ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1792 : ความสับสน
จางลู่ส่ายหน้า สิ่งที่เขาอยากรู้นั้นเขาได้รู้หมดแล้ว แม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่ความจริงแต่ก็ไม่น่าจะห่างจากความจริงเท่าไหร่
“ ขอบคุณที่ชี้แนะ” จางลู่พูดขึ้น “ งั้นข้าขอตัวก่อน ”
“ ช้าก่อน” บรรพชนกระดูกตะโกนขึ้นมา
“ มีอะไรรึ ?” จางลู่ชะงักไป
“ ข้าสงสัยว่าเจ้าจะช่วยข้าได้รึไม่ ?”
“ เรื่องอะไรกัน ?”
“ ช่วยข้าสร้างโกลาหล เมื่อเจ้าขึ้นไปถึงขอบเขตกึ่งจ้าวโกลาหล หากเจ้าเต็มใจช่วย มันก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างโกลาหลขึ้นมาอย่างมาก บางที…ด้วยความช่วยเหลือของจางหยูแล้ว มันอาจจะไม่จำเป็นต้องเสียโกลาหลไป”
แม้ว่ากึ่งจ้าวโกลาหลจะยังห่างจากจ้าวโกลาหลแต่ก็มีความสามารถพิเศษของจ้าวโกลาหลอยู่
การมีกึ่งจ้าวโกลาหลช่วยในการสร้างโกลาหลนั้นแน่นอนว่าจะต้องช่วยได้อย่างมาก
จางลู่ถามจางหยู เมื่อได้ยินข้อความที่จางหยูตอบกลับ เขาก็มองไปที่บรรพชนกระดูกแล้วส่ายหน้า “ ขอโทษด้วย ข้าไม่อาจจะช่วยเจ้าได้”
บรรพชนกระดูกชะงักไป “ ทำไมกัน ? หากเจ้าช่วยข้าสร้างโกลาหลก็ถือว่าเป็นเรื่องดี…เจ้าอาจจะกระจ่างขึ้นและกลายเป็นจ้าวโกลาหลจริงๆ มันมีแต่ได้กับได้ ทำไมถึงปฏิเสธ ?”
เขาพูดมามากแบบนี้ก็เพื่อให้จางหยูสนใจ
หากจางหยูไม่ตกลง งั้นที่เขาพูดมามากมายแบบนี้จะไม่ไร้ค่ารึ ?
บรรพชนกระดูกคิ้วขมวด เขาไม่อาจจะเข้าใจ ชัดแล้วว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้ประโยชน์ แต่ทำไมจางหยูถึงได้ปฏิเสธ ? “ เรายังไม่เข้าใจบางอย่างรึอาจจะบอกว่าเรายังไม่มั่นใจก็ได้” จางลู่พูดขึ้นมา “ เมื่อเรามั่นใจแล้ว เราจะพิจารณาว่าควรจะช่วยเจ้ารึไม่”
นี่คือคำพูดของจางหยู ยังไงซะเรื่องแบบนี้ก็มีแค่จางหยูที่ตัดสินใจได้
“ เรื่องอะไรกัน ? เจ้าถามข้ามาได้เลย มีไม่กี่เรื่องที่ข้าไม่รู้” บรรพชนกระดูกพูดขึ้น
จางลู่ส่ายหน้า “ ข้าไม่อาจจะเปิดเผยได้ ” จริงๆแล้วสิ่งเดียวที่จางหยูไม่มั่นใจในตอนนี้ก็คือบรรพชนกระดูกนั้นเชื่อใจได้รึไม่ จนกว่าจะตัดสินได้ว่าบรรพชนกระดูกไม่ได้เป็นภัย งั้นจางหยูก็ไม่คิดที่จะเสี่ยงเชื่อใจบรรพชนกระดูก
แต่คำพูดนี้ไม่อาจจะพูดออกมาได้
เมื่อเห็นท่าทีของจางลู่ที่แน่วแน่แล้ว บรรพชนกระดูกก็จนปัญญา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะสงสัยในตัวข้า”
จางลู่ยังไม่ทันได้เปิดปากพูด บรรพชนกระดูกก็โบกมือ “ เจ้าไปได้แล้ว เรื่องที่ข้าพูดไปนั้นเจ้าค่อยกลับไปคิด เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง”
เขาค่อนข้างตรงไปตรงมา
“ งั้นก็ลาก่อน” จางลู่ไม่ได้อธิบายอะไรต่อเพราะบรรพชนกระดูกพูดถูก
“ หวังว่าเราจะได้พบกันอีก” ท่าทีของบรรพชนกระดูกนั้นยังเป็นมิตรดังเดิม
“ ใช่สิ เมื่อเจ้าเป็นร่างแยกของจ้าวโกลาหล งั้นเจ้าคำนวณได้รึไม่ว่าโกลาหลจะทนได้นานแค่ไหน ?” จางลู่ถามขึ้นมา ก่อนที่จะจากไป
“ มันอาจจะเหลืออีกไม่กี่ล้านปี” บรรพชนกระดูกเงียบไปก่อนจะพูดต่อ “ไม่กี่ล้านปีนี้สำหรับคนทั่วไปแล้วอาจจะเป็นเวลาที่ยาวนาน แม้แต่ผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ก็ยังถือว่านาน แต่สำหรับโกลาหลแล้ว…มันไม่ได้นานเลย นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ากังวล”
มันยากเกินไปที่จะพัฒนาโกลาหลนภาให้กลายเป็นโกลาหลที่แท้จริงได้ในเวลาแค่ไม่กี่ล้านปี !
บรรพชนกระดูกไม่แน่ใจว่าจะทำได้
“ ไม่กี่ล้านปี…” จางลู่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ เข้าใจแล้ว”
เมื่อพูดจบ จางลู่ก็ได้ออกจากที่นั่นและหายไปทันที
เมื่อเห็นจางลู่หายตัวไป บรรพชนกระดูกก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า “เด็กน้อยนี่ระวังตัวจริงๆ ”
…
ที่บรรพกาล
จางลู่ได้ปรากฏตัวขึ้นตรงข้ามจางหยู
“ บรรพชนกระดูกเชื่อถือได้รึไม่ ? ” จางหยูถามขึ้นมาราวกับถามตัวเอง
จางลู่เงียบไปชั่วครู่แล้วพูดขึ้นมาว่า “ ข้าคิดว่าเขาน่าเชื่อถือกว่าจิตมรณะ แต่ก็รู้สึกได้ว่าเขาปิดบังบางอย่างเอาไว้ ” ยิ่งบรรพชนกระดูกตรงไปตรงมาเท่าไหร่ จางลู่ก็รู้สึกว่าบรรพชนกระดูกมีปัญหา
“ เจ้าคิดว่าเขาคือร่างแยกของจ้าวโกลาหลรึไม่ ?” จางหยูถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ เขาไม่น่าจะโกหกเรื่องนี้ ” จางลู่คิดและพูดขึ้นมา “ หากไม่ใช่ร่างแยกของจ้าวโกลาหล เขาจะเชี่ยวชาญกฎวิวรณ์ได้ยังไง ? ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็รู้ด้วยว่าจ้าวโกลาหลตายยังไง ถึงจะฟังดูเกินจริงก็เถอะ แต่ยิ่งเกินจริงเท่าไหร่ก็ยิ่งใกล้เคียงกับความจริงเท่านั้น “
เมื่อพูดถึงตรงนี้จางลู่ก็พูดต่อว่า “ แต่ก็ยังตัดสินไม่ได้อยู่ดีเพราะไม่มีหลักฐาน ใครจะไปรู้ว่าเขากับจิตมรณะใครกันที่โกหก ?”
ตามที่จิตมรณะพูดมานั้นบรรพชนกระดูกคือคนทรยศ ตามที่บรรพชนกระดูกบอกมาจิตมรณะคือตัวแทนแห่งการทำลายล้างและความตาย
ตอนนี้ตัดสินได้ว่าจิตมรณะนั้นไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด นอกจากนี้จางลู่ก็ได้ฉีกหน้ามันไปแล้ว คำพูดที่เหลือก็ไม่รู้ว่ามีความจริงอยู่เท่าไหร่ ส่วนบรรพชนกระดูกนั้นจางลู่ไม่อาจจะหาช่องโหว่ได้ เขาได้แต่พึ่งสัญชาตญาณในการตัดสิน
หากให้เลือกว่าจะเชื่อใครระหว่างสองคนนี้แล้ว จางลู่เลือกที่จะเชื่อคำพูดของบรรพชนกระดูกมากกว่า
“ จริงรึเท็จ เท็จรึจริง ช่างน่าปวดหัวจริงๆ !” จางหยูถอนหายใจออกมา “หากข้าขึ้นไปขอบเขตจ้าวโกลาหลได้ บางทีข้าอาจจะย้อนกระแสเวลาเข้าไปดูอดีตรึอนาคต โชคร้ายที่ข้าไม่มีความสามารถพอ”
แม้ว่าจะหาทางขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลได้แต่ก็ต้องเวลาไม่ใช้น้อย มันไม่ใช่เรื่องที่สำเร็จในข้ามคืน
จางลู่พูดขึ้นมา “ จิตสวรรค์ต้องโกหกแน่ บรรพชนกระดูกอาจจะโกหกอยู่บ้าง เราต้องตรวจสอบเรื่องนี้ต่อ “
“ คงต้องฝากเจ้าแล้ว” จางหยูไม่อยากจะคิดต่อ เขาต้องเพ่งสมาธิไปกับการสร้างต้นไม้บรรพกาล ตราบใดที่เขาขึ้นเป็นจ้าวบรรพกาลได้ งั้นปัญหาทุกอย่างก็จะได้รับการแก้ไข เขาไม่ต้องสนว่าใครจะโกหกหรือพูดจริง “ ข้าหวังว่าก่อนที่ข้าจะขึ้นเป็นจ้าวบรรพกาล เจ้าจะตรวจสอบหาความจริงเรื่องนี้พบ”
“ ข้าไม่ไปคนเดียวได้รึไม่ ?” จางลู่ถอนหายใจออกมา “ เซียนกระบี่พเนจร, เฒ่าเทียนจีและคนอื่นๆก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าข้านัก …”
ตอนนี้ร่างแยกเหล่านั้นได้ขึ้นเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 กันแล้ว
รวมถึงร่างแยกทั้ง 8 แสนร่างด้วย !
เดาว่าต่อให้ทั้งสุสานสวรรค์ โกลาหลนภารวมไปถึงผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ทั้งโกลาหลรวมกันแล้ว ก็ยังมีจำนวนน้อยกว่าร่างแยกของจางหยู แม้ว่าคุณภาพจะสูงกว่าแต่ในด้านปริมาณแล้ว จางหยูเพียงคนเดียวก็สามารถบดขยี้ทั้งโกลาหลได้
“ เมื่อพวกเขาขึ้นเป็นราชา พวกเขาจะทำหน้าที่แทนเจ้า “ จางหยูพูดขึ้น “ ตอนนี้พวกเขาไม่อาจจะทำได้ ! ใครใช้ให้เจ้าแข็งแกร่งกว่าคนอื่นกัน ?” จางลู่สลด “ ข้าอยากอ่อนแอแบบพวกเขาดีกว่า”
“ ใช่สิ…” จางลู่นึกบางอย่างออกและพูดขึ้น “เจ้าควรจะลองใช้ทักษะหลอกลวงกับเขาดีรึไม่ ? บางทีมันอาจจะได้ผลกับบรรพชนกระดูกก็ได้?”
จางหยูส่ายหน้า “ ข้าเคยคิดแบบนั้นแต่เขาแข็งแกร่งกว่าข้ามาก ทักษะหลอกลวงใช้กับเขาไม่ได้ผล หากพวกเขาเข้ามาในโลกตันเถียน เดาว่าทักษะนี้อาจจะได้ผลอยู่บ้าง แต่ในโลกภายนอกแล้วมันคงไม่ได้ผล”
ทักษะหลอกลวงคือทักษะสวรรค์แบบหนึ่งแต่เพราะการปรากฏตัวของโลกตันเถียนจึงทำให้มันดูด้อยไป ทักษะนี้หลอกได้แม้แต่ยอดฝีมือที่แข็งแกร่ง แต่เงื่อนไขคือความแข็งแกร่งของจางหยูจะต้องมากกว่าอีกฝ่ายรึใกล้เคียงกับอีกฝ่าย
หากความแข็งแกร่งไม่เพียงพอแล้ว ถึงจะใช้ไปมันก็ไม่ได้ผลและอาจจะถูกมองออกอีกด้วย เมื่อไม่มั่นใจ จางหยูก็ไม่มีทางใช้มันออกมาง่ายๆ
ยังไงซะนี่ก็เป็นหนึ่งในไพ่ลับของเขา
“ งั้นถือซะว่าข้าไม่ได้พูดก็แล้วกัน” จางลู่ถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ เจ้าจัดการธุระเจ้าเถอะ ข้าจะหาทางตรวจสอบเอง”
จางหยูโบกมือ “ ไปเถอะ”
ที่โลกป่า
จางลู่ได้ไปหาเนี่ยเวิ่น
“ เจ้ารู้จักร่างแยกของจ้าวโกลาหลรึไม่ ?” ทันทีที่จางลู่ปรากฏตัวขึ้นมา เขาก็ได้ตรงไปหาเนี่ยเวิ่นทันที
เนี่ยเวิ่นได้ทำการติดต่อกับต้นไม้โกลาหลและได้ถามเรื่องจ้าวโกลาหลจากต้นไม้โกลาหล
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจเขาก็ได้สติกลับมาและพยักหน้าให้กับจางลู่ “จ้าวโกลาหลได้สร้างร่างแยกร่างหนึ่งขึ้นมา เขาได้ให้ร่างแยกคอยดูแลโกลาหล และคอยจัดการธุระให้ ข้ายังได้รับคำสั่งของนายท่านให้ร่วมมือกับเขาเพื่อจับตาดูโกลาหลเอาไว้ แต่เมื่อข้ากลับมาเกิดใหม่ ข้าก็ไม่รู้ว่าร่างแยกนั้นเป็นยังไงบ้าง ”
แบบนี้นี่เอง !
จ้าวโกลาหลได้สร้างร่างแยกขึ้นมาจริงๆ !
ร่างแยกนั้นจะเป็นจิตมรณะรึบรรพชนกระดูกกันแน่ ?
“ จิตสุสานสวรรค์คือร่างแยกของจ้าวโกลาหลรึ ?” จางลู่ถามขึ้นมา
“ จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง ?” เนี่ยเวิ่นไม่รู้ว่าจะหัวเราะรึร้องไห้ดี “ จิตสุสานสวรรค์คือผู้ทำลายโกลาหล แม้ไม่รู้ว่ามันเป็นตัวตนแบบไหน แต่ก็ไม่มีทางเป็นร่างแยกของนายท่านได้ ข้ากับร่างแยกของเขาจับตาดูโกลาหลเอาไว้ คลื่นพลังของเขานั้นข้าคุ้นเคยดี จิตสุสานไม่ใช่ร่างแยกของนายท่านแน่” ตัดออกไปหนึ่งตัวเลือก งั้น…บรรพชนกระดูกก็ไม่ได้โกหก เขาเป็นร่างแยกของจ้าวโกลาหลจริงๆรึ ?
“ งั้นเขาก็ไม่น่าจะโกหก” จางลู่พึมพำกับตัวเอง
“ ใครกัน ?”
“ ไห่อู่เซิง” จางลู่พูดขึ้น
“ ใครคือไห่อู่เซิง? ข้าไม่เข้าใจ “
“ เจ้าไม่เคยได้ยินชื่อเขารึ ?” จางลู่สับสน เนี่ยเวิ่นและบรรพชนกระดูกคอยดูแลโกลาหลมานาน แม้แต่ชื่อของบรรพชนกระดูก เนี่ยเวิ่นก็ไม่รู้รึ ?
เนี่ยเวิ่นสับสน “ ชื่อนี้มันพิเศษรึ?”
“ ไม่ใช่ว่าเขาคือร่างแยกของนายเจ้ารึไง ?” จางลู่เริ่มสับสนยิ่งกว่าเก่า
“ ร่างแยกของนายท่าน ? ใครบอกว่าเขาเป็นร่างแยกของนายท่านกัน ?”
“ ไม่ใช่รึ ?” จางลู่คิ้วขมวด เรื่องนี้มันเริ่มซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
เนี่ยเวิ่นพูดขึ้นมา “ ชื่อของนายท่านเป็นสิ่งต้องห้ามจึงไม่มีใครรู้ แต่ร่างแยกของเขาน่ะข้าจำชื่อได้ มันไม่ใช่ไห่อู่เซิง แต่เป็นแซ่ซุน”
“ ซุนรึ ?” จางลู่ยักคิ้ว “ งั้นไห่อู่เซิงก็โกหกรึ ? หรือว่า…เขาจะเปลี่ยนชื่อ ?”
“ ขอบคุณที่ชี้แนะ” จางลู่พูดขึ้น “ งั้นข้าขอตัวก่อน ”
“ ช้าก่อน” บรรพชนกระดูกตะโกนขึ้นมา
“ มีอะไรรึ ?” จางลู่ชะงักไป
“ ข้าสงสัยว่าเจ้าจะช่วยข้าได้รึไม่ ?”
“ เรื่องอะไรกัน ?”
“ ช่วยข้าสร้างโกลาหล เมื่อเจ้าขึ้นไปถึงขอบเขตกึ่งจ้าวโกลาหล หากเจ้าเต็มใจช่วย มันก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างโกลาหลขึ้นมาอย่างมาก บางที…ด้วยความช่วยเหลือของจางหยูแล้ว มันอาจจะไม่จำเป็นต้องเสียโกลาหลไป”
แม้ว่ากึ่งจ้าวโกลาหลจะยังห่างจากจ้าวโกลาหลแต่ก็มีความสามารถพิเศษของจ้าวโกลาหลอยู่
การมีกึ่งจ้าวโกลาหลช่วยในการสร้างโกลาหลนั้นแน่นอนว่าจะต้องช่วยได้อย่างมาก
จางลู่ถามจางหยู เมื่อได้ยินข้อความที่จางหยูตอบกลับ เขาก็มองไปที่บรรพชนกระดูกแล้วส่ายหน้า “ ขอโทษด้วย ข้าไม่อาจจะช่วยเจ้าได้”
บรรพชนกระดูกชะงักไป “ ทำไมกัน ? หากเจ้าช่วยข้าสร้างโกลาหลก็ถือว่าเป็นเรื่องดี…เจ้าอาจจะกระจ่างขึ้นและกลายเป็นจ้าวโกลาหลจริงๆ มันมีแต่ได้กับได้ ทำไมถึงปฏิเสธ ?”
เขาพูดมามากแบบนี้ก็เพื่อให้จางหยูสนใจ
หากจางหยูไม่ตกลง งั้นที่เขาพูดมามากมายแบบนี้จะไม่ไร้ค่ารึ ?
บรรพชนกระดูกคิ้วขมวด เขาไม่อาจจะเข้าใจ ชัดแล้วว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้ประโยชน์ แต่ทำไมจางหยูถึงได้ปฏิเสธ ? “ เรายังไม่เข้าใจบางอย่างรึอาจจะบอกว่าเรายังไม่มั่นใจก็ได้” จางลู่พูดขึ้นมา “ เมื่อเรามั่นใจแล้ว เราจะพิจารณาว่าควรจะช่วยเจ้ารึไม่”
นี่คือคำพูดของจางหยู ยังไงซะเรื่องแบบนี้ก็มีแค่จางหยูที่ตัดสินใจได้
“ เรื่องอะไรกัน ? เจ้าถามข้ามาได้เลย มีไม่กี่เรื่องที่ข้าไม่รู้” บรรพชนกระดูกพูดขึ้น
จางลู่ส่ายหน้า “ ข้าไม่อาจจะเปิดเผยได้ ” จริงๆแล้วสิ่งเดียวที่จางหยูไม่มั่นใจในตอนนี้ก็คือบรรพชนกระดูกนั้นเชื่อใจได้รึไม่ จนกว่าจะตัดสินได้ว่าบรรพชนกระดูกไม่ได้เป็นภัย งั้นจางหยูก็ไม่คิดที่จะเสี่ยงเชื่อใจบรรพชนกระดูก
แต่คำพูดนี้ไม่อาจจะพูดออกมาได้
เมื่อเห็นท่าทีของจางลู่ที่แน่วแน่แล้ว บรรพชนกระดูกก็จนปัญญา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะสงสัยในตัวข้า”
จางลู่ยังไม่ทันได้เปิดปากพูด บรรพชนกระดูกก็โบกมือ “ เจ้าไปได้แล้ว เรื่องที่ข้าพูดไปนั้นเจ้าค่อยกลับไปคิด เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง”
เขาค่อนข้างตรงไปตรงมา
“ งั้นก็ลาก่อน” จางลู่ไม่ได้อธิบายอะไรต่อเพราะบรรพชนกระดูกพูดถูก
“ หวังว่าเราจะได้พบกันอีก” ท่าทีของบรรพชนกระดูกนั้นยังเป็นมิตรดังเดิม
“ ใช่สิ เมื่อเจ้าเป็นร่างแยกของจ้าวโกลาหล งั้นเจ้าคำนวณได้รึไม่ว่าโกลาหลจะทนได้นานแค่ไหน ?” จางลู่ถามขึ้นมา ก่อนที่จะจากไป
“ มันอาจจะเหลืออีกไม่กี่ล้านปี” บรรพชนกระดูกเงียบไปก่อนจะพูดต่อ “ไม่กี่ล้านปีนี้สำหรับคนทั่วไปแล้วอาจจะเป็นเวลาที่ยาวนาน แม้แต่ผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ก็ยังถือว่านาน แต่สำหรับโกลาหลแล้ว…มันไม่ได้นานเลย นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ากังวล”
มันยากเกินไปที่จะพัฒนาโกลาหลนภาให้กลายเป็นโกลาหลที่แท้จริงได้ในเวลาแค่ไม่กี่ล้านปี !
บรรพชนกระดูกไม่แน่ใจว่าจะทำได้
“ ไม่กี่ล้านปี…” จางลู่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ เข้าใจแล้ว”
เมื่อพูดจบ จางลู่ก็ได้ออกจากที่นั่นและหายไปทันที
เมื่อเห็นจางลู่หายตัวไป บรรพชนกระดูกก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า “เด็กน้อยนี่ระวังตัวจริงๆ ”
…
ที่บรรพกาล
จางลู่ได้ปรากฏตัวขึ้นตรงข้ามจางหยู
“ บรรพชนกระดูกเชื่อถือได้รึไม่ ? ” จางหยูถามขึ้นมาราวกับถามตัวเอง
จางลู่เงียบไปชั่วครู่แล้วพูดขึ้นมาว่า “ ข้าคิดว่าเขาน่าเชื่อถือกว่าจิตมรณะ แต่ก็รู้สึกได้ว่าเขาปิดบังบางอย่างเอาไว้ ” ยิ่งบรรพชนกระดูกตรงไปตรงมาเท่าไหร่ จางลู่ก็รู้สึกว่าบรรพชนกระดูกมีปัญหา
“ เจ้าคิดว่าเขาคือร่างแยกของจ้าวโกลาหลรึไม่ ?” จางหยูถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ เขาไม่น่าจะโกหกเรื่องนี้ ” จางลู่คิดและพูดขึ้นมา “ หากไม่ใช่ร่างแยกของจ้าวโกลาหล เขาจะเชี่ยวชาญกฎวิวรณ์ได้ยังไง ? ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็รู้ด้วยว่าจ้าวโกลาหลตายยังไง ถึงจะฟังดูเกินจริงก็เถอะ แต่ยิ่งเกินจริงเท่าไหร่ก็ยิ่งใกล้เคียงกับความจริงเท่านั้น “
เมื่อพูดถึงตรงนี้จางลู่ก็พูดต่อว่า “ แต่ก็ยังตัดสินไม่ได้อยู่ดีเพราะไม่มีหลักฐาน ใครจะไปรู้ว่าเขากับจิตมรณะใครกันที่โกหก ?”
ตามที่จิตมรณะพูดมานั้นบรรพชนกระดูกคือคนทรยศ ตามที่บรรพชนกระดูกบอกมาจิตมรณะคือตัวแทนแห่งการทำลายล้างและความตาย
ตอนนี้ตัดสินได้ว่าจิตมรณะนั้นไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด นอกจากนี้จางลู่ก็ได้ฉีกหน้ามันไปแล้ว คำพูดที่เหลือก็ไม่รู้ว่ามีความจริงอยู่เท่าไหร่ ส่วนบรรพชนกระดูกนั้นจางลู่ไม่อาจจะหาช่องโหว่ได้ เขาได้แต่พึ่งสัญชาตญาณในการตัดสิน
หากให้เลือกว่าจะเชื่อใครระหว่างสองคนนี้แล้ว จางลู่เลือกที่จะเชื่อคำพูดของบรรพชนกระดูกมากกว่า
“ จริงรึเท็จ เท็จรึจริง ช่างน่าปวดหัวจริงๆ !” จางหยูถอนหายใจออกมา “หากข้าขึ้นไปขอบเขตจ้าวโกลาหลได้ บางทีข้าอาจจะย้อนกระแสเวลาเข้าไปดูอดีตรึอนาคต โชคร้ายที่ข้าไม่มีความสามารถพอ”
แม้ว่าจะหาทางขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลได้แต่ก็ต้องเวลาไม่ใช้น้อย มันไม่ใช่เรื่องที่สำเร็จในข้ามคืน
จางลู่พูดขึ้นมา “ จิตสวรรค์ต้องโกหกแน่ บรรพชนกระดูกอาจจะโกหกอยู่บ้าง เราต้องตรวจสอบเรื่องนี้ต่อ “
“ คงต้องฝากเจ้าแล้ว” จางหยูไม่อยากจะคิดต่อ เขาต้องเพ่งสมาธิไปกับการสร้างต้นไม้บรรพกาล ตราบใดที่เขาขึ้นเป็นจ้าวบรรพกาลได้ งั้นปัญหาทุกอย่างก็จะได้รับการแก้ไข เขาไม่ต้องสนว่าใครจะโกหกหรือพูดจริง “ ข้าหวังว่าก่อนที่ข้าจะขึ้นเป็นจ้าวบรรพกาล เจ้าจะตรวจสอบหาความจริงเรื่องนี้พบ”
“ ข้าไม่ไปคนเดียวได้รึไม่ ?” จางลู่ถอนหายใจออกมา “ เซียนกระบี่พเนจร, เฒ่าเทียนจีและคนอื่นๆก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าข้านัก …”
ตอนนี้ร่างแยกเหล่านั้นได้ขึ้นเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 กันแล้ว
รวมถึงร่างแยกทั้ง 8 แสนร่างด้วย !
เดาว่าต่อให้ทั้งสุสานสวรรค์ โกลาหลนภารวมไปถึงผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ทั้งโกลาหลรวมกันแล้ว ก็ยังมีจำนวนน้อยกว่าร่างแยกของจางหยู แม้ว่าคุณภาพจะสูงกว่าแต่ในด้านปริมาณแล้ว จางหยูเพียงคนเดียวก็สามารถบดขยี้ทั้งโกลาหลได้
“ เมื่อพวกเขาขึ้นเป็นราชา พวกเขาจะทำหน้าที่แทนเจ้า “ จางหยูพูดขึ้น “ ตอนนี้พวกเขาไม่อาจจะทำได้ ! ใครใช้ให้เจ้าแข็งแกร่งกว่าคนอื่นกัน ?” จางลู่สลด “ ข้าอยากอ่อนแอแบบพวกเขาดีกว่า”
“ ใช่สิ…” จางลู่นึกบางอย่างออกและพูดขึ้น “เจ้าควรจะลองใช้ทักษะหลอกลวงกับเขาดีรึไม่ ? บางทีมันอาจจะได้ผลกับบรรพชนกระดูกก็ได้?”
จางหยูส่ายหน้า “ ข้าเคยคิดแบบนั้นแต่เขาแข็งแกร่งกว่าข้ามาก ทักษะหลอกลวงใช้กับเขาไม่ได้ผล หากพวกเขาเข้ามาในโลกตันเถียน เดาว่าทักษะนี้อาจจะได้ผลอยู่บ้าง แต่ในโลกภายนอกแล้วมันคงไม่ได้ผล”
ทักษะหลอกลวงคือทักษะสวรรค์แบบหนึ่งแต่เพราะการปรากฏตัวของโลกตันเถียนจึงทำให้มันดูด้อยไป ทักษะนี้หลอกได้แม้แต่ยอดฝีมือที่แข็งแกร่ง แต่เงื่อนไขคือความแข็งแกร่งของจางหยูจะต้องมากกว่าอีกฝ่ายรึใกล้เคียงกับอีกฝ่าย
หากความแข็งแกร่งไม่เพียงพอแล้ว ถึงจะใช้ไปมันก็ไม่ได้ผลและอาจจะถูกมองออกอีกด้วย เมื่อไม่มั่นใจ จางหยูก็ไม่มีทางใช้มันออกมาง่ายๆ
ยังไงซะนี่ก็เป็นหนึ่งในไพ่ลับของเขา
“ งั้นถือซะว่าข้าไม่ได้พูดก็แล้วกัน” จางลู่ถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ เจ้าจัดการธุระเจ้าเถอะ ข้าจะหาทางตรวจสอบเอง”
จางหยูโบกมือ “ ไปเถอะ”
ที่โลกป่า
จางลู่ได้ไปหาเนี่ยเวิ่น
“ เจ้ารู้จักร่างแยกของจ้าวโกลาหลรึไม่ ?” ทันทีที่จางลู่ปรากฏตัวขึ้นมา เขาก็ได้ตรงไปหาเนี่ยเวิ่นทันที
เนี่ยเวิ่นได้ทำการติดต่อกับต้นไม้โกลาหลและได้ถามเรื่องจ้าวโกลาหลจากต้นไม้โกลาหล
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจเขาก็ได้สติกลับมาและพยักหน้าให้กับจางลู่ “จ้าวโกลาหลได้สร้างร่างแยกร่างหนึ่งขึ้นมา เขาได้ให้ร่างแยกคอยดูแลโกลาหล และคอยจัดการธุระให้ ข้ายังได้รับคำสั่งของนายท่านให้ร่วมมือกับเขาเพื่อจับตาดูโกลาหลเอาไว้ แต่เมื่อข้ากลับมาเกิดใหม่ ข้าก็ไม่รู้ว่าร่างแยกนั้นเป็นยังไงบ้าง ”
แบบนี้นี่เอง !
จ้าวโกลาหลได้สร้างร่างแยกขึ้นมาจริงๆ !
ร่างแยกนั้นจะเป็นจิตมรณะรึบรรพชนกระดูกกันแน่ ?
“ จิตสุสานสวรรค์คือร่างแยกของจ้าวโกลาหลรึ ?” จางลู่ถามขึ้นมา
“ จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง ?” เนี่ยเวิ่นไม่รู้ว่าจะหัวเราะรึร้องไห้ดี “ จิตสุสานสวรรค์คือผู้ทำลายโกลาหล แม้ไม่รู้ว่ามันเป็นตัวตนแบบไหน แต่ก็ไม่มีทางเป็นร่างแยกของนายท่านได้ ข้ากับร่างแยกของเขาจับตาดูโกลาหลเอาไว้ คลื่นพลังของเขานั้นข้าคุ้นเคยดี จิตสุสานไม่ใช่ร่างแยกของนายท่านแน่” ตัดออกไปหนึ่งตัวเลือก งั้น…บรรพชนกระดูกก็ไม่ได้โกหก เขาเป็นร่างแยกของจ้าวโกลาหลจริงๆรึ ?
“ งั้นเขาก็ไม่น่าจะโกหก” จางลู่พึมพำกับตัวเอง
“ ใครกัน ?”
“ ไห่อู่เซิง” จางลู่พูดขึ้น
“ ใครคือไห่อู่เซิง? ข้าไม่เข้าใจ “
“ เจ้าไม่เคยได้ยินชื่อเขารึ ?” จางลู่สับสน เนี่ยเวิ่นและบรรพชนกระดูกคอยดูแลโกลาหลมานาน แม้แต่ชื่อของบรรพชนกระดูก เนี่ยเวิ่นก็ไม่รู้รึ ?
เนี่ยเวิ่นสับสน “ ชื่อนี้มันพิเศษรึ?”
“ ไม่ใช่ว่าเขาคือร่างแยกของนายเจ้ารึไง ?” จางลู่เริ่มสับสนยิ่งกว่าเก่า
“ ร่างแยกของนายท่าน ? ใครบอกว่าเขาเป็นร่างแยกของนายท่านกัน ?”
“ ไม่ใช่รึ ?” จางลู่คิ้วขมวด เรื่องนี้มันเริ่มซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
เนี่ยเวิ่นพูดขึ้นมา “ ชื่อของนายท่านเป็นสิ่งต้องห้ามจึงไม่มีใครรู้ แต่ร่างแยกของเขาน่ะข้าจำชื่อได้ มันไม่ใช่ไห่อู่เซิง แต่เป็นแซ่ซุน”
“ ซุนรึ ?” จางลู่ยักคิ้ว “ งั้นไห่อู่เซิงก็โกหกรึ ? หรือว่า…เขาจะเปลี่ยนชื่อ ?”