ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1775 : สำรวจสุสานสวรรค์
การที่เสี่ยวเสียคิดจะพัฒนาตัวเองถือว่าเป็นเรื่อดี สำนักคังเฉียงต้องการความกระตือรือร้นเช่นนี้
ด้วยอำนาจของสำนักคังเฉียงที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆและการที่คนในสำนักเติบโตขึ้นมา สำนักคังเฉียงก็ได้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในใจของผู้คนนับไม่ถ้วน ทว่าก็มีศิษย์และอาจารย์บางส่วนเริ่มหย่อนหยาน แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะยิ่งใหญ่อยู่ แต่ก็เริ่มมีสัญญาณที่ไม่ดีปรากฏขึ้นมา
เมื่อเสี่ยวเสียทำเช่นนี้แล้วก็หวังว่ามันจะเป็นการกระตุ้นศิษย์และอาจารย์ทุกคนให้ขยันขึ้นมาได้
นี่เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
“ ไม่ใช่แค่เราจะไม่หยุดเสี่ยวเสีย แต่เราควรเผยแพร่เรื่องราวของมันไปถึงหูศิษย์และอาจารย์ทุกคน” จางเฮ่าหลันคิดและพูดขึ้นมา “ หากพวกเขายอมปล่อยให้เสี่ยวเสียแซงหน้าไปได้รึสบายใจกับเรื่องนี้ งั้นพวกเขาก็ไม่สมควรจะเป็นคนของสำนักคังเฉียง ”
สำนักคังเฉียงไม่ต้องการคนเหลาะแหละ !
อย่าพูดถึงคนอื่นเลย แม้แต่ตัวจางเฮ่าหลันเองแล้วนอกจากเรื่องจัดการกับสำนักแล้วเขาก็ใช้เวลาที่เหลือไปกับการบ่มเพาะ มีแค่เวลาที่ว่างจริงๆเท่านั้นที่เขาจะไปเล่นหมากรุกหรือไม่ก็พักผ่อน
ผลเป็นแบบที่จางเฮ่าหลันคาดเอาไว้ เมื่อเขาพูดถึงการกระทำของเสี่ยวเสีย ศิษย์และอาจารย์ก็มีแรงกระตุ้นกันจริงๆโดยเฉพาะพวกยูไลที่เหมือนกับไฟลนก้น พวกนี้ทำตัวราวกับปิศาจที่คลั่งการบ่มเพาะ
ตอนนั้นสำนักคังเฉียงเหมือนพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ บรรยากาศซบเซาในตอนแรกได้หายไปราวกับถูกสูบพลัง
แม้แต่หงจวินที่อยู่เฉยๆในโลกผนึกเทพเมื่อได้ยินข่าวนี้ก็ทำการเก็บตัวบ่มเพาะทันที ….
บรรพกาลของโลกบรรพกาล
จางหยูลืมตาขึ้นมาช้าๆ หลังจากที่ฟื้นฟูร่างกายแล้วจิตของเขาก็ฟื้นฟูมาถึงขีดสุด นอกจากร่างกายที่ฟื้นฟูขึ้นมาแล้วเขาก็ยังคงทำการศึกษาทักษะระดับสูง แต่โชคร้ายที่ยังไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กลับมา
“ ได้เวลาไปสำรวจสุสานสวรรค์แล้ว” จางหยูสูดหายใจเข้าลึกๆ
ครั้งนี้จางหยูไม่คิดจะเข้าไปด้วยตัวเอง เขาไม่คิดจะพาจ้านเทียนเกอ, เกลดันและคนอื่นๆไปด้วย เขาจะให้จางลู่สำรวจเส้นทางก่อน จางลู่น่ะเป็นราชา เพราะร่างพิเศษนี้จึงทำให้ความแข็งแกร่งน่ากลัวกว่าราชาทั่วไป การให้จางลู่ไปสำรวจเส้นทางก่อนนั้นถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ในอีกด้านการให้จางลู่ไปสำรวจก็เป็นการทดสอบจิตสุสานไปในตัว
เขาอยากเห็นว่าจิตสุสานนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน !
หลังจากรู้ความแข็งแกร่งของจิตสุสานแล้ว จางหยูค่อยพิจารณาอีกทีว่าเขาควรเข้าไปในสุสานเองรึไม่
หลังจากที่ตัดสินใจแล้วจางหยูก็ได้เรียกจางลู่เข้ามา ความแข็งแกร่งของจางลู่เพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม พลังโกลาหลที่อยู่ในตัวนั้นทำให้ร่างเขาเหนือกว่าร่างของจางหยูด้วยซ้ำ
จางหยูแปลกใจ เขาตรวจสอบความทรงจำของจางลู่และพบว่าจางลู่ได้ไปยังเขตหวงห้าม พลังโกลาหลที่นั่นได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเขา มันราวกับร่างกายนั้นอัดแน่นไปด้วยพลังโกลาหลมากกว่าเก่ารึพลังโกลาหลนั้นบริสุทธิ์กว่าเดิม
“ ไม่คิดเลยว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะพัฒนาได้แบบนี้” จางหยูยักคิ้ว
ตามหลักการแล้วราชาคือเพดานของผู้บ่มเพาะ แต่กฎนี้ไม่คงที่ จิตสุสาน, ต้นไม้โกลาหล, บรรพชนกระดูก, ซุนซิงและจางหยูล้วนเป็นข้อยกเว้น โดยเฉพาะจิตสุสานและต้นไม้โกลาหลที่แข็งแกร่งกว่าราชาอย่างมาก จางหยูคิดว่าความแข็งแกร่งของจางลู่จะหยุดอยู่ที่ระดับหมื่นเท่า แต่ไม่คิดเลยว่าจางลู่จะหาทางเพิ่มความแข็งแกร่งของตนได้และพัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นไปได้ต่อ
ความแข็งแกร่งของจางลู่ถึงกับเหนือกว่าจางหยูด้วยซ้ำ
พลังโกลาหลที่อัดแน่นกันนี้ทำให้จางหยูรู้สึกกดดันไม่ใช่น้อย
“ ข้าเกิดขึ้นมาในโกลาหล หากข้าต้องการพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองแล้ว ข้าก็ต้องพึ่งโกลาหล ” จางลู่พูดขึ้น
จางหยูหัวเราะออกมา การที่จางลู่แกร่งกว่าเขานั้นเขาก็ยิ่งพอใจเพราะมันง่ายกว่าเดิมที่จะทดสอบจิตสุสาน
“ เจ้าไปที่สุสานสวรรค์ คงไม่มีปัญหาอะไรสินะ ?” จางหยูถามขึ้นมา
“ ไม่มีปัญหา !” แม้ว่าจางลู่จะมีความคิดเป็นของตัวเองแต่สุดท้ายเขาก็เป็นแค่ร่างแยกของจางหยู คำสั่งของจางหยูเหนือกว่าทุกอย่าง
แต่จางลู่เองก็มั่นใจนิดๆ แม้ว่าจะเทียบกับจิตสุสานนั่นไม่ได้ แต่เขาก็มั่นใจว่ามีโอกาสหนีออกมาได้
“ เจ้าไปได้ ข้าจะจับตาดูเจ้าไว้ ” จางหยูโบกมือ
เขากับจางลู่สามารถแบ่งปันความทรงจำให้กันได้ ความทรงจำรึแม้แต่ความคิดของจางลู่นั้นส่งต่อมาหาเขาได้
จางลู่ทำความเคารพก่อนจะเดินทางไปยังโลกป่า
ทางที่ง่ายที่สุดที่จะไปยังสุสานคือต้องไปหาเกลดันและยืมกุญแจจากอีกฝ่าย
บางทีหากเดินทางจากบอลโลหิตก็อาจจะเข้าไปในสุสานได้ แต่เขายังไม่เคยทดสอบวิธีนี้ แม้ว่าจะมีโอกาสสูงที่บอลโลหิตจะเป็นสุสานสวรรค์ แต่นั่นก็แค่การคาดเดาของจางหยู มันยังไม่ได้รับการยืนยัน “ เจ้าสำนัก ” เมื่อพบกับจางลู่ เกลดันก็ทำความเคารพทันที แม้ว่าจะขึ้นมาขั้นที่ 9 แล้วแต่เขาก็ยังเคารพจางหยูดังเดิม แต่เขาไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ตรงหน้าที่ดูเหมือนกับจางหยูนี้ คือร่างแยกแต่ความแข็งแกร่งไม่ได้ด้อยกว่าจางหยูเลย
หลังจากที่รู้เป้าหมายของจางลู่แล้ว เกลดันก็พูดขึ้น “ เจ้าสำนักตั้งใจจะไปสำรวจสุสานเพียงลำพังรึ ?”
จางลู่พูดขึ้นมา “ ข้าไม่ได้จะไปสำรวจสุสาน นี่แค่ร่างแยก ครั้งนี้เป้าหมายของข้าคือการสำรวจเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ”
“ ร่างแยกรึ ?” เกลดันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกว่าร่างนี้น่ะมีความสามารถที่จะลบเขาไปได้อย่างง่ายดาย เมื่อเป็นเช่นนั้นเกลดันก็ไม่ต้องกังวล เขาส่งกุญแจให้อย่างเต็มใจ “ เจ้าสำนักแค่ต้องไปตามพิกัดนี้แล้วเปิดการทำงานของบัตรหยกก่อนที่ท่านจะเข้าไปในสุสานได้”
บัตรหยกนี้ต่างจากบัตรหยกสู่โกลาหลนภาแต่ก็มีส่วนคล้ายกัน มันไม่ได้มีค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่ภายใน มันเหมือนกับกุญแจที่ใช้ไว้เปิดประตูรึรูหนอน มันต้องเดินทางไปตามพิกัดที่กำหนดเพื่อใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย
จางลู่รับบัตรหยกมาและบอกลาเกลดัน ก่อนจะเดินทางไปตามพิกัดที่บัตรหยกบอกไว้
ไม่นานจางลู่ก็มาถึงที่หมาย มันคือที่ที่จางหยู, เกลดันและหลินเป่ยชานเข้าไปในสุสานสวรรค์ครั้งก่อน
จางหยูที่จับตาดูการเคลื่อนไหวของจางลู่ได้แสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา
“ร่างหลัก ข้าจะเข้าไปในสุสานแล้ว ” จางลู่สูดหายใจเข้าลึกๆพร้อมสีหน้าหนักใจ
“ หากมีอันตรายก็กลับมาที่โลกตันเถียนได้ทันที แน่นอนหากเจ้ามีโอกาส เจ้าอาจจะส่งหุ่นเชิดเข้ามาด้วยก็ได้” จางหยูพูดขึ้น “ มันมีผู้นำขั้น 8 และผู้ควบคุมขั้น 9 มากมายในสุสานรวมถึงราชาด้วย พวกนั้นมีอยู่จำนวนมาก หากรับคนพวกนั้นเข้ามาสำนักคังเฉียงได้ งั้นความแข็งแกร่งของสำนักคังเฉียงก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนอาจจะทัดเทียมกับวิหารอวี๋ฮุ่นได้ ”
จางลู่พยักหน้า จางหยูได้พูดเรื่องนี้กับเขามาหลายครั้งแล้ว เขาได้เปิดการใช้งานของบัตรหยกทันที
ต่อมาเงาสุสานขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้น ที่ส่วนขอบของมันบิดเบี้ยวไปมา
วังวนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าจางลู่ วังวนนี้นำไปสู่สุสานสวรรค์ !
จางลู่สูดหายใจเข้าลึกๆและเตรียมพร้อมที่จะสู้ เขาปรับสภาพจิตใจของตัวเองก่อนจะก้าวเข้าไปในรูหนอนเข้าสู่สุสาน
ที่ปลายสุสาน ปราณสุสานนั้นราวกับกรดที่แผ่เข้ามาทันทีที่จางลู่ปรากฏตัวขึ้น ปราณสุสานนี้ไม่ได้ส่งผลต่อจางลู่ เขาถึงกับไม่ต้องเปิดโล่พลังเลยด้วยซ้ำ แค่ร่างกายเขาก็กันปราณสุสานเอาไว้ภายนอกได้
ราชาไม่ว่าจะแกร่งรึไม่แต่ก็ไม่มีทางตายที่ส่วนนอกนี้ได้ ตอนที่จางลู่กำลังจะเดินหน้า อยู่ๆก็รับรู้ได้ถึงการรับรู้อันน่ากลัวกวาดผ่านเข้ามา การรับรู้นี้ทำให้จางลู่ใจสั่น
“ จิตสุสาน !” แม้ว่าจิตสุสานจะยังไม่ปรากฏ แต่จางลู่ก็มั่นใจว่านี่ต้องเป็นจิตสุสานแน่ๆ
มันคือนักล่าที่น่ากลัวที่กำลังมองมาที่เหยื่อของตน
ด้วยอำนาจของสำนักคังเฉียงที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆและการที่คนในสำนักเติบโตขึ้นมา สำนักคังเฉียงก็ได้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในใจของผู้คนนับไม่ถ้วน ทว่าก็มีศิษย์และอาจารย์บางส่วนเริ่มหย่อนหยาน แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะยิ่งใหญ่อยู่ แต่ก็เริ่มมีสัญญาณที่ไม่ดีปรากฏขึ้นมา
เมื่อเสี่ยวเสียทำเช่นนี้แล้วก็หวังว่ามันจะเป็นการกระตุ้นศิษย์และอาจารย์ทุกคนให้ขยันขึ้นมาได้
นี่เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
“ ไม่ใช่แค่เราจะไม่หยุดเสี่ยวเสีย แต่เราควรเผยแพร่เรื่องราวของมันไปถึงหูศิษย์และอาจารย์ทุกคน” จางเฮ่าหลันคิดและพูดขึ้นมา “ หากพวกเขายอมปล่อยให้เสี่ยวเสียแซงหน้าไปได้รึสบายใจกับเรื่องนี้ งั้นพวกเขาก็ไม่สมควรจะเป็นคนของสำนักคังเฉียง ”
สำนักคังเฉียงไม่ต้องการคนเหลาะแหละ !
อย่าพูดถึงคนอื่นเลย แม้แต่ตัวจางเฮ่าหลันเองแล้วนอกจากเรื่องจัดการกับสำนักแล้วเขาก็ใช้เวลาที่เหลือไปกับการบ่มเพาะ มีแค่เวลาที่ว่างจริงๆเท่านั้นที่เขาจะไปเล่นหมากรุกหรือไม่ก็พักผ่อน
ผลเป็นแบบที่จางเฮ่าหลันคาดเอาไว้ เมื่อเขาพูดถึงการกระทำของเสี่ยวเสีย ศิษย์และอาจารย์ก็มีแรงกระตุ้นกันจริงๆโดยเฉพาะพวกยูไลที่เหมือนกับไฟลนก้น พวกนี้ทำตัวราวกับปิศาจที่คลั่งการบ่มเพาะ
ตอนนั้นสำนักคังเฉียงเหมือนพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ บรรยากาศซบเซาในตอนแรกได้หายไปราวกับถูกสูบพลัง
แม้แต่หงจวินที่อยู่เฉยๆในโลกผนึกเทพเมื่อได้ยินข่าวนี้ก็ทำการเก็บตัวบ่มเพาะทันที ….
บรรพกาลของโลกบรรพกาล
จางหยูลืมตาขึ้นมาช้าๆ หลังจากที่ฟื้นฟูร่างกายแล้วจิตของเขาก็ฟื้นฟูมาถึงขีดสุด นอกจากร่างกายที่ฟื้นฟูขึ้นมาแล้วเขาก็ยังคงทำการศึกษาทักษะระดับสูง แต่โชคร้ายที่ยังไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กลับมา
“ ได้เวลาไปสำรวจสุสานสวรรค์แล้ว” จางหยูสูดหายใจเข้าลึกๆ
ครั้งนี้จางหยูไม่คิดจะเข้าไปด้วยตัวเอง เขาไม่คิดจะพาจ้านเทียนเกอ, เกลดันและคนอื่นๆไปด้วย เขาจะให้จางลู่สำรวจเส้นทางก่อน จางลู่น่ะเป็นราชา เพราะร่างพิเศษนี้จึงทำให้ความแข็งแกร่งน่ากลัวกว่าราชาทั่วไป การให้จางลู่ไปสำรวจเส้นทางก่อนนั้นถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ในอีกด้านการให้จางลู่ไปสำรวจก็เป็นการทดสอบจิตสุสานไปในตัว
เขาอยากเห็นว่าจิตสุสานนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน !
หลังจากรู้ความแข็งแกร่งของจิตสุสานแล้ว จางหยูค่อยพิจารณาอีกทีว่าเขาควรเข้าไปในสุสานเองรึไม่
หลังจากที่ตัดสินใจแล้วจางหยูก็ได้เรียกจางลู่เข้ามา ความแข็งแกร่งของจางลู่เพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม พลังโกลาหลที่อยู่ในตัวนั้นทำให้ร่างเขาเหนือกว่าร่างของจางหยูด้วยซ้ำ
จางหยูแปลกใจ เขาตรวจสอบความทรงจำของจางลู่และพบว่าจางลู่ได้ไปยังเขตหวงห้าม พลังโกลาหลที่นั่นได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเขา มันราวกับร่างกายนั้นอัดแน่นไปด้วยพลังโกลาหลมากกว่าเก่ารึพลังโกลาหลนั้นบริสุทธิ์กว่าเดิม
“ ไม่คิดเลยว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะพัฒนาได้แบบนี้” จางหยูยักคิ้ว
ตามหลักการแล้วราชาคือเพดานของผู้บ่มเพาะ แต่กฎนี้ไม่คงที่ จิตสุสาน, ต้นไม้โกลาหล, บรรพชนกระดูก, ซุนซิงและจางหยูล้วนเป็นข้อยกเว้น โดยเฉพาะจิตสุสานและต้นไม้โกลาหลที่แข็งแกร่งกว่าราชาอย่างมาก จางหยูคิดว่าความแข็งแกร่งของจางลู่จะหยุดอยู่ที่ระดับหมื่นเท่า แต่ไม่คิดเลยว่าจางลู่จะหาทางเพิ่มความแข็งแกร่งของตนได้และพัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นไปได้ต่อ
ความแข็งแกร่งของจางลู่ถึงกับเหนือกว่าจางหยูด้วยซ้ำ
พลังโกลาหลที่อัดแน่นกันนี้ทำให้จางหยูรู้สึกกดดันไม่ใช่น้อย
“ ข้าเกิดขึ้นมาในโกลาหล หากข้าต้องการพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองแล้ว ข้าก็ต้องพึ่งโกลาหล ” จางลู่พูดขึ้น
จางหยูหัวเราะออกมา การที่จางลู่แกร่งกว่าเขานั้นเขาก็ยิ่งพอใจเพราะมันง่ายกว่าเดิมที่จะทดสอบจิตสุสาน
“ เจ้าไปที่สุสานสวรรค์ คงไม่มีปัญหาอะไรสินะ ?” จางหยูถามขึ้นมา
“ ไม่มีปัญหา !” แม้ว่าจางลู่จะมีความคิดเป็นของตัวเองแต่สุดท้ายเขาก็เป็นแค่ร่างแยกของจางหยู คำสั่งของจางหยูเหนือกว่าทุกอย่าง
แต่จางลู่เองก็มั่นใจนิดๆ แม้ว่าจะเทียบกับจิตสุสานนั่นไม่ได้ แต่เขาก็มั่นใจว่ามีโอกาสหนีออกมาได้
“ เจ้าไปได้ ข้าจะจับตาดูเจ้าไว้ ” จางหยูโบกมือ
เขากับจางลู่สามารถแบ่งปันความทรงจำให้กันได้ ความทรงจำรึแม้แต่ความคิดของจางลู่นั้นส่งต่อมาหาเขาได้
จางลู่ทำความเคารพก่อนจะเดินทางไปยังโลกป่า
ทางที่ง่ายที่สุดที่จะไปยังสุสานคือต้องไปหาเกลดันและยืมกุญแจจากอีกฝ่าย
บางทีหากเดินทางจากบอลโลหิตก็อาจจะเข้าไปในสุสานได้ แต่เขายังไม่เคยทดสอบวิธีนี้ แม้ว่าจะมีโอกาสสูงที่บอลโลหิตจะเป็นสุสานสวรรค์ แต่นั่นก็แค่การคาดเดาของจางหยู มันยังไม่ได้รับการยืนยัน “ เจ้าสำนัก ” เมื่อพบกับจางลู่ เกลดันก็ทำความเคารพทันที แม้ว่าจะขึ้นมาขั้นที่ 9 แล้วแต่เขาก็ยังเคารพจางหยูดังเดิม แต่เขาไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ตรงหน้าที่ดูเหมือนกับจางหยูนี้ คือร่างแยกแต่ความแข็งแกร่งไม่ได้ด้อยกว่าจางหยูเลย
หลังจากที่รู้เป้าหมายของจางลู่แล้ว เกลดันก็พูดขึ้น “ เจ้าสำนักตั้งใจจะไปสำรวจสุสานเพียงลำพังรึ ?”
จางลู่พูดขึ้นมา “ ข้าไม่ได้จะไปสำรวจสุสาน นี่แค่ร่างแยก ครั้งนี้เป้าหมายของข้าคือการสำรวจเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ”
“ ร่างแยกรึ ?” เกลดันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกว่าร่างนี้น่ะมีความสามารถที่จะลบเขาไปได้อย่างง่ายดาย เมื่อเป็นเช่นนั้นเกลดันก็ไม่ต้องกังวล เขาส่งกุญแจให้อย่างเต็มใจ “ เจ้าสำนักแค่ต้องไปตามพิกัดนี้แล้วเปิดการทำงานของบัตรหยกก่อนที่ท่านจะเข้าไปในสุสานได้”
บัตรหยกนี้ต่างจากบัตรหยกสู่โกลาหลนภาแต่ก็มีส่วนคล้ายกัน มันไม่ได้มีค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่ภายใน มันเหมือนกับกุญแจที่ใช้ไว้เปิดประตูรึรูหนอน มันต้องเดินทางไปตามพิกัดที่กำหนดเพื่อใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย
จางลู่รับบัตรหยกมาและบอกลาเกลดัน ก่อนจะเดินทางไปตามพิกัดที่บัตรหยกบอกไว้
ไม่นานจางลู่ก็มาถึงที่หมาย มันคือที่ที่จางหยู, เกลดันและหลินเป่ยชานเข้าไปในสุสานสวรรค์ครั้งก่อน
จางหยูที่จับตาดูการเคลื่อนไหวของจางลู่ได้แสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา
“ร่างหลัก ข้าจะเข้าไปในสุสานแล้ว ” จางลู่สูดหายใจเข้าลึกๆพร้อมสีหน้าหนักใจ
“ หากมีอันตรายก็กลับมาที่โลกตันเถียนได้ทันที แน่นอนหากเจ้ามีโอกาส เจ้าอาจจะส่งหุ่นเชิดเข้ามาด้วยก็ได้” จางหยูพูดขึ้น “ มันมีผู้นำขั้น 8 และผู้ควบคุมขั้น 9 มากมายในสุสานรวมถึงราชาด้วย พวกนั้นมีอยู่จำนวนมาก หากรับคนพวกนั้นเข้ามาสำนักคังเฉียงได้ งั้นความแข็งแกร่งของสำนักคังเฉียงก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนอาจจะทัดเทียมกับวิหารอวี๋ฮุ่นได้ ”
จางลู่พยักหน้า จางหยูได้พูดเรื่องนี้กับเขามาหลายครั้งแล้ว เขาได้เปิดการใช้งานของบัตรหยกทันที
ต่อมาเงาสุสานขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้น ที่ส่วนขอบของมันบิดเบี้ยวไปมา
วังวนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าจางลู่ วังวนนี้นำไปสู่สุสานสวรรค์ !
จางลู่สูดหายใจเข้าลึกๆและเตรียมพร้อมที่จะสู้ เขาปรับสภาพจิตใจของตัวเองก่อนจะก้าวเข้าไปในรูหนอนเข้าสู่สุสาน
ที่ปลายสุสาน ปราณสุสานนั้นราวกับกรดที่แผ่เข้ามาทันทีที่จางลู่ปรากฏตัวขึ้น ปราณสุสานนี้ไม่ได้ส่งผลต่อจางลู่ เขาถึงกับไม่ต้องเปิดโล่พลังเลยด้วยซ้ำ แค่ร่างกายเขาก็กันปราณสุสานเอาไว้ภายนอกได้
ราชาไม่ว่าจะแกร่งรึไม่แต่ก็ไม่มีทางตายที่ส่วนนอกนี้ได้ ตอนที่จางลู่กำลังจะเดินหน้า อยู่ๆก็รับรู้ได้ถึงการรับรู้อันน่ากลัวกวาดผ่านเข้ามา การรับรู้นี้ทำให้จางลู่ใจสั่น
“ จิตสุสาน !” แม้ว่าจิตสุสานจะยังไม่ปรากฏ แต่จางลู่ก็มั่นใจว่านี่ต้องเป็นจิตสุสานแน่ๆ
มันคือนักล่าที่น่ากลัวที่กำลังมองมาที่เหยื่อของตน