างหินขึ้นมา ” ความเข้าใจของจางหยูอยู่ขั้นที่ 9 แล้ว ร่างแยกของเขาอยู่ขั้น 8 ดังนั้นเมื่อพวกเขาร่วมมือกันก็จะทำให้การสร้างหินนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดาย
ไม่นานจางหยูกับร่างแยกก็สร้างหินขั้นเทพขึ้นมากว่า 10,000 ก้อน
หินขั้นเทพแต่ละก้อนนั้นมีพลังที่น่าเหลือเชื่อ มันถึงกับเหนือกว่าหินขั้นเทพที่ได้มาจากราชาตะวันออกเสียอีก
หลังจากที่สร้างหินเสร็จ จางหยูก็ได้ออกจากบรรพกาลและมุ่งหน้าไปที่โลกป่า
จางหยูแผ่การรับรู้ไปทั่วโลกป่าและก็ต้องแปลกใจ โลกป่าขยายตัวออกไปอย่างมาก หากเทียบกับหมื่นปีก่อนแล้วมันเติบโตจนน่าตกใจ หากไม่ใช่สิทธิ์ความเป็นเจ้าของโลกป่าแล้ว แค่การรับรู้อย่างเดียว จางหยูก็ไม่อาจจะรับรู้ทั้งโลกป่าได้
ต้องบอกว่าโลกป่าในตอนนี้สามารถทนรับพลังของผู้ควบคุมขั้นที่ 8 ได้ แม้ว่าจะมีกลุ่มผู้ควบคุมขั้น 8 มาสู้กันที่นี่แต่มันก็ยากที่จะส่งผลต่อโลกป่าได้
“ มันมีคนอยู่เยอะจริงๆ ” จางหยูเห็นว่ามีคนนอกมากมายเข้ามาตั้งรกรากที่โลกป่า ซึ่งรวมไปถึงกลุ่มอาทิตย์อุทัยด้วย แต่สิ่งที่ทำให้จางหยูสนใจมากที่สุดไม่ใช่กองกำลังที่แข็งแกร่ง แต่เป็น…สำนักงานใหญ่วิหารอวี๋ฮุ่น
ห่างจากเมืองทะเลทรายไม่กี่กิโลเมตรนั้นเคยมีเนินเขาอยู่ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นภูเขาขนาดใหญ่ บนยอดเขานั้นมีวิหารตั้งอยู่ มันมีผู้ควบคุมขั้น 8 รวมถึงผู้ควบคุมขั้น 7 จำนวนหนึ่ง มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าวิหารของโลกสวรรค์ร้างเสียอีก
จางหยูแผ่การรับรู้เข้าไปในวิหาร
จางหยูได้ตรวจสอบสถานการณ์ของวิหารและพบกับม่านแสงที่แสดงภารกิจจำนวนมาก ด้านหลังวิหารนี้คือโลกย่อย สำหรับจางหยูแล้วโลกย่อยนี้เปราะบางอย่างมาก แค่สัมผัสก็ทำลายมันได้แล้วแต่สำหรับผู้ควบคุมทั่วไปแล้ว คงมีแค่ผู้ควบคุมขั้น 8 ที่เป็นภัยต่อโลกย่อยนี้ได้
ขณะที่จางหยูตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของโลกป่าและสำนักคังเฉียงนั้นศิษย์และอาจารย์ต่างก็เข้ามาหาจางหยู “เจ้าสำนัก “
จางหยูพยักหน้าตอบรับเล็กน้อย
บรรพชนมังกรได้พูดขึ้น “ คนของสำนักงานใหญ่วิหารอวี๋ฮุ่นขอเข้าพบเจ้าสำนัก เขารออยู่บนยอดเขามานานแล้ว ”
“ คนของวิหารรึ ?” จางหยูยักคิ้ว “ ให้เขาเข้ามา ”
“ ขอรับ ” บรรพชนมังกรถอยกลับ ไม่กี่อึดใจร่างของเขาก็หายไป
ไม่นานก็มีชายวัยกลางคนมาที่ลาน ตอนที่เขาเห็นจางหยู เขาก็โค้งคำนับให้ “ ในนามของสำนักงานใหญ่วิหารอวี๋ฮุ่น หลิงฮานขอคำนับเจ้าสำนัก ”
จางหยูโบกมือและพูดขึ้น “ มีเรื่องอะไรรึ ?”
หลิงฮานทำความเคารพและพูดขึ้น “ จ้าววิหารของข้าได้ขอให้ข้านำข้อความมาบอกกับท่าน ข้าหวังว่าเจ้าสำนักจะตกลงและไปยังสำนักงานใหญ่วิหารอวี๋ฮุ่นหลัก มันมีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ ”
“ จ้าววิหารรึ ?” จางหยูคิด “ ผู้ควบคุมขั้น 9 ?”
