ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1852 : จ้าง
ไม่ว่าจะเป็นเสี่ยวเสียหรือกวนต่างก็แข็งแกร่ง
แต่คนที่ตาดีจะเห็นได้ว่าเสี่ยวเสียนั้นแกร่งกว่ากวน !
เสี่ยวเสียไม่ได้บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อยและยังได้เปรียบในการต่อสู้ หากเสี่ยวเสียใช้สมบัติ กวนจะรับมือไหวรึ ?
คำตอบคงเดาได้ไม่ยาก แม้ว่ามันยากที่จะรับได้ก็ตาม
“ นั่นหัวหน้าหน่วยเลยนะ !” ทุกคนพากันใจสั่น “ เขาถึงกับ…พ่ายแพ้ให้กับสุนัขนั่นรึ ”
หากเสี่ยวเสียมีชื่อเสียง แม้ว่ากวนจะพ่ายแพ้แต่ก็ยังรับได้ แต่ปัญหาคือเสี่ยวเสียเป็นแค่จ้าวโกลาหลหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามายังโกลาหลซื่อเซียว
และคนแบบเสี่ยวเสียมีถึง 2,000 คน !
ลั่วเกากลืนน้ำลายและถามกับจางหยูว่า “ ความแข็งแกร่งของพวกเจ้าคงไม่เท่ากับสุนัขนี่กันหมดหรอกนะ ?”
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ลั่วเกาก็อดไม่ได้ที่จะขนลุก
ต้องรู้ก่อนว่าความแข็งแกร่งของกวนในกองทัพนั้นถือว่าค่อนข้างดี คนแบบกวนในกองทัพมีแค่สามพันคนเท่านั้น
การที่เสี่ยวเสียเอาชนะกวนได้อย่างง่ายดายแสดงว่าต้องแข็งแกร่งกว่า คนเช่นนี้ในกองทัพอย่างมากก็มีแค่ร้อยคนเท่านั้น
แต่ตอนนี้! ที่นี่! กลับมีอยู่ถึงสองพันคน !
ลั่วเกาสงสัยว่าแม้แต่พวกระดับสูงของกองทัพเทียนลั่วก็ยังไม่อาจจะจัดการกับพวกนี้ได้ แม้ว่าจะส่งทั้งกองทัพมา แต่ก็ไม่อาจจะจัดการกับคนกลุ่มนี้ได้
เมื่อได้ยินคำถามของลั่วเกา จางหยูก็ยิ้มออกมา “ แน่นอนว่าไม่ ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นลั่วเกาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก การที่จางหยูและคนอื่นๆแข็งแกร่งนับว่าเป็นเรื่องดีต่อหมู่บ้านเสี่ยวอัน แต่พวกเขาก็ยากที่จะยอมรับได้
แต่ตอนที่ลั่วเกาเพิ่งจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกนั้น จางหยูก็พูดขึ้นมา “ ความแข็งแกร่งของเสี่ยวเสียในหมู่พวกเราแล้วถือว่าอยู่ระดับกลาง”
สีหน้าของลั่วเกาแข็งทื่อไปทันที
“ ในอีกความหมายคือกว่าครึ่งในหมู่พวกเรานั้นแข็งแกร่งกว่าเสี่ยวเสีย มันมีคนที่เอาชนะเขาได้ง่ายๆ” จางหยูพูดตามจริง ไม่คิดปิดบัง อันที่จริงความแข็งแกร่งของเสี่ยวเสียน่ะพัฒนาได้ช้าเพราะเสี่ยวเสียไม่อาจจะทนต่อความเหงาได้ ดังนั้นจึงโดนคนอื่นๆแซงหน้าไป
คำพูดของจางหยูนั้นไม่ใช่แค่ลั่วเกา แต่แกมม่าและเย่าหยางