ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1776 : เบาะแสใหม่
ตอนแรกจางลู่แค่หวั่นใจนิดๆ แต่เมื่อรับรู้ได้ถึงจิตอันน่ากลัวนี้เขาก็เริ่มใจสั่นขึ้นมา
การโดนตัวตนที่น่ากลัวเช่นนี้หมายหัวนั้นเขาจะหนีรอดไปได้จริงๆรึ ?
จางลู่ส่ายหน้าและเพิ่มความระวัง เขากดดันอย่างมากและค่อยๆเดินหน้าต่อ
อาจจะกล่าวได้ว่าภารกิจสำรวจสุสานในครั้งนี้ไม่ว่าจิตสุสานจะน่ากลัวแค่ไหน แต่เขาก็ต้องเดินหน้าต่อ
จางลู่ต้องแปลกใจเมื่อจิตสุสานนั้นไม่ได้ลงมือทันทีราวกับว่ามันกำลังเล่นกับเหยื่อ
ที่บรรพกาลนอกโลกบรรพกาล
เมื่อรับรู้ความคิดของจางลู่ได้ จางหยูก็ได้แต่เพ่งสมาธิหนักกว่าเก่า
จิตสุสานที่จัดการกับราชามามากมาย สุดท้ายมันก็เผยตัวออกมาแล้ว !
ในสุสานสวรรค์ จางลู่ต้านทานแรงกดดันแล้วเดินหน้าต่อ เขาเดินผ่านหุบเขาที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ซึ่งเป็นหุบเขาเดียวกับตอนที่จางหยูเข้ามาในสุสานสวรรค์ครั้งแรก
หลังจากที่เดินออกมาจากหุบเขาแล้วเขาก็พบกับกองกระดูกนับไม่ถ้วน
ขณะที่จางลู่กำลังจะเดินหน้าต่อนั้นก็มีเสียงสายลมพัดเข้ามาทำให้เขาตกใจไปชั่วขณะ ราวกับว่าได้พบกับศัตรู
แต่เมื่อผู้มาเยือนปรากฏตัวขึ้นเขาก็ต้องโล่งอก “ ผู้นำขั้น 8 รึ ?”
ตอนที่จางหยู, เกลดันและหลินเป่ยซานเข้ามาในสุสาน พวกเขาก็ได้พบจ้านเทียนเกอที่นี่ ก่อนจะพาจ้านเทียนเกอออกไป ไม่คิดเลยว่าพอไม่มีจ้านเทียนเกอแล้วจะมีผู้นำคนอื่นมาแทนที่ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเป็นเหมือนกับจ้านเทียนเกอที่เข้ามาในสุสานมานานแล้วและกลายเป็นหุ่นเชิดไป
“ มันเป็นหนึ่งในหุ่นเชิดที่อยู่ในวิหาร ” เมื่อจางลู่ส่งภาพของอีกฝ่ายเข้าไปในความคิด จางหยูก็จำมันได้ทันที จางลู่เห็นว่าอีกฝ่ายพุ่งเข้ามา เขาพยายามยั้งมือเอาไว้ เขาหลบการโจมตีแล้วจับตัวอีกฝ่ายไว้แน่น อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตั้งตัว จางลู่ก็ได้ส่งอีกฝ่ายเข้าไปในโลกตันเถียน
หลังจากนั้นจางลู่ก็ไม่ได้สนใจจุดที่อีกฝ่ายหายตัวไปและเดินหน้าต่อ
ที่บรรพกาลนอกโลกบรรพกาล
จางหยูได้พาหุ่นเชิดนั้นมายังบรรพกาล เขาตรึงร่างและจิตอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่จะใช้จิตผู้สร้างลบปราณสุสานในตัวอีกฝ่ายทิ้ง บางทีเพราะอีกฝ่ายเข้าไปในสุสานมานานจึงทำให้ปราณสุสานอยู่ในตัวเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจิตผู้สร้างจะลบมันหมด แต่ก็ยังต้องใช้เวลา ซึ่งกินเวลามากกว่าตอนที่ช่วยจ้านเทียนเกอถึงสองเท่า
โชคดีที่แม้ว่าจะกินเวลามากกว่าแต่มันก็เพิ่มขึ้นมาแค่วินาทีเดียว ต่อหน้าจิตผู้สร้างที่ไร้เทียมทานแล้วปราณสุสานไม่อาจจะต้านทานได้และถูกลบไปจนหมด
ผู้นำคนนั้นได้สติกลับมาและเลิกต่อต้าน เขาค่อยๆลืมตาขึ้นมาด้วยความสับสนและพูดขึ้นด้วยเสียงที่แหบแห้ง “ นี่..ที่ไหนกัน ?”
“ โกลาหลแห่งหนึ่ง เจ้าเรียกมันว่าบรรพกาลก็ได้” จางหยูพูดขึ้นมาช้าๆ
ผู้นำมองไปที่จางหยู ความทรงจำในอดีตได้ไหลเข้ามาในหัวทันที “ ข้าไม่ได้เข้าไปในสุสานสวรรค์รึ ? ท่านช่วยข้าไว้รึ ?”
“ เจ้าน่ะโชคดีที่พบข้า” จางหยูยิ้มออกมา “ เจ้าแนะนำตัวเองได้รึไม่ ?”
ผู้นำคนนี้ไม่ได้โง่ เขาเดาออกว่าจางหยูเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 เขาได้ตอบกลับด้วยความเคารพ “ ผู้อาวุโส ข้าน้อยเป็นยอดฝีมือของเขตใต้ตอนบน นามต้วนเทียนหยา”
จางหยูไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับผู้นำขั้น 8 นี่ไม่ต้องนับคนจากเขตใต้ตอนบน เขาไม่ได้รู้จักอีกฝ่าย “ ต้วนเทียนหยา เจ้ามาจากยุคไหนและเจ้าก็เข้าไปในสุสานตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ นานแค่ไหนนั้นข้าไม่มั่นใจ…” ต้วนเทียนหยาต่างจากจ้านเทียนเกอ เขาได้กลายเป็นหุ่นเชิดและลืมเลือนว่าตัวเองเป็นใคร “ ข้าจำได้แค่ว่าตอนที่ข้าเข้าไปในสุสาน ตอนนั้นคนที่ปกครองโกลาหลอยู่คือจักรพรรดิหนานเทียน จักรพรรดิหนานเทียนได้สยบทั้งโกลาหล ทุกคนในโกลาหลต่างก็ยอมศิโรราบให้กับเขา….”
จักรพรรดิหนานเทียนคือหนึ่งในราชาระดับหมื่นเท่าสมัยโบราณ!
โชคร้ายที่จางหยูไม่เคยได้ยินชื่ออีกฝ่ามาก่อน ไม่งั้นแล้วเขาคงบอกได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ยุคไหน
คิดไปคิดมาจางหยูก็ให้เจ้าสำนักติดต่อไปยังยอดฝีมือระดับหนึ่งร้อยเท่าที่มาตั้งรกรากอยู่ในโลกป่า ผู้อาวุโสเหล่านั้นน่าจะมีความรู้ที่กว้างขวาง ไม่แน่ว่าอาจจะเคยได้ยินเรื่องพวกนี้
เมื่อเห็นว่าจางหยูไม่ได้พูดอะไรออกมา ต้วนเทียนหยาก็กังวลขึ้นมา
ไม่นานจางหยูก็ได้รับข้อความจากเจ้าสำนัก มีคนรู้จักจักรพรรดิหนานเทียน
ที่แท้จักรพรรดิหนานเทียนก็กำเนิดขึ้นมาก่อนราชาตะวันออกหนึ่งยุค แม้ระยะเวลานั้นจะถือว่าไม่สั้น แต่ก็ไม่นับว่าไกลมาก
“ เจ้าอยู่ในสุสานมานาน เจ้ารู้ความลับอะไรที่นั่นบ้าง ?” จางหยูถามขึ้นมา
เมื่อได้ยินคำถามของจางหยู ต้วนเทียนหยาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นเขาก็ตอบกลับ “ ข้าเข้าไปสุสานได้ไม่นานก็โดนปราณครอบงำและหมดสติไป…ถึงตอนนี้จะได้สติกลับมาแต่ความทรงจำส่วนมากในสุสานนั้นหายไปหมด ข้าจำได้แค่ที่ลาน”
“ลานรึ ?” จางหยูแสดงสีหน้าหนักใจออกมา “บอกมาว่าเจ้ารู้อะไรบ้าง”
ต้วนเทียนหยาตอบกลับด้วยความเคารพ “ ข้าโดนปราณสุสานเข้าครอบงำ จิตลึกลับนั่นควบคุมให้ข้าเฝ้าทางเข้าเอาไว้และสังหารคนที่พยายามเข้ามาในสุสาน จนกระทั่งผู้นำขั้นที่ 8 คนใหม่ได้มาถึง ข้าก็ได้ถูกเรียกตัวเข้าไปด้านใน ที่นั่นมีลานอยู่ ภายใต้การควบคุมของจิตลึกลับ ข้าและผู้นำขั้น 8 หลายคนรวมไปถึงผู้ควบคุมขั้น 9 มีภารกิจเดียวก็คือบูชารูปปั้นลึกลับและทำการบูชายัญด้วยโลกของเรา…”
เมื่อพูดถึงโลกที่ถูกทำลายไป ต้วนเทียนหยาก็ปวดใจขึ้นมา สายตาของเขาแสดงความหวาดกลัวออกมา
“ บูชายัญด้วยโลกรึ ?” จางหยูคิ้วขมวดไม่อาจจะเข้าใจเรื่องนี้
หากลานนั้นมีไว้เพื่อจ้าวโกลาหล แล้วมันจะมีความหมายอะไรกับการใช้โลกเป็นเครื่องบูชายัญให้กับจ้าวโกลาหล ?
“ ใช่สิ ยังมีอีกเรื่อง ข้าไม่รู้ว่าคิดไปเองรึไม่” ต้วนเทียนหยาพูดขึ้น
“ เรื่องอะไรกัน ?”
“ กว่าล้านปีก่อน จิตลึกลับเหมือนจะบาดเจ็บหนักมา…” เสียงของต้วนเทียนหยาดูไม่มั่นใจนัก “ แม้ว่าข้าจะไม่ได้สติกลับมาเต็มที่แต่ก็รู้สึกได้ถึงพลังควบคุมที่ลดลง มันผ่านมากว่าล้านปีแล้ว ข้าจำได้แค่เพียงเล็กน้อย นอกจากในช่วงแรกๆแล้ว ช่วงที่เหลือข้าจำอะไรไม่ได้เลย”
นี่แค่การคาดการณ์ของเขาแต่เขาไม่มีหลักฐาน
แต่มันพอฟังขึ้น
มันมีความเป็นไปได้สองอย่างคือหนึ่งจิตสุสานบาดเจ็บหนักมาและไม่อาจจะควบคุมพวกเขาได้ สองคือจิตนั้นโดนบางอย่างยับยั้งเอาไว้จึงไม่อาจจะเหลือพลังงานมาควบคุมพวกนี้ได้ทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนแต่ก็บอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน !
“ มากกว่าล้านปีก่อน…ไม่ใช่ว่าตอนที่ราชาตะวันออกเข้าไปในสุสานรึ ?” จางหยูคิดถึงราชาตะวันออกขึ้นมา “ มันเพราะราขาตะวันออกรึ ?” แต่จากนั้นเขาก็ส่ายหน้าสลัดความคิดนี้ทิ้งไป แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นราชาแต่สำหรับจิตลึกลับนั้นแล้ว ราชาตะวันออกไม่ได้ต่างอะไรจากมดเลย เขาจะทำร้ายจิตลึกลับรึแม้แต่ยับยั้งอีกฝ่ายได้ยังไง ? มันเป็นไปไม่ได้
แม้ว่าจะไม่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น แต่จางหยูก็มั่นใจว่ามันต้องส่งผลต่อจิตลึกลับไม่ใช่น้อย
การที่จางหยูหนีออกมาจากสุสานได้นั้น เกรงว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย
โชคร้ายที่ข้อมูลที่ต้วนเทียนหยาให้มานั้นน้อยนิด ด้วยข้อมูลส่วนนี้แล้ว จางหยูไม่อาจจะคาดเดาความจริงได้
“ หากมันเป็นความจริงที่ว่าจิตสุสานบาดเจ็บแล้วใครกันที่ทำร้ายมัน ?” จางหยูรู้สึกว่าเรื่องนี้ยุ่งยากขึ้นเรื่อยๆ เบาะแสมันดูน่าสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ
หวังเหยา แต่ต้นโกลาหลยังอยู่ในช่วงเกิดใหม่อยู่ มันชัดแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะโจมตีจิตสุสาน ดังนั้นการที่จิตสุสานบาดเจ็บคงไม่ใช่ฝีมือของต้นโกลาหล
“ เฮ้อออ ข้าหวังว่าข้าจะคิดมากไป ไม่งั้นแล้ว….” จางหยูส่ายหน้า
การโดนตัวตนที่น่ากลัวเช่นนี้หมายหัวนั้นเขาจะหนีรอดไปได้จริงๆรึ ?
จางลู่ส่ายหน้าและเพิ่มความระวัง เขากดดันอย่างมากและค่อยๆเดินหน้าต่อ
อาจจะกล่าวได้ว่าภารกิจสำรวจสุสานในครั้งนี้ไม่ว่าจิตสุสานจะน่ากลัวแค่ไหน แต่เขาก็ต้องเดินหน้าต่อ
จางลู่ต้องแปลกใจเมื่อจิตสุสานนั้นไม่ได้ลงมือทันทีราวกับว่ามันกำลังเล่นกับเหยื่อ
ที่บรรพกาลนอกโลกบรรพกาล
เมื่อรับรู้ความคิดของจางลู่ได้ จางหยูก็ได้แต่เพ่งสมาธิหนักกว่าเก่า
จิตสุสานที่จัดการกับราชามามากมาย สุดท้ายมันก็เผยตัวออกมาแล้ว !
ในสุสานสวรรค์ จางลู่ต้านทานแรงกดดันแล้วเดินหน้าต่อ เขาเดินผ่านหุบเขาที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ซึ่งเป็นหุบเขาเดียวกับตอนที่จางหยูเข้ามาในสุสานสวรรค์ครั้งแรก
หลังจากที่เดินออกมาจากหุบเขาแล้วเขาก็พบกับกองกระดูกนับไม่ถ้วน
ขณะที่จางลู่กำลังจะเดินหน้าต่อนั้นก็มีเสียงสายลมพัดเข้ามาทำให้เขาตกใจไปชั่วขณะ ราวกับว่าได้พบกับศัตรู
แต่เมื่อผู้มาเยือนปรากฏตัวขึ้นเขาก็ต้องโล่งอก “ ผู้นำขั้น 8 รึ ?”
ตอนที่จางหยู, เกลดันและหลินเป่ยซานเข้ามาในสุสาน พวกเขาก็ได้พบจ้านเทียนเกอที่นี่ ก่อนจะพาจ้านเทียนเกอออกไป ไม่คิดเลยว่าพอไม่มีจ้านเทียนเกอแล้วจะมีผู้นำคนอื่นมาแทนที่ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเป็นเหมือนกับจ้านเทียนเกอที่เข้ามาในสุสานมานานแล้วและกลายเป็นหุ่นเชิดไป
“ มันเป็นหนึ่งในหุ่นเชิดที่อยู่ในวิหาร ” เมื่อจางลู่ส่งภาพของอีกฝ่ายเข้าไปในความคิด จางหยูก็จำมันได้ทันที จางลู่เห็นว่าอีกฝ่ายพุ่งเข้ามา เขาพยายามยั้งมือเอาไว้ เขาหลบการโจมตีแล้วจับตัวอีกฝ่ายไว้แน่น อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตั้งตัว จางลู่ก็ได้ส่งอีกฝ่ายเข้าไปในโลกตันเถียน
หลังจากนั้นจางลู่ก็ไม่ได้สนใจจุดที่อีกฝ่ายหายตัวไปและเดินหน้าต่อ
ที่บรรพกาลนอกโลกบรรพกาล
จางหยูได้พาหุ่นเชิดนั้นมายังบรรพกาล เขาตรึงร่างและจิตอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่จะใช้จิตผู้สร้างลบปราณสุสานในตัวอีกฝ่ายทิ้ง บางทีเพราะอีกฝ่ายเข้าไปในสุสานมานานจึงทำให้ปราณสุสานอยู่ในตัวเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจิตผู้สร้างจะลบมันหมด แต่ก็ยังต้องใช้เวลา ซึ่งกินเวลามากกว่าตอนที่ช่วยจ้านเทียนเกอถึงสองเท่า
โชคดีที่แม้ว่าจะกินเวลามากกว่าแต่มันก็เพิ่มขึ้นมาแค่วินาทีเดียว ต่อหน้าจิตผู้สร้างที่ไร้เทียมทานแล้วปราณสุสานไม่อาจจะต้านทานได้และถูกลบไปจนหมด
ผู้นำคนนั้นได้สติกลับมาและเลิกต่อต้าน เขาค่อยๆลืมตาขึ้นมาด้วยความสับสนและพูดขึ้นด้วยเสียงที่แหบแห้ง “ นี่..ที่ไหนกัน ?”
“ โกลาหลแห่งหนึ่ง เจ้าเรียกมันว่าบรรพกาลก็ได้” จางหยูพูดขึ้นมาช้าๆ
ผู้นำมองไปที่จางหยู ความทรงจำในอดีตได้ไหลเข้ามาในหัวทันที “ ข้าไม่ได้เข้าไปในสุสานสวรรค์รึ ? ท่านช่วยข้าไว้รึ ?”
“ เจ้าน่ะโชคดีที่พบข้า” จางหยูยิ้มออกมา “ เจ้าแนะนำตัวเองได้รึไม่ ?”
ผู้นำคนนี้ไม่ได้โง่ เขาเดาออกว่าจางหยูเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 เขาได้ตอบกลับด้วยความเคารพ “ ผู้อาวุโส ข้าน้อยเป็นยอดฝีมือของเขตใต้ตอนบน นามต้วนเทียนหยา”
จางหยูไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับผู้นำขั้น 8 นี่ไม่ต้องนับคนจากเขตใต้ตอนบน เขาไม่ได้รู้จักอีกฝ่าย “ ต้วนเทียนหยา เจ้ามาจากยุคไหนและเจ้าก็เข้าไปในสุสานตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ นานแค่ไหนนั้นข้าไม่มั่นใจ…” ต้วนเทียนหยาต่างจากจ้านเทียนเกอ เขาได้กลายเป็นหุ่นเชิดและลืมเลือนว่าตัวเองเป็นใคร “ ข้าจำได้แค่ว่าตอนที่ข้าเข้าไปในสุสาน ตอนนั้นคนที่ปกครองโกลาหลอยู่คือจักรพรรดิหนานเทียน จักรพรรดิหนานเทียนได้สยบทั้งโกลาหล ทุกคนในโกลาหลต่างก็ยอมศิโรราบให้กับเขา….”
จักรพรรดิหนานเทียนคือหนึ่งในราชาระดับหมื่นเท่าสมัยโบราณ!
โชคร้ายที่จางหยูไม่เคยได้ยินชื่ออีกฝ่ามาก่อน ไม่งั้นแล้วเขาคงบอกได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ยุคไหน
คิดไปคิดมาจางหยูก็ให้เจ้าสำนักติดต่อไปยังยอดฝีมือระดับหนึ่งร้อยเท่าที่มาตั้งรกรากอยู่ในโลกป่า ผู้อาวุโสเหล่านั้นน่าจะมีความรู้ที่กว้างขวาง ไม่แน่ว่าอาจจะเคยได้ยินเรื่องพวกนี้
เมื่อเห็นว่าจางหยูไม่ได้พูดอะไรออกมา ต้วนเทียนหยาก็กังวลขึ้นมา
ไม่นานจางหยูก็ได้รับข้อความจากเจ้าสำนัก มีคนรู้จักจักรพรรดิหนานเทียน
ที่แท้จักรพรรดิหนานเทียนก็กำเนิดขึ้นมาก่อนราชาตะวันออกหนึ่งยุค แม้ระยะเวลานั้นจะถือว่าไม่สั้น แต่ก็ไม่นับว่าไกลมาก
“ เจ้าอยู่ในสุสานมานาน เจ้ารู้ความลับอะไรที่นั่นบ้าง ?” จางหยูถามขึ้นมา
เมื่อได้ยินคำถามของจางหยู ต้วนเทียนหยาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นเขาก็ตอบกลับ “ ข้าเข้าไปสุสานได้ไม่นานก็โดนปราณครอบงำและหมดสติไป…ถึงตอนนี้จะได้สติกลับมาแต่ความทรงจำส่วนมากในสุสานนั้นหายไปหมด ข้าจำได้แค่ที่ลาน”
“ลานรึ ?” จางหยูแสดงสีหน้าหนักใจออกมา “บอกมาว่าเจ้ารู้อะไรบ้าง”
ต้วนเทียนหยาตอบกลับด้วยความเคารพ “ ข้าโดนปราณสุสานเข้าครอบงำ จิตลึกลับนั่นควบคุมให้ข้าเฝ้าทางเข้าเอาไว้และสังหารคนที่พยายามเข้ามาในสุสาน จนกระทั่งผู้นำขั้นที่ 8 คนใหม่ได้มาถึง ข้าก็ได้ถูกเรียกตัวเข้าไปด้านใน ที่นั่นมีลานอยู่ ภายใต้การควบคุมของจิตลึกลับ ข้าและผู้นำขั้น 8 หลายคนรวมไปถึงผู้ควบคุมขั้น 9 มีภารกิจเดียวก็คือบูชารูปปั้นลึกลับและทำการบูชายัญด้วยโลกของเรา…”
เมื่อพูดถึงโลกที่ถูกทำลายไป ต้วนเทียนหยาก็ปวดใจขึ้นมา สายตาของเขาแสดงความหวาดกลัวออกมา
“ บูชายัญด้วยโลกรึ ?” จางหยูคิ้วขมวดไม่อาจจะเข้าใจเรื่องนี้
หากลานนั้นมีไว้เพื่อจ้าวโกลาหล แล้วมันจะมีความหมายอะไรกับการใช้โลกเป็นเครื่องบูชายัญให้กับจ้าวโกลาหล ?
“ ใช่สิ ยังมีอีกเรื่อง ข้าไม่รู้ว่าคิดไปเองรึไม่” ต้วนเทียนหยาพูดขึ้น
“ เรื่องอะไรกัน ?”
“ กว่าล้านปีก่อน จิตลึกลับเหมือนจะบาดเจ็บหนักมา…” เสียงของต้วนเทียนหยาดูไม่มั่นใจนัก “ แม้ว่าข้าจะไม่ได้สติกลับมาเต็มที่แต่ก็รู้สึกได้ถึงพลังควบคุมที่ลดลง มันผ่านมากว่าล้านปีแล้ว ข้าจำได้แค่เพียงเล็กน้อย นอกจากในช่วงแรกๆแล้ว ช่วงที่เหลือข้าจำอะไรไม่ได้เลย”
นี่แค่การคาดการณ์ของเขาแต่เขาไม่มีหลักฐาน
แต่มันพอฟังขึ้น
มันมีความเป็นไปได้สองอย่างคือหนึ่งจิตสุสานบาดเจ็บหนักมาและไม่อาจจะควบคุมพวกเขาได้ สองคือจิตนั้นโดนบางอย่างยับยั้งเอาไว้จึงไม่อาจจะเหลือพลังงานมาควบคุมพวกนี้ได้ทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนแต่ก็บอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน !
“ มากกว่าล้านปีก่อน…ไม่ใช่ว่าตอนที่ราชาตะวันออกเข้าไปในสุสานรึ ?” จางหยูคิดถึงราชาตะวันออกขึ้นมา “ มันเพราะราขาตะวันออกรึ ?” แต่จากนั้นเขาก็ส่ายหน้าสลัดความคิดนี้ทิ้งไป แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นราชาแต่สำหรับจิตลึกลับนั้นแล้ว ราชาตะวันออกไม่ได้ต่างอะไรจากมดเลย เขาจะทำร้ายจิตลึกลับรึแม้แต่ยับยั้งอีกฝ่ายได้ยังไง ? มันเป็นไปไม่ได้
แม้ว่าจะไม่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น แต่จางหยูก็มั่นใจว่ามันต้องส่งผลต่อจิตลึกลับไม่ใช่น้อย
การที่จางหยูหนีออกมาจากสุสานได้นั้น เกรงว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย
โชคร้ายที่ข้อมูลที่ต้วนเทียนหยาให้มานั้นน้อยนิด ด้วยข้อมูลส่วนนี้แล้ว จางหยูไม่อาจจะคาดเดาความจริงได้
“ หากมันเป็นความจริงที่ว่าจิตสุสานบาดเจ็บแล้วใครกันที่ทำร้ายมัน ?” จางหยูรู้สึกว่าเรื่องนี้ยุ่งยากขึ้นเรื่อยๆ เบาะแสมันดูน่าสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ
หวังเหยา แต่ต้นโกลาหลยังอยู่ในช่วงเกิดใหม่อยู่ มันชัดแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะโจมตีจิตสุสาน ดังนั้นการที่จิตสุสานบาดเจ็บคงไม่ใช่ฝีมือของต้นโกลาหล
“ เฮ้อออ ข้าหวังว่าข้าจะคิดมากไป ไม่งั้นแล้ว….” จางหยูส่ายหน้า