ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1754 : วิหารอวี๋ฮุ่น
ปั๊ก !
จางหยูตบเสี่ยวเสียจนกระเด็นอัดเข้ากับตัวพาหนะ
เสี่ยวเสียลงไปกองกับพื้นพร้อมกับร่างที่โปร่งแสง
เสี่ยวหลิงเอ๋อร์หัวเราะออกมา “ ฮาฮา ดูเจ้าสิ ”
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเสียนอนนิ่งไม่ขยับ จางหยูก็พูดขึ้น “ อย่าแสร้งทำเป็นเจ็บ รีบกลับมาได้แล้ว”
เสี่ยวเสียขยับตัวทันทีและรีบกลับไปเป็นร่างสัตว์อสูรตัวน้อยดังเดิมแล้วโดดขึ้นไปที่ไหล่จางหยู
“ ข้าเตือนเจ้าแล้วว่าอย่าพูดไร้สาระ ไม่งั้นข้าจะใช้หมื่นวิถีสั่งสอนเจ้า ” จางหยูเตือน
“ นายท่าน ข้าไม่กล้าแล้ว ” เสี่ยวเสียรีบตอบกลับ จางหยูเลิกสนใจเสี่ยวเสียและเพ่งสมาธิไปกับการควบคุมพาหนะต่อเพื่อมุ่งหน้าไปที่วิหารอวี๋ฮุ่น
จากเขตใต้ตอนบนไปยังเขตใต้ตอนล่างนั้นระยะทางไม่ได้ไกลกันมากนัก ไม่นานจางหยูก็เข้ามาในอาณาเขตของเขตใต้ตอนล่าง จากนั้นเขาก็เดินทางผ่านโลกขั้นที่ 9 นับไม่ถ้วนและมาถึงที่หมาย…
โลกอวี๋ฮุ่นคือโลกที่เก่าแก่ที่สุดในโกลาหลทั้งหมด ไม่มีโลกไหนที่อยู่มานานกว่าโลกนี้ แม้ว่าจะอยู่มานานแต่ก็ไม่มีโลกไหนขึ้นมาแทนที่มันได้
ไม่มีใครทำให้ตำแหน่งของวิหารอวี๋ฮุ่นสั่นคลอนได้ แม้แต่ผู้ไร้เทียมทานในแต่ละยุคก็ตาม
ไม่มีใครรู้ว่าวิหารอวี๋ฮุ่นทำได้ยังไง จางหยูเองก็ไม่รู้เช่นกัน
แต่เมื่อซังหนานเทียนเล่าถึงตำนานของวิหารอวี๋ฮุ่น จางหยูก็เริ่มเดาออก หากตำนานเป็นจริง งั้นจางหยูก็เข้าใจแล้วว่าทำไมวิหารอวี๋ฮุ่นนั้นยืนหยัดมาได้ถึงวันนี้
เมื่อมาถึงด้านนอกโลกอวี๋ฮุ่น จางหยูก็ได้ทำการเก็บเรือมิติก่อนจะพาทุกคนเข้าไปด้านใน
ในตอนที่จางหยูเข้ามานั้นสมาชิกวิหารอวี๋ฮุ่นต่างก็พากันรู้ตัว
“ จางหยูขอเข้าพบจ้าววิหารอวี๋ฮุ่น ” จางหยูยืนอยู่หน้าวิหารและพูดออกมาเสียงดังก้อง
สมาชิกนับไม่ถ้วนพากันแห่ออกมา
จางหยูในตอนนี้โด่งดังเป็นอย่างมาก เขากำจัดโจวทงไปได้ซึ่งทำให้เขาโด่งดังยิ่งกว่าเดิม ไม่มีใครกล้ามองว่าเขาเป็นแค่ผู้ควบคุมขั้น 9 หน้าใหม่อีกต่อไป
ฟู่เฉิงได้ยินเสียงของจางหยูก็แสดงสายตาสงสัยออกมา
เขาไม่กล้าให้จางหยูรอนาน เขารีบออกมาจากวิหารและปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าจางหยู
