ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1784 : ตัวตนที่น่าทึ่ง ! ร่างแยกของจ้าวโกลาหล!
การที่จิตสุสานสวรรค์สวรรค์มองออกว่าเขาคือร่างแยกนั้น จางลู่ไม่ได้แปลกใจนัก แม้ว่าทักษะร่างแยกจะถูกส่งต่อมาให้จางหยู แต่คนที่ได้มันไปคือซุนเมิ่ง และนางก็ได้เรียนรู้มาจากสุสานแต่คนที่เชี่ยวชาญแก่นแท้ของทักษะนี้ก็มีแค่ซุนเมิ่งและจางหยู ส่วนหยวนฉิงนั้นแค่ระดับกลางๆเท่านั้น แม้แต่ซุนเมิ่งก็ยังไม่เชี่ยวชาญทักษะนี้และไม่อาจจะสร้างร่างที่สมบูรณ์ได้
“ เจ้าคือจิตสุสานสวรรค์รึ ?” จางลู่ยังระวังตัว
จิตสุสานสวรรค์มีใบหน้าที่พร่ามัวแต่ก็ยังพอมองออกว่าเป็นร่างมนุษย์
เมื่อได้ยินที่จางลู่ถามมา จิตสุสานสวรรค์ก็ยิ้มออกมา “ ใจเย็นๆ หากข้าอยากจะจัดการเจ้าจริงๆ เจ้าคงตายไปแล้ว เจ้าอยู่ไม่รอดจนถึงตอนนี้หรอก ” มันยังใจเย็นอย่างมากมันดูมั่นใจไม่ได้แค่ขู่
จิตสุสานสวรรค์ได้ตอบคำถามของจางลู่ “ สุสานสวรรค์เป็นชื่อที่พวกผู้ควบคุมตั้งให้ แม้กระทั่งจิตสุสานสวรรค์ก็เป็นชื่อที่พวกเขาตั้งกันเอาเอง แต่เอาจริงๆแล้วเมื่อเทียบกับจิตสุสานสวรรค์ ข้าชอบชื่อจิตสวรรค์มากกว่า เจ้าเรียกข้าว่า…จิตสวรรค์ก็ได้ ”
ชัดแล้วว่ามันไม่ชอบชื่อจิตสุสานสวรรค์
“ จิตสวรรค์รึ ? ” จางลู่คิดตาม “ เจ้าเกี่ยวข้องยังไงกับจ้าวโกลาหล ?”
สุสานสวรรค์ถูกเรียกว่าสุสานของจ้าวโกลาหล จิตสุสานสวรรค์สามารถควบคุมสุสานทั้งหมดได้ หากจะบอกว่ามันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจ้าวโกลาหลนั้น จางลู่ไม่เชื่อ
แน่นอนสิ่งที่สำคัญคือ….จ้าวโกลาหลต้องมีตัวตนอยู่จริง
“ ฮ่าฮ่า ข้ารู้ว่าเจ้าจะถามเรื่องนี้” จิตสวรรค์ยิ้มออกมา จางลู่คิ้วขมวด “ มีอะไรตลกกัน ?”
จิตสวรรค์พูดขึ้นมา “ ข้าเกี่ยวข้องยังไงกับจ้าวโกลาหล ข้าจะบอกเจ้าในภายหลัง เป็นเจ้าต่างหาก เจ้ากล้าเข้าไปในวิหารกับข้ารึไม่ ?”
“ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึไง ?” จางลู่มองไปที่วิหาร มันเต็มไปด้วยปราณสุสานที่เพียงพอจะกลืนกินสติของเขา
“ เจ้ากลัวว่าจะไม่รอด” จิตสวรรค์ยิ้มออกมา มันไม่ได้ทำอะไรแต่ปราณสุสานในวิหารกลับพุ่งเข้ามาในตัวมันอย่างบ้าคลั่ง แค่ไม่กี่อึดใจในวิหารก็ไม่มีปราณสุสานอยู่แล้ว มันราวกับว่ามันไม่มีปราณสุสานอยู่ตั้งแต่แรก
จางลู่ยังไม่ทันได้พูดอะไร จิตสวรรค์ก็หันหลังกลับแล้วเดินไปที่ประตูวิหาร “ หากเจ้าอยากรู้ความจริงของสุสานแห่งนี้ก็มากับข้า”
จางลู่ถามขึ้นมา “ แล้วปราณสุสานล่ะ ?”
ไม่ใช่ว่ามันมีปราณสุสานอยู่รึ ?
จางลู่ส่ายหน้าเรียกสติกลับมา เขามองไปยังพวกหุ่นเชิดที่ยืนอยู่ข้างๆก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วเดินไปที่ประตูวิหาร แค่เดินมา 2-3 ก้าวเข้าก็เข้าไปในวิหารได้แล้ว
จิตสวรรค์เหมือนมั่นใจว่าจางลู่จะตามมา มันไม่ได้รีบเดินและไม่ได้หยุดรอ
จางลู่ไม่รู้ว่าจิตสวรรค์เอาความมั่นใจมาจากไหน เขาได้แต่เดินตามอย่างระวังตัว แม้จะรู้ว่ามันอาจจะมีอันตรายแต่เพื่อค้นหาความจริงของสุสาน เขาก็ต้องเสี่ยง
จางลู่รู้สึกโล่งอก หุ่นเชิดทั้งหมดรรวมถึงพวกราชายังยืนรออยู่ที่ด้านนอกไม่ได้ตามเข้ามาด้วย
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงใจกลางวิหารได้ มันมีเสาสีแดงก่ำ เสาแสงนี้ราวกับเชื่อมต่อโลกกับสวรรค์เอาไว้ ด้านบนเสาแสงมีปราณสุสานกระจายไปโดยรอบก่อตัวเป็นสุสาน มันราวกับว่าเสาแสงนี้อัดแน่นขึ้นจากปราณสุสาน
จิตสวรรค์หยุดอยู่ตรงหน้าเสาแสงและถามขึ้นมา “ เจ้ารู้รึไม่ว่านี่คืออะไร ?” จางลู่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาไม่รู้ว่าทำไมเมื่อเห็นเสาแสงนี้เขากลับนึกถึงเสาแสงที่ใจกลางลานหิน แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันและมีคลื่นพลังที่ต่างกันแต่มันกลับทำให้เขารู้สึกว่ามันคล้ายกัน ราวกับว่าทั้งสองคืออันเดียวกัน
เมื่อเห็นว่าจางลู่ไม่ตอบกลับ จิตสวรรค์ก็ไม่ได้ใส่ใจ มันได้พูดต่อ “นี่คือสถานที่ที่สำคัญที่สุดของสุสานสวรรค์…ลานแห่งวิวรณ์”
“ ลานแห่งวิวรณ์?” จางลู่มองไปที่จิตสวรรค์ด้วยความสับสน
“ บทบาทของมันคือการบูชายัญต่อสวรรค์ด้วยพลังสร้างนับอนันต์ เพื่อเปิดทางสวรรค์สู่นิพพาน “ จิตสวรรค์พูดขึ้นมา “ ทั้งสุสานนั้นอันที่จริงแล้วคือลานแห่งวิวรณ์ ลานแห่งวิวรณ์ขนาดยักษ์นี้ประกอบไปด้วยลานขนาดเล็ก กลาง ใหญ่และหลัก เมื่อนำลานทั้งหมดมารวมกันก็จะกลายเป็นลานแห่งวิวรณ์” จางลู่ถามขึ้นมา “ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า?”
“ เจ้าอยากรู้ความจริงของสุสานไม่ใช่รึ ? นี่แหละคือความจริงของมัน”
“ ข้าไม่เข้าใจ”
“ ไม่เป็นไร ฟังข้าแล้วเจ้าจะเข้าใจเอง” จิตสวรรค์อดทนอย่างมาก “ความหมายในการมีอยู่ของลานแห่งวิวรณ์มีเพียงอย่างเดียวก็คือเปิดทางสวรรค์ ด้วยพลังสร้างนับไม่ถ้วนที่บูชาให้กับสวรรค์ จะทำให้สามารถสร้างนิพพานขึ้นมาได้อีกครั้ง และสิ่งที่เรียกว่า ‘สวรรค์’ ก็คือจ้าวโกลาหล ผู้สร้างโกลาหลแห่งนี้ เขาคือจิตสูงสุด”
จางลู่ใจสั่น “ จ้าวโกลาหลรึ ?”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินถึงตัวตนจ้าวโกลาหลจากปากจิตสวรรค์ คำพูดของจิตสวรรค์นั้นเป็นการยืนยันตัวตนของจ้าวโกลาหล
จ้าวโกลาหลมีอยู่จริงๆแต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงตาย
“ จิตของจ้าวโกลาหลคือจิตสูงสุดของโกลาหลแห่งนี้ และยังเป็นตัวสนับสนุนโกลาหล เมื่อจ้าวโกลาหลได้ตายไป โกลาหลก็ไม่ได้รับการสนับสนุนและเริ่มทำลายล้างตัวเองซึ่งนี่คือผลลัพธ์ที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ นอกจากจ้าวโกลาหลแล้วก็ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้” จิตสวรรค์พูดขึ้น “ เพื่อที่จะชุบชีวิตจ้าวโกลาหลขึ้นมา ข้าได้เปิดโลกนี้ขึ้นด้วยจิตของเขาและสร้างลานนี้ขึ้น มันเป็นทางเดียวที่จะชุบชีวิตเขากลับมาได้ มันเป็นทางเดียวที่จะหยุดการทำลายล้างของโกลาหล”
“ งั้น…เจ้าเป็นใครกัน ?” จางลู่มองไปที่จิตสวรรค์
แม้ว่าจะไม่เห็นท่าทีผิดปกติแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจางลู่จะเชื่ออีกฝ่าย
จางลู่สนใจว่าจิตสวรรค์เป็นใครมากกว่า ?
เขาเกี่ยวข้องยังไงกับจ้าวโกลาหล ? ทำไมมันถึงรู้ว่าจ้าวโกลาหลตายไปแล้ว ?
“ ข้ารึ ?” จิตสวรรค์แม้จะรู้อยู่แล้วว่าจะโดนถามแบบนี้แต่ก็ยังหัวเราะออกมา “ อันที่จริงข้าก็เป็นแบบเจ้า”
จางลู่ไม่เข้าใจคำพูดอีกฝ่าย
แต่ไม่นานจางลู่ก็ได้สติและมองไปที่จิตสวรรค์ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ เจ้าคือ…”
“ ฮ่าฮ่า ! เจ้าเดาถูกแล้ว!” แม้ว่าจางลู่จะยังไม่ได้ตอบแต่จิตสวรรค์ก็รู้ว่าเขาจะพูดอะไร “ ข้าคือร่างแยกของจ้าวโกลาหล ! นี่คือร่างของจิตสูงสุด !” มันมองไปที่จางลู่ “ ร่างหลักของเจ้าอ่อนแอเกินไป เขายังไปไม่ถึงขั้นควบคุมโกลาหล ดังนั้นเจ้าจึงอ่อนแอ…อ่อนแอจนใช้พลังเพียงเล็กน้อยก็ทำลายลงได้แล้ว”
เมื่อได้ยินที่จิตสวรรค์บอกมา จางลู่ก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ได้
มันคือร่างแยก !
เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจิตสุสานสวรรค์ที่ลึกลับที่ผู้คนนับไม่ถ้วนพากันหวาดกลัวกลับเป็นร่างแยก !
ร่างแยกของจ้าวโกลาหล!
จางลู่คาดการณ์ไว้มากมายแต่ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน
“ เมื่อเจ้าเป็นร่างแยกของเขา งั้นปราณสุสานนี้ล่ะ ?” จางลู่ถามขึ้นมา
“ มันไม่ใช่ปราณสุสาน” จิตสวรรค์พูดขึ้น “ มันคือปราณชีวิต !”
“ ปราณชีวิตรึ ?”
“ เมื่อร่างหลักตายไป ทั้งโกลาหลก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ข้าในฐานะร่างแยกแล้วเพราะการที่ร่างหลักตายไป ทำให้พลังโกลาหลในร่างกลายเป็นปราณชีวิต ข้าไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้นแต่นี่คือผลลัพธ์ “ จิตสวรรค์พูดขึ้นอย่างใจเย็น “ ปราณชีวิตมีพลังกัดกร่อนที่รุนแรง ดูเผินๆ มันก็เหมือนกับความตาย แต่สิ่งที่ผู้คนไม่รู้ก็คือ….มันคือชีวิต ! เมื่อปราณชีวิตอัดแน่นถึงขีดสุด มันก็สามารถทลายความเป็นความตายได้ และแสดงพลังที่แท้จริงของมันออกมา !”
“ เมื่อปราณชีวิตเข้าสู่ร่างกายของผู้ควบคุม ไม่ว่าจะบาดเจ็บสาหัสเพียงใด ปราณชีวิตก็ช่วยฟื้นฟูคนคนนั้นอย่างรวดเร็ว ทำให้พลังต่อสู้ของพวกเขาดูเหมือนไม่มีขีดจำกัด แค่นี้ยังพิสูจน์แก่นแท้ของปราณชีวิตไม่ได้อีกรึ?”
“ โดยผิวเผิน มันอาจจะแทนถึงความตาย แต่อันที่จริงแล้วมันแทนถึงชีวิต ชีวิตและความตาย ความตายและชีวิต มันก็ไม่ได้ต่างกันเลย”
“ เพราะคุณสมบัติพิเศษของปราณชีวิตที่ทำให้เป็นไปได้ที่จะชุบชีวิตเขาขึ้นมา”
“ เจ้าคือจิตสุสานสวรรค์รึ ?” จางลู่ยังระวังตัว
จิตสุสานสวรรค์มีใบหน้าที่พร่ามัวแต่ก็ยังพอมองออกว่าเป็นร่างมนุษย์
เมื่อได้ยินที่จางลู่ถามมา จิตสุสานสวรรค์ก็ยิ้มออกมา “ ใจเย็นๆ หากข้าอยากจะจัดการเจ้าจริงๆ เจ้าคงตายไปแล้ว เจ้าอยู่ไม่รอดจนถึงตอนนี้หรอก ” มันยังใจเย็นอย่างมากมันดูมั่นใจไม่ได้แค่ขู่
จิตสุสานสวรรค์ได้ตอบคำถามของจางลู่ “ สุสานสวรรค์เป็นชื่อที่พวกผู้ควบคุมตั้งให้ แม้กระทั่งจิตสุสานสวรรค์ก็เป็นชื่อที่พวกเขาตั้งกันเอาเอง แต่เอาจริงๆแล้วเมื่อเทียบกับจิตสุสานสวรรค์ ข้าชอบชื่อจิตสวรรค์มากกว่า เจ้าเรียกข้าว่า…จิตสวรรค์ก็ได้ ”
ชัดแล้วว่ามันไม่ชอบชื่อจิตสุสานสวรรค์
“ จิตสวรรค์รึ ? ” จางลู่คิดตาม “ เจ้าเกี่ยวข้องยังไงกับจ้าวโกลาหล ?”
สุสานสวรรค์ถูกเรียกว่าสุสานของจ้าวโกลาหล จิตสุสานสวรรค์สามารถควบคุมสุสานทั้งหมดได้ หากจะบอกว่ามันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจ้าวโกลาหลนั้น จางลู่ไม่เชื่อ
แน่นอนสิ่งที่สำคัญคือ….จ้าวโกลาหลต้องมีตัวตนอยู่จริง
“ ฮ่าฮ่า ข้ารู้ว่าเจ้าจะถามเรื่องนี้” จิตสวรรค์ยิ้มออกมา จางลู่คิ้วขมวด “ มีอะไรตลกกัน ?”
จิตสวรรค์พูดขึ้นมา “ ข้าเกี่ยวข้องยังไงกับจ้าวโกลาหล ข้าจะบอกเจ้าในภายหลัง เป็นเจ้าต่างหาก เจ้ากล้าเข้าไปในวิหารกับข้ารึไม่ ?”
“ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึไง ?” จางลู่มองไปที่วิหาร มันเต็มไปด้วยปราณสุสานที่เพียงพอจะกลืนกินสติของเขา
“ เจ้ากลัวว่าจะไม่รอด” จิตสวรรค์ยิ้มออกมา มันไม่ได้ทำอะไรแต่ปราณสุสานในวิหารกลับพุ่งเข้ามาในตัวมันอย่างบ้าคลั่ง แค่ไม่กี่อึดใจในวิหารก็ไม่มีปราณสุสานอยู่แล้ว มันราวกับว่ามันไม่มีปราณสุสานอยู่ตั้งแต่แรก
จางลู่ยังไม่ทันได้พูดอะไร จิตสวรรค์ก็หันหลังกลับแล้วเดินไปที่ประตูวิหาร “ หากเจ้าอยากรู้ความจริงของสุสานแห่งนี้ก็มากับข้า”
จางลู่ถามขึ้นมา “ แล้วปราณสุสานล่ะ ?”
ไม่ใช่ว่ามันมีปราณสุสานอยู่รึ ?
จางลู่ส่ายหน้าเรียกสติกลับมา เขามองไปยังพวกหุ่นเชิดที่ยืนอยู่ข้างๆก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วเดินไปที่ประตูวิหาร แค่เดินมา 2-3 ก้าวเข้าก็เข้าไปในวิหารได้แล้ว
จิตสวรรค์เหมือนมั่นใจว่าจางลู่จะตามมา มันไม่ได้รีบเดินและไม่ได้หยุดรอ
จางลู่ไม่รู้ว่าจิตสวรรค์เอาความมั่นใจมาจากไหน เขาได้แต่เดินตามอย่างระวังตัว แม้จะรู้ว่ามันอาจจะมีอันตรายแต่เพื่อค้นหาความจริงของสุสาน เขาก็ต้องเสี่ยง
จางลู่รู้สึกโล่งอก หุ่นเชิดทั้งหมดรรวมถึงพวกราชายังยืนรออยู่ที่ด้านนอกไม่ได้ตามเข้ามาด้วย
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงใจกลางวิหารได้ มันมีเสาสีแดงก่ำ เสาแสงนี้ราวกับเชื่อมต่อโลกกับสวรรค์เอาไว้ ด้านบนเสาแสงมีปราณสุสานกระจายไปโดยรอบก่อตัวเป็นสุสาน มันราวกับว่าเสาแสงนี้อัดแน่นขึ้นจากปราณสุสาน
จิตสวรรค์หยุดอยู่ตรงหน้าเสาแสงและถามขึ้นมา “ เจ้ารู้รึไม่ว่านี่คืออะไร ?” จางลู่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาไม่รู้ว่าทำไมเมื่อเห็นเสาแสงนี้เขากลับนึกถึงเสาแสงที่ใจกลางลานหิน แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันและมีคลื่นพลังที่ต่างกันแต่มันกลับทำให้เขารู้สึกว่ามันคล้ายกัน ราวกับว่าทั้งสองคืออันเดียวกัน
เมื่อเห็นว่าจางลู่ไม่ตอบกลับ จิตสวรรค์ก็ไม่ได้ใส่ใจ มันได้พูดต่อ “นี่คือสถานที่ที่สำคัญที่สุดของสุสานสวรรค์…ลานแห่งวิวรณ์”
“ ลานแห่งวิวรณ์?” จางลู่มองไปที่จิตสวรรค์ด้วยความสับสน
“ บทบาทของมันคือการบูชายัญต่อสวรรค์ด้วยพลังสร้างนับอนันต์ เพื่อเปิดทางสวรรค์สู่นิพพาน “ จิตสวรรค์พูดขึ้นมา “ ทั้งสุสานนั้นอันที่จริงแล้วคือลานแห่งวิวรณ์ ลานแห่งวิวรณ์ขนาดยักษ์นี้ประกอบไปด้วยลานขนาดเล็ก กลาง ใหญ่และหลัก เมื่อนำลานทั้งหมดมารวมกันก็จะกลายเป็นลานแห่งวิวรณ์” จางลู่ถามขึ้นมา “ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า?”
“ เจ้าอยากรู้ความจริงของสุสานไม่ใช่รึ ? นี่แหละคือความจริงของมัน”
“ ข้าไม่เข้าใจ”
“ ไม่เป็นไร ฟังข้าแล้วเจ้าจะเข้าใจเอง” จิตสวรรค์อดทนอย่างมาก “ความหมายในการมีอยู่ของลานแห่งวิวรณ์มีเพียงอย่างเดียวก็คือเปิดทางสวรรค์ ด้วยพลังสร้างนับไม่ถ้วนที่บูชาให้กับสวรรค์ จะทำให้สามารถสร้างนิพพานขึ้นมาได้อีกครั้ง และสิ่งที่เรียกว่า ‘สวรรค์’ ก็คือจ้าวโกลาหล ผู้สร้างโกลาหลแห่งนี้ เขาคือจิตสูงสุด”
จางลู่ใจสั่น “ จ้าวโกลาหลรึ ?”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินถึงตัวตนจ้าวโกลาหลจากปากจิตสวรรค์ คำพูดของจิตสวรรค์นั้นเป็นการยืนยันตัวตนของจ้าวโกลาหล
จ้าวโกลาหลมีอยู่จริงๆแต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงตาย
“ จิตของจ้าวโกลาหลคือจิตสูงสุดของโกลาหลแห่งนี้ และยังเป็นตัวสนับสนุนโกลาหล เมื่อจ้าวโกลาหลได้ตายไป โกลาหลก็ไม่ได้รับการสนับสนุนและเริ่มทำลายล้างตัวเองซึ่งนี่คือผลลัพธ์ที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ นอกจากจ้าวโกลาหลแล้วก็ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้” จิตสวรรค์พูดขึ้น “ เพื่อที่จะชุบชีวิตจ้าวโกลาหลขึ้นมา ข้าได้เปิดโลกนี้ขึ้นด้วยจิตของเขาและสร้างลานนี้ขึ้น มันเป็นทางเดียวที่จะชุบชีวิตเขากลับมาได้ มันเป็นทางเดียวที่จะหยุดการทำลายล้างของโกลาหล”
“ งั้น…เจ้าเป็นใครกัน ?” จางลู่มองไปที่จิตสวรรค์
แม้ว่าจะไม่เห็นท่าทีผิดปกติแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจางลู่จะเชื่ออีกฝ่าย
จางลู่สนใจว่าจิตสวรรค์เป็นใครมากกว่า ?
เขาเกี่ยวข้องยังไงกับจ้าวโกลาหล ? ทำไมมันถึงรู้ว่าจ้าวโกลาหลตายไปแล้ว ?
“ ข้ารึ ?” จิตสวรรค์แม้จะรู้อยู่แล้วว่าจะโดนถามแบบนี้แต่ก็ยังหัวเราะออกมา “ อันที่จริงข้าก็เป็นแบบเจ้า”
จางลู่ไม่เข้าใจคำพูดอีกฝ่าย
แต่ไม่นานจางลู่ก็ได้สติและมองไปที่จิตสวรรค์ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ เจ้าคือ…”
“ ฮ่าฮ่า ! เจ้าเดาถูกแล้ว!” แม้ว่าจางลู่จะยังไม่ได้ตอบแต่จิตสวรรค์ก็รู้ว่าเขาจะพูดอะไร “ ข้าคือร่างแยกของจ้าวโกลาหล ! นี่คือร่างของจิตสูงสุด !” มันมองไปที่จางลู่ “ ร่างหลักของเจ้าอ่อนแอเกินไป เขายังไปไม่ถึงขั้นควบคุมโกลาหล ดังนั้นเจ้าจึงอ่อนแอ…อ่อนแอจนใช้พลังเพียงเล็กน้อยก็ทำลายลงได้แล้ว”
เมื่อได้ยินที่จิตสวรรค์บอกมา จางลู่ก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ได้
มันคือร่างแยก !
เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจิตสุสานสวรรค์ที่ลึกลับที่ผู้คนนับไม่ถ้วนพากันหวาดกลัวกลับเป็นร่างแยก !
ร่างแยกของจ้าวโกลาหล!
จางลู่คาดการณ์ไว้มากมายแต่ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน
“ เมื่อเจ้าเป็นร่างแยกของเขา งั้นปราณสุสานนี้ล่ะ ?” จางลู่ถามขึ้นมา
“ มันไม่ใช่ปราณสุสาน” จิตสวรรค์พูดขึ้น “ มันคือปราณชีวิต !”
“ ปราณชีวิตรึ ?”
“ เมื่อร่างหลักตายไป ทั้งโกลาหลก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ข้าในฐานะร่างแยกแล้วเพราะการที่ร่างหลักตายไป ทำให้พลังโกลาหลในร่างกลายเป็นปราณชีวิต ข้าไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้นแต่นี่คือผลลัพธ์ “ จิตสวรรค์พูดขึ้นอย่างใจเย็น “ ปราณชีวิตมีพลังกัดกร่อนที่รุนแรง ดูเผินๆ มันก็เหมือนกับความตาย แต่สิ่งที่ผู้คนไม่รู้ก็คือ….มันคือชีวิต ! เมื่อปราณชีวิตอัดแน่นถึงขีดสุด มันก็สามารถทลายความเป็นความตายได้ และแสดงพลังที่แท้จริงของมันออกมา !”
“ เมื่อปราณชีวิตเข้าสู่ร่างกายของผู้ควบคุม ไม่ว่าจะบาดเจ็บสาหัสเพียงใด ปราณชีวิตก็ช่วยฟื้นฟูคนคนนั้นอย่างรวดเร็ว ทำให้พลังต่อสู้ของพวกเขาดูเหมือนไม่มีขีดจำกัด แค่นี้ยังพิสูจน์แก่นแท้ของปราณชีวิตไม่ได้อีกรึ?”
“ โดยผิวเผิน มันอาจจะแทนถึงความตาย แต่อันที่จริงแล้วมันแทนถึงชีวิต ชีวิตและความตาย ความตายและชีวิต มันก็ไม่ได้ต่างกันเลย”
“ เพราะคุณสมบัติพิเศษของปราณชีวิตที่ทำให้เป็นไปได้ที่จะชุบชีวิตเขาขึ้นมา”