“ จ้าววิหารของเราเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 จริงๆ ” หลิงฮานไม่ได้ปิดบัง นี่คือเรื่องที่รู้กันดีอยู่แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องปิดบัง
จางหยูพยักหน้า “ ก็ได้ ข้าจะไปที่นั่น”
หลิงฮานป้องมือและพูดขึ้น “ งั้นข้าขอตัวก่อน ”
หลังจากนั้นจางหยูก็พึมพำออกมา “ ดูเหมือนว่าวิหารจะให้ความสำคัญกับโลกป่ามากกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ สาขาโลกป่านี้กลับมีผู้ควบคุมขั้นที่ 8 ถึงสองคน คนหนึ่งอยู่ระดับสูง ” ไม่ใช่ว่าสำนักงานใหญ่วิหารอวี๋ฮุ่นจะให้ความสำคัญกับโลกป่า แต่เป็นเพราะจางหยูคือผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ในทางกลับกันแล้วโลกสวรรค์ร้างนั้นด้อยกว่ามาก เนื่องจากอัลเวอร์เจ้าของโลกสวรรค์ร้างได้หายสาบสูญไปนานมาก
“ แต่จ้าววิหารมีธุระอะไรกับข้ากัน ?” จางหยูสงสัยนิดๆ เขากับสำนักงานใหญ่วิหารอวี๋ฮุ่นไม่ได้เกี่ยวข้องกันมากนัก มีแค่การติดต่อเพื่อทดสอบเอาตราเท่านั้น
จางหยูส่ายหน้า เขาขี้เกียจจะคิดอะไรมากนัก แค่ไปก็รู้แล้ว
จางหยูมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านพักทันที
“ หยูเอ๋อร์ ” ทันทีที่เห็นจางหยู จางเฮ่าหลันก็พูดขึ้นมา “ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว เรื่องอื่นข้าได้ให้เจ้าสำนักจัดการแล้ว แต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องให้เจ้าช่วย ”
จางหยูถามขึ้นมา “ มีอะไรเกิดขึ้นรึ ?”
จางเฮ่าหลันพูดขึ้น “ เนี่ยเวิ่นหายตัวไป ”
“ หายตัวไปรึ ?” จางหยูแปลกใจ “ คนแบบนั้นหายตัวไปได้ด้วยรึ ? ไม่ใช่ว่าเขาออกไปเที่ยวเล่นรึ ?”
“ ข้ายืนยันไม่ได้ เขาไม่ได้อยู่บนภูเขาร้างและไม่อยู่ในบ้านพัก ข้าคิดว่าเขาคงไปไม่นาน ข้าได้ถามคนในสำนักหมดแล้ว แต่ก็ไม่มีใครพบเขา คนเฝ้าประตูก็ไม่เห็นเขาลงจากยอดเขา“ จางเฮ่าหลันแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา “ การหายตัวไปของเขาน่ะดูลึกลับ ”
จางหยูแสดงสีหน้าจริงจังออกมา “ หายตัวไปในสำนักคังเฉียงรึ ?”
มันแปลกนิดๆ
เขาขมวดคิ้ว “ ข้าได้วางค่ายกลรอบสำนักไว้แล้ว ใครจะเอาตัวเขาไปได้ ? คนที่ทำแบบนี้ได้อย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 แต่ผู้ควบคุมขั้น 9 ไม่มีเหตุผลที่จะเอาตัวเขาไปไม่ใช่รึ ?”
“เนี่ยเวิ่นหายตัวไป แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาหายตัวไปได้ยังไง” จางเฮ่าหลันพูดขึ้น “ สิ่งเดียวที่มั่นใจได้คือเขายังมีชีวิตอยู่แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เขาเดินทางออกไปเองรึมีคนเอาตัวเขาไปนั้นไม่มีใครรู้” มันเห็นได้ว่าจางเฮ่าหลันเป็นห่วงหลานอย่างมาก เขาแสดงสีหน้ากังวลออกมา “ ข้าล่ะสับสนจริงๆ ”
“ ท่านส่งคนออกไปตามหาด้านนอกรึยัง ?”
“ พวกนั้นรออยู่ด้านล่างเขา ” จางเฮ่าหลันถอนหายใจออกมา “ เราให้คนตามหาทั่วโลกป่าและถึงกับส่งคนออกไปภายนอกแต่ก็ไม่มีเบาะแสเลย เราไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่หวังว่าเจ้าจะช่วยตามหาตัวเขา ”