“ เจ้าสำนักจาง หงอี ไม่รู้ว่าวันนี้เจ้ามาทำอะไรกัน ?” ท่าทีของฟู่เฉิงที่มีต่อจางหยูนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก
ยังไงซะเขาก็อยู่แค่ระดับร้อยเท่า ส่วนจางหยูนั้นแม้แต่พวกระดับพันเท่าก็ยังกำจัดได้
ยอดฝีมือแบบนี้เขาไม่อาจผิดใจด้วยได้
แน่นอนแม้เขาจะเกรงกลัวจางหยู แต่เขาก็ไม่ได้หวาดกลัวอีกฝ่าย ที่นี่คือดินแดนของวิหารอวี๋ฮุ่น ไม่ว่าจะเป็นศัตรูคนไหนเขาก็ไม่กลัว
สำหรับหงอีแล้ว ฟู่เฉิงนั้นรู้จักดี แม้ว่าเขาจะเคยเจอหงอีแค่ครั้งเดียวแต่ความสวยของนางก็ยังตราตรึงใจเขา เขาไม่อาจจะลืมเลือนได้ ไอลีนโนเวล
ต้องบอกว่าเขาไม่ได้สนใจหงอีนัก แต่ระบบข้อมูลของวิหารนั้นกว้างขวางจึงทำให้เขาได้รู้เรื่องหงอี เขายอมแพ้ที่จะไล่ตามนางเขารู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่อาจจะอยู่ในการครอบครองได้
หากเขาไม่ใช่จ้าววิหาร เขาอาจจะมีโอกาสนิดๆแต่โชคร้ายที่มันไม่เป็นแบบนั้น
เขามองไปที่หงอีสักพักก่อนจะมองไปที่จางหยู ชัดแล้วว่าทั้งสองนั้นมาด้วยกัน
“ ข้าอยากพบผู้นำของวิหาร ” จางหยูมองไปที่ฟู่เฉิงและพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ
ฟู่เฉิงคิ้วขมวด “เจ้าสำนักจาง พูดอะไรกัน ข้านี่แหละที่เป็นผู้นำวิหาร”
จางหยูส่ายหน้าและพูดขึ้น “ เราต่างก็รู้ บางเรื่องก็ไม่อาจจะปิดบังได้ไม่ใช่รึ ?ข้ารู้ว่าซุนวูน่ะอยู่ที่โลกนี้ หากจ้าววิหารไม่ตกลง ข้าก็จะไปหาเขาด้วยตัวเอง ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นฟู่เฉิงก็เงียบไป เมื่อจางหยูรู้จักซุนวูแล้ว งั้นก็ต้องรู้ว่าซุนวูคือผู้นำวิหารอวี๋ฮุ่น อย่างที่จางหยูบอกมาเขาไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรแล้ว
“ ข้ามั่นใจว่าเขาจะออกมาหาข้าแน่ ”จางหยูหัวเราะออกมา
ไม่นานฟู่เฉิงก็ได้เดินทางออกไปเพื่อรายงานให้ซุนวูรู้
หงอีได้พูดขึ้น “ ข้าได้ยินมาว่าซุนวูนั้นหยิ่งทะนง เขาไม่ได้เข้ากับคนง่ายนัก การที่ท่านมาคุยกับเขานั้น ท่านต้องระวังตัวด้วย”
“ เจ้ารู้จักซุนวูด้วยรึ ?” จางหยูถามขึ้นมา
หงอีส่ายหน้า “ข้าเคยได้ยินเหล่าซังพูดถึงเขา ซุนวูคนนี้คือผู้นำวิหารตัวจริง พรสวรรค์ของเขาสูงมาก ด้วยทรัพยากรที่ได้จากวิหาร ก็ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่ง แม้ว่าจะยังเด็กแต่เขาก็แกร่งกว่าพวกระดับพันที่แสดงตัวออกมา ดูจากพวกระดับพันเท่าแล้ว ซุนวูน่ะอยู่อันดับกลางๆ ”
นางเคยถามซังหนานเทียนเรื่องซุนวู เพราะนางคิดว่าหากซุนวูจีบนาง บางทีนางอาจจะตกลง
ผู้นำที่แท้จริงของวิหารอวี๋ฮุ่นทั้งหนุ่มและมากพรสวรรค์ คนแบบนี้เพียงพอจะคู่ควรกับนางได้
แต่ดูเหมือว่าซุนวูจะไม่สนใจในตัวนาง เขาไม่ได้มาหานาง เป็นธรรมดาที่นางจะไม่จีบเขาเอง เพราะเสน่ห์ของซุนวูนั้นไม่เพียงพอให้นางหลงใหล
เมื่อเทียบกับจางหยูแล้ว ซุนวูน่ะด้อยกว่า เป็นธรรมดาที่นางจะไม่สนใจซุนวู
“ ซุนวูยังเด็กและมีพรสวรรค์ เจ้าไม่คิดอยากอยู่กับเขารึ ?” จางหยูถามขึ้นมา
หงอีส่ายหน้าทันที “ เขาไม่เหมาะกับข้า ”
นางไม่ได้อธิบายอะไรต่อ
ตอนนั้นฟู่เฉิงก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขามองไปที่หงอีด้วยสายตาแปลกๆก่อนจะบอกกับจางหยู “ ผู้นำตกลงจะพบกับเจ้าแต่ผู้นำบอกว่าจะพบแค่เจ้าเท่านั้น หงอีนั้นไม่อาจจะไปด้วยได้ “ อันที่จริงแล้วฟู่เฉิงไม่เข้าใจว่าทำไมซุนวูถึงพูดแบบนี้ รึว่ามีเรื่องขัดแย้งอะไรกับหงอีกัน ? “ ข้าไม่ต้องไปด้วยรึ ?” หงอีสับสน “ ทำไมกัน ?”
นางมั่นใจว่านางกับซุนวูไม่เคยเจอกันมาก่อน ทั้งสองไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกัน ซุนวูจงใจไม่ให้นางเดินทางไปด้วยนั้นก็เท่ากับตัดโอกาสนางจากทุกเรื่องเลยรึ ?
ฟู่เฉิงขอโทษออกมา “ขอโทษด้วย ผู้นำสั่งการมาด้วยตัวเอง ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไม ”
จางหยูคิดสักพักก่อนจะบอกกับหงอี “ เจ้ากลับไปที่โลกนภาใต้ก่อน”
“ ข้าจะรอท่านอยู่ที่นี่ ” หงอีไม่อยากแยกจากจางหยู นางหวังว่าจะได้อยู่กับจางหยูนานกว่านี้
จางหยูพยักหน้าและพูดขึ้น “ ก็ได้ งั้นข้าฝากเสี่ยวเสียกับเสี่ยวหลิงเอ๋อร์กับเจ้าด้วย พวกเจ้าสองคนอยู่กับนาง เมื่อข้าเสร็จธุระแล้วจะมาหาเจ้า”
“ ได้ ” เสี่ยวเสียและเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ตอบกลับ “ เจ้าสำนักจางสบายใจได้ เราจะดูแลพวกเขาเอง ” ฟู่เฉิงพูดขึ้นมา “ ไม่มีใครทำร้ายพวกเขาได้ในวิหารอวี๋ฮุ่น ”
ดูแลรึ ?
จางหยูมองไปที่ฟู่เฉิง คนระดับร้อยเท่าแต่กลับคิดจะมาดูแลเสี่ยวเสียที่อยู่ระดับพันเท่ารึ?
“ ไปกันเถอะ” จางหยูไม่ได้พูดอะไรเรื่องนี้ “ พาข้าไปหาผู้นำเจ้าก่อน”
เป้าหมายของเขาไม่ใช่การมาพบซุนวู เขาจะมาหายอดฝีมือลึกลับ ซุนวูคือผู้นำวิหารอวี๋ฮุ่นแน่นอนว่าต้องรู้ถึงการเคลื่อนไหวของยอดฝีมือในวิหารแต่ละคน นี่ไม่ต้องพูดถึงการที่ผู้หญิงที่ซังหนานเทียนพูดถึงเป็นพี่สาวของซุนวูเลย ตราบใดที่ได้พบกับซุนวู เขาก็เท่ากับทำตามเป้าหมายสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว
จางหยูตบเสี่ยวเสียจนกระเด็นอัดเข้ากับตัวพาหนะ
เสี่ยวเสียลงไปกองกับพื้นพร้อมกับร่างที่โปร่งแสง
เสี่ยวหลิงเอ๋อร์หัวเราะออกมา “ ฮาฮา ดูเจ้าสิ ”
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเสียนอนนิ่งไม่ขยับ จางหยูก็พูดขึ้น “ อย่าแสร้งทำเป็นเจ็บ รีบกลับมาได้แล้ว”
เสี่ยวเสียขยับตัวทันทีและรีบกลับไปเป็นร่างสัตว์อสูรตัวน้อยดังเดิมแล้วโดดขึ้นไปที่ไหล่จางหยู
“ ข้าเตือนเจ้าแล้วว่าอย่าพูดไร้สาระ ไม่งั้นข้าจะใช้หมื่นวิถีสั่งสอนเจ้า ” จางหยูเตือน
“ นายท่าน ข้าไม่กล้าแล้ว ” เสี่ยวเสียรีบตอบกลับ จางหยูเลิกสนใจเสี่ยวเสียและเพ่งสมาธิไปกับการควบคุมพาหนะต่อเพื่อมุ่งหน้าไปที่วิหารอวี๋ฮุ่น
จากเขตใต้ตอนบนไปยังเขตใต้ตอนล่างนั้นระยะทางไม่ได้ไกลกันมากนัก ไม่นานจางหยูก็เข้ามาในอาณาเขตของเขตใต้ตอนล่าง จากนั้นเขาก็เดินทางผ่านโลกขั้นที่ 9 นับไม่ถ้วนและมาถึงที่หมาย…
โลกอวี๋ฮุ่นคือโลกที่เก่าแก่ที่สุดในโกลาหลทั้งหมด ไม่มีโลกไหนที่อยู่มานานกว่าโลกนี้ แม้ว่าจะอยู่มานานแต่ก็ไม่มีโลกไหนขึ้นมาแทนที่มันได้
ไม่มีใครทำให้ตำแหน่งของวิหารอวี๋ฮุ่นสั่นคลอนได้ แม้แต่ผู้ไร้เทียมทานในแต่ละยุคก็ตาม
ไม่มีใครรู้ว่าวิหารอวี๋ฮุ่นทำได้ยังไง จางหยูเองก็ไม่รู้เช่นกัน
แต่เมื่อซังหนานเทียนเล่าถึงตำนานของวิหารอวี๋ฮุ่น จางหยูก็เริ่มเดาออก หากตำนานเป็นจริง งั้นจางหยูก็เข้าใจแล้วว่าทำไมวิหารอวี๋ฮุ่นนั้นยืนหยัดมาได้ถึงวันนี้
เมื่อมาถึงด้านนอกโลกอวี๋ฮุ่น จางหยูก็ได้ทำการเก็บเรือมิติก่อนจะพาทุกคนเข้าไปด้านใน
ในตอนที่จางหยูเข้ามานั้นสมาชิกวิหารอวี๋ฮุ่นต่างก็พากันรู้ตัว
“ จางหยูขอเข้าพบจ้าววิหารอวี๋ฮุ่น ” จางหยูยืนอยู่หน้าวิหารและพูดออกมาเสียงดังก้อง
สมาชิกนับไม่ถ้วนพากันแห่ออกมา
จางหยูในตอนนี้โด่งดังเป็นอย่างมาก เขากำจัดโจวทงไปได้ซึ่งทำให้เขาโด่งดังยิ่งกว่าเดิม ไม่มีใครกล้ามองว่าเขาเป็นแค่ผู้ควบคุมขั้น 9 หน้าใหม่อีกต่อไป
ฟู่เฉิงได้ยินเสียงของจางหยูก็แสดงสายตาสงสัยออกมา
เขาไม่กล้าให้จางหยูรอนาน เขารีบออกมาจากวิหารและปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าจางหยู
“ เจ้าสำนักจาง หงอี ไม่รู้ว่าวันนี้เจ้ามาทำอะไรกัน ?” ท่าทีของฟู่เฉิงที่มีต่อจางหยูนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก
ยังไงซะเขาก็อยู่แค่ระดับร้อยเท่า ส่วนจางหยูนั้นแม้แต่พวกระดับพันเท่าก็ยังกำจัดได้
ยอดฝีมือแบบนี้เขาไม่อาจผิดใจด้วยได้
แน่นอนแม้เขาจะเกรงกลัวจางหยู แต่เขาก็ไม่ได้หวาดกลัวอีกฝ่าย ที่นี่คือดินแดนของวิหารอวี๋ฮุ่น ไม่ว่าจะเป็นศัตรูคนไหนเขาก็ไม่กลัว
สำหรับหงอีแล้ว ฟู่เฉิงนั้นรู้จักดี แม้ว่าเขาจะเคยเจอหงอีแค่ครั้งเดียวแต่ความสวยของนางก็ยังตราตรึงใจเขา เขาไม่อาจจะลืมเลือนได้ ไอลีนโนเวล
ต้องบอกว่าเขาไม่ได้สนใจหงอีนัก แต่ระบบข้อมูลของวิหารนั้นกว้างขวางจึงทำให้เขาได้รู้เรื่องหงอี เขายอมแพ้ที่จะไล่ตามนางเขารู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่อาจจะอยู่ในการครอบครองได้
หากเขาไม่ใช่จ้าววิหาร เขาอาจจะมีโอกาสนิดๆแต่โชคร้ายที่มันไม่เป็นแบบนั้น
เขามองไปที่หงอีสักพักก่อนจะมองไปที่จางหยู ชัดแล้วว่าทั้งสองนั้นมาด้วยกัน
“ ข้าอยากพบผู้นำของวิหาร ” จางหยูมองไปที่ฟู่เฉิงและพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ
ฟู่เฉิงคิ้วขมวด “เจ้าสำนักจาง พูดอะไรกัน ข้านี่แหละที่เป็นผู้นำวิหาร”
จางหยูส่ายหน้าและพูดขึ้น “ เราต่างก็รู้ บางเรื่องก็ไม่อาจจะปิดบังได้ไม่ใช่รึ ?ข้ารู้ว่าซุนวูน่ะอยู่ที่โลกนี้ หากจ้าววิหารไม่ตกลง ข้าก็จะไปหาเขาด้วยตัวเอง ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นฟู่เฉิงก็เงียบไป เมื่อจางหยูรู้จักซุนวูแล้ว งั้นก็ต้องรู้ว่าซุนวูคือผู้นำวิหารอวี๋ฮุ่น อย่างที่จางหยูบอกมาเขาไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรแล้ว
“ ข้ามั่นใจว่าเขาจะออกมาหาข้าแน่ ”จางหยูหัวเราะออกมา
ไม่นานฟู่เฉิงก็ได้เดินทางออกไปเพื่อรายงานให้ซุนวูรู้
หงอีได้พูดขึ้น “ ข้าได้ยินมาว่าซุนวูนั้นหยิ่งทะนง เขาไม่ได้เข้ากับคนง่ายนัก การที่ท่านมาคุยกับเขานั้น ท่านต้องระวังตัวด้วย”
“ เจ้ารู้จักซุนวูด้วยรึ ?” จางหยูถามขึ้นมา
หงอีส่ายหน้า “ข้าเคยได้ยินเหล่าซังพูดถึงเขา ซุนวูคนนี้คือผู้นำวิหารตัวจริง พรสวรรค์ของเขาสูงมาก ด้วยทรัพยากรที่ได้จากวิหาร ก็ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่ง แม้ว่าจะยังเด็กแต่เขาก็แกร่งกว่าพวกระดับพันที่แสดงตัวออกมา ดูจากพวกระดับพันเท่าแล้ว ซุนวูน่ะอยู่อันดับกลางๆ ”
