ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1747 : ซังหนานเทียน
“ ท่านอยากพบเหล่าซังรึ ?” หงอีมองไปที่จางหยูด้วยความแปลกใจ “ ท่านบอกข้าได้รึไม่ว่าท่านจะพบกับเหล่าซังไปทำไมกัน ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของหงอี จางหยูก็ดีใจขึ้นมา ดูเหมือนว่าซื่อซินจะไม่ได้หลอกเขา หงอีรู้จักอีกฝ่ายจริงๆ
จางหยูไม่คิดปิดบัง “ ข้าแค่อยากประมือกับยอดฝีมือ”
หงอีแสดงท่าทีแปลกใจออกมาประมือรึ ?
“ ท่านคิดจะท้าสู้กับเหล่าซังรึ ?” หงอียักคิ้ว “ ท่านฆ่าโจวทงได้ก็ยืนยันความแข็งแกร่งที่ท่านมีแล้ว ทำไมท่านต้องสู้อีก ? เหล่าซังมักจะเก็บตัว แทบไม่มีใครรู้ถึงตัวตนของเขา หากท่านท้าสู้กับเหล่าซัง แม้จะชนะแต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
คนอื่นไม่รู้ความแข็งแกร่งของเหล่าซัง แม้ว่าจางหยูจะเอาชนะเหล่าซังได้ แต่มันก็ไม่มีความหมายอะไรมาก
“ หงอี เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ” จางหยูแสดงสีหน้าจริงจังออกมา “ ข้าแค่อยากประมือกับเขา”
หากเขาแค่อยากพิสูจน์ตัวเอง แค่ไปวิหารอวี๋ฮุ่นและท้าสู้กับยอดฝีมือของวิหารสักรอบ ตราบใดที่สามารถเอาชนะได้ แล้วใครจะกล้าไม่ยอมรับเขากัน?
ถ้าเขาอยู่ระดับหมื่นเท่า เขาก็ไม่จำเป็นต้องไปเสียเวลาทำเรื่องเล็กน้อยพวกนี้เพื่อชื่อเสียงเลยสักนิด
สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้คือเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง ไม่ใช่ชื่อเสียง ไม่ต้องเดาเลยว่ามันถือว่าเป็นเรื่องดีที่ได้เรียนรู้จากเหล่าซัง
หงอีเงียบไปชั่วครู่และพูดขึ้นมาช้าๆ “ เหล่าซังนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก ยากที่จะมีใครเป็นคู่มือเขาได้ ท่านมั่นใจรึว่าจะท้าเหล่าซังสู้ ?” นางเหมือนจะคิดว่าการที่จางหยูท้าสู้เหล่าซังนั้นก็เพื่อเอาชนะเหล่าซัง ถึงอธิบายให้จางหยูฟังไป ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
จางหยูขี้เกียจที่จะอธิบายและพูดขึ้น “เพราะเขาแข็งแกร่งเพียงพอที่ข้าจะสู้กับเขา ระดับของข้าในตอนนี้ การสู้กับคนอ่อนแอไม่ได้มีประโยชน์อะไร มีแค่การสู้กับคนอย่างเหล่าซังเท่านั้นที่จะช่วยพัฒนาข้า”
“ ท่านควรคิดให้ดีๆ” หงอีกล่อม “ เหล่าซังนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก ด้วยชื่อเสียงของท่านตอนนี้ หากแพ้กับเหล่าซัง มันจะทำให้ชื่อเสียงของท่านได้รับผลกระทบ” ไม่ว่าจางหยูจะอยากเรียนรู้จากอีกฝ่ายจริงรึไม่ แต่หงอีก็ไม่อยากให้จางหยูและเหล่าซังสู้กัน เมื่อจางหยูแพ้แล้วไม่ใช่แค่ชื่อเสียงที่เสียหายแต่เขาจะได้รับผลกระทบทางจิตใจไปด้วย ผลกระทบนี้ไม่อาจจะคาดเดาได้
“ เจ้าคิดว่าข้าห่วงชื่อเสียงรึไง?” จางหยูหัวเราะออกมา
เมื่อเห็นจางหยูแสดงท่าทีแน่วแน่ออกมาหงอีก็ยอมแพ้ที่จะเกลี้ยกล่อม “ เมื่อท่านยืนกรานเช่นนั้น งั้นข้าจะพาท่านไปหาเหล่าซัง แต่เหล่าซังจะยอมสู้กับท่านรึไม่นั้นข้าไม่อาจจะรับรองได้”
จางหยูถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและป้องมือให้กับหงอี “ ขอบคุณเจ้ามาก”
ตราบใดที่ได้พบกับเหล่าซังก็ถือว่าเพียงพอสำหรับจางหยูแล้ว
ตราบใดที่ได้เผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ไม่ว่าเหล่าซังจะตัดสินใจยังไง แต่จางหยูก็จะสู้กับอีกฝ่ายให้ได้
“ เอาจริงๆแล้วตั้งแต่ที่ข้ารู้จักกับเหล่าซังมา มีน้อยคนนักที่ได้สู้และพบกับเหล่าซัง “ หงอีพูดขึ้น “ ข้ารับปากกับเหล่าซังว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องเขาให้กับคนนอก การที่ข้าพาท่านไปพบเขาในครั้งนี้ถือว่าผิดข้อตกลง “ นางเงียบไปชั่วครู่และพูดต่อ “แต่ท่านช่วยข้าทำลายคำสาป บุญคุณครั้งนั้นข้ายังไม่ได้ตอบแทน เมื่อท่านรู้ถึงตัวตนของเหล่าซัง ข้าก็ไม่อาจจะโกหกได้ อันที่จริงแล้วมันไม่สำคัญ ข้าแค่หวังว่าท่านจะให้ความเคารพเหล่าซัง”
หงอีไม่รอให้จางหยูตอบกลับและเดินทางออกไป
จางหยูรีบตามนางไปทันที
เมื่อเห็นว่าหงอีเดินทางได้ช้า จางหยูก็อดไม่ได้ที่จะเรียกพาหนะมิติออกมา ก่อนจะพูดขึ้น “ เจ้านำทางไป ข้าจะควบคุมพาหนะเอง”
“ ท่านทนอยู่กับข้านานๆไม่ได้ใช่รึไม่ ?” หงอีพูดขึ้น
ตอนนั้นเองเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ก็พูดขึ้น “ นายท่าน ผู้หญิงคนนี้ต้องสนใจท่านเป็นแน่”
เสี่ยวเสียพูดขึ้นมา “ นางอยากนอนกับท่าน !”
จางหยูคิ้วขมวดและตบเสี่ยวเสียไป “ ถ้าเจ้าไม่มีพูดก็ไม่มีใครว่าเจ้าโง่”
ถึงได้ยินแบบนั้น แต่หงอีก็ยังแสดงสีหน้าเฉยเมย ทว่าสายตาของนางกลับสั่นไหว จางหยูคงไม่คิดว่านางชอบเขา เขาไม่เคยชอบอะไรมาก่อน นางไม่คิดว่าเขาจะสนใจผู้หญิง ที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่เคยพูดเรื่องความรักรึผู้หญิง เขาสนใจแค่การต่อสู้ !
จางหยูสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะกระแอมออกมา “ ข้าอยากพบกับเหล่าซังเร็วๆเพื่อประมือกับเขา” ไอรีนโนเวล
ตอนนี้เขากระหายการต่อสู้อย่างมาก
หงอีไม่พูดอะไร นางได้แต่นั่งเบื่อๆและคอยบอกทางให้กับจางหยู ภายใต้การควบคุมของจางหยู พาหนะมิติก็เดินหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มาถึงโลกลึกลับใบหนึ่ง มันคือโลกที่มีสีแดงสด ราวกับทั้งโลกถูกปกคลุมด้วยหมอกแดง มันราวกับโชกเลือด
“ นี่มัน…” แผนที่โกลาหลโผล่ขึ้นมาในหัวจางหยู “ โลกแดงรึ ?”
หงอีพยักหน้าและพูดขึ้น “ นี่คือโลกขั้น 9 ที่ข้าสร้างขึ้นมาตอนที่ข้าขึ้นมาเป็นผู้สร้าง”
“ เหล่าซังอยู่ในโลกนี้รึ ?” จางหยูแปลกใจ “แล้วทำเจ้าถึงไม่อยู่ในโลกแดง แต่กลับไปอยู่ที่โลกนภาใต้?” “ เพราะโลกนภาใต้นั้นจะเจอผู้ควบคุมขั้น 9 มากกว่า” หงอีตอบกลับอย่างใจเย็น
ยังไงซะพวกที่เลือกหลบซ่อนตัวเพื่อบ่มเพาะนั้นก็มีน้อย การที่มียอดฝีมือแข็งแกร่งแบบนี้คอยช่วยก็ถือว่าเป็นเรื่องดี หงอีก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
“ ใช่สิ ข้ายังไม่รู้ชื่อของเขาเลย” จางหยูถามขึ้นมา
“ ซังหนานเทียน ” หงอียิ้มออกมา “ เขาคือจ้าวแห่งโลกนภาใต้ เขาคือคนในตำนานสำหรับคนนับไม่ถ้วน”
เมื่อได้ยินแบบนั้นจางหยูก็ใจสั่นไปตาม เขตใต้มีผู้ควบคุมขั้น 9 และโลกเก่าแก่นับไม่ถ้วน ดูจากทั้งเขตใต้ตอนบนและตอนล่างแล้ว เขตใต้น่ะมีฐานะที่สูงส่งในโกลาหล ชัดแล้วว่าโลกนภาใต้นั้นไม่อาจจะมองข้าได้ เพราะความแข็งแกร่งของเขตใต้นั้นจึงทำให้โลกนภาใต้มีฐานะที่พิเศษแบบนี้
“ ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นจ้าวแห่งโลกนภาใต้” นี่คือสิ่งที่จางหยูคาดไม่ถึง “ข้าไม่รู้ว่าเหล่าซังอยู่มานานแค่ไหนแล้ว แต่แน่นอนว่าก่อนที่จะมีราชาตะวันออกนั้นเขาก็มีตัวตนอยู่แล้ว เขาเคยปกครองยุคก่อนราชาตะวันออกด้วยซ้ำ บางทีในโกลาหลอาจจะไม่มีใครอายุมากกว่าเขาแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนั้นจางหยูก็สงสัยเรื่องเหล่าซังมากขึ้นไปอีก
เหล่าซังผู้นี้สมกับเป็นหินที่มีชีวิตอยู่ !
ไม่นานจางหยูและหงอีก็เข้ามาในโลกแดง ร่างของทั้งสองจมหายเข้าไปในหมอกแดง ก่อนจะปรากฏตัวตรงหน้าหุบเขาแห่งหนึ่ง
“ เหล่าซัง” หงอีตะโกนขึ้นมา “ ข้ามาเพื่อพบท่าน”
“ ฮาฮา เด็กน้อย เจ้าไม่ได้มาที่นี่มานาน เจ้าคิดยังไงถึงมาหาข้าในวันนี้ ? “ เสียงแก่ๆดังขึ้นมาจากหุบเขา “ แล้วผู้ชายข้างๆเจ้าเป็นใครกัน ?” ชายแก่เงียบไปชั่วครู่ก่อนจะแสดงท่าทีไม่มั่นใจออกมา “ ความแข็งแกร่งของชายผู้นี้….ข้ามองไม่ออก” หงอีพูดขึ้น “ นี่คือจางหยูสหายของข้า”
“ สหายของเจ้าแต่เจ้าไม่เคยพาสหายคนไหนมาพบข้ามาก่อน “ เสียงของเหล่าซังดังขึ้นมาอีกครั้ง “ เข้ามาสิ เข้ามาใกล้ๆ ให้ข้าดูดีๆหน่อย”
“ เหล่าซังพูดเล่น ท่านอย่าถือสาเลย” หงอีขอโทษจางหยู
“ เจ้าไม่ถือสาแล้วข้าจะถือสาทำไมกัน ?” จางหยูยักไหล่ “ ไปกันเถอะ ข้าเองก็สงสัยเกี่ยวกับเขาเหมือนกัน”
ทั้งสองคนเดินทางเข้าไปในหอมก ไม่นานก็พบกับเหล่าซังยืนยิ้มให้กับพวกเขาอยู่ “ ดีๆ พวกเจ้าดูสมกันดี”
“ ข้าเป็นสหายกับเจ้าสำนักจาง อย่าพูดเล่นเช่นนั้น ” หงอีรีบพูดขึ้นมา
จางหยูเปิดปากพูดขึ้นมา “ เหล่าซัง ข้าได้ยินมาว่าท่านนั้นแข็งแกร่งไร้เทียมทาน เป้าหมายในการเดินทางมาที่นี่ของข้าคือหวังว่าจะได้เรียนรู้จากท่าน ข้าหวังว่าท่านจะตกลง” เมื่อได้ยินแบบนั้นเหล่าซังก็ยักคิ้ว “ เรียนรู้งั้นรึ ?” เขามองไปที่หงอี “ สาวน้อย สหายของเจ้ามีความกล้าไม่ใช่น้อยเลยนะ !”
ตอนนั้นบรรยากาศกลับตึงเครียดขึ้นมา