ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1726 : บุตรีแห่งสวรรค์
ตอนที่จางหยูและจ้าวแห่งโลกพันเขตกำลังมุ่งหน้าไปที่เขตหวงห้ามนั้น ในพื้นที่หวงห้ามของโลกอวี๋ฮุ่น ชายวัยกลางคนก็ได้พูดกับผู้หญิงคนหนึ่งข้างกายเขา “ มันจริงตามที่เจ้าบอกรึ ? มันดูเหมือนว่า…”
“ เจ้าไม่เข้าใจ” หญิงสาวได้พูดขึ้นมาด้วยท่าทีเฉยเมย “ เขาน่ะจะไม่ธรรมดา”
นางพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น “ เส้นทางที่เขาเลือกนั้นไม่เหมือนกับเส้นทางของคนทั่วไป สำหรับคนทั่วไปแล้วผู้ควบคุมขั้น 9 คือตัวตนที่แทบไม่อาจจะเอื้อมถึงได้ ในสายตาของผู้คนมากมายนั้นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ไร้เทียมทาน แต่สำหรับเขาแล้วมันไม่ได้มีค่าอะไรเลย ตราบใดที่เขาต้องการ แม้แต่จ้าวโกลาหลก็ยังตายได้”
ชายวัยกลางคนยักคิ้ว “ เจ้ามั่นใจรึ ?”
จ้าวโกลาหลคือขีดจำกัดของโกลาหล มันจะมีใครทะลวงผ่านไปได้รึ?
“ หากจ้าวโกลาหลมีอยู่จริงๆ งั้นเขาก็อาจจะเป็นจ้าวโกลาหล” หญิงสาวภายใต้ผ้าคลุมปิดหน้าอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ เรื่องนี้ข้าไม่สงสัย”
ชายวัยกลางคนพึมพำออกมา “ แต่เขาดูไม่แข็งแกร่งแบบนั้น”
ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้น “ บางทีนั่นคือส่วนที่น่าสนใจของเขา ท่องอยู่ในแดนมนุษย์ กลับลอยเหนือฝุ่นธุลีแดง…”
“ เอาจริงๆแล้วข้าก็อยากจะทดสอบเขาหากเจ้าไม่หยุดข้าเอาไว้” ชายวัยกลางคนพูดขึ้น “ ยิ่งได้ยินเจ้าพูดเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งสนใจเขาเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ข้าได้เจอกับคนที่น่าสนใจแบบนี้ ข้าสนใจจริงๆว่าเขาจะแข็งแกร่งแบบที่เจ้าบอกรึไม่ ?”
ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้หันกลับมามองและพูดขึ้น “ ข้าแนะนำเจ้าว่าอย่าหาเรื่องเขาจะดีกว่า”
“ ทำไม เจ้าเป็นห่วงเขารึ ?” ชายวัยกลางคนถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
นางส่ายหน้าและพูดขึ้น “ ข้าไม่ได้ห่วงเขาแต่เป็นเจ้าต่างหากเพราะผลลัพธ์ที่ทำให้เขาไม่พอใจนั้นเจ้าอาจจะรับไม่ไหว อย่าคิดเล่นกับไฟเพราะมันจะเผาตัวเจ้า ถือว่าเป็นคำแนะนำจากข้าก็ได้ สำหรับเจ้าคิดจะทำอะไรนั้นก็ตามสบายแล้วอย่ามารู้สึกเสียใจภายหลัง”
เมื่อได้ยินแบบนั้นชายวัยกลางคนก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา มันทำให้เขาสงสัยเรื่องของจางหยูมากกว่าเดิม
“ พูดตรงๆ นะ เจ้าน่ะเป็นอัจฉริยะที่น่าทึ่งที่สุดในประวัติศาสตร์ความโกลาหล กระทั่งในบันทึกของวิหารอวี๋ฮุ่นก็ไม่เคยปรากฏอัจฉริยะที่เหมือนเจ้ามาก่อน เทียบกันแล้ว แม้แต่ราชาตะวันออกก็ยังด้อยกว่า โชคดีที่เจ้าเป็นพี่สาวของข้า ไม่งั้นแล้วข้าคงอดอิจฉาเจ้าไม่ได้ ” ชายวัยกลางคนมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาเคารพ “ ข้าคิดไม่ออกจริงๆ ทำไมเขาถึงทำให้เจ้ารู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า …”
“ ข้าแค่โชคดีที่ได้เรียนรู้ทักษะจากสุสาน” ผู้หญิงคนนั้นตอบกลับอย่างใจเย็น
“ โชคคือส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ ” ชายวัยกลางคนพูดขึ้นมา “ เจ้าไม่ต้องถ่อมตัวหรอก”
“ ข้าไม่เคยคิดว่าข้าแย่” นางส่ายหน้าและพูดขึ้น “ ผู้ควบคุมขั้น 9 หากดูจากทั้งประวัติศาสตร์แล้วข้าไม่รู้สึกว่าข้าด้อยกว่าใคร ยกเว้นแค่เขา ”
ชายวัยกลายคนได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ ข้าสงสัยว่าเขาใช้ทักษะอะไรกับเจ้าหรือไม่…หรือเสน่ห์แบบไหนกันที่ทำให้บุตรีแห่งสวรรค์หลงรักได้ ? เขามีอะไรที่ทำให้เจ้าชอบเขา ?”
นางยิ้มออกมาและพูดขึ้น “ มันต้องมีเหตุผลด้วยรึที่จะรักใครสักคน ?”
“ เจ้าจะไปหาเขาเมื่อไหร่กัน ?” ชายวัยกลางคนถามขึ้นมา
“ ตอนที่ข้ารู้สึกว่าข้าคู่ควรกับเขา” นางตอบกลับ
“ คู่ควรรึ ?” ชายวัยกลางคนคิ้วขมวด “ เจ้าคือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในวิหาร เจ้าคือพี่สาวของข้าซุนวู หากเจ้าไม่คู่ควรกับเขา แล้วใครกันที่จะคู่ควรกับเขาได้อีก ?” เขาไม่พอใจนิดๆ “ พี่ข้า ที่เจ้าให้ค่าเขาเกินไปนั้นข้าเข้าใจได้ แต่อย่าดูถูกเกียรติของวิหารอวี๋ฮุ่น หรือจะให้ข้าไปจับเขามา ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะปฏิเสธเสน่ห์ของเจ้าได้”
ชายวัยกลางคนนี้เป็นถึงผู้นำที่แท้จริงของวิหารอวี๋ฮุ่น เขาคือ…ซุนวู
นางมองไปที่ซุนวูและพูดขึ้น “ หากเจ้ากล้าทำเช่นนั้น ข้าจะป่นกระดูกเจ้า”
ซุนวูขนลุกขึ้นมาทันที ภาพวิหารอวี๋ฮุ่นโดนทำลายได้โผล่ขึ้นมาในหัวเขา
“ ข้าไม่เข้าใจ เจ้าชอบเขา แล้วทำไมเจ้าถึงไม่ไปหาเขา” ซุนวูถอนหายใจออกมา “ เจ้าจะเก็บความรู้สึกนี้ไปตลอดไม่ได้ ..” เขาหมดหนทาง “ นี่ใช่คนที่กล้าฝ่าเข้าไปในสุสานสวรรค์อีกรึไม่ เจ้าใช่พี่ของข้ารึไม่ ? เจ้าใจเสาะแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?”
“ เจ้าไม่เข้าใจหรอก เจ้าไม่อาจจะเข้าใจได้” นางพูดขึ้น “ หากเจ้ารู้ความลับของเขา เจ้าจะเข้าใจความแข็งแกร่งและเสน่ห์ของเขาเอง”
“ ข้าจะรู้ได้ยังไงหากเจ้าไม่พูด ?” ซุนวูจนปัญญา “ เจ้าไม่บอกข้า และไม่ให้ข้าส่งคนไปตรวจสอบเขาอีก”
“ ข้าทำเพื่อตัวเจ้า”
“ งั้นข้าก็จะรับมันไว้” ซุนวูปฏิเสธอย่างหมดหนทาง “ ข้าแค่อยากถามว่าเมื่อไหร่เจ้าจะไปพบเขา ! มันมีเวลากำหนดรึไม่ ?”
“ เมื่อไหร่ที่ข้าขึ้นไปถึงหมื่นเท่าได้ เมื่อนั้นข้าจะไปพบกับเขา” นางเงียบไปชั่วครู่และพูดขึ้น “ หมื่นเท่า บางทีอาจจะคู่ควรกับเขาแล้ว..อย่างน้อยๆก็มีสิทธิ์ที่จะพูดคุยกับเขาบ้าง”
“ หมื่นเท่ารึ ?” ซุนวูมองไปที่พี่และถามขึ้น “ มันต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กัน ?”