นางเคยถามซังหนานเทียนเรื่องซุนวู เพราะนางคิดว่าหากซุนวูจีบนาง บางทีนางอาจจะตกลง
ผู้นำที่แท้จริงของวิหารอวี๋ฮุ่นทั้งหนุ่มและมากพรสวรรค์ คนแบบนี้เพียงพอจะคู่ควรกับนางได้
แต่ดูเหมือว่าซุนวูจะไม่สนใจในตัวนาง เขาไม่ได้มาหานาง เป็นธรรมดาที่นางจะไม่จีบเขาเอง เพราะเสน่ห์ของซุนวูนั้นไม่เพียงพอให้นางหลงใหล
เมื่อเทียบกับจางหยูแล้ว ซุนวูน่ะด้อยกว่า เป็นธรรมดาที่นางจะไม่สนใจซุนวู
“ ซุนวูยังเด็กและมีพรสวรรค์ เจ้าไม่คิดอยากอยู่กับเขารึ ?” จางหยูถามขึ้นมา
หงอีส่ายหน้าทันที “ เขาไม่เหมาะกับข้า ”
นางไม่ได้อธิบายอะไรต่อ
ตอนนั้นฟู่เฉิงก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขามองไปที่หงอีด้วยสายตาแปลกๆก่อนจะบอกกับจางหยู “ ผู้นำตกลงจะพบกับเจ้าแต่ผู้นำบอกว่าจะพบแค่เจ้าเท่านั้น หงอีนั้นไม่อาจจะไปด้วยได้ “ อันที่จริงแล้วฟู่เฉิงไม่เข้าใจว่าทำไมซุนวูถึงพูดแบบนี้ รึว่ามีเรื่องขัดแย้งอะไรกับหงอีกัน ? “ ข้าไม่ต้องไปด้วยรึ ?” หงอีสับสน “ ทำไมกัน ?”
นางมั่นใจว่านางกับซุนวูไม่เคยเจอกันมาก่อน ทั้งสองไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกัน ซุนวูจงใจไม่ให้นางเดินทางไปด้วยนั้นก็เท่ากับตัดโอกาสนางจากทุกเรื่องเลยรึ ?
ฟู่เฉิงขอโทษออกมา “ขอโทษด้วย ผู้นำสั่งการมาด้วยตัวเอง ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไม ”
จางหยูคิดสักพักก่อนจะบอกกับหงอี “ เจ้ากลับไปที่โลกนภาใต้ก่อน”
“ ข้าจะรอท่านอยู่ที่นี่ ” หงอีไม่อยากแยกจากจางหยู นางหวังว่าจะได้อยู่กับจางหยูนานกว่านี้
จางหยูพยักหน้าและพูดขึ้น “ ก็ได้ งั้นข้าฝากเสี่ยวเสียกับเสี่ยวหลิงเอ๋อร์กับเจ้าด้วย พวกเจ้าสองคนอยู่กับนาง เมื่อข้าเสร็จธุระแล้วจะมาหาเจ้า”
“ ได้ ” เสี่ยวเสียและเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ตอบกลับ “ เจ้าสำนักจางสบายใจได้ เราจะดูแลพวกเขาเอง ” ฟู่เฉิงพูดขึ้นมา “ ไม่มีใครทำร้ายพวกเขาได้ในวิหารอวี๋ฮุ่น ”
ดูแลรึ ?
จางหยูมองไปที่ฟู่เฉิง คนระดับร้อยเท่าแต่กลับคิดจะมาดูแลเสี่ยวเสียที่อยู่ระดับพันเท่ารึ?
“ ไปกันเถอะ” จางหยูไม่ได้พูดอะไรเรื่องนี้ “ พาข้าไปหาผู้นำเจ้าก่อน”
เป้าหมายของเขาไม่ใช่การมาพบซุนวู เขาจะมาหายอดฝีมือลึกลับ ซุนวูคือผู้นำวิหารอวี๋ฮุ่นแน่นอนว่าต้องรู้ถึงการเคลื่อนไหวของยอดฝีมือในวิหารแต่ละคน นี่ไม่ต้องพูดถึงการที่ผู้หญิงที่ซังหนานเทียนพูดถึงเป็นพี่สาวของซุนวูเลย ตราบใดที่ได้พบกับซุนวู เขาก็เท่ากับทำตามเป้าหมายสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว