ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1810 : พลังของไห่อู่เซิง
ร่างบรรพกาลสร้างขึ้นมาได้ง่าย อย่างมากมันก็กินพลังสร้างไปจำนวนมาก ตราบใดที่มีบรรพกาลก็สามารถสร้างจ้าวบรรพกาลขึ้นมาได้
“ กึ่งจ้าวโกลาหลรึ ?” ซุนเมิ่งตาเป็นประกายขึ้นมา “ เราขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้รึ ?”
จางหยูพยักหน้าและพูดขึ้น “พวกเจ้าคือทายาทของจ้าวโกลาหลและมีสายเลือดของจ้าวโกลาหล จิตของพวกเจ้าจึงแข็งแกร่งกว่าผู้ควบคุมที่อยู่ในขอบเขตเดียวกัน เมื่อเจ้าเป็นราชา เจ้าก็มีหวังขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้ สำหรับน้องชายของเจ้า มันอาจจะแย่กว่าหน่อย แต่เมื่อเขาขึ้นเป็นราชา จิตของเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากวิธีการของข้าจำเป็นต้องมีจิตที่แข็งแกร่ง”
เมื่อได้ยินแบบนั้นซุนวูก็แสดงสีหน้าแปลกใจออกมา เขาคาดหวังกับการเป็นจ้าวโกลาหลแต่ก็ยังรู้สึกเสียดาย
หากเขารู้ว่าเขามีโอกาสที่จะเป็นกึ่งจ้าวโกลาหล เขาคงจริงจังกับการบ่มเพาะมากกว่านี้
“ มันไม่ได้เกิดขึ้นเร็วๆนี้หรอก พวกเจ้าลองคิดดูกันก่อน” จางหยูบอกกับสองพี่น้อง “ ข้าจะส่งพวกเจ้าไปที่สำนักคังเฉียง จากนั้นพวกเจ้าก็บ่มเพาะในโลกสาขา ข้าจะจัดการเรื่องฝั่งนี้ก่อนแล้วจะไปหาพวกเจ้า”
จางหยูไม่มั่นใจว่าจะมีคนของไห่อู่เซิงในวิหารอวี๋ฮุ่นรึไม่ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นสองพี่น้องนี้อาจจะโดนจับตัวไปก็ได้
แต่ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าไห่อู่เซิงจะมีกองกำลังอยู่ แต่ก็ไม่อาจจะรับมือกับจางหยูได้
ไม่นานจางหยูก็ได้ส่งสองพี่น้องไปยังโลกผนึกเทพ
“ จำไว้ว่าเจ้าไม่ควรจะออกจากสำนักคังเฉียงจนกว่าข้าจะกลับมา” จางหยูย้ำ “ ข้าไม่มั่นใจว่าไห่อู่เซิงจะลงมือกับพวกเจ้ารึไม่ หรือว่ามีคนของเขาอยู่รึเปล่า ดังนั้นพวกเจ้าอยู่ที่นี่จะปลอดภัยกว่า”
ซุนเมิ่งพยักหน้า “ อาจารย์สบายใจได้ เราจะไม่ออกจากที่นี่แน่ ”
หลังจากนั้นสักพัก ซุนเมิ่งก็พูดด้วยสีหน้าเสียดาย “ น่าเสียดายที่เราไม่อาจจะช่วยอะไรท่านได้”
นางเคยคิดว่าด้วยความแข็งแกร่งระดับราชาแล้วคงพอช่วยอะไรจางหยูได้บ้าง แต่ตอนนี้นางกลับมีแต่ถ่วงเขาเอาไว้ นางไม่อาจจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ได้เลย
ซุนเมิ่งรู้สึกผิด ซุนวูก็ยิ่งรู้สึกผิด เขายังไม่ได้เป็นราชาด้วยซ้ำ คำพูดของเขานั้นไร้ค่า
“ ไม่เป็นไร” จางหยูยิ้มออกมา “ แค่พวกเราก็เพียงพอจะจัดการกับไห่อู่เซิงได้แล้ว”
“ ไห่อู่เซิงแข็งแกร่งก็จริงแต่เขาก็อยู่แค่ขอบเขตการสร้างไร้จำกัด หากกึ่งจ้าวโกลาหลสามคนไม่อาจจจะจัดการกับเขาได้ งั้นในโกลาหลแห่งนี้ก็ไม่มีใครเป็นภัยต่อเขาได้”
ประโยคนี้ทำให้ซุนเมิ่งและซุนวูยิ่งรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย
เมื่อเห็นว่าจางหยูจะออกเดินทางแล้ว ซุนเมิ่งก็ลังเลราวกับมีคำพูดเป็นพันๆที่อยากจะพูด แต่สุดท้ายก็ได้แต่พูดขึ้นมาว่า “ อาจารย์ ระวังตัวด้วย !”