ทั้งวิหารนี้มีแค่ซุนวูที่รู้ว่านางมีความแข็งแกร่งมากเพียงใด หากต้องสู้กันจริงๆแล้วเขาก็ไม่อาจจะเป็นคู่มือของนางได้ ทั้งโกลาหลไม่มีใครเป็นคู่มือนางได้
“ คงอีกไม่นาน ” นางเผยรอยยิ้มมั่นใจออกมา “ การใช้ร่างแยกนั้นแม้ว่าจะช่วยในการต่อสู้อย่างมาก แต่ส่วนที่น่ากลัวที่สุดของมันคือการช่วยเหลือในการบ่มเพาะ…ข้ารู้สึกได้ว่าอยู่ห่างจากหมื่นเท่าไม่ไกลนัก แม้ว่าการเดินทางไปยังสุสานสวรรค์ในปีนั้นจะอันตรายอย่างมากรึทำให้ข้าเกือบตาย จนถูกบีบให้เกิดใหม่ แต่ก็ยังเรียนรู้วิธีการใช้พลังสร้างระดับสูงได้ ทุกอย่างน่ะคุ้มค่า”
แน่นอนนางรู้สึกว่าสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดคือการได้เจอคนที่เหมาะสมในเวลาที่เหมาะสม
นี่คือส่วนที่นางรู้สึกว่าโชคดีที่สุด
“ ได้เวลาที่เจ้าจะไปบ่มเพาะต่อแล้ว” นางมองไปที่ซุนวูและพูดเสียงแข็งขึ้นมา “ มีทรัพยากรนับไม่ถ้วนแต่ระดับการบ่มเพาะของเจ้าก็ยังต่ำเช่นนี้ ข้าเกรงว่าเจ้าคงเกียจคร้านมาตลอดสินะ ? เจ้าต้องจำไว้ว่าเจ้าคือผู้นำวิหารที่แท้จริง เจ้าคือผู้ปกครองโกลาหลแห่งนี้ หากวันหนึ่งเจ้าพ่ายแพ้ เจ้าก็จะกลายเป็นตัวตลกของโกลาหล ! และ….”
เมื่อพูดถึงจุดนี้นางก็เงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “ ข้าไม่อยากให้น้องชายของข้าต้องโดนดูถูก”
“ ข้าอยู่ระดับพันเท่า มันแย่แบบที่เจ้าบอกรึ ?” ซุนวูปวดใจอย่างมาก “ นอกจากนี้แล้วข้าก็ไม่ได้บ่มเพาะหนักนัก ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่ได้เกียจคร้าน เชื่อรึไม่ว่าจ้าวแห่งโลกพันเขตนั้นข้าสามารถเอาชนะได้ง่ายๆ”
“ แล้วยังไง ? เป้าหมายของเจ้ามีแค่เอาชนะเขารึไง?” นางถามขึ้นมา
ซุนวูเงียบไปชั่วครู่และพูดขึ้น “ พี่ข้า ข้าไม่อยากอยู่ภายใต้ความคาดหวังของเจ้า อย่าหวังว่าข้าจะเป็นเหมือนราชาตะวันออก ในหมู่ผู้คนมากมายในโกลาหลมีคนแบบนั้นแค่คนเดียว ข้าซุนวูไม่ได้มีความสามารถเช่นนั้น…ข้าอยู่ระดับนี้ได้ก็ถือว่าพยายามมากพอแล้ว มันยากอย่างมากที่จะยกระดับตัวเองขึ้นมาอีก”
นางอยากจะพูดบางอย่างแต่ก่อนที่นางจะได้พูดออกมานั้นนางก็รู้สึกถึงความผันผวนที่ทางแยกเขต
ต่อมา ฟู่เฉิงจ้าววิหารก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าพวกเขา
ซุนวูรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองทันที เขาแสดงสีหน้าเยือกเย็นออกมา
“ ผู้นำ” ฟู่เฉิงทำความเคารพและพูดขึ้นมา
“ เป็นยังไง เขาตกลงใช่รึไม่ ?” ซุนวูถามขึ้นมา
“ เขาปฏิเสธ” ฟู่เฉิงพูดขึ้น “ เอาจริงๆแล้วแม้ว่าพรสวรรค์ของเขาจะโดดเด่นแต่เขาหยิ่งทะนงอย่างมาก เขาค่อนข้างเฉยเมยกับทุกสิ่ง…”
ผู้หญิงคนนั้นคิ้วขมวดแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ อะแฮ่ม…” ซุนวูกระแอมออกมาและพูดขึ้น “ ในเมื่อเขาไม่ต้องการเข้าร่วมวิหารเราก็ไม่อาจบังคับได้ แต่เนื้อหาในคัมภีร์ เจ้าเข้าใจแล้วรึไม่ ?”
ฟู่เฉิงพยักหน้าก่อนจะบอกเนื้อหาในคัมภีร์ให้ทั้งสองฟัง สุดท้ายเขาก็พูดขึ้นด้วยความหนักใจ “ เนื้อหาในคัมภีร์เป็นผลเสียกับวิหารอย่างมาก…”