ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1818 : เรื่องใหม่
จางหยูยังลังเลว่าจะให้หงอีเข้าร่วมสำนักคังเฉียงหรือไม่ คนอื่นๆนั้นจางหยูไม่ได้กังวลอะไรนัก มีแค่หงอีคนเดียวเท่านั้นที่จางหยูกังวล หากเขายอมให้นางเข้าร่วมสำนักคังเฉียง งั้นมันก็ยิ่งสร้างความหวังให้กับนางแต่หลังจากที่คิดสักพักแล้วสุดท้าย จางหยูก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ยังไงซะ หงอีก็เคยช่วยเขาเอาไว้มากกว่าหนึ่งครั้งด้วย เขาต้องทดแทนบุญคุณ
“ นี่คือตราของพวกเจ้า ด้วยตราเหล่านี้พวกเจ้าจะเข้าออกสำนักคังเฉียงได้อย่างอิสระและสามารถเดินทางไปยังโลกสาขาได้ แม้แต่บรรพกาลเบื้องนอกด้วย “ จางหยูส่งตราให้กับทุกคน “ พวกเจ้าผูกจิตกับตราก่อนและสลักชื่อของพวกเจ้าลงไป จากนั้นก็ไปหารองเจ้าสำนักเพื่อลงทะเบียน “
แม้ว่ามันไม่จำเป็นต้องทำสัญญานภาแต่การลงทะเบียนก็ยังต้องมีอยู่ ตอนที่ทุกคนคิดว่าทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว จางหยูก็ได้พูดขึ้น “ ข้าจะสร้างโลกเพิ่ม “
ภายใต้ทักษะหลอกลวงนั้นจางหยูก็ได้พูดขึ้นมาโดยไม่ลังเล “ ข้าจะย้อนการเกิดใหม่ด้วยทักษะพิเศษเพื่อที่พวกเขาจะได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีก…ต่อไปข้าจะพูดถึงประวัติศาสตร์ของโลกอื่นๆเพื่อที่พวกเจ้าจะได้รู้จักพวกเขาเอาไว้ รวมถึงทรัพยากรในโลกเหล่านั้นและบุคคลสำคัญในโลกเหล่านั้น “
เมื่อได้ยินที่จางหยูพูด โอวเสินเฟิง, เซียวเหยียน, อู่โม่และคนอื่นๆต่างก็พากันนิ่งไป
นี่มันดูคุ้นเคย !
พวกเขานึกย้อนไปเมื่อหลายหมื่นปีก่อน ตอนที่โลกป่ายังไม่ได้ขึ้นเป็นโลกขั้นที่ 9 มันยังไม่เป็นโลกขั้นที่ 7 ด้วยซ้ำ ตอนนั้นพวกเขาไม่ต่างจากคนทั่วไป อยู่มาวันหนึ่งจางหยูก็เล่าประวัติศาสตร์ของโลกที่อาจจะเป็นโลกป่าในอดีต และเปิดมุมมองให้กับพวกเขา จากนั้นมาพวกเขาก็จมอยู่กับความยิ่งใหญ่ของเรื่องนี้ และได้เป็นพยานในการกำเนิดโลกใหม่ขึ้นมา “ เจ้าสำนักจะเล่าเรื่องให้เราฟังอีกครั้งรึ ?” โอวเสินเฟิงและคนอื่นๆพากันตื่นเต้น
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเรื่องที่จางหยูเล่ามานั้นคือประวัติศาสตร์ที่แท้จริง โลกในเรื่องราวเหล่านี้รวมถึงผู้คนต่างๆนั้นมีตัวตนอยู่จริงและได้กลับมาอีกครั้ง
ทุกโลกที่เชื่อมต่อกับสำนักคังเฉียงในวันนี้ล้วนแต่มีต้นกำเนิดมาจากเรื่องเล่า
คนมากมายในโลกเหล่านั้นได้เข้าร่วมสำนักคังเฉียง บางคนได้เป็นศิษย์ของจางหยู และกลายเป็นสมาชิกคนสำคัญของสำนัก
พวกคนที่เข้าใหม่อย่างจ้านเทียนเกอ, ซังหนานเทียนและคนอื่นๆไม่เข้าใจคำพูดของจางหยู แต่คนที่เหลือน่ะเข้าใจดี แม้แต่ศิษย์รุ่นที่สามและผู้อาวุโสหลายคนที่ไม่เคยเห็นการกำเนิดของโลกมาก่อนต่างก็ได้ยินเรื่องนี้จากปากของศิษย์รุ่นก่อน
แม้แต่ผานกู่และเทพคนอื่นๆก็ยอมรับว่าจางหยูมีความสามารถในการย้อนเวลาและนำพวกเขากลับมาได้ เรื่องที่จางหยูจะเล่านี้ ทุกคนต่างก็ให้ความสำคัญกับมันอย่างมากเพราะเรื่องเหล่านี้แทนถึงโลกใหม่ โลกที่จะเป็นโลกสาขาของสำนักคังเฉียงในอนาคต เหมือนกับโลกบรรพกาล, โลกผนึกเทพ, โลกผังหลงและโลกอื่นๆที่ล้วนแต่มาจากเรื่องเล่าของจางหยู เย่ฟาน, ฉินหยู๋, หลินเหล่ยและคนอื่นๆล้วนแต่เป็นตัวเอกในเรื่อง และตอนนี้พวกเขาก็ได้กลายเป็นบุคคลสำคัญของสำนักคังเฉียงไปแล้ว
แม้ว่าสมาชิกใหม่จะไม่รู้รายละเอียดของเรื่องพวกนี้แต่เมื่อเห็นว่าทุกคนแสดงสีหน้าจริงจังออกมา พวกเขาก็ไม่อาจจะมองข้ามเรื่องนี้ได้
“ ทุกคนนั่งลงแล้วรอฟัง “ จางหยูไม่ได้สนใจความรู้สึกของทุกคน เขานั่งลงไปกับพื้นแล้วแผ่พลังออกมาจากตัว
ทุกคนฟังเรื่องเล่าจากปากของจางหยูด้วยความผ่อนคลาย
“ หลังจากนี้ข้าจะเล่าเรื่องของโลกหนึ่งทุกวัน หากพวกเจ้ามีเวลาก็มาฟัง พวกคนที่ไม่สนใจไม่ต้องมาฟังก็ได้ “ หลังจากที่พูดจบ จางหยูก็เปลี่ยนเป็นนักเล่าเรื่องทันที “ เรื่องในวันนี้คือ…โลกสมบูรณ์แบบมันก็เหมือนกับโลกบังสวรรค์ในอดีต แต่เป็นโลกที่เก่าแก่กว่า เนื่องจากโลกบังสวรรค์ในตอนนี้ได้พัฒนาขึ้นมาแล้ว ซึ่งการพัฒนาของโลกนั้นได้เบี่ยงเบนไปจากเส้นทางประวัติศาสตร์เดิมโดยสิ้นเชิง ดังนั้นพวกเจ้าก็ถือว่าโลกสมบูรณ์แบบนี้เป็นโลกใหม่ก็ได้ ซึ่งโลกใหม่นี้กับโลกบังสวรรค์นั้นเกี่ยวข้องกันอยู่ “
ทุกคนพากันมองไปที่เย่ฟานและคนอื่นๆ พวกเขาพากันสงสัยว่าจางหยูจะเล่าเรื่องอะไร เท่าที่พวกเขารู้มาเพราะเหตุบางอย่างจึงทำให้โลกบังสวรรค์ตกต่ำลงและกลายเป็นโลกขั้นที่ 7 จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น มีเบาะแสแค่ไม่กี่อย่างแต่ก็ยังทำให้เรื่องนี้ดูลึกลับอยู่ดี
สุดท้ายมันก็กำลังจะเปิดเผยรึ ?
“ หนึ่งธุลีเติมเต็มมหาสมุทร หนึ่งยอดหญ้าทลายดวงอาทิตย์ จันทราและดวงดาวเพียงดีดนิ้วพลิกคว่ำผืนดิน เหล่าวีรบุรุษต่างลุกหือ เผ่าพันธุ์นับอนันต์พลันปรากฏ เหล่าปราชญ์แย่งชิงความเป็นใหญ่ ความโกลาหลก่อเกิดในแผ่นดิน ถามไถ่ใต้หล้าอันกว้างใหญ่ใครกันกำหนดโชคชะตา?! หนึ่งเด็กหนุ่มจากดินแดนรกร้าง ทุกอย่างเริ่มต้นที่นี่…” เสียงของจางหยูราวกับมนต์สะกด ทำให้ทุกคนต่างจินตนาการภาพตาม
โดยเฉพาะพวกที่มาจากโลกบังสวรรค์ พวกเขาพากันแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมาและตั้งใจฟังคำพูดของจางหยูมากที่สุด
จากการฟังคำพูดของจางหยู โลกสมบูรณ์แบบก็ก่อตัวขึ้นมาในใจพวกเขา มันคือโลกขั้นที่ 8 ถึงตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้ไม่อาจจะเป็นคู่มือพวกเขาได้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้หมดความสนใจในเรื่องนี้
ใครกันจะมองข้ามประวัติศาสตร์ของโลกตนได้ ?
ไม่นาน ในน้ำเสียงอันเนิบนาบของจางหยูก็ได้กล่าวถึงตัวเอกอันเป็นที่รักของโลกสมบูรณ์แบบ จักรพรรดิสวรรค์ห่าว!
ชายหนุ่มผู้เป็นนิรันดร์ จักรพรรดิสวรรค์ห่าวผู้ที่ทิ้งเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์ไว้ในโลกสมบูรณ์แบบ!
“ เหนือสวรรค์ มันคืออะไรกัน ?”
“ทำไมโลกบังสวรรค์ถึงไม่รู้ตัวตนของเหนือสวรรค์? “ เย่ฟานเคยเดินทางเข้าไปในกระแสเวลาของโลกบังสวรรค์ “ เหนือสวรรค์นั่น…คงไม่ใช่ว่าเป็นโลกขั้นที่ 9 รึ ?”
หลังจากที่ได้ฟังเรื่องเล่าจากจางหยู มันก็มีข้อสงสัยหลายข้อที่ยังไม่ได้รับคำตอบ จางหยูก็ไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน เขาปล่อยให้ทุกคนเดา
ผิดกับเย่ฟาน จอมเทพอู๋ซื๋อและจอมเทพไร้ปราณีที่แสดงสีหน้าประหลาดออกมา พวกเขาไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ของโลกพวกเขา มันถึงกับมีตัวตนของพวกเขาอยู่ ตามที่จางหยูบอกมา จางหยูจะย้อนเวลาและสร้างโลกสมบูรณ์แบบขึ้นมาใหม่ งั้นโลกนี้ก็จะกลายเป็นโลกบังสวรรค์อีกใบ แล้วโลกสมบูรณ์แบบกับโลกบังสวรรค์เกี่ยวข้องกันยังไง ?
“ ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าหลินเหล่ย, หลินเหมิง, ซุนหงอคงและคนอื่นๆรู้สึกยังไง “ เย่ฟานและคนอื่นๆพากันแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา “ ไม่รู้ว่าในอนาคตข้าจะได้พบกับตัวเองในอีกโลกรึไม่ …”
“ นี่คือตราของพวกเจ้า ด้วยตราเหล่านี้พวกเจ้าจะเข้าออกสำนักคังเฉียงได้อย่างอิสระและสามารถเดินทางไปยังโลกสาขาได้ แม้แต่บรรพกาลเบื้องนอกด้วย “ จางหยูส่งตราให้กับทุกคน “ พวกเจ้าผูกจิตกับตราก่อนและสลักชื่อของพวกเจ้าลงไป จากนั้นก็ไปหารองเจ้าสำนักเพื่อลงทะเบียน “
แม้ว่ามันไม่จำเป็นต้องทำสัญญานภาแต่การลงทะเบียนก็ยังต้องมีอยู่ ตอนที่ทุกคนคิดว่าทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว จางหยูก็ได้พูดขึ้น “ ข้าจะสร้างโลกเพิ่ม “
ภายใต้ทักษะหลอกลวงนั้นจางหยูก็ได้พูดขึ้นมาโดยไม่ลังเล “ ข้าจะย้อนการเกิดใหม่ด้วยทักษะพิเศษเพื่อที่พวกเขาจะได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีก…ต่อไปข้าจะพูดถึงประวัติศาสตร์ของโลกอื่นๆเพื่อที่พวกเจ้าจะได้รู้จักพวกเขาเอาไว้ รวมถึงทรัพยากรในโลกเหล่านั้นและบุคคลสำคัญในโลกเหล่านั้น “
เมื่อได้ยินที่จางหยูพูด โอวเสินเฟิง, เซียวเหยียน, อู่โม่และคนอื่นๆต่างก็พากันนิ่งไป
นี่มันดูคุ้นเคย !
พวกเขานึกย้อนไปเมื่อหลายหมื่นปีก่อน ตอนที่โลกป่ายังไม่ได้ขึ้นเป็นโลกขั้นที่ 9 มันยังไม่เป็นโลกขั้นที่ 7 ด้วยซ้ำ ตอนนั้นพวกเขาไม่ต่างจากคนทั่วไป อยู่มาวันหนึ่งจางหยูก็เล่าประวัติศาสตร์ของโลกที่อาจจะเป็นโลกป่าในอดีต และเปิดมุมมองให้กับพวกเขา จากนั้นมาพวกเขาก็จมอยู่กับความยิ่งใหญ่ของเรื่องนี้ และได้เป็นพยานในการกำเนิดโลกใหม่ขึ้นมา “ เจ้าสำนักจะเล่าเรื่องให้เราฟังอีกครั้งรึ ?” โอวเสินเฟิงและคนอื่นๆพากันตื่นเต้น
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเรื่องที่จางหยูเล่ามานั้นคือประวัติศาสตร์ที่แท้จริง โลกในเรื่องราวเหล่านี้รวมถึงผู้คนต่างๆนั้นมีตัวตนอยู่จริงและได้กลับมาอีกครั้ง
ทุกโลกที่เชื่อมต่อกับสำนักคังเฉียงในวันนี้ล้วนแต่มีต้นกำเนิดมาจากเรื่องเล่า
คนมากมายในโลกเหล่านั้นได้เข้าร่วมสำนักคังเฉียง บางคนได้เป็นศิษย์ของจางหยู และกลายเป็นสมาชิกคนสำคัญของสำนัก
พวกคนที่เข้าใหม่อย่างจ้านเทียนเกอ, ซังหนานเทียนและคนอื่นๆไม่เข้าใจคำพูดของจางหยู แต่คนที่เหลือน่ะเข้าใจดี แม้แต่ศิษย์รุ่นที่สามและผู้อาวุโสหลายคนที่ไม่เคยเห็นการกำเนิดของโลกมาก่อนต่างก็ได้ยินเรื่องนี้จากปากของศิษย์รุ่นก่อน
แม้แต่ผานกู่และเทพคนอื่นๆก็ยอมรับว่าจางหยูมีความสามารถในการย้อนเวลาและนำพวกเขากลับมาได้ เรื่องที่จางหยูจะเล่านี้ ทุกคนต่างก็ให้ความสำคัญกับมันอย่างมากเพราะเรื่องเหล่านี้แทนถึงโลกใหม่ โลกที่จะเป็นโลกสาขาของสำนักคังเฉียงในอนาคต เหมือนกับโลกบรรพกาล, โลกผนึกเทพ, โลกผังหลงและโลกอื่นๆที่ล้วนแต่มาจากเรื่องเล่าของจางหยู เย่ฟาน, ฉินหยู๋, หลินเหล่ยและคนอื่นๆล้วนแต่เป็นตัวเอกในเรื่อง และตอนนี้พวกเขาก็ได้กลายเป็นบุคคลสำคัญของสำนักคังเฉียงไปแล้ว
แม้ว่าสมาชิกใหม่จะไม่รู้รายละเอียดของเรื่องพวกนี้แต่เมื่อเห็นว่าทุกคนแสดงสีหน้าจริงจังออกมา พวกเขาก็ไม่อาจจะมองข้ามเรื่องนี้ได้
“ ทุกคนนั่งลงแล้วรอฟัง “ จางหยูไม่ได้สนใจความรู้สึกของทุกคน เขานั่งลงไปกับพื้นแล้วแผ่พลังออกมาจากตัว
ทุกคนฟังเรื่องเล่าจากปากของจางหยูด้วยความผ่อนคลาย
“ หลังจากนี้ข้าจะเล่าเรื่องของโลกหนึ่งทุกวัน หากพวกเจ้ามีเวลาก็มาฟัง พวกคนที่ไม่สนใจไม่ต้องมาฟังก็ได้ “ หลังจากที่พูดจบ จางหยูก็เปลี่ยนเป็นนักเล่าเรื่องทันที “ เรื่องในวันนี้คือ…โลกสมบูรณ์แบบมันก็เหมือนกับโลกบังสวรรค์ในอดีต แต่เป็นโลกที่เก่าแก่กว่า เนื่องจากโลกบังสวรรค์ในตอนนี้ได้พัฒนาขึ้นมาแล้ว ซึ่งการพัฒนาของโลกนั้นได้เบี่ยงเบนไปจากเส้นทางประวัติศาสตร์เดิมโดยสิ้นเชิง ดังนั้นพวกเจ้าก็ถือว่าโลกสมบูรณ์แบบนี้เป็นโลกใหม่ก็ได้ ซึ่งโลกใหม่นี้กับโลกบังสวรรค์นั้นเกี่ยวข้องกันอยู่ “
ทุกคนพากันมองไปที่เย่ฟานและคนอื่นๆ พวกเขาพากันสงสัยว่าจางหยูจะเล่าเรื่องอะไร เท่าที่พวกเขารู้มาเพราะเหตุบางอย่างจึงทำให้โลกบังสวรรค์ตกต่ำลงและกลายเป็นโลกขั้นที่ 7 จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น มีเบาะแสแค่ไม่กี่อย่างแต่ก็ยังทำให้เรื่องนี้ดูลึกลับอยู่ดี
สุดท้ายมันก็กำลังจะเปิดเผยรึ ?
“ หนึ่งธุลีเติมเต็มมหาสมุทร หนึ่งยอดหญ้าทลายดวงอาทิตย์ จันทราและดวงดาวเพียงดีดนิ้วพลิกคว่ำผืนดิน เหล่าวีรบุรุษต่างลุกหือ เผ่าพันธุ์นับอนันต์พลันปรากฏ เหล่าปราชญ์แย่งชิงความเป็นใหญ่ ความโกลาหลก่อเกิดในแผ่นดิน ถามไถ่ใต้หล้าอันกว้างใหญ่ใครกันกำหนดโชคชะตา?! หนึ่งเด็กหนุ่มจากดินแดนรกร้าง ทุกอย่างเริ่มต้นที่นี่…” เสียงของจางหยูราวกับมนต์สะกด ทำให้ทุกคนต่างจินตนาการภาพตาม
โดยเฉพาะพวกที่มาจากโลกบังสวรรค์ พวกเขาพากันแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมาและตั้งใจฟังคำพูดของจางหยูมากที่สุด
จากการฟังคำพูดของจางหยู โลกสมบูรณ์แบบก็ก่อตัวขึ้นมาในใจพวกเขา มันคือโลกขั้นที่ 8 ถึงตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้ไม่อาจจะเป็นคู่มือพวกเขาได้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้หมดความสนใจในเรื่องนี้
ใครกันจะมองข้ามประวัติศาสตร์ของโลกตนได้ ?
ไม่นาน ในน้ำเสียงอันเนิบนาบของจางหยูก็ได้กล่าวถึงตัวเอกอันเป็นที่รักของโลกสมบูรณ์แบบ จักรพรรดิสวรรค์ห่าว!
ชายหนุ่มผู้เป็นนิรันดร์ จักรพรรดิสวรรค์ห่าวผู้ที่ทิ้งเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์ไว้ในโลกสมบูรณ์แบบ!
“ เหนือสวรรค์ มันคืออะไรกัน ?”
“ทำไมโลกบังสวรรค์ถึงไม่รู้ตัวตนของเหนือสวรรค์? “ เย่ฟานเคยเดินทางเข้าไปในกระแสเวลาของโลกบังสวรรค์ “ เหนือสวรรค์นั่น…คงไม่ใช่ว่าเป็นโลกขั้นที่ 9 รึ ?”
หลังจากที่ได้ฟังเรื่องเล่าจากจางหยู มันก็มีข้อสงสัยหลายข้อที่ยังไม่ได้รับคำตอบ จางหยูก็ไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน เขาปล่อยให้ทุกคนเดา
ผิดกับเย่ฟาน จอมเทพอู๋ซื๋อและจอมเทพไร้ปราณีที่แสดงสีหน้าประหลาดออกมา พวกเขาไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ของโลกพวกเขา มันถึงกับมีตัวตนของพวกเขาอยู่ ตามที่จางหยูบอกมา จางหยูจะย้อนเวลาและสร้างโลกสมบูรณ์แบบขึ้นมาใหม่ งั้นโลกนี้ก็จะกลายเป็นโลกบังสวรรค์อีกใบ แล้วโลกสมบูรณ์แบบกับโลกบังสวรรค์เกี่ยวข้องกันยังไง ?
“ ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าหลินเหล่ย, หลินเหมิง, ซุนหงอคงและคนอื่นๆรู้สึกยังไง “ เย่ฟานและคนอื่นๆพากันแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา “ ไม่รู้ว่าในอนาคตข้าจะได้พบกับตัวเองในอีกโลกรึไม่ …”