ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1831 : คอขวด
ทะเลโกลาหลนั้นลึกลับ สำหรับจางหยูแล้วเขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย การรับรู้ของเขารับรู้ได้แต่ความกว้างใหญ่ของมัน แน่นอนว่ามันมีอันตรายที่เขาไม่รู้อยู่ นี่ไม่ต้องนับจ้าวโกลาหลหน้าใหม่เลย แม้แต่ร่างหลักของซุนเหยียนก็ยังต้องตายอย่างน่าอนาถ
ผึ้งลึกลับนั้นคืออะไรกัน มันมีจำนวนมากรึไม่ มันมีอันตรายอย่างอื่นที่นี่รึเปล่า ทุกอย่างเต็มไปด้วยความสับสน
แม้ว่าจะสงสัยเกี่ยวกับทะเลโกลาหลแต่การปกป้องตัวเองก็สำคัญที่สุด จางหยูไม่กล้าที่จะเสี่ยง
จางหยูส่ายหน้าและกลับไปที่โลกป่าก่อนจะยกเลิกการปิดผนึกเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างโลกบรรพกาล,โลกป่าและโลกสวรรค์ออก
ด้วยการที่ผนึกหายไป ผู้คนก็สามารถเดินทางเข้าออกภายในโลกตันเถียนได้อย่างอิสระ พวกเขาสามารถเดินทางกลับมาที่โลกป่าได้ด้วย
จางหยูไม่ได้อยากขังทุกคนไว้ในโลกตันเถียน ในทางกลับกันแล้วเขาอยากให้โลกตันเถียนและโกลาหลมีการเข้าออกของผู้คน มันจะเป็นยกระดับการเลื่อนขั้นให้เร็วกว่าเดิม มันมีแต่ส่งผลดีไม่ได้ส่งผลเสียอะไร
ไห่อู่เซิงถูกกำจัดไปแล้ว ข่าวเรื่องนี้เผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายโกลาหลก็กลับคืนสู่ความสงบ
มีหลายกองกำลังที่มากองกันอยู่ในโลกป่ารวมถึงยอดฝีมือมากมาย พวกนั้นได้เดินทางออกจากโลกป่าและซาบซึ้งในบุญคุณของจางหยู มีหลายเหตุผลที่หลายกองกำลังเลือกที่จะตั้งสำนักงานขึ้นที่โลกป่า พวกเขาไม่คิดที่จะย้ายหนี มียอดฝีมือหลายคนเดินทางเข้ามายังโลกป่าอยู่ตลอด
หลังจากวิกฤตนี้แล้วโลกป่าได้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในใจของทุกคน ชื่อเสียงของที่นี่เหนือกว่าวิหารอวี๋ฮุ่น ชื่อเสียงของสำนักคังเฉียงขึ้นไปถึงระดับสูงสุดของโกลาหล
มันไม่เหมือนกับวิหารอวี๋ฮุ่น การทำงานของสำนักคังเฉียงนั้นยังอยู่แค่ในโลกป่า แม้ว่าศิษย์และอาจารย์จะออกไปทำภารกิจด้านนอกบ้างแต่นั่นก็เป็นเรื่องส่วนตัว สำนักคังเฉียงไม่ได้แสดงความทะเยอทะยานใดๆออกมา พวกเขาไม่เหมือนกับวิหารอวี๋ฮุ่นที่คิดจะควบคุมโกลาหล พวกเขาปกครองแค่โลกป่าแต่ในใจของผู้คนมากมายนั้นสำนักคังเฉียงคือราชาของทุกคน สำนักคังเฉียงนั้นเหนือกว่าวิหารอวี๋ฮุ่น
จางหยูยังคงเล่าเรื่องต่อเช่นเคยเพื่อสร้างโลกใหม่ ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้มีโลกมากถึงแสนใบแล้ว มันเกิดจากเรื่องเล่าที่แปลกประหลาดของเขา
โลกพวกนี้ต่างก็มีสังคมและวัฒนธรรมที่ต่างกันไป เมื่อเชื่อมต่อกันแล้ว โลกแต่ละใบก็เติบโตด้วยความเร็วที่น่าตกใจ
ต้องขอบคุณการสั่งสอนของจางหยู สำนักคังเฉียงได้เพิ่มความเร็วในการพัฒนาขึ้นไปอีก ความแข็งแกร่งของศิษย์และอาจารย์ต่างก็เพิ่มขึ้นมา
หยวนเทียนจี, เย่ฟาน, อู่โม่และคนอื่นๆขึ้นเป็นราชากันได้ คนที่เหลือกว่าครึ่งขึ้นเป็นราชากันได้ด้วย คนที่อ่อนแอที่สุดอยู่ระดับพันเท่า
จ้านหนานเทียน, เกลดัน, ซังหนานเทียนและคนอื่นๆที่เข้าร่วมสำนักคังเฉียงในภายหลังต่างก็ขึ้นเป็นราชาเช่นกัน
เพียงแต่ว่าเมื่อคนส่วนมากขึ้นเป็นราชา การบ่มเพาะของพวกเขาจะหยุดเติบโต เมื่อขึ้นมาถึงระดับนี้แล้ว แม้ว่าจะผ่านไปหลายร้อยปี แม้ว่าจะได้ฟังการสั่งสอนของจางหยู แต่ก็ยังไม่เข้าใจพลังสร้างสร้างไร้จำกัดได้
ดังนั้นหลังจากผ่านช่วงการพัฒนาอย่างรวดเร็วมา ความสำนักคังเฉียงก็ไปถึงจุดคอขวด มันเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวตั้งแต่ก่อตั้งสำนักขึ้นมา
จางหยูได้ไปหาซุนเหยียนและถามว่ามีวิธีจัดการกับปัญหานี้รึไม่
แต่คำตอบก็ทำให้จางหยูต้องผิดหวังเพราะซุนเหยียนก็ไม่รู้เช่นกัน
หากศิษย์และอาจารย์ขึ้นมาขอบเขตการสร้างไร้จำกัดได้ จางหยูก็สามารถช่วยให้พวกนั้นขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้ แต่พวกนั้นต้องทะลวงผ่านให้ได้ก่อน จางหยูไม่อาจจะเข้าไปยุ่งได้ แม้อยากจะช่วยแต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้เลย
หลังจากนั้นสักพักจางหยูก็เร่งความถี่ในการบรรยายมากขึ้น เขาพยายามใช้ทักษะหลอกลวงเพื่อช่วยเหลือทุกคน แต่โชคร้ายที่บทบาทของทักษะนี้อ่อนแอลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากที่ศิษย์และอาจารย์ขึ้นมาเป็นราชาได้แล้ว ผลของมันก็แทบจะมองข้ามได้เลย
ในพริบตาก็ผ่านไปกว่า 300 ปี
ศิษย์ชุดสุดท้ายได้ก้าวขึ้นเป็นราชา ตอนนี้สำนักคังเฉียงมีสมาชิกหลายพันคนที่ก้าวขึ้นเป็นราชาได้ ตั้งแต่รองเจ้าสำนักจนถึงผู้อาวุโส, คนรับใช้, อาจารย์และศิษย์ ทุกคนต่างก็เป็นราชากันหมด
ความแข็งแกร่งโดยรวมของสำนักคังเฉียงนั้นแกร่งถึงขีดสุดของโกลาหล พวกเขาสามารถยึดครองทั้งโกลาหลได้โดยง่าย พวกเขาคือยักษ์ใหญ่ตัวจริง นอกจากเนี่ยเวิ่นและอีกไม่กี่คนแล้ว ราชาคนอื่นๆต่างก็เข้าร่วมกับสำนักคังเฉียง
แต่จางหยูก็ต้องสลด แม้ว่าทุกคนจะขึ้นเป็นราชากันแล้วแต่มันก็ยังไม่ให้กำเนิดขอบเขตการสร้างไร้จำกัดคนใหม่ นี่รวมถึงพวกราชาที่เคยเป็นหุ่นเชิดมาแล้วด้วย ไม่มีใครขึ้นเป็นขอบเขตการสร้างไร้จำกัดได้ ผ่านไปหลายปีแต่ทุกคนก็ยังเป็นราชาเหมือนเดิม
คนที่เป็นกึ่งจ้าวโกลาหลมีแค่จางหยู, ซุนเหยียน, เสี่ยวเสีย,ซุนเมิ่งและซุนวู สองคนหลังถือว่าเป็นคนของวิหารอวี๋ฮุ่น เสี่ยวเสียเองก็ไม่ได้ถือว่าสังกัดภายใต้สำนักคังเฉียง แต่ก็ถือว่าเป็นคนของสำนักคังเฉียง จึงนับว่าเป็นสมาชิกสำนักคังเฉียงอยู่ครึ่งตัว
ในวันใหม่ ตอนที่จางหยูเล่าเรื่องจบ หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไป จางหยูก็ไม่ได้จากไปไหน
“ จะช่วยให้พวกเขาเข้าใจพลังสร้างไร้จำกัดได้ยังไง? ” จางหยูหดหู่ขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าศิษย์และอาจารย์ต่างก็เป็นราชากันหมดแล้ว จางหยูก็ยากที่จะยอมรับได้ ยังไงซะหลายหมื่นปีที่ผ่านมาทุกคนต่างก็ก้าวหน้าไม่ได้พบกับทางตัน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเจอสถานการณ์เช่นนี้
ไม่ใช่แค่ศิษย์และอาจารย์ ร่างแยกของเขาเองก็ขึ้นเป็นราชาและพบกับทางตันเช่นกัน
มันเหมือนมีพลังลึกลับที่บดบังเส้นทางตรงหน้าเอาไว้
ผ่านไปสักพักจางหยูก็เรียกซุนเหยียน, เสี่ยวเสีย, ซุนเมิ่ง, ซุนวูและเนี่ยเวิ่นเข้ามาหา
“ อาจารย์ !”
“ เจ้าสำนัก”
“ นายท่าน ! ”
“ พ่อบุญธรรม ! ”
ซุนเหยียนและคนอื่นๆทำความเคารพทันที
จางหยูโบกมือและถามกับทุกคน “ ข้าอยากถามพวกเจ้าว่าพวกเจ้าเข้าใจพลังสร้างไร้จำกัดได้ยังไง ?”
ถึงเขาจะไม่คิดอะไรมากแต่เขาก็ต้องรักษาฐานะของตัวเอง เขาต้องหาทางช่วยพวกนี้ แม้ว่าจะมีพลังของจ้าวโกลาหลแล้วแต่เส้นทางของเขาก็ไม่เหมาะกับคนอื่นๆ
“ แต่เดิมแล้วข้าโดนร่างหลักสร้างขึ้นมาจึงอยู่ขอบเขตการสร้างไร้จำกัดอยู่แล้ว ” ซุนเหยียนตอบกลับ “ ดังนั้นข้าจึงไม่รู้ว่าจะทำความเข้าใจพลังสร้างไร้จำกัดได้ยังไง”
จางหยูมองไปที่เสี่ยวเสีย “ แล้วเจ้าล่ะ ?”
เสี่ยวเสียพูดขึ้น “ นายท่าน ข้ากลืนกินจิตปฐมบทโกลาหลและปราณสุสานถึงทะลวงผ่านมาได้ ”
วิธีของเสี่ยวเสียในการทะลวงผ่านนั้นเรียบง่าย แต่คนอื่นๆไม่อาจจะทำตามได้
“ แล้วเจ้าล่ะ ?” จางหยูมองไปที่ต้นไม้โกลาหล, ซุนเมิ่งและซุนวู
“ ข้าเกิดมาพร้อมความสามารถในการดูดซับพลังโกลาหล ข้ากลืนกินพลังโกลาหลและได้ขึ้นมาถึงขอบเขตการสร้างไร้จำกัดได้ ” ต้นไม้โกลาหลตอบกลับ
ซุนวูพูดขึ้น “ ข้าไม่เข้าใจพลังสร้างไร้จำกัดแต่กลับทะลวงผ่านเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้เลย ”
จางหยูมองไปที่ซุนเมิ่ง หากเขาจำไม่ผิด ซุนเมิ่งน่าจะเป็นคนเดียวที่ใช้ความพยายามของตัวเองขึ้นเป็นขอบเขตการสร้างไร้จำกัด
“ ตอนที่ข้าฟังการสอนของอาจารย์ มันมีพลังลึกลับที่สั่นพ้องกับสายเลือดของข้า จากนั้นข้าก็กระจ่างมันโดยตรง” ซุนเมิ่งพูดขึ้น “ ข้าคิดว่าน่าจะเป็นเพราะสายเลือด…”
เมื่อได้ยินที่ซุนเมิ่งพูดมา จางหยูก็ได้แต่ต้องผิดหวัง เขาถอนหายใจออกมา ดูเหมือนว่าไม่อาจจะใช้วิธีของคนเหล่านี้ได้
ทุกคนที่นี่รวมถึงตัวเขาเองต่างก็ขึ้นมาขอบเขตการสร้างไร้จำกัดด้วยวิธีพิเศษ มันไม่มีทางเลียนแบบกันได้ คนเหล่านี้ต่างก็มีพลังพิเศษอยู่ในตัว พวกเขาต่างจากคนอื่นๆในสำนัก
“ เจ้าสำนักอาจจะต้องรอ” ซุนเหยียนพูดขึ้น “ จากราชาเป็นขอบเขตการสร้างไร้จำกัดนั้นใช้เวลายาวนาน มันอาจจะนานกว่าการฝึกจากมนุษย์เป็นราชาเสียอีก…มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสำเร็จในข้ามคืน ตอนนี้ทุกคนต่างก็เป็นราชามาแค่ไม่กี่ร้อยปี เหตุใดท่านจึงกังวลเช่นนี้”
“ ในความเห็นของเจ้าแล้วต้องใช้เวลาเท่าไหร่ ?” จางหยูถามขึ้นมา
“ นี่.” ซุนเหยียนยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและส่ายหน้า “ ข้าเองก็ไม่รู้ ”
เขาไม่มั่นใจว่าศิษย์และอาจารย์จะขึ้นมาขอบเขตการสร้างไร้จำกัดได้รึไม่ เขาไม่อาจจะบอกเวลาได้
ผึ้งลึกลับนั้นคืออะไรกัน มันมีจำนวนมากรึไม่ มันมีอันตรายอย่างอื่นที่นี่รึเปล่า ทุกอย่างเต็มไปด้วยความสับสน
แม้ว่าจะสงสัยเกี่ยวกับทะเลโกลาหลแต่การปกป้องตัวเองก็สำคัญที่สุด จางหยูไม่กล้าที่จะเสี่ยง
จางหยูส่ายหน้าและกลับไปที่โลกป่าก่อนจะยกเลิกการปิดผนึกเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างโลกบรรพกาล,โลกป่าและโลกสวรรค์ออก
ด้วยการที่ผนึกหายไป ผู้คนก็สามารถเดินทางเข้าออกภายในโลกตันเถียนได้อย่างอิสระ พวกเขาสามารถเดินทางกลับมาที่โลกป่าได้ด้วย
จางหยูไม่ได้อยากขังทุกคนไว้ในโลกตันเถียน ในทางกลับกันแล้วเขาอยากให้โลกตันเถียนและโกลาหลมีการเข้าออกของผู้คน มันจะเป็นยกระดับการเลื่อนขั้นให้เร็วกว่าเดิม มันมีแต่ส่งผลดีไม่ได้ส่งผลเสียอะไร
ไห่อู่เซิงถูกกำจัดไปแล้ว ข่าวเรื่องนี้เผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายโกลาหลก็กลับคืนสู่ความสงบ
มีหลายกองกำลังที่มากองกันอยู่ในโลกป่ารวมถึงยอดฝีมือมากมาย พวกนั้นได้เดินทางออกจากโลกป่าและซาบซึ้งในบุญคุณของจางหยู มีหลายเหตุผลที่หลายกองกำลังเลือกที่จะตั้งสำนักงานขึ้นที่โลกป่า พวกเขาไม่คิดที่จะย้ายหนี มียอดฝีมือหลายคนเดินทางเข้ามายังโลกป่าอยู่ตลอด
หลังจากวิกฤตนี้แล้วโลกป่าได้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในใจของทุกคน ชื่อเสียงของที่นี่เหนือกว่าวิหารอวี๋ฮุ่น ชื่อเสียงของสำนักคังเฉียงขึ้นไปถึงระดับสูงสุดของโกลาหล
มันไม่เหมือนกับวิหารอวี๋ฮุ่น การทำงานของสำนักคังเฉียงนั้นยังอยู่แค่ในโลกป่า แม้ว่าศิษย์และอาจารย์จะออกไปทำภารกิจด้านนอกบ้างแต่นั่นก็เป็นเรื่องส่วนตัว สำนักคังเฉียงไม่ได้แสดงความทะเยอทะยานใดๆออกมา พวกเขาไม่เหมือนกับวิหารอวี๋ฮุ่นที่คิดจะควบคุมโกลาหล พวกเขาปกครองแค่โลกป่าแต่ในใจของผู้คนมากมายนั้นสำนักคังเฉียงคือราชาของทุกคน สำนักคังเฉียงนั้นเหนือกว่าวิหารอวี๋ฮุ่น
จางหยูยังคงเล่าเรื่องต่อเช่นเคยเพื่อสร้างโลกใหม่ ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้มีโลกมากถึงแสนใบแล้ว มันเกิดจากเรื่องเล่าที่แปลกประหลาดของเขา
โลกพวกนี้ต่างก็มีสังคมและวัฒนธรรมที่ต่างกันไป เมื่อเชื่อมต่อกันแล้ว โลกแต่ละใบก็เติบโตด้วยความเร็วที่น่าตกใจ
ต้องขอบคุณการสั่งสอนของจางหยู สำนักคังเฉียงได้เพิ่มความเร็วในการพัฒนาขึ้นไปอีก ความแข็งแกร่งของศิษย์และอาจารย์ต่างก็เพิ่มขึ้นมา
หยวนเทียนจี, เย่ฟาน, อู่โม่และคนอื่นๆขึ้นเป็นราชากันได้ คนที่เหลือกว่าครึ่งขึ้นเป็นราชากันได้ด้วย คนที่อ่อนแอที่สุดอยู่ระดับพันเท่า
จ้านหนานเทียน, เกลดัน, ซังหนานเทียนและคนอื่นๆที่เข้าร่วมสำนักคังเฉียงในภายหลังต่างก็ขึ้นเป็นราชาเช่นกัน
เพียงแต่ว่าเมื่อคนส่วนมากขึ้นเป็นราชา การบ่มเพาะของพวกเขาจะหยุดเติบโต เมื่อขึ้นมาถึงระดับนี้แล้ว แม้ว่าจะผ่านไปหลายร้อยปี แม้ว่าจะได้ฟังการสั่งสอนของจางหยู แต่ก็ยังไม่เข้าใจพลังสร้างสร้างไร้จำกัดได้
ดังนั้นหลังจากผ่านช่วงการพัฒนาอย่างรวดเร็วมา ความสำนักคังเฉียงก็ไปถึงจุดคอขวด มันเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวตั้งแต่ก่อตั้งสำนักขึ้นมา
จางหยูได้ไปหาซุนเหยียนและถามว่ามีวิธีจัดการกับปัญหานี้รึไม่
แต่คำตอบก็ทำให้จางหยูต้องผิดหวังเพราะซุนเหยียนก็ไม่รู้เช่นกัน
หากศิษย์และอาจารย์ขึ้นมาขอบเขตการสร้างไร้จำกัดได้ จางหยูก็สามารถช่วยให้พวกนั้นขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้ แต่พวกนั้นต้องทะลวงผ่านให้ได้ก่อน จางหยูไม่อาจจะเข้าไปยุ่งได้ แม้อยากจะช่วยแต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้เลย
หลังจากนั้นสักพักจางหยูก็เร่งความถี่ในการบรรยายมากขึ้น เขาพยายามใช้ทักษะหลอกลวงเพื่อช่วยเหลือทุกคน แต่โชคร้ายที่บทบาทของทักษะนี้อ่อนแอลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากที่ศิษย์และอาจารย์ขึ้นมาเป็นราชาได้แล้ว ผลของมันก็แทบจะมองข้ามได้เลย
ในพริบตาก็ผ่านไปกว่า 300 ปี
ศิษย์ชุดสุดท้ายได้ก้าวขึ้นเป็นราชา ตอนนี้สำนักคังเฉียงมีสมาชิกหลายพันคนที่ก้าวขึ้นเป็นราชาได้ ตั้งแต่รองเจ้าสำนักจนถึงผู้อาวุโส, คนรับใช้, อาจารย์และศิษย์ ทุกคนต่างก็เป็นราชากันหมด
ความแข็งแกร่งโดยรวมของสำนักคังเฉียงนั้นแกร่งถึงขีดสุดของโกลาหล พวกเขาสามารถยึดครองทั้งโกลาหลได้โดยง่าย พวกเขาคือยักษ์ใหญ่ตัวจริง นอกจากเนี่ยเวิ่นและอีกไม่กี่คนแล้ว ราชาคนอื่นๆต่างก็เข้าร่วมกับสำนักคังเฉียง
แต่จางหยูก็ต้องสลด แม้ว่าทุกคนจะขึ้นเป็นราชากันแล้วแต่มันก็ยังไม่ให้กำเนิดขอบเขตการสร้างไร้จำกัดคนใหม่ นี่รวมถึงพวกราชาที่เคยเป็นหุ่นเชิดมาแล้วด้วย ไม่มีใครขึ้นเป็นขอบเขตการสร้างไร้จำกัดได้ ผ่านไปหลายปีแต่ทุกคนก็ยังเป็นราชาเหมือนเดิม
คนที่เป็นกึ่งจ้าวโกลาหลมีแค่จางหยู, ซุนเหยียน, เสี่ยวเสีย,ซุนเมิ่งและซุนวู สองคนหลังถือว่าเป็นคนของวิหารอวี๋ฮุ่น เสี่ยวเสียเองก็ไม่ได้ถือว่าสังกัดภายใต้สำนักคังเฉียง แต่ก็ถือว่าเป็นคนของสำนักคังเฉียง จึงนับว่าเป็นสมาชิกสำนักคังเฉียงอยู่ครึ่งตัว
ในวันใหม่ ตอนที่จางหยูเล่าเรื่องจบ หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไป จางหยูก็ไม่ได้จากไปไหน
“ จะช่วยให้พวกเขาเข้าใจพลังสร้างไร้จำกัดได้ยังไง? ” จางหยูหดหู่ขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าศิษย์และอาจารย์ต่างก็เป็นราชากันหมดแล้ว จางหยูก็ยากที่จะยอมรับได้ ยังไงซะหลายหมื่นปีที่ผ่านมาทุกคนต่างก็ก้าวหน้าไม่ได้พบกับทางตัน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเจอสถานการณ์เช่นนี้
ไม่ใช่แค่ศิษย์และอาจารย์ ร่างแยกของเขาเองก็ขึ้นเป็นราชาและพบกับทางตันเช่นกัน
มันเหมือนมีพลังลึกลับที่บดบังเส้นทางตรงหน้าเอาไว้
ผ่านไปสักพักจางหยูก็เรียกซุนเหยียน, เสี่ยวเสีย, ซุนเมิ่ง, ซุนวูและเนี่ยเวิ่นเข้ามาหา
“ อาจารย์ !”
“ เจ้าสำนัก”
“ นายท่าน ! ”
“ พ่อบุญธรรม ! ”
ซุนเหยียนและคนอื่นๆทำความเคารพทันที
จางหยูโบกมือและถามกับทุกคน “ ข้าอยากถามพวกเจ้าว่าพวกเจ้าเข้าใจพลังสร้างไร้จำกัดได้ยังไง ?”
ถึงเขาจะไม่คิดอะไรมากแต่เขาก็ต้องรักษาฐานะของตัวเอง เขาต้องหาทางช่วยพวกนี้ แม้ว่าจะมีพลังของจ้าวโกลาหลแล้วแต่เส้นทางของเขาก็ไม่เหมาะกับคนอื่นๆ
“ แต่เดิมแล้วข้าโดนร่างหลักสร้างขึ้นมาจึงอยู่ขอบเขตการสร้างไร้จำกัดอยู่แล้ว ” ซุนเหยียนตอบกลับ “ ดังนั้นข้าจึงไม่รู้ว่าจะทำความเข้าใจพลังสร้างไร้จำกัดได้ยังไง”
จางหยูมองไปที่เสี่ยวเสีย “ แล้วเจ้าล่ะ ?”
เสี่ยวเสียพูดขึ้น “ นายท่าน ข้ากลืนกินจิตปฐมบทโกลาหลและปราณสุสานถึงทะลวงผ่านมาได้ ”
วิธีของเสี่ยวเสียในการทะลวงผ่านนั้นเรียบง่าย แต่คนอื่นๆไม่อาจจะทำตามได้
“ แล้วเจ้าล่ะ ?” จางหยูมองไปที่ต้นไม้โกลาหล, ซุนเมิ่งและซุนวู
“ ข้าเกิดมาพร้อมความสามารถในการดูดซับพลังโกลาหล ข้ากลืนกินพลังโกลาหลและได้ขึ้นมาถึงขอบเขตการสร้างไร้จำกัดได้ ” ต้นไม้โกลาหลตอบกลับ
ซุนวูพูดขึ้น “ ข้าไม่เข้าใจพลังสร้างไร้จำกัดแต่กลับทะลวงผ่านเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้เลย ”
จางหยูมองไปที่ซุนเมิ่ง หากเขาจำไม่ผิด ซุนเมิ่งน่าจะเป็นคนเดียวที่ใช้ความพยายามของตัวเองขึ้นเป็นขอบเขตการสร้างไร้จำกัด
“ ตอนที่ข้าฟังการสอนของอาจารย์ มันมีพลังลึกลับที่สั่นพ้องกับสายเลือดของข้า จากนั้นข้าก็กระจ่างมันโดยตรง” ซุนเมิ่งพูดขึ้น “ ข้าคิดว่าน่าจะเป็นเพราะสายเลือด…”
เมื่อได้ยินที่ซุนเมิ่งพูดมา จางหยูก็ได้แต่ต้องผิดหวัง เขาถอนหายใจออกมา ดูเหมือนว่าไม่อาจจะใช้วิธีของคนเหล่านี้ได้
ทุกคนที่นี่รวมถึงตัวเขาเองต่างก็ขึ้นมาขอบเขตการสร้างไร้จำกัดด้วยวิธีพิเศษ มันไม่มีทางเลียนแบบกันได้ คนเหล่านี้ต่างก็มีพลังพิเศษอยู่ในตัว พวกเขาต่างจากคนอื่นๆในสำนัก
“ เจ้าสำนักอาจจะต้องรอ” ซุนเหยียนพูดขึ้น “ จากราชาเป็นขอบเขตการสร้างไร้จำกัดนั้นใช้เวลายาวนาน มันอาจจะนานกว่าการฝึกจากมนุษย์เป็นราชาเสียอีก…มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสำเร็จในข้ามคืน ตอนนี้ทุกคนต่างก็เป็นราชามาแค่ไม่กี่ร้อยปี เหตุใดท่านจึงกังวลเช่นนี้”
“ ในความเห็นของเจ้าแล้วต้องใช้เวลาเท่าไหร่ ?” จางหยูถามขึ้นมา
“ นี่.” ซุนเหยียนยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและส่ายหน้า “ ข้าเองก็ไม่รู้ ”
เขาไม่มั่นใจว่าศิษย์และอาจารย์จะขึ้นมาขอบเขตการสร้างไร้จำกัดได้รึไม่ เขาไม่อาจจะบอกเวลาได้