จางหยูยิ้มออกมาและโบกมือให้ ก่อนจะเดินทางออกจากโลกตันเถียนพร้อมกับซุนเหยียนและเสี่ยวเสีย
หลังจากที่จางหยูจากไป ซุนวูก็ลืมตาขึ้นมา “ข้ายอมรับว่าชายคนนี้สมควรเป็นพี่เขยของข้า”
…
ที่โลกป่า
จางหยู, ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียได้เดินทางต่อทันที ต่อมา จางหยูก็ได้เปิดการทำงานของบัตรหยกที่ซุนเมิ่งให้เขาเอาไว้ ก่อนที่มันจะส่องแสงขึ้น มิติรอบตัวบิดเบี้ยวก่อนจะเปลี่ยนเป็นรูหนอนขนาดใหญ่ จางหยูและซุนเหยียนมองหน้ากัน ก่อนจะเข้าไปในรูหนอนนั้นโดยมีเสี่ยวเสียตามมาติดๆ
….
ในโกลาหลนภา
ตอนที่จางหยูพาซุนเมิ่งและซุนวูกลับไปที่สำนักคังเฉียง ณ.ใจกลางลานหินนั้นไห่อู่เซิงก็ต้องคิ้วขมวด สายตาของเขาสะท้อนความสงสัยออกมา “พวกเขาหายไปได้ยังไงกัน?”
เขาไม่ได้จับตาดูสองคนนั้นตลอด บทบาทของจิตผู้สร้างมีแค่บอกตำแหน่ง แต่ตะกี้เขารู้สึกได้ว่าจิตผู้สร้างของเขาในตัวซุนเมิ่งและซุนวู กลับหายไปอย่างไร้วี่แวว มันแปลกประหลาดอย่างมาก
“ ใครกันที่คิดร้ายต่อข้า ?” ไห่อู่เซิงลุกขึ้นทันที
“ บรรพชนกระดูกมีอะไรรึ ?” ราชาหลายคนพากันมองไปที่ไห่อู่เซิง ไห่อู่เซิงพยายามใจเย็นแล้วพูดขึ้น “ไม่มีอะไร ข้าเพิ่งนึกเรื่องหนึ่งออก พวกเจ้าทำงานกันต่อ เดี๋ยวข้าจะกลับมา”
เนื่องจากทุกคนเชื่อใจไห่อู่เซิง จึงไม่มีใครสงสัยในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเลยแม้แต่น้อย
ไห่อู่เซิงสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะบินออกมาจากลานหิน ในตอนที่เขากำลังจะออกจากโกลาหลนภาเพื่อไปตรวจสอบสถานการณ์ที่วิหาร เขากลับรับรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังที่แข็งแกร่งทั้งสามสาย ทันใดนั้นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว จางหยู, ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียก็ได้โผล่มาล้อมเขาเอาไว้ ทั้งสามคนไม่ได้ปกปิดคลื่นพลังของตัวเอง คลื่นพลังนี้กวาดออกไปทั่ว ไม่ใช่แค่ไห่อู่เซิงที่สีหน้าเปลี่ยนไปแต่คนอื่นๆในลานเองก็พากันแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาด้วย
“ คลื่นพลังนี่น่ากลัวจริงๆ !”
“ เขานั่นเอง!” “ จางหยูแข็งแกร่งแบบนี้ได้ยังไง ?”
“ เขาเป็นใครกัน ทำไมเขาถึงหน้าตาเหมือนกับบรรพชนกระดูกได้ ?”
“ พระเจ้า คลื่นพลังนี้น่ากลัวกว่าบรรพชนกระดูกเสียอีก !”
ทุกคนมองไปที่จางหยู, ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียด้วยสีหน้าหวาดกลัว ในใจเต็มไปด้วยความตะลึง
พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมความแข็งแกร่งของพวกจางหยูถึงได้น่ากลัวแบบนี้ได้ แค่แผ่คลื่นพลังออกมาก็ทำให้พวกเขาหายใจกันได้ยากแล้วรึ ?
จางหยูและคนอื่นๆก้าวข้ามราชาขึ้นไปยังขอบเขตในตำนานได้แล้วรึ?
หากเทียบกับราชาหลายคนแล้ว ชัดแล้วว่าไห่อู่เซิงตะลึงยิ่งกว่า เขามองไปที่ซุนเหยียนด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ เป็นเจ้าได้ยังไงกัน ! เจ้าหนีออกมาจากสุสานสวรรค์และเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้ยังไง !” เมื่อเห็นไห่อู่เซิงมองตนด้วยสีหน้าตกตะลึง ซุนเหยียนก็รู้สึกพอใจอย่างมาก เขาได้ฮึดฮัดออกมา “ พูดไปแล้วข้าคงต้องขอบคุณเจ้า หากไม่ใช่เพราะเจ้าขังข้าเอาไว้ ข้าจะพบกับเจ้าสำนักได้ยังไง ด้วยความช่วยเหลือจากเจ้าสำนัก ข้าจึงขึ้นมาเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้”
“ เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่ว่ามีแต่จ้าวโกลาหลเท่านั้นที่ทำได้รึ ? ไม่มีทาง !” ไห่อู่เซิงไม่อาจจะเชื่อได้ “ แม้ว่าจ้าวโกลาหลจะลงมือแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างกึ่งจ้าวโกลาหลขึ้นมา เขาเป็นแค่กึ่งจ้าวโกลาหล เขาจะมีความสามารถแบบนั้นได้ยังไง !”
“ เมื่อความจริงปรากฏตรงหน้า ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อ ? “ ซุนเหยียนพูดขึ้นมา “ เจ้าอาจจะไม่รู้ ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น แต่เจ้าหมานี่ก็ยังเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลด้วย !”
“ ใครเป็นหมากัน?” เสี่ยวเสียแยกเขี้ยวใส่ “ เจ้าเฒ่า เจ้าระวังปากไว้บ้างก็ดี !”
“ พอ พอ !” ไห่อู่เซิงไม่รู้ว่าต้องทำยังไง “ กึ่งจ้าวโกลาหลสามคนร่วมมือกันเพื่อจัดการกับข้ารึ? ข้านี่ช่างใหญ่โตจริงๆ”
จางหยูพูดขึ้น “ ได้เวลาที่โกลาหลนภาแห่งนี้จะหายไปแล้ว”
ในตอนที่พูดนั้นจางหยูก็ได้แผ่คลื่นพลังออกไปทำให้มิติโดยรอบพลันสั่นไหว
ซุนเหยียนอยากจะพูดบางอย่าง แต่จางหยูกลับพูดขึ้นมา “ ไม่ต้องมัวพูดไร้สาระ ลงมือ !”
เมื่อพูดจบ พลังอันน่ากลัวในตัวจางหยูก็ปะทุออกมา มันทำให้คลื่นพลังของเขารุนแรงกว่าเก่า คนในโลกนี้ต่างก็ตัวแข็งทื่อไป พวกเขาราวกับปลาที่หลุดออกจากน้ำ
ในเวลาเดียวกันซุนเหยียนและเสี่ยวเสียก็ระเบิดพลังออกมาเช่นกัน
“ พวกเจ้าคิดว่าเพียงแค่นี้ก็จะเป็นภัยต่อข้ารึ ?” ไห่อู่เซิงพูดขึ้นมา “ข้าว่าจะสั่งสมพลังแล้วขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลในคราวเดียว แต่ในเมื่อพวกเจ้าไม่ให้โอกาสข้า ข้าก็จะฆ่าพวกเจ้า !” ต่อมา ลานหินใจกลางโกลาหลนภาก็ระเบิดลำแสงออกมาและส่องแสงไปทั่วทั้งโลก ในเวลาเดียวกันเสาแสงใจกลางลานหินก็ได้พุ่งมารวมกันที่ไห่อู่เซิง พลังของเขาเพิ่มขึ้นมา มิติรอบข้างสั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับว่ามันกำลังจะพังลง
“ ตูม !”
จางหยูและคนอื่นๆยังไม่ทันได้ตั้งตัว เหล่าราชาที่อยู่ในลานหินรวมถึงซุนซิงก็ถูกกำจัดไปในทันที ทุกคนได้กลายเป็นพลังให้กับไห่อู่เซิง โดยเฉพาะกับซุนซิง หลังจากที่โดนกำจัดแล้ว จิตที่เหมือนกับพลังดั้งเดิมของเขากลับทำให้พลังของไห่อู่เซิงเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก
คลื่นพลังของไห่อู่เซิงเปลี่ยนไปในทันที
นี่คือ…คลื่นพลังของกึ่งจ้าวโกลาหล !
“ กึ่งจ้าวโกลาหลงั้นรึ ?” ไห่อู่เซิงกวาดตามองไปรอบๆ “ หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้า ข้าคงขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลได้ !” น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาต “ อีกแค่นิดเดียวข้าก็จะเป็นจ้าวโกลาหลได้แล้วแต่พวกเจ้ากลับมาสร้างปัญหา ! พวกเจ้าต้องตาย !”เป็นจ้าวโกลาหลได้แล้วแต่พวกเจ้ากลับมาสร้างปัญหา ! พวกเจ้าต้องตาย !”
“ กึ่งจ้าวโกลาหลรึ ?” ซุนเมิ่งตาเป็นประกายขึ้นมา “ เราขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้รึ ?”
จางหยูพยักหน้าและพูดขึ้น “พวกเจ้าคือทายาทของจ้าวโกลาหลและมีสายเลือดของจ้าวโกลาหล จิตของพวกเจ้าจึงแข็งแกร่งกว่าผู้ควบคุมที่อยู่ในขอบเขตเดียวกัน เมื่อเจ้าเป็นราชา เจ้าก็มีหวังขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้ สำหรับน้องชายของเจ้า มันอาจจะแย่กว่าหน่อย แต่เมื่อเขาขึ้นเป็นราชา จิตของเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากวิธีการของข้าจำเป็นต้องมีจิตที่แข็งแกร่ง”
เมื่อได้ยินแบบนั้นซุนวูก็แสดงสีหน้าแปลกใจออกมา เขาคาดหวังกับการเป็นจ้าวโกลาหลแต่ก็ยังรู้สึกเสียดาย
หากเขารู้ว่าเขามีโอกาสที่จะเป็นกึ่งจ้าวโกลาหล เขาคงจริงจังกับการบ่มเพาะมากกว่านี้
“ มันไม่ได้เกิดขึ้นเร็วๆนี้หรอก พวกเจ้าลองคิดดูกันก่อน” จางหยูบอกกับสองพี่น้อง “ ข้าจะส่งพวกเจ้าไปที่สำนักคังเฉียง จากนั้นพวกเจ้าก็บ่มเพาะในโลกสาขา ข้าจะจัดการเรื่องฝั่งนี้ก่อนแล้วจะไปหาพวกเจ้า”
จางหยูไม่มั่นใจว่าจะมีคนของไห่อู่เซิงในวิหารอวี๋ฮุ่นรึไม่ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นสองพี่น้องนี้อาจจะโดนจับตัวไปก็ได้
แต่ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าไห่อู่เซิงจะมีกองกำลังอยู่ แต่ก็ไม่อาจจะรับมือกับจางหยูได้
ไม่นานจางหยูก็ได้ส่งสองพี่น้องไปยังโลกผนึกเทพ
“ จำไว้ว่าเจ้าไม่ควรจะออกจากสำนักคังเฉียงจนกว่าข้าจะกลับมา” จางหยูย้ำ “ ข้าไม่มั่นใจว่าไห่อู่เซิงจะลงมือกับพวกเจ้ารึไม่ หรือว่ามีคนของเขาอยู่รึเปล่า ดังนั้นพวกเจ้าอยู่ที่นี่จะปลอดภัยกว่า”
ซุนเมิ่งพยักหน้า “ อาจารย์สบายใจได้ เราจะไม่ออกจากที่นี่แน่ ”
หลังจากนั้นสักพัก ซุนเมิ่งก็พูดด้วยสีหน้าเสียดาย “ น่าเสียดายที่เราไม่อาจจะช่วยอะไรท่านได้”
นางเคยคิดว่าด้วยความแข็งแกร่งระดับราชาแล้วคงพอช่วยอะไรจางหยูได้บ้าง แต่ตอนนี้นางกลับมีแต่ถ่วงเขาเอาไว้ นางไม่อาจจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ได้เลย
ซุนเมิ่งรู้สึกผิด ซุนวูก็ยิ่งรู้สึกผิด เขายังไม่ได้เป็นราชาด้วยซ้ำ คำพูดของเขานั้นไร้ค่า
“ ไม่เป็นไร” จางหยูยิ้มออกมา “ แค่พวกเราก็เพียงพอจะจัดการกับไห่อู่เซิงได้แล้ว”
“ ไห่อู่เซิงแข็งแกร่งก็จริงแต่เขาก็อยู่แค่ขอบเขตการสร้างไร้จำกัด หากกึ่งจ้าวโกลาหลสามคนไม่อาจจจะจัดการกับเขาได้ งั้นในโกลาหลแห่งนี้ก็ไม่มีใครเป็นภัยต่อเขาได้”
ประโยคนี้ทำให้ซุนเมิ่งและซุนวูยิ่งรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย
เมื่อเห็นว่าจางหยูจะออกเดินทางแล้ว ซุนเมิ่งก็ลังเลราวกับมีคำพูดเป็นพันๆที่อยากจะพูด แต่สุดท้ายก็ได้แต่พูดขึ้นมาว่า “ อาจารย์ ระวังตัวด้วย !”
จางหยูยิ้มออกมาและโบกมือให้ ก่อนจะเดินทางออกจากโลกตันเถียนพร้อมกับซุนเหยียนและเสี่ยวเสีย
หลังจากที่จางหยูจากไป ซุนวูก็ลืมตาขึ้นมา “ข้ายอมรับว่าชายคนนี้สมควรเป็นพี่เขยของข้า”
…
ที่โลกป่า
จางหยู, ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียได้เดินทางต่อทันที ต่อมา จางหยูก็ได้เปิดการทำงานของบัตรหยกที่ซุนเมิ่งให้เขาเอาไว้ ก่อนที่มันจะส่องแสงขึ้น มิติรอบตัวบิดเบี้ยวก่อนจะเปลี่ยนเป็นรูหนอนขนาดใหญ่ จางหยูและซุนเหยียนมองหน้ากัน ก่อนจะเข้าไปในรูหนอนนั้นโดยมีเสี่ยวเสียตามมาติดๆ
….
ในโกลาหลนภา
ตอนที่จางหยูพาซุนเมิ่งและซุนวูกลับไปที่สำนักคังเฉียง ณ.ใจกลางลานหินนั้นไห่อู่เซิงก็ต้องคิ้วขมวด สายตาของเขาสะท้อนความสงสัยออกมา “พวกเขาหายไปได้ยังไงกัน?”
เขาไม่ได้จับตาดูสองคนนั้นตลอด บทบาทของจิตผู้สร้างมีแค่บอกตำแหน่ง แต่ตะกี้เขารู้สึกได้ว่าจิตผู้สร้างของเขาในตัวซุนเมิ่งและซุนวู กลับหายไปอย่างไร้วี่แวว มันแปลกประหลาดอย่างมาก
“ ใครกันที่คิดร้ายต่อข้า ?” ไห่อู่เซิงลุกขึ้นทันที
“ บรรพชนกระดูกมีอะไรรึ ?” ราชาหลายคนพากันมองไปที่ไห่อู่เซิง ไห่อู่เซิงพยายามใจเย็นแล้วพูดขึ้น “ไม่มีอะไร ข้าเพิ่งนึกเรื่องหนึ่งออก พวกเจ้าทำงานกันต่อ เดี๋ยวข้าจะกลับมา”
เนื่องจากทุกคนเชื่อใจไห่อู่เซิง จึงไม่มีใครสงสัยในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเลยแม้แต่น้อย
ไห่อู่เซิงสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะบินออกมาจากลานหิน ในตอนที่เขากำลังจะออกจากโกลาหลนภาเพื่อไปตรวจสอบสถานการณ์ที่วิหาร เขากลับรับรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังที่แข็งแกร่งทั้งสามสาย ทันใดนั้นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว จางหยู, ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียก็ได้โผล่มาล้อมเขาเอาไว้ ทั้งสามคนไม่ได้ปกปิดคลื่นพลังของตัวเอง คลื่นพลังนี้กวาดออกไปทั่ว ไม่ใช่แค่ไห่อู่เซิงที่สีหน้าเปลี่ยนไปแต่คนอื่นๆในลานเองก็พากันแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาด้วย
“ คลื่นพลังนี่น่ากลัวจริงๆ !”
“ เขานั่นเอง!” “ จางหยูแข็งแกร่งแบบนี้ได้ยังไง ?”
“ เขาเป็นใครกัน ทำไมเขาถึงหน้าตาเหมือนกับบรรพชนกระดูกได้ ?”
“ พระเจ้า คลื่นพลังนี้น่ากลัวกว่าบรรพชนกระดูกเสียอีก !”
ทุกคนมองไปที่จางหยู, ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียด้วยสีหน้าหวาดกลัว ในใจเต็มไปด้วยความตะลึง
พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมความแข็งแกร่งของพวกจางหยูถึงได้น่ากลัวแบบนี้ได้ แค่แผ่คลื่นพลังออกมาก็ทำให้พวกเขาหายใจกันได้ยากแล้วรึ ?
จางหยูและคนอื่นๆก้าวข้ามราชาขึ้นไปยังขอบเขตในตำนานได้แล้วรึ?
หากเทียบกับราชาหลายคนแล้ว ชัดแล้วว่าไห่อู่เซิงตะลึงยิ่งกว่า เขามองไปที่ซุนเหยียนด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ เป็นเจ้าได้ยังไงกัน ! เจ้าหนีออกมาจากสุสานสวรรค์และเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้ยังไง !” เมื่อเห็นไห่อู่เซิงมองตนด้วยสีหน้าตกตะลึง ซุนเหยียนก็รู้สึกพอใจอย่างมาก เขาได้ฮึดฮัดออกมา “ พูดไปแล้วข้าคงต้องขอบคุณเจ้า หากไม่ใช่เพราะเจ้าขังข้าเอาไว้ ข้าจะพบกับเจ้าสำนักได้ยังไง ด้วยความช่วยเหลือจากเจ้าสำนัก ข้าจึงขึ้นมาเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้”
“ เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่ว่ามีแต่จ้าวโกลาหลเท่านั้นที่ทำได้รึ ? ไม่มีทาง !” ไห่อู่เซิงไม่อาจจะเชื่อได้ “ แม้ว่าจ้าวโกลาหลจะลงมือแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างกึ่งจ้าวโกลาหลขึ้นมา เขาเป็นแค่กึ่งจ้าวโกลาหล เขาจะมีความสามารถแบบนั้นได้ยังไง !”
“ เมื่อความจริงปรากฏตรงหน้า ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อ ? “ ซุนเหยียนพูดขึ้นมา “ เจ้าอาจจะไม่รู้ ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น แต่เจ้าหมานี่ก็ยังเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลด้วย !”
“ ใครเป็นหมากัน?” เสี่ยวเสียแยกเขี้ยวใส่ “ เจ้าเฒ่า เจ้าระวังปากไว้บ้างก็ดี !”
“ พอ พอ !” ไห่อู่เซิงไม่รู้ว่าต้องทำยังไง “ กึ่งจ้าวโกลาหลสามคนร่วมมือกันเพื่อจัดการกับข้ารึ? ข้านี่ช่างใหญ่โตจริงๆ”
จางหยูพูดขึ้น “ ได้เวลาที่โกลาหลนภาแห่งนี้จะหายไปแล้ว”
ในตอนที่พูดนั้นจางหยูก็ได้แผ่คลื่นพลังออกไปทำให้มิติโดยรอบพลันสั่นไหว
ซุนเหยียนอยากจะพูดบางอย่าง แต่จางหยูกลับพูดขึ้นมา “ ไม่ต้องมัวพูดไร้สาระ ลงมือ !”
เมื่อพูดจบ พลังอันน่ากลัวในตัวจางหยูก็ปะทุออกมา มันทำให้คลื่นพลังของเขารุนแรงกว่าเก่า คนในโลกนี้ต่างก็ตัวแข็งทื่อไป พวกเขาราวกับปลาที่หลุดออกจากน้ำ
ในเวลาเดียวกันซุนเหยียนและเสี่ยวเสียก็ระเบิดพลังออกมาเช่นกัน
“ พวกเจ้าคิดว่าเพียงแค่นี้ก็จะเป็นภัยต่อข้ารึ ?” ไห่อู่เซิงพูดขึ้นมา “ข้าว่าจะสั่งสมพลังแล้วขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลในคราวเดียว แต่ในเมื่อพวกเจ้าไม่ให้โอกาสข้า ข้าก็จะฆ่าพวกเจ้า !” ต่อมา ลานหินใจกลางโกลาหลนภาก็ระเบิดลำแสงออกมาและส่องแสงไปทั่วทั้งโลก ในเวลาเดียวกันเสาแสงใจกลางลานหินก็ได้พุ่งมารวมกันที่ไห่อู่เซิง พลังของเขาเพิ่มขึ้นมา มิติรอบข้างสั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับว่ามันกำลังจะพังลง
“ ตูม !”
จางหยูและคนอื่นๆยังไม่ทันได้ตั้งตัว เหล่าราชาที่อยู่ในลานหินรวมถึงซุนซิงก็ถูกกำจัดไปในทันที ทุกคนได้กลายเป็นพลังให้กับไห่อู่เซิง โดยเฉพาะกับซุนซิง หลังจากที่โดนกำจัดแล้ว จิตที่เหมือนกับพลังดั้งเดิมของเขากลับทำให้พลังของไห่อู่เซิงเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก
คลื่นพลังของไห่อู่เซิงเปลี่ยนไปในทันที
นี่คือ…คลื่นพลังของกึ่งจ้าวโกลาหล !
“ กึ่งจ้าวโกลาหลงั้นรึ ?” ไห่อู่เซิงกวาดตามองไปรอบๆ “ หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้า ข้าคงขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลได้ !” น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาต “ อีกแค่นิดเดียวข้าก็จะเป็นจ้าวโกลาหลได้แล้วแต่พวกเจ้ากลับมาสร้างปัญหา ! พวกเจ้าต้องตาย !”เป็นจ้าวโกลาหลได้แล้วแต่พวกเจ้ากลับมาสร้างปัญหา ! พวกเจ้าต้องตาย !”