ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1804 : เกิดใหม่
หลังจากที่เชื่อมต่อจิตกับซุนเหยียนแล้ว จางหยูก็ได้ยืนยันตัวตนของซุนเหยียน รวมถึงการยืนยันว่าไห่อู่เซิงคือจิตลึกลับ
“ เขาเจ้าเล่ห์กว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียอีก !” จางหยูแสดงสีหน้าหนักใจออกมา “ หากไม่ใช่เพราะต้นไม้โกลาหลเตือนข้า ข้าคงโดนเขาหลอกแล้ว”
จางหยูรู้สึกว่าโชคดี ตอนที่เข้าไปยังโกลาหลนภาครั้งแรก ไห่อู่เซิงนั้นไม่รู้ว่าเขาเป็นกึ่งจ้าวโกลาหล ไม่งั้นแล้วไห่อู่เซิงอาจจะลงมือกับเขาแล้วก็ได้
หากไห่อู่เซิงลงมือกับเขาโดยตรง จางหยูก็ไม่มั่นใจว่าจะหนีกลับมายังโลกตันเถียนได้รึไม่
ยังไงซะ ไห่อู่เซิงก็แกร่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก แม้ว่าเขาจะเตรียมตัวมาแล้วแต่ก็อาจจะหนีอีกฝ่ายไม่ได้ จางหยูส่ายหน้าและมองไปที่ซุนเหยียน ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ ต่อไปข้าจะสร้างร่างใหม่ให้กับเจ้า เจ้าจะควบคุมมันได้รึไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพลังสร้างของเจ้าเอง”
จางหยูตั้งใจจะใช้จิตผู้สร้างที่ไร้เทียมทานในโลกตันเทียน สร้างร่างแยกบรรพกาลให้กับซุนเหยียน
แม้ว่าจะใช้ทักษะสร้างร่างเทียมได้ แต่เพราะมีตัวตนจิตผู้สร้างที่ไร้เทียมทานนี้ จางหยูจึงคิดจะสร้างร่างแยกนี้ให้แข็งแกร่งกว่าจางลู่ แม้แต่จ้าวโกลาหลก็ยังไม่อาจจะสร้างร่างแยกที่แข็งแกร่งแบบนี้ออกมาได้
การจะสร้างร่างแยกที่แข็งแกร่งนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับจางหยู ส่วนที่ยากจริงๆก็คือซุนเหยียนจะควบคุมร่างอันแข็งแกร่งนี้ได้รึไม่ นอกจากนี้จางหยูก็ยังไม่มั่นใจ แม้ว่าซุนเหยียนจะควบคุมร่างแยกนี้ได้แต่จะสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดได้รึไม่ ถึงร่างแยกนี้จะไร้เทียมทานในโลกตันเถียน แต่เมื่ออยู่ในโลกภายนอกแล้วจะแสดงความแข็งแกร่งแบบเดียวกันออกมาได้รึไม่นั้นก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน
“ เร็วจริงๆ !” ซุนเหยียนเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา
“ นี่เป็นแค่เปลือกนอก มันไม่ได้กินเวลามากนัก เจ้ารอสักครู่เดี๋ยวก็เสร็จ” จางหยูโบกมือและเริ่มทำการสร้างร่างบรรพกาลขึ้นมา
เขาแผ่จิตผู้สร้างออกมาพร้อมกับบรรพกาลโดยรอบที่มารวมตัวกัน มันสั่นไหวอยู่ชั่วครู่ เพียงไม่กี่อึดใจก็มีร่างก่อตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันทำให้ซุนเหยียนตะลึงอย่างมาก
หลังจากนั้นจางหยูก็ได้ทำการควบคุมร่างนี้ให้ลอยเข้าไปหาซุนเหยียน ก่อนจะพูดขึ้น “ เรียบร้อย”
ซุนเหยียนเบิกตากว้างด้วยความสับสน “ แค่นี้รึ ?”
นี่มันไร้เทียนทานจริงๆ !
“ เจ้าลองทดสอบดู หวังว่าเจ้าจะควบคุมร่างนี้ได้” จางหยูยิ้มออกมา ซุนเหยียนในตอนนี้เป็นเพียงร่างที่ประกอบขึ้นโดยปราณสุสาน และสิ่งที่ควบคุมปราณสุสานนั่นก็คือจิตของเขา
หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าซุนเหยียนนั้นไม่มีวิญญาณ และอยู่ในสถานะที่พิเศษ ภายใต้เงื่อนไขปกติแล้ว ร่างกายจำเป็นจะต้องมีจิตขับเคลื่อนวิญญาณ จากนั้นวิญญาณก็จะขับเคลื่อนร่างกาย
ซุนเหยียนไม่มีวิญญาณ ดังนั้นจางหยูจึงไม่มั่นใจว่าซุนเหยียนจะควบคุมร่างบรรพกาลได้รึไม่
เมื่อได้ยินคำพูดของจางหยู ซุนเหยียนก็ไม่ลังเลที่จะแยกตัวออกจากปราณสุสานและเข้าไปยังร่างใหม่
ต่อมาจิตอันแข็งแกร่งก็ปรากฏตัวขึ้น
จางหยูได้มองไปที่ซุนเหยียน เขาไม่คิดว่าเมื่อจิตนี้เข้าไปในร่างบรรพกาลแล้วจะทำให้เกิดวิญญาณของตัวเองขึ้นมา ในพริบตาวิญญาณก็ก่อตัวขึ้น มันแผ่คลื่นพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งออกมา ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าวิญญาณนี้แข็งแกร่งเพียงใด
“ ดูเหมือนว่าจิตจะเป็นพื้นฐาน” จางหยูคิด “ตราบใดที่จิตยังไม่ดับสูญ ก็สามารถสร้างวิญญาณขึ้นมาได้”
ซุนเหยียนคือตัวอย่างชั้นดี
ตอนที่จางหยูครุ่นคิดอยู่นั้นวิญญาณของซุนเหยียนก็พัฒนาขึ้น มันหลอมรวมกับร่างใหม่ ต่อมาแรงกดดันก็ได้แผ่ออกมาจากตัวซุนเหยียน
ตูม…..
บรรพกาลโดยรอบเหมือนไม่อาจจะรับพลังของซุนเหยียนได้ มันเกิดการระเบิดขึ้นมา บรรพกาลสั่นไหวเล็กน้อยราวกับว่าหวาดกลัวบางอย่าง
จางหยูรีบยังยั้งพลังของซุนเหยียนเอาไว้เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อบรรพกาลทั้งหมด
หลังจากนั้นสักพักซุนเหยียนก็ลืมตาขึ้นมาและมองไปที่ร่างใหม่ของตน สายตาของเขาแฝงไปด้วยความตื่นเต้น เขาอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา “ ฮาฮา…ข้าซุนเหยียน กลับมาแล้ว ! ข้ากลับมาแล้ว !”
จากจิตสุสาน สุดท้ายเขาก็ได้กลายเป็นคนปกติ !
เขากำหมัดเบาๆแต่กลับมีพลังที่ราวกับทำลายทุกอย่างได้
“ แข็งแกร่งจริงๆ !” ซุนเหยียนใจสั่นไปตาม “ แกร่งกว่าตอนที่ข้ายังอยู่สภาพสมบูรณ์เสียอีก แกร่งกว่าสองเท่าได้ !”
ตอนแรกเขาอยู่ขอบเขตการสร้างไร้จำกัด เป็นรองแค่เพียงร่างหลัก เพียงแต่เขาโดนไห่อู่เซิงลอบโจมตีและถูกชิงร่างไป แต่ตอนนี้เขากลับแข็งแกร่งกว่าเดิมเป็นสองเท่า มันเห็นได้ว่าความแข็งแกร่งของเขาน่ากลัวแค่ไหน
“ ข้ารู้สึก…” ซุนเหยียนพึมพำออกมาด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ ห่างจากจ้าวโกลาหลแค่เพียงก้าวเดียว !”
ซุนเหยียนไม่คิดไม่ฝันว่าร่างใหม่จะแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้ ร่างหลักของเขาไม่มีความสามารถที่จะสร้างร่างที่แกร่งแบบนี้ขึ้นมาได้ แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าร่างนี้มีพลังงานเกินกว่าที่เขาจะคาดถึง แต่ว่าจิตของเขาไม่แกร่งพอที่จะดึงพลังออกมาได้ เขาราวกับน้ำในแก้วขนาดใหญ่ แต่น้ำนั้นมีเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น มากสุดอาจจะแค่ 2 ใน 3
ร่างนี้น่ะมีพรสวรรค์ที่รอให้เขาขุดออกมาใช้ !
เขามองไปที่จางหยูด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าร่างที่น่ากลัวนี้ จางหยูจะเป็นคนสร้างขึ้นมา
มันหมายความว่าจางหยูแกร่งกว่าร่างหลักของเขาอีกรึ ?
“ ไม่ต้องแปลกใจไป” จางหยูพูดขึ้น “ หากไม่ใช่เพราะกังวลว่าจะใช้พลังบรรพกาลมากเกินไป และอาจจะส่งผลต่อบรรพกาล ข้าก็สามารถสร้างร่างที่แกร่งกว่านี้ขึ้นมาได้…” นอกจากนี้เขายังคิดว่าจิตของซุนเหยียนคงไม่แกร่งพอที่จะควบคุมร่างที่แกร่งกว่านี้ได้ ไม่งั้นแล้วเขาคงสร้างร่างที่ทัดเทียมกับจ้าวโกลาหลขึ้นมาแล้ว
ซุนเหยียนไม่สงสัยในคำพูดของจางหยู เพราะร่างที่แข็งแกร่งนี้เพียงพอที่จะพิสูจน์ทุกอย่างแล้ว !
“ ขอบคุณเจ้าสำนัก !” ซุนเหยียนพูดขึ้นด้วยความซาบซึ้งและตื่นเต้น “ ขอบคุณที่ให้ข้าได้เกิดใหม่ ! “
ความรู้สึกที่กลับมามีชีวิตนี้เขาคิดถึงมันอย่างมาก !
จางหยูยิ้มออกมาและถามขึ้น “ ร่างใหม่นี้เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง ?”
มันมีความหมายต่อการทดสอบของเขาอย่างมาก
“ ดี !” ซุนเหยียนไม่ปิดบัง “ ร่างนี้หากเทียบกับข้าในอดีตตอนที่สมบูรณ์แล้วแกร่งกว่าเป็นสองเท่า ! และ…” เมื่อพูดถึงจุดนี้ ซุนเหยียนก็ดูมั่นใจ “ ข้ารู้สึกว่า มันเหมือน…ข้ารับรู้ทุกอย่างได้ชัดเจน…ความรู้สึกนี้เหมือนกับจ้าวโกลาหลพูดถึงกึ่งจ้าวโกลาหล…ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดแต่กลับชัดเจน”
“ เขาเจ้าเล่ห์กว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียอีก !” จางหยูแสดงสีหน้าหนักใจออกมา “ หากไม่ใช่เพราะต้นไม้โกลาหลเตือนข้า ข้าคงโดนเขาหลอกแล้ว”
จางหยูรู้สึกว่าโชคดี ตอนที่เข้าไปยังโกลาหลนภาครั้งแรก ไห่อู่เซิงนั้นไม่รู้ว่าเขาเป็นกึ่งจ้าวโกลาหล ไม่งั้นแล้วไห่อู่เซิงอาจจะลงมือกับเขาแล้วก็ได้
หากไห่อู่เซิงลงมือกับเขาโดยตรง จางหยูก็ไม่มั่นใจว่าจะหนีกลับมายังโลกตันเถียนได้รึไม่
ยังไงซะ ไห่อู่เซิงก็แกร่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก แม้ว่าเขาจะเตรียมตัวมาแล้วแต่ก็อาจจะหนีอีกฝ่ายไม่ได้ จางหยูส่ายหน้าและมองไปที่ซุนเหยียน ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ ต่อไปข้าจะสร้างร่างใหม่ให้กับเจ้า เจ้าจะควบคุมมันได้รึไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพลังสร้างของเจ้าเอง”
จางหยูตั้งใจจะใช้จิตผู้สร้างที่ไร้เทียมทานในโลกตันเทียน สร้างร่างแยกบรรพกาลให้กับซุนเหยียน
แม้ว่าจะใช้ทักษะสร้างร่างเทียมได้ แต่เพราะมีตัวตนจิตผู้สร้างที่ไร้เทียมทานนี้ จางหยูจึงคิดจะสร้างร่างแยกนี้ให้แข็งแกร่งกว่าจางลู่ แม้แต่จ้าวโกลาหลก็ยังไม่อาจจะสร้างร่างแยกที่แข็งแกร่งแบบนี้ออกมาได้
การจะสร้างร่างแยกที่แข็งแกร่งนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับจางหยู ส่วนที่ยากจริงๆก็คือซุนเหยียนจะควบคุมร่างอันแข็งแกร่งนี้ได้รึไม่ นอกจากนี้จางหยูก็ยังไม่มั่นใจ แม้ว่าซุนเหยียนจะควบคุมร่างแยกนี้ได้แต่จะสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดได้รึไม่ ถึงร่างแยกนี้จะไร้เทียมทานในโลกตันเถียน แต่เมื่ออยู่ในโลกภายนอกแล้วจะแสดงความแข็งแกร่งแบบเดียวกันออกมาได้รึไม่นั้นก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน
“ เร็วจริงๆ !” ซุนเหยียนเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา
“ นี่เป็นแค่เปลือกนอก มันไม่ได้กินเวลามากนัก เจ้ารอสักครู่เดี๋ยวก็เสร็จ” จางหยูโบกมือและเริ่มทำการสร้างร่างบรรพกาลขึ้นมา
เขาแผ่จิตผู้สร้างออกมาพร้อมกับบรรพกาลโดยรอบที่มารวมตัวกัน มันสั่นไหวอยู่ชั่วครู่ เพียงไม่กี่อึดใจก็มีร่างก่อตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันทำให้ซุนเหยียนตะลึงอย่างมาก
หลังจากนั้นจางหยูก็ได้ทำการควบคุมร่างนี้ให้ลอยเข้าไปหาซุนเหยียน ก่อนจะพูดขึ้น “ เรียบร้อย”
ซุนเหยียนเบิกตากว้างด้วยความสับสน “ แค่นี้รึ ?”
นี่มันไร้เทียนทานจริงๆ !
“ เจ้าลองทดสอบดู หวังว่าเจ้าจะควบคุมร่างนี้ได้” จางหยูยิ้มออกมา ซุนเหยียนในตอนนี้เป็นเพียงร่างที่ประกอบขึ้นโดยปราณสุสาน และสิ่งที่ควบคุมปราณสุสานนั่นก็คือจิตของเขา
หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าซุนเหยียนนั้นไม่มีวิญญาณ และอยู่ในสถานะที่พิเศษ ภายใต้เงื่อนไขปกติแล้ว ร่างกายจำเป็นจะต้องมีจิตขับเคลื่อนวิญญาณ จากนั้นวิญญาณก็จะขับเคลื่อนร่างกาย
ซุนเหยียนไม่มีวิญญาณ ดังนั้นจางหยูจึงไม่มั่นใจว่าซุนเหยียนจะควบคุมร่างบรรพกาลได้รึไม่
เมื่อได้ยินคำพูดของจางหยู ซุนเหยียนก็ไม่ลังเลที่จะแยกตัวออกจากปราณสุสานและเข้าไปยังร่างใหม่
ต่อมาจิตอันแข็งแกร่งก็ปรากฏตัวขึ้น
จางหยูได้มองไปที่ซุนเหยียน เขาไม่คิดว่าเมื่อจิตนี้เข้าไปในร่างบรรพกาลแล้วจะทำให้เกิดวิญญาณของตัวเองขึ้นมา ในพริบตาวิญญาณก็ก่อตัวขึ้น มันแผ่คลื่นพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งออกมา ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าวิญญาณนี้แข็งแกร่งเพียงใด
“ ดูเหมือนว่าจิตจะเป็นพื้นฐาน” จางหยูคิด “ตราบใดที่จิตยังไม่ดับสูญ ก็สามารถสร้างวิญญาณขึ้นมาได้”
ซุนเหยียนคือตัวอย่างชั้นดี
ตอนที่จางหยูครุ่นคิดอยู่นั้นวิญญาณของซุนเหยียนก็พัฒนาขึ้น มันหลอมรวมกับร่างใหม่ ต่อมาแรงกดดันก็ได้แผ่ออกมาจากตัวซุนเหยียน
ตูม…..
บรรพกาลโดยรอบเหมือนไม่อาจจะรับพลังของซุนเหยียนได้ มันเกิดการระเบิดขึ้นมา บรรพกาลสั่นไหวเล็กน้อยราวกับว่าหวาดกลัวบางอย่าง
จางหยูรีบยังยั้งพลังของซุนเหยียนเอาไว้เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อบรรพกาลทั้งหมด
หลังจากนั้นสักพักซุนเหยียนก็ลืมตาขึ้นมาและมองไปที่ร่างใหม่ของตน สายตาของเขาแฝงไปด้วยความตื่นเต้น เขาอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา “ ฮาฮา…ข้าซุนเหยียน กลับมาแล้ว ! ข้ากลับมาแล้ว !”
จากจิตสุสาน สุดท้ายเขาก็ได้กลายเป็นคนปกติ !
เขากำหมัดเบาๆแต่กลับมีพลังที่ราวกับทำลายทุกอย่างได้
“ แข็งแกร่งจริงๆ !” ซุนเหยียนใจสั่นไปตาม “ แกร่งกว่าตอนที่ข้ายังอยู่สภาพสมบูรณ์เสียอีก แกร่งกว่าสองเท่าได้ !”
ตอนแรกเขาอยู่ขอบเขตการสร้างไร้จำกัด เป็นรองแค่เพียงร่างหลัก เพียงแต่เขาโดนไห่อู่เซิงลอบโจมตีและถูกชิงร่างไป แต่ตอนนี้เขากลับแข็งแกร่งกว่าเดิมเป็นสองเท่า มันเห็นได้ว่าความแข็งแกร่งของเขาน่ากลัวแค่ไหน
“ ข้ารู้สึก…” ซุนเหยียนพึมพำออกมาด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ ห่างจากจ้าวโกลาหลแค่เพียงก้าวเดียว !”
ซุนเหยียนไม่คิดไม่ฝันว่าร่างใหม่จะแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้ ร่างหลักของเขาไม่มีความสามารถที่จะสร้างร่างที่แกร่งแบบนี้ขึ้นมาได้ แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าร่างนี้มีพลังงานเกินกว่าที่เขาจะคาดถึง แต่ว่าจิตของเขาไม่แกร่งพอที่จะดึงพลังออกมาได้ เขาราวกับน้ำในแก้วขนาดใหญ่ แต่น้ำนั้นมีเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น มากสุดอาจจะแค่ 2 ใน 3
ร่างนี้น่ะมีพรสวรรค์ที่รอให้เขาขุดออกมาใช้ !
เขามองไปที่จางหยูด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าร่างที่น่ากลัวนี้ จางหยูจะเป็นคนสร้างขึ้นมา
มันหมายความว่าจางหยูแกร่งกว่าร่างหลักของเขาอีกรึ ?
“ ไม่ต้องแปลกใจไป” จางหยูพูดขึ้น “ หากไม่ใช่เพราะกังวลว่าจะใช้พลังบรรพกาลมากเกินไป และอาจจะส่งผลต่อบรรพกาล ข้าก็สามารถสร้างร่างที่แกร่งกว่านี้ขึ้นมาได้…” นอกจากนี้เขายังคิดว่าจิตของซุนเหยียนคงไม่แกร่งพอที่จะควบคุมร่างที่แกร่งกว่านี้ได้ ไม่งั้นแล้วเขาคงสร้างร่างที่ทัดเทียมกับจ้าวโกลาหลขึ้นมาแล้ว
ซุนเหยียนไม่สงสัยในคำพูดของจางหยู เพราะร่างที่แข็งแกร่งนี้เพียงพอที่จะพิสูจน์ทุกอย่างแล้ว !
“ ขอบคุณเจ้าสำนัก !” ซุนเหยียนพูดขึ้นด้วยความซาบซึ้งและตื่นเต้น “ ขอบคุณที่ให้ข้าได้เกิดใหม่ ! “
ความรู้สึกที่กลับมามีชีวิตนี้เขาคิดถึงมันอย่างมาก !
จางหยูยิ้มออกมาและถามขึ้น “ ร่างใหม่นี้เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง ?”
มันมีความหมายต่อการทดสอบของเขาอย่างมาก
“ ดี !” ซุนเหยียนไม่ปิดบัง “ ร่างนี้หากเทียบกับข้าในอดีตตอนที่สมบูรณ์แล้วแกร่งกว่าเป็นสองเท่า ! และ…” เมื่อพูดถึงจุดนี้ ซุนเหยียนก็ดูมั่นใจ “ ข้ารู้สึกว่า มันเหมือน…ข้ารับรู้ทุกอย่างได้ชัดเจน…ความรู้สึกนี้เหมือนกับจ้าวโกลาหลพูดถึงกึ่งจ้าวโกลาหล…ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดแต่กลับชัดเจน”