ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1847 : ความลึกลับของซุนกวน
ซุนเหยียนลังเลและมองไปที่ชายวัยกลางคน “ เจ้าบอกว่าเขาเป็นสมาชิกสำรองงั้นรึ ? เจ้าพูดจริงรึ ?”
ชายวัยกลางคนพยักหน้า “ การที่เขาเป็นสมาชิกสำรองของกองทัพเทียนลั่วนับว่าเป็นเกียรติของข้าและคนอื่นๆ ข้าจะโกหกทำไม ?”
“ เมื่อเขาเป็นสมาชิกสำรองได้ งั้นทำไมเขาถึงไม่ยอมจ่ายค่าคุ้มครองกัน ?” ซุนเหยียนถามขึ้นมา
“ บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาเย่อหยิ่ง” ชายวัยกลางคนถอนหายใจออกมา “ ย้อนกลับไปในตอนนั้นข้ากับซุนกวนมายังโกลาหลซื่อเซียวในเวลาที่ใกล้เคียงกัน ห่างกันไม่ถึงหมื่นปี ตอนนั้นข้ายังเด็กและหยิ่งทะนง ข้าคิดว่าข้าจะโด่งดังได้ในอนาคต แต่หลังจากที่ได้เห็นยอดฝีมือมากมาย ข้าก็พบว่าข้าไม่ได้โดดเด่นอะไรเลย โดยเฉพาะเมื่อได้พบกับซุนกวน ข้าพบว่าเขาคือคนที่จะก้าวไปเหนือข้าได้…”
ทุกคนต่างก็ตั้งใจฟัง
พวกยามคนอื่นก็ฟังอยู่เงียบๆเช่นกัน มันเป็นครั้งแรกที่ได้ยินหัวหน้าพูดถึงเรื่องเก่าๆ
“ ซุนกวนต่างจากทุกคนที่ข้ารู้จักมา เขานั้นเย่อหยิ่งและเต็มไปด้วยศักดิศรี เขามั่นใจตัวเองอย่างมาก “ ชายวัยกลางคนพูดขึ้น “ ข้ากับเขามายังที่นี่พร้อมกัน แต่แค่ไม่กี่ปีข้าก็ไม่อาจเทียบกับเขาได้ บางทีหากผ่านไปอีกร้อยยุค ซุนกวนก็อาจจะเอาชนะข้าได้ง่ายๆ ….”
ต้องรู้ก่อนว่าชายวัยกลางคนก็ไม่ได้อยู่เฉย เขาเองก็บ่มเพาะเช่นกัน แต่ก็ไม่อาจจะตามความก้าวหน้าของซุนกวนได้ทัน
“ หลังจากนั้นเขาก็ได้เป็นสมาชิกสำรองของกองทัพเทียนลั่ว” ชายวัยกลางคนพูดต่อ “ หากไม่มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น เขาคงกลายเป็นสมาชิกหลักได้ เขาน่ะยอดเยี่ยม แม้แต่ผู้อาวุโสกวนก็ยังสนใจเขา ผู้อาวุโสได้บอกเองว่าซุนกวนนั้นมีพรสวรรค์ที่สูง อนาคตจะประสบความสำเร็จไม่ด้อยกว่าผู้อาวุโสเลย”
กวนประเมินซุนกวนไว้สูง
“ เขาพยายามอย่างหนักในการบ่มเพาะ เขาใช้เวลาอย่างคุ้มค่า ไม่วอกแวกแม้แต่น้อย ทุกอย่างที่เขาทำก็เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น” ชายวัยกลางคนเงียบไปชั่วครู่และแสดงสีหน้าซับซ้อนออกมา “ บางทีเพราะอยากจะแข็งแกร่งขึ้น จึงทำให้เขาไม่ยอมจ่ายค่าคุ้มครอง เพราะมันใช้พลังไม่ใช่น้อย มันจะทำให้เขาเสียเวลา”
ชายวัยกลางคนมองไปที่ซุนเหยียน “ ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ทำแบบนั้น หากมีเหตุผลที่จะทำแบบนั้นก็อาจจะเพราะเขาทำเพื่อผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง…โชคร้ายที่เหมือนเขาจะหมดโชค เขาได้เจอกับกุยหลิง แม้ว่าเขาจะแกร่งกว่าจ้าวโกลาหลทั่วไป แต่ก็ยังไม่สามารถรับมือกับกุยหลิงได้”
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นทุกคนก็รู้เรื่องราวในอดีตของซุนกวน
“ พูดไปแล้วอันที่จริงข้าเองก็สงสัยอย่างมาก เขารู้ถึงข้อดีในการจ่ายค่าคุ้มครอง แต่ทำไมถึงไม่จ่าย ?” ชายวัยกลางคนแสดงสีหน้าสงสัยออกมา “ เหตุผลอะไรที่ทำให้เขาเอาแต่บ่มเพาะ และยอมรับความเสี่ยงที่จะโดนกุยหลิงโจมตี แทนที่จะสร้างลูกปัดขึ้นมา ?”
ลูกปัดนั้นไม่ใช่จ่ายไปเปล่าๆ หากจ่ายไปแล้วก็จะได้รับการคุ้มครองจากจักรพรรดิ หากไม่จ่ายก็ไม่มีใครบังคับ แค่ต้องรับความเสี่ยงที่จะโดนกุยหลิงโจมตี และยังเสี่ยงที่จะมียอดฝีมือคนอื่นเข้าโจมตีด้วย
ซุนกวนได้เข้ามาอยู่ที่นี่และเข้าร่วมกองทัพเทียนลั่ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้เรื่องนี้
เขาต้องมีเหตุผลที่ทำแบบนั้น !
แต่ ซนกวนน่ะตายไปแล้ว ความลับได้หายไปกับเขาด้วย
“ ใช่สิ ” ชายวัยกลางคนเหมือนจะคิดบางอย่างออก “ ฐานะของซุนกวนน่ะไม่ธรรมดา ข้าเคยเห็นคนใส่เกราะระดับสูงมาหาเขา แม้ไม่รู้ว่าทั้งสองพูดคุยอะไรกันแต่เขาดูไม่พอใจอย่างมาก ตอนที่เขาจากไป ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องทะเลาะกัน”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็สงสัยในตัวตนของซุนกวนมากขึ้นกว่าเก่า
การที่เกี่ยวข้องกับคนระดับสูงได้ ฐานะของซุนกวนต้องไม่ธรรมดาแน่
ซุนกวนเอาแต่บ่มเพาะและไม่จ่ายค่าคุ้มครอง ดูเหมือนว่าคงมีเหตุผล
เขาต้องมีเป้าหมายบางอย่างแต่ก่อนที่จะทำตามเป้าหมายได้ เขาก็พบกับกุยหลิงและตายไปเสียก่อน
“ ซุนเหยียน เจ้าเคยบอกว่าร่างหลักของเจ้าเคยผ่านการต่อสู้กับอีกคนมาไม่ใช่รึ?” จางหยูมองไปที่ซุนเหยียน
“ เรื่องนั้นข้าแค่หลอกท่าน ข้าแต่งเรื่องขึ้นมา อันที่จริงแล้วเรื่องราวของร่างหลักนั้นข้าไม่ค่อยรู้ ข้อมูลและความทรงจำเกี่ยวกับนอกโกลาหลถูกปิดกั้นโดยร่างหลัก ข้ารู้แค่ว่าเขาให้ข้าดูแลโกลาหลหินก็เท่านั้น…”
เอาจริงๆแล้วในสายตาของซุนกวนนั้น ซุนเหยียนเป็นแค่เครื่องมือ
ตำแหน่งของเขาอาจจะคล้ายร่างแยกบ่มเพาะของจางหยู
แค่เครื่องมือ ! “ ช่างเถอะ” จางหยูไม่อาจจะรู้ถึงตัวตนของซุนกวนได้ จากเบาะแสที่ได้มาแล้วไม่อาจจะยืนยันอะไรได้เลย “เรื่องของซุนกวนเอาไว้ก่อน หลังจากนี้หากมีโอกาสก็ค่อยตรวจสอบ เรื่องด่วนตอนนี้คือต้องจ่ายลูกปัดดั้งเดิม”
เมื่อได้ยินคำพูดของจางหยู ชายวัยกลางคนก็แปลกใจ “ พวกเจ้าทุกคนมาเพื่อจ่ายลูกปัดรึ ?”
คนกว่าสองพันคนก็เท่ากับลูกปัด 6,000 ลูก !
ชายวัยกลางคนและคนอื่นๆอาจจะได้รับรางวัลไปด้วย !
จางหยูส่ายหน้า “ ไม่ใช่เรา แค่เขา ” เขาชี้ไปที่ต้นไม้โกลาหล
ชายวัยกลางคนพูดขึ้น “ แล้วพวกเจ้า…ไม่ได้มาจ่ายลูกปัดรึ ?”
“ เราไม่คิดจะทำแบบนั้น” จางหยูตอบกลับตามจริง “ กุยหลิง..ยังไม่ใช่ภัยต่อเรา”
บรรพกาลของพวกเขาไม่ได้อยู่ในทะเลโกลาหล พวกเขาไม่จำเป็นต้องกลัวกุยหลิง
ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วและพูดขึ้นมา “ด้วยความเคารพ เจ้าควรจะจ่ายจะดีกว่าไม่งั้นแล้วเมื่ออยู่ในอันตรายก็จะไม่มีใครคอยช่วยเจ้า แม้แต่ซุนกวนที่แข็งแกร่งก็ยังไม่อาจจะต้านทานกุยหลิงได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงเจ้าเลย เจ้าคิดว่าตัวเองเหนือกว่าซุนกวนรึ ?”
จางหยูซึ้งใจกับความหวังดีของอีกฝ่าย “ เหนือกว่าซุนกวนไม่ได้รึไง ?”
ซุนกวนอยู่ระดับไหนนั้นจางหยูไม่มั่นใจ แต่เขามั่นใจว่าซุนกวนนั้นไม่ได้แกร่งกว่ากวน
ตอนนี้ทุกคนต่างก็แกร่งกว่ากวนมาก แล้วซุนกวนจะมาเทียบได้รึ ?
ชายวัยกลางคนไม่คิดว่าจางหยูจะยอมรับว่าเหนือกว่าซุนกวน คำพูดที่เขาคิดจะพูดออกมานั้นไม่อาจจะพูดออกมาได้ เขาไม่รู้ว่าจะตอบกลับยังไง
หลังจากที่เงียบได้สักพักชายวัยกลางคนก็พูดขึ้น “ เมื่อเจ้าไม่คิดจะจ่ายลูกปัด ข้าก็ไม่คิดจะยุ่งเรื่องนี้ ข้าจะพาเจ้าไปเอาตราซื่อเซียวก่อน”
“ เราไม่จ่ายแต่ต้นไม้โกลาหลยังจ่ายอยู่” จางหยูพูดขึ้น “ เจ้าพาเขาไปจ่ายค่าคุ้มครองก่อน”
ชายวัยกลางคนสับสน สถานการณ์นี้มันอะไรกัน ?
หากจางหยูและคนอื่นๆหยิ่งทะนง แล้วทำไมถึงมีคนยอมจ่ายด้วย ?
และทำไมถึงจ่ายแค่คนเดียว ?
“ มีปัญหาอะไรรึ ?” จางหยูมองไปที่ชายวัยกลางคนและอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
ชายวัยกลางสคนส่ายหน้า “ ไม่มีอะไร ข้าจะพาพวกเจ้าไปเอาตราก่อน มันยังไม่สายที่จะไปจ่ายค่าคุ้มครองทีหลัง” เมื่อพูดจบเขากับยามคนอื่นๆก็นำทางเดินไปยังตึกที่อยู่ใจกลางหมู่บ้าน
ชายวัยกลางคนพูดขึ้นระหว่างทาง “ ตรานี้แทนถึงสังกัดที่อยู่ การได้ตรานี้ไปก็หมายความว่าได้กลายเป็นคนของโกลาหลซื่อเซียว นอกจากบางพื้นที่ต้องห้ามแล้ว ที่อื่นๆก็เข้าออกได้หมด”
ชายวัยกลางคนมองไปที่จางหยูและคนอื่นๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ อีกอย่างตราของฝ่ายต่างๆล้วนแยกจากกัน ถ้าหากพวกเจ้าเคยได้รับตรามาจากฝ่ายอื่นแล้ว ตราซื่อเซียวจะปฏิเสธพวกเจ้า และในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดพวกเจ้าอาจจะถูกมองว่าเป็นสายลับ…”
ชายวัยกลางคนพยักหน้า “ การที่เขาเป็นสมาชิกสำรองของกองทัพเทียนลั่วนับว่าเป็นเกียรติของข้าและคนอื่นๆ ข้าจะโกหกทำไม ?”
“ เมื่อเขาเป็นสมาชิกสำรองได้ งั้นทำไมเขาถึงไม่ยอมจ่ายค่าคุ้มครองกัน ?” ซุนเหยียนถามขึ้นมา
“ บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาเย่อหยิ่ง” ชายวัยกลางคนถอนหายใจออกมา “ ย้อนกลับไปในตอนนั้นข้ากับซุนกวนมายังโกลาหลซื่อเซียวในเวลาที่ใกล้เคียงกัน ห่างกันไม่ถึงหมื่นปี ตอนนั้นข้ายังเด็กและหยิ่งทะนง ข้าคิดว่าข้าจะโด่งดังได้ในอนาคต แต่หลังจากที่ได้เห็นยอดฝีมือมากมาย ข้าก็พบว่าข้าไม่ได้โดดเด่นอะไรเลย โดยเฉพาะเมื่อได้พบกับซุนกวน ข้าพบว่าเขาคือคนที่จะก้าวไปเหนือข้าได้…”
ทุกคนต่างก็ตั้งใจฟัง
พวกยามคนอื่นก็ฟังอยู่เงียบๆเช่นกัน มันเป็นครั้งแรกที่ได้ยินหัวหน้าพูดถึงเรื่องเก่าๆ
“ ซุนกวนต่างจากทุกคนที่ข้ารู้จักมา เขานั้นเย่อหยิ่งและเต็มไปด้วยศักดิศรี เขามั่นใจตัวเองอย่างมาก “ ชายวัยกลางคนพูดขึ้น “ ข้ากับเขามายังที่นี่พร้อมกัน แต่แค่ไม่กี่ปีข้าก็ไม่อาจเทียบกับเขาได้ บางทีหากผ่านไปอีกร้อยยุค ซุนกวนก็อาจจะเอาชนะข้าได้ง่ายๆ ….”
ต้องรู้ก่อนว่าชายวัยกลางคนก็ไม่ได้อยู่เฉย เขาเองก็บ่มเพาะเช่นกัน แต่ก็ไม่อาจจะตามความก้าวหน้าของซุนกวนได้ทัน
“ หลังจากนั้นเขาก็ได้เป็นสมาชิกสำรองของกองทัพเทียนลั่ว” ชายวัยกลางคนพูดต่อ “ หากไม่มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น เขาคงกลายเป็นสมาชิกหลักได้ เขาน่ะยอดเยี่ยม แม้แต่ผู้อาวุโสกวนก็ยังสนใจเขา ผู้อาวุโสได้บอกเองว่าซุนกวนนั้นมีพรสวรรค์ที่สูง อนาคตจะประสบความสำเร็จไม่ด้อยกว่าผู้อาวุโสเลย”
กวนประเมินซุนกวนไว้สูง
“ เขาพยายามอย่างหนักในการบ่มเพาะ เขาใช้เวลาอย่างคุ้มค่า ไม่วอกแวกแม้แต่น้อย ทุกอย่างที่เขาทำก็เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น” ชายวัยกลางคนเงียบไปชั่วครู่และแสดงสีหน้าซับซ้อนออกมา “ บางทีเพราะอยากจะแข็งแกร่งขึ้น จึงทำให้เขาไม่ยอมจ่ายค่าคุ้มครอง เพราะมันใช้พลังไม่ใช่น้อย มันจะทำให้เขาเสียเวลา”
ชายวัยกลางคนมองไปที่ซุนเหยียน “ ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ทำแบบนั้น หากมีเหตุผลที่จะทำแบบนั้นก็อาจจะเพราะเขาทำเพื่อผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง…โชคร้ายที่เหมือนเขาจะหมดโชค เขาได้เจอกับกุยหลิง แม้ว่าเขาจะแกร่งกว่าจ้าวโกลาหลทั่วไป แต่ก็ยังไม่สามารถรับมือกับกุยหลิงได้”
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นทุกคนก็รู้เรื่องราวในอดีตของซุนกวน
“ พูดไปแล้วอันที่จริงข้าเองก็สงสัยอย่างมาก เขารู้ถึงข้อดีในการจ่ายค่าคุ้มครอง แต่ทำไมถึงไม่จ่าย ?” ชายวัยกลางคนแสดงสีหน้าสงสัยออกมา “ เหตุผลอะไรที่ทำให้เขาเอาแต่บ่มเพาะ และยอมรับความเสี่ยงที่จะโดนกุยหลิงโจมตี แทนที่จะสร้างลูกปัดขึ้นมา ?”
ลูกปัดนั้นไม่ใช่จ่ายไปเปล่าๆ หากจ่ายไปแล้วก็จะได้รับการคุ้มครองจากจักรพรรดิ หากไม่จ่ายก็ไม่มีใครบังคับ แค่ต้องรับความเสี่ยงที่จะโดนกุยหลิงโจมตี และยังเสี่ยงที่จะมียอดฝีมือคนอื่นเข้าโจมตีด้วย
ซุนกวนได้เข้ามาอยู่ที่นี่และเข้าร่วมกองทัพเทียนลั่ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้เรื่องนี้
เขาต้องมีเหตุผลที่ทำแบบนั้น !
แต่ ซนกวนน่ะตายไปแล้ว ความลับได้หายไปกับเขาด้วย
“ ใช่สิ ” ชายวัยกลางคนเหมือนจะคิดบางอย่างออก “ ฐานะของซุนกวนน่ะไม่ธรรมดา ข้าเคยเห็นคนใส่เกราะระดับสูงมาหาเขา แม้ไม่รู้ว่าทั้งสองพูดคุยอะไรกันแต่เขาดูไม่พอใจอย่างมาก ตอนที่เขาจากไป ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องทะเลาะกัน”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็สงสัยในตัวตนของซุนกวนมากขึ้นกว่าเก่า
การที่เกี่ยวข้องกับคนระดับสูงได้ ฐานะของซุนกวนต้องไม่ธรรมดาแน่
ซุนกวนเอาแต่บ่มเพาะและไม่จ่ายค่าคุ้มครอง ดูเหมือนว่าคงมีเหตุผล
เขาต้องมีเป้าหมายบางอย่างแต่ก่อนที่จะทำตามเป้าหมายได้ เขาก็พบกับกุยหลิงและตายไปเสียก่อน
“ ซุนเหยียน เจ้าเคยบอกว่าร่างหลักของเจ้าเคยผ่านการต่อสู้กับอีกคนมาไม่ใช่รึ?” จางหยูมองไปที่ซุนเหยียน
“ เรื่องนั้นข้าแค่หลอกท่าน ข้าแต่งเรื่องขึ้นมา อันที่จริงแล้วเรื่องราวของร่างหลักนั้นข้าไม่ค่อยรู้ ข้อมูลและความทรงจำเกี่ยวกับนอกโกลาหลถูกปิดกั้นโดยร่างหลัก ข้ารู้แค่ว่าเขาให้ข้าดูแลโกลาหลหินก็เท่านั้น…”
เอาจริงๆแล้วในสายตาของซุนกวนนั้น ซุนเหยียนเป็นแค่เครื่องมือ
ตำแหน่งของเขาอาจจะคล้ายร่างแยกบ่มเพาะของจางหยู
แค่เครื่องมือ ! “ ช่างเถอะ” จางหยูไม่อาจจะรู้ถึงตัวตนของซุนกวนได้ จากเบาะแสที่ได้มาแล้วไม่อาจจะยืนยันอะไรได้เลย “เรื่องของซุนกวนเอาไว้ก่อน หลังจากนี้หากมีโอกาสก็ค่อยตรวจสอบ เรื่องด่วนตอนนี้คือต้องจ่ายลูกปัดดั้งเดิม”
เมื่อได้ยินคำพูดของจางหยู ชายวัยกลางคนก็แปลกใจ “ พวกเจ้าทุกคนมาเพื่อจ่ายลูกปัดรึ ?”
คนกว่าสองพันคนก็เท่ากับลูกปัด 6,000 ลูก !
ชายวัยกลางคนและคนอื่นๆอาจจะได้รับรางวัลไปด้วย !
จางหยูส่ายหน้า “ ไม่ใช่เรา แค่เขา ” เขาชี้ไปที่ต้นไม้โกลาหล
ชายวัยกลางคนพูดขึ้น “ แล้วพวกเจ้า…ไม่ได้มาจ่ายลูกปัดรึ ?”
“ เราไม่คิดจะทำแบบนั้น” จางหยูตอบกลับตามจริง “ กุยหลิง..ยังไม่ใช่ภัยต่อเรา”
บรรพกาลของพวกเขาไม่ได้อยู่ในทะเลโกลาหล พวกเขาไม่จำเป็นต้องกลัวกุยหลิง
ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วและพูดขึ้นมา “ด้วยความเคารพ เจ้าควรจะจ่ายจะดีกว่าไม่งั้นแล้วเมื่ออยู่ในอันตรายก็จะไม่มีใครคอยช่วยเจ้า แม้แต่ซุนกวนที่แข็งแกร่งก็ยังไม่อาจจะต้านทานกุยหลิงได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงเจ้าเลย เจ้าคิดว่าตัวเองเหนือกว่าซุนกวนรึ ?”
จางหยูซึ้งใจกับความหวังดีของอีกฝ่าย “ เหนือกว่าซุนกวนไม่ได้รึไง ?”
ซุนกวนอยู่ระดับไหนนั้นจางหยูไม่มั่นใจ แต่เขามั่นใจว่าซุนกวนนั้นไม่ได้แกร่งกว่ากวน
ตอนนี้ทุกคนต่างก็แกร่งกว่ากวนมาก แล้วซุนกวนจะมาเทียบได้รึ ?
ชายวัยกลางคนไม่คิดว่าจางหยูจะยอมรับว่าเหนือกว่าซุนกวน คำพูดที่เขาคิดจะพูดออกมานั้นไม่อาจจะพูดออกมาได้ เขาไม่รู้ว่าจะตอบกลับยังไง
หลังจากที่เงียบได้สักพักชายวัยกลางคนก็พูดขึ้น “ เมื่อเจ้าไม่คิดจะจ่ายลูกปัด ข้าก็ไม่คิดจะยุ่งเรื่องนี้ ข้าจะพาเจ้าไปเอาตราซื่อเซียวก่อน”
“ เราไม่จ่ายแต่ต้นไม้โกลาหลยังจ่ายอยู่” จางหยูพูดขึ้น “ เจ้าพาเขาไปจ่ายค่าคุ้มครองก่อน”
ชายวัยกลางคนสับสน สถานการณ์นี้มันอะไรกัน ?
หากจางหยูและคนอื่นๆหยิ่งทะนง แล้วทำไมถึงมีคนยอมจ่ายด้วย ?
และทำไมถึงจ่ายแค่คนเดียว ?
“ มีปัญหาอะไรรึ ?” จางหยูมองไปที่ชายวัยกลางคนและอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
ชายวัยกลางสคนส่ายหน้า “ ไม่มีอะไร ข้าจะพาพวกเจ้าไปเอาตราก่อน มันยังไม่สายที่จะไปจ่ายค่าคุ้มครองทีหลัง” เมื่อพูดจบเขากับยามคนอื่นๆก็นำทางเดินไปยังตึกที่อยู่ใจกลางหมู่บ้าน
ชายวัยกลางคนพูดขึ้นระหว่างทาง “ ตรานี้แทนถึงสังกัดที่อยู่ การได้ตรานี้ไปก็หมายความว่าได้กลายเป็นคนของโกลาหลซื่อเซียว นอกจากบางพื้นที่ต้องห้ามแล้ว ที่อื่นๆก็เข้าออกได้หมด”
ชายวัยกลางคนมองไปที่จางหยูและคนอื่นๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ อีกอย่างตราของฝ่ายต่างๆล้วนแยกจากกัน ถ้าหากพวกเจ้าเคยได้รับตรามาจากฝ่ายอื่นแล้ว ตราซื่อเซียวจะปฏิเสธพวกเจ้า และในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดพวกเจ้าอาจจะถูกมองว่าเป็นสายลับ…”