ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1808 : จ้าวบรรพกาลคนที่สอง(II)
“ อย่าพูดมาก” จางหยูพูดขึ้น “ ก่อนอื่นข้าไม่รับรองว่าจะสำเร็จ หากมันล้มเหลว บางทีเจ้าอาจจะตกอยู่ในอันตราย”
ทันทีที่ได้ยินว่าอาจจะตกอยู่ในอันตราย เสี่ยวเสียก็ชะงักไป มันเริ่มเปลี่ยนใจขึ้นมาแล้ว
“ มัน…มันอันตรายแค่ไหนกัน ?” เสี่ยวเสียกลืนน้ำลายและถามขึ้นมา
“ เจ้าอาจจะตายได้” จางหยูหรี่ตาลงแล้วพูดขึ้น
“ อึก” เสี่ยวเสียกังวลขึ้นมา ก่อนจะถอยหลังกลับไป “ นายท่าน ข้าไม่อยากเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลแล้ว ข้ายอมไปกินปราณสุสานจะดีกว่า”
จางหยูแสละยิ้มออกมา “ เจ้าบอกว่ามันน่ารังเกียจไม่ใช่รึไง”
เสี่ยวเสียรีบพูดขึ้น “ แม้ว่ามันจะน่ารังเกียจแต่ก็ยังพอกินได้ ”
“ ขอโทษด้วย เจ้าเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว” จางหยูหัวเราะออกมา “ เจ้าแค่ต้องลองดู”
เสี่ยวเสียอยากจะร้องไห้ออกมา มันอยากที่จะหนี แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวก็อยู่ในกำมือของจางหยูซะแล้ว ทั้งสองได้พุ่งทะลุโล่พลังของโลกเข้าไปยังบรรพกาล
จากนั้นจางหยูก็ได้ขังเสี่ยวเสียเอาไว้ เพื่อไม่ให้มันหนีไปไหน
“ ไม่ต้องกังวล มันอันตรายนิดๆแต่ไม่ได้ร้ายแรงแบบที่เจ้าคิด ” จางหยูมองไปที่เสี่ยวเสียแล้วพูดขึ้น “ หากไม่มีโอกาสสำเร็จสูง ข้าคงไม่คิดจะทำมันง่ายๆ”
อันตรายที่เขาพูดถึงคือการที่จิตของเสี่ยวเสียไม่อาจจะเข้ากันกับร่างบรรพกาลได้
ที่ซุนเหยียนทำสำเร็จได้ง่ายๆเพราะเขามีจิตของจ้าวโกลาหล แต่จิตของเสี่ยวเสียนั้นต่างจากสิ่งมีชีวิตทั่วไป มันคือจิตพิเศษที่คล้ายกับจิตของไห่อู่เซิง แต่จะสามารถหลอมรวมเข้ากับร่างบรรพกาลได้รึไม่นั้นจางหยูไม่มั่นใจนัก แต่มันมีตัวอย่างแล้ว การที่ไห่อู่เซิงได้เข้ายึดร่างของซุนเหยียนเอาไว้ มันทำให้เห็นว่ามีโอกาสสำเร็จสูง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจางหยูถึงได้กล้าทดสอบ
เสี่ยวเสียไม่เชื่อคำพูดของจางหยู และคิดว่าจางหยูหลอกตน มันดิ้นรนไปมาและพยายามทำลายมิติที่ขังมันไว้ แต่ก็ทำไม่ได้ มันมองจางหยูด้วยสีหน้าอ้อนวอน
ใครจะไปรู้ว่าจางหยูไม่ได้สนใจมันเลย เขากลับเริ่มสร้างร่างบรรพกาลขึ้นมาแทน
ภายใต้การสนับสนุนของจิตผู้สร้าง บรรพกาลโดยรอบก็สั่นไหว ก่อนจะมารวมตัวกันและอัดแน่นเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ จากนั้นหลุมดำก็หดตัวลงแต่แผ่พลังที่น่ากลัวกว่าเดิมออกมา สุดท้ายหลุมดำก็บิดตัวไปมากลายเป็นร่างกายขึ้น ใช้เวลาไม่นานร่างบรรพกาลก็ถูกสร้างขึ้นมาจนเสร็จ
“ มา ทดสอบดู ” จางหยูปลดผนึกของเสี่ยวเสียออกและยิ้มออกมา “ หลังจากนี้นี่จะเป็นร่างกายของเจ้า”
เสี่ยวเสียลนลาน “ ไม่ทดสอบได้รึไม่ ?”
จางหยูหุบยิ้มและพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย “ เจ้าจะรีบทดสอบรึจะให้ข้าตบเจ้า เจ้าเลือกเอง”
เสี่ยวเสียร้องไห้ออกมา “ แต่ร่างนี้ดูน่าเกลียดเกินไป ! ท่านเปลี่ยนรูปร่างของมันได้รึไม่ ?”
“ ถ้าเจ้าพูดอีกคำข้าจะลงมือแล้ว” จางหยูมองไปที่เสี่ยวเสีย
เมื่อได้ยินแบบนั้นเสี่ยวเสียก็กลัวยิ่งกว่าเดิม ตัวของมันถึงกับหดเล็กลง
มันค่อยๆบินไปหาร่างบรรพกาลราวกับนักโทษรอโดนประหาร ทุกๆก้าวมันจะหันกลับมามองจางหยูด้วยสายตาอ้อนวอน แต่จางหยูกลับแสดงสีหน้าเฉยเมย ซึ่งทำให้มันไม่กล้าที่จะหยุด
แค่ไม่กี่สิบก้าว แต่เสี่ยวเสียกลับใช้เวลาอยู่นานราวกับเดินทางข้ามโกลาหล สุดท้ายจางหยูก็หมดความอดทน เขาได้ยกมือขึ้นแล้วตบออกไป
ตอนที่จางหยูกำลังจะฟาดมือออกไปนั้น เสี่ยวเสียก็เหมือนจะรับรู้ได้ มันรีบพุ่งเข้าไปยังร่างบรรพกาลทันที
จางหยูดึงมือกลับมาและฮึดฮัด “ก็แค่เนี่ย”
ในอีกด้าน จิตของเสี่ยวเสียได้เข้าไปในร่างบรพกาลและแผ่พลังวิญญาณอันผันผวนออกมา พลังวิญญาณได้พุ่งทะยานขึ้น ก่อนที่ร่างกายจะมีพลังอันน่ากลัวปะทุออกมาและแผ่ไปยังบรรพกาลโดยรอบ ราวกับว่าปิศาจอันน่ากลัวได้ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้พิสูจน์แล้วว่าจ้าวบรรพกาลคนที่สองได้กำเนิดขึ้นมาแล้ว !
“ แข็งแกร่งจริงๆ…” เสียงของเสี่ยวเสียดังขึ้นมา มันลืมตาขึ้นมาและมองรอบตัวด้วยความตื่นเต้น
การหลอมรวมจิตกับร่างบรรพกาลนี้ราบรื่นกว่าที่จางหยูคิดเอาไว้ มันเหนือกว่าการรวมร่างของซุนเหยียนเสียอีก
“ นี่คือกึ่งจ้าวโกลาหลรึ ? ยอดเยี่ยม ! ” เสี่ยวเสียรับรู้ถึงพลังอันน่ากลัวภายในร่าง มันอดไม่ได้ที่จะลองควบคุมพลังดู
ชัดแล้วว่าร่างบรรพกาลนี้แกร่งกว่าร่างเดิมของมันทั้งด้านความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ มันถึงกับรู้สึกว่ามันควบคุมพลังบรรพกาลรอบตัวได้ แม้ว่าบรรพกาลที่นี่จะกำเนิดขึ้นมาได้ไม่นาน แต่บรรพกาลก็ยังเป็นบรรพกาลอยู่วันยังค่ำ แม้ว่าจะอ่อนแอแต่ก็มีพลังที่น่ากลัวอย่างมาก ที่สำคัญที่สุดคือการหลอมรวมกับร่างนี้ทำให้มันได้ขึ้นมาเป็นกึ่งจ้าวโกลาหล !
จากนี้ไปมันจะขึ้นเป็นจ้าวโกลาหล !
ไม่วาจะเป็นพลังรึขอบเขตของมันก็ก้าวกระโดดขึ้นมา
“ ฮ่าฮ่า !” เสี่ยวเสียหัวเราะออกมา “ กึ่งจ้าวโกลาหล ข้าเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลแล้ว ! ยอดเยี่ยมจริงๆ ! ” “ ผลั๊วะ ! ” จางหยูตบไปที่หัวของเสี่ยวเสีย จนทำให้มันหยุดหัวเราะ เขามองเสี่ยวเสียด้วยสีหน้าอึมครึม “หากโลกผนึกเทพโดนทำลาย คนแรกที่ข้าจะฆ่าต้องเป็นเจ้า !”
เสี่ยวเสียดีใจเกินไปจนทำให้บรรพกาลของโลกผนึกเทพปั่นป่วน กระทั่งโลกเองก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะจางหยูรับมือได้เร็วและทำให้บรรพกาลกลับมาเสถียร เกรงว่าโลกผนึกเทพอาจจะถูกทำลายลงไปแล้ว
เสี่ยวเสียที่กระเด็นออกไปก็ได้บินกลับมา มันมองจางหยูด้วยสายตาประจบ “ นายท่าน ข้ารู้แล้วว่าข้าทำผิดไป”
แม้ว่ามันจะโดนจางหยูตบสั่งสอน แต่ก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี มันเคารพจางหยูมากกว่าเดิม แน่นอนว่าหากเปลี่ยนรูปร่างของร่างนี้ได้ มันก็คงจะยินดีกว่านี้
“ ไปดูต้นไม้บรรพกาลกันก่อน” จางหยูรับรู้ได้ถึงต้นไม้บรรพกาลต้นใหม่
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ จางหยูกับเสี่ยวเสียก็พบต้นไม้บรรพกาล ก่อนจะนำมันกลับมายังบรรพกาล หากเทียบกับต้นไม้บรรพกาลของโลกบรรพกาลแล้ว ต้นนี้เล็กกว่าเล็กน้อย การกลืนกินของมันไม่ได้มากเท่า เดาว่าคงต้องใช้เวลาอีกสักพัก กว่าจะเติบโตเท่ากับต้นไม้บรรพกาลของโลกบรรพกาลได้
หลังจากที่สังเกตการณ์ได้สักพัก จางหยูก็มองไปที่เสี่ยวเสีย “ นี่คือต้นไม้บรรพกาลที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตของบรรพกาลและความแข็งแกร่งของเจ้า เจ้าเข้าใจรึไม่ว่าข้าจะบอกอะไร ?”
เสี่ยวเสียเงียบไปสักพัก มันไม่ได้โง่ มันรีบพยักหน้าทันที “ ข้าเข้าใจแล้ว นายท่านสบายใจได้ ข้าจะดูแลมันเป็นอย่างดี”
เสี่ยวเสียมองไปที่ต้นไม้บรรพกาลด้วยสายตาอ่อนโยนราวกับว่านี่คือลูกมัน
“ดี จบเรื่องแล้วก็มากับข้า”
“ ไปไหน?”
จางหยูพูดขึ้น “ โกลาลหลนภา !” “ ท่านจะไปทำอะไรที่นั่น ?”
“ สู้ !”
“ สู้?” เสี่ยวเสียเบิกตากว้างพร้อมกับเลือดในตัวที่เดือดพล่าน “ ดี ! ข้าจะไปด้วย ! นายท่าน พวกเราไปกันเถอะ !” มันราวกับมีระเบิดในตัวที่รอการระเบิด เมื่อได้ยินว่าสู้ เสี่ยวเสียก็ตื่นเต้นราวกับคนบ้า
เมื่อเห็นท่าทีของเสี่ยวเสีย จางหยูก็สงสัยขึ้นมา การที่เขาสร้างร่างบรรพกาลให้กับเสี่ยวเสีย มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องรึไม่ ?
เขารู้สึกผิดนิดๆ
“ นายท่าน ไปกันเถอะ !” เสี่ยวเสียเร่ง
มุมปากของจางหยูกระตุกก่อนที่เขาจะสร้างรูหนอนขึ้นมา เพื่อเดินทางไปยังโลกบรรพกาลและเรียกหาซุนเหยียน
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ จางหยู, ซุนเหยียนและเสี่ยวเสีย กึ่งจ้าวโกลาหลทั้งสามก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่โลกป่า “ ก่อนจะไปยังโกลาหลนภา เราจะเดินทางไปที่วิหารอวี๋ฮุ่นกันก่อน” จางหยูพูดขึ้น “ เราต้องไปรับตัวซุนเมิ่งกับซุนวูก่อน”
ทันทีที่ได้ยินว่าอาจจะตกอยู่ในอันตราย เสี่ยวเสียก็ชะงักไป มันเริ่มเปลี่ยนใจขึ้นมาแล้ว
“ มัน…มันอันตรายแค่ไหนกัน ?” เสี่ยวเสียกลืนน้ำลายและถามขึ้นมา
“ เจ้าอาจจะตายได้” จางหยูหรี่ตาลงแล้วพูดขึ้น
“ อึก” เสี่ยวเสียกังวลขึ้นมา ก่อนจะถอยหลังกลับไป “ นายท่าน ข้าไม่อยากเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลแล้ว ข้ายอมไปกินปราณสุสานจะดีกว่า”
จางหยูแสละยิ้มออกมา “ เจ้าบอกว่ามันน่ารังเกียจไม่ใช่รึไง”
เสี่ยวเสียรีบพูดขึ้น “ แม้ว่ามันจะน่ารังเกียจแต่ก็ยังพอกินได้ ”
“ ขอโทษด้วย เจ้าเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว” จางหยูหัวเราะออกมา “ เจ้าแค่ต้องลองดู”
เสี่ยวเสียอยากจะร้องไห้ออกมา มันอยากที่จะหนี แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวก็อยู่ในกำมือของจางหยูซะแล้ว ทั้งสองได้พุ่งทะลุโล่พลังของโลกเข้าไปยังบรรพกาล
จากนั้นจางหยูก็ได้ขังเสี่ยวเสียเอาไว้ เพื่อไม่ให้มันหนีไปไหน
“ ไม่ต้องกังวล มันอันตรายนิดๆแต่ไม่ได้ร้ายแรงแบบที่เจ้าคิด ” จางหยูมองไปที่เสี่ยวเสียแล้วพูดขึ้น “ หากไม่มีโอกาสสำเร็จสูง ข้าคงไม่คิดจะทำมันง่ายๆ”
อันตรายที่เขาพูดถึงคือการที่จิตของเสี่ยวเสียไม่อาจจะเข้ากันกับร่างบรรพกาลได้
ที่ซุนเหยียนทำสำเร็จได้ง่ายๆเพราะเขามีจิตของจ้าวโกลาหล แต่จิตของเสี่ยวเสียนั้นต่างจากสิ่งมีชีวิตทั่วไป มันคือจิตพิเศษที่คล้ายกับจิตของไห่อู่เซิง แต่จะสามารถหลอมรวมเข้ากับร่างบรรพกาลได้รึไม่นั้นจางหยูไม่มั่นใจนัก แต่มันมีตัวอย่างแล้ว การที่ไห่อู่เซิงได้เข้ายึดร่างของซุนเหยียนเอาไว้ มันทำให้เห็นว่ามีโอกาสสำเร็จสูง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจางหยูถึงได้กล้าทดสอบ
เสี่ยวเสียไม่เชื่อคำพูดของจางหยู และคิดว่าจางหยูหลอกตน มันดิ้นรนไปมาและพยายามทำลายมิติที่ขังมันไว้ แต่ก็ทำไม่ได้ มันมองจางหยูด้วยสีหน้าอ้อนวอน
ใครจะไปรู้ว่าจางหยูไม่ได้สนใจมันเลย เขากลับเริ่มสร้างร่างบรรพกาลขึ้นมาแทน
ภายใต้การสนับสนุนของจิตผู้สร้าง บรรพกาลโดยรอบก็สั่นไหว ก่อนจะมารวมตัวกันและอัดแน่นเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ จากนั้นหลุมดำก็หดตัวลงแต่แผ่พลังที่น่ากลัวกว่าเดิมออกมา สุดท้ายหลุมดำก็บิดตัวไปมากลายเป็นร่างกายขึ้น ใช้เวลาไม่นานร่างบรรพกาลก็ถูกสร้างขึ้นมาจนเสร็จ
“ มา ทดสอบดู ” จางหยูปลดผนึกของเสี่ยวเสียออกและยิ้มออกมา “ หลังจากนี้นี่จะเป็นร่างกายของเจ้า”
เสี่ยวเสียลนลาน “ ไม่ทดสอบได้รึไม่ ?”
จางหยูหุบยิ้มและพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย “ เจ้าจะรีบทดสอบรึจะให้ข้าตบเจ้า เจ้าเลือกเอง”
เสี่ยวเสียร้องไห้ออกมา “ แต่ร่างนี้ดูน่าเกลียดเกินไป ! ท่านเปลี่ยนรูปร่างของมันได้รึไม่ ?”
“ ถ้าเจ้าพูดอีกคำข้าจะลงมือแล้ว” จางหยูมองไปที่เสี่ยวเสีย
เมื่อได้ยินแบบนั้นเสี่ยวเสียก็กลัวยิ่งกว่าเดิม ตัวของมันถึงกับหดเล็กลง
มันค่อยๆบินไปหาร่างบรรพกาลราวกับนักโทษรอโดนประหาร ทุกๆก้าวมันจะหันกลับมามองจางหยูด้วยสายตาอ้อนวอน แต่จางหยูกลับแสดงสีหน้าเฉยเมย ซึ่งทำให้มันไม่กล้าที่จะหยุด
แค่ไม่กี่สิบก้าว แต่เสี่ยวเสียกลับใช้เวลาอยู่นานราวกับเดินทางข้ามโกลาหล สุดท้ายจางหยูก็หมดความอดทน เขาได้ยกมือขึ้นแล้วตบออกไป
ตอนที่จางหยูกำลังจะฟาดมือออกไปนั้น เสี่ยวเสียก็เหมือนจะรับรู้ได้ มันรีบพุ่งเข้าไปยังร่างบรรพกาลทันที
จางหยูดึงมือกลับมาและฮึดฮัด “ก็แค่เนี่ย”
ในอีกด้าน จิตของเสี่ยวเสียได้เข้าไปในร่างบรพกาลและแผ่พลังวิญญาณอันผันผวนออกมา พลังวิญญาณได้พุ่งทะยานขึ้น ก่อนที่ร่างกายจะมีพลังอันน่ากลัวปะทุออกมาและแผ่ไปยังบรรพกาลโดยรอบ ราวกับว่าปิศาจอันน่ากลัวได้ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้พิสูจน์แล้วว่าจ้าวบรรพกาลคนที่สองได้กำเนิดขึ้นมาแล้ว !
“ แข็งแกร่งจริงๆ…” เสียงของเสี่ยวเสียดังขึ้นมา มันลืมตาขึ้นมาและมองรอบตัวด้วยความตื่นเต้น
การหลอมรวมจิตกับร่างบรรพกาลนี้ราบรื่นกว่าที่จางหยูคิดเอาไว้ มันเหนือกว่าการรวมร่างของซุนเหยียนเสียอีก
“ นี่คือกึ่งจ้าวโกลาหลรึ ? ยอดเยี่ยม ! ” เสี่ยวเสียรับรู้ถึงพลังอันน่ากลัวภายในร่าง มันอดไม่ได้ที่จะลองควบคุมพลังดู
ชัดแล้วว่าร่างบรรพกาลนี้แกร่งกว่าร่างเดิมของมันทั้งด้านความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ มันถึงกับรู้สึกว่ามันควบคุมพลังบรรพกาลรอบตัวได้ แม้ว่าบรรพกาลที่นี่จะกำเนิดขึ้นมาได้ไม่นาน แต่บรรพกาลก็ยังเป็นบรรพกาลอยู่วันยังค่ำ แม้ว่าจะอ่อนแอแต่ก็มีพลังที่น่ากลัวอย่างมาก ที่สำคัญที่สุดคือการหลอมรวมกับร่างนี้ทำให้มันได้ขึ้นมาเป็นกึ่งจ้าวโกลาหล !
จากนี้ไปมันจะขึ้นเป็นจ้าวโกลาหล !
ไม่วาจะเป็นพลังรึขอบเขตของมันก็ก้าวกระโดดขึ้นมา
“ ฮ่าฮ่า !” เสี่ยวเสียหัวเราะออกมา “ กึ่งจ้าวโกลาหล ข้าเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลแล้ว ! ยอดเยี่ยมจริงๆ ! ” “ ผลั๊วะ ! ” จางหยูตบไปที่หัวของเสี่ยวเสีย จนทำให้มันหยุดหัวเราะ เขามองเสี่ยวเสียด้วยสีหน้าอึมครึม “หากโลกผนึกเทพโดนทำลาย คนแรกที่ข้าจะฆ่าต้องเป็นเจ้า !”
เสี่ยวเสียดีใจเกินไปจนทำให้บรรพกาลของโลกผนึกเทพปั่นป่วน กระทั่งโลกเองก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะจางหยูรับมือได้เร็วและทำให้บรรพกาลกลับมาเสถียร เกรงว่าโลกผนึกเทพอาจจะถูกทำลายลงไปแล้ว
เสี่ยวเสียที่กระเด็นออกไปก็ได้บินกลับมา มันมองจางหยูด้วยสายตาประจบ “ นายท่าน ข้ารู้แล้วว่าข้าทำผิดไป”
แม้ว่ามันจะโดนจางหยูตบสั่งสอน แต่ก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี มันเคารพจางหยูมากกว่าเดิม แน่นอนว่าหากเปลี่ยนรูปร่างของร่างนี้ได้ มันก็คงจะยินดีกว่านี้
“ ไปดูต้นไม้บรรพกาลกันก่อน” จางหยูรับรู้ได้ถึงต้นไม้บรรพกาลต้นใหม่
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ จางหยูกับเสี่ยวเสียก็พบต้นไม้บรรพกาล ก่อนจะนำมันกลับมายังบรรพกาล หากเทียบกับต้นไม้บรรพกาลของโลกบรรพกาลแล้ว ต้นนี้เล็กกว่าเล็กน้อย การกลืนกินของมันไม่ได้มากเท่า เดาว่าคงต้องใช้เวลาอีกสักพัก กว่าจะเติบโตเท่ากับต้นไม้บรรพกาลของโลกบรรพกาลได้
หลังจากที่สังเกตการณ์ได้สักพัก จางหยูก็มองไปที่เสี่ยวเสีย “ นี่คือต้นไม้บรรพกาลที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตของบรรพกาลและความแข็งแกร่งของเจ้า เจ้าเข้าใจรึไม่ว่าข้าจะบอกอะไร ?”
เสี่ยวเสียเงียบไปสักพัก มันไม่ได้โง่ มันรีบพยักหน้าทันที “ ข้าเข้าใจแล้ว นายท่านสบายใจได้ ข้าจะดูแลมันเป็นอย่างดี”
เสี่ยวเสียมองไปที่ต้นไม้บรรพกาลด้วยสายตาอ่อนโยนราวกับว่านี่คือลูกมัน
“ดี จบเรื่องแล้วก็มากับข้า”
“ ไปไหน?”
จางหยูพูดขึ้น “ โกลาลหลนภา !” “ ท่านจะไปทำอะไรที่นั่น ?”
“ สู้ !”
“ สู้?” เสี่ยวเสียเบิกตากว้างพร้อมกับเลือดในตัวที่เดือดพล่าน “ ดี ! ข้าจะไปด้วย ! นายท่าน พวกเราไปกันเถอะ !” มันราวกับมีระเบิดในตัวที่รอการระเบิด เมื่อได้ยินว่าสู้ เสี่ยวเสียก็ตื่นเต้นราวกับคนบ้า
เมื่อเห็นท่าทีของเสี่ยวเสีย จางหยูก็สงสัยขึ้นมา การที่เขาสร้างร่างบรรพกาลให้กับเสี่ยวเสีย มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องรึไม่ ?
เขารู้สึกผิดนิดๆ
“ นายท่าน ไปกันเถอะ !” เสี่ยวเสียเร่ง
มุมปากของจางหยูกระตุกก่อนที่เขาจะสร้างรูหนอนขึ้นมา เพื่อเดินทางไปยังโลกบรรพกาลและเรียกหาซุนเหยียน
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ จางหยู, ซุนเหยียนและเสี่ยวเสีย กึ่งจ้าวโกลาหลทั้งสามก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่โลกป่า “ ก่อนจะไปยังโกลาหลนภา เราจะเดินทางไปที่วิหารอวี๋ฮุ่นกันก่อน” จางหยูพูดขึ้น “ เราต้องไปรับตัวซุนเมิ่งกับซุนวูก่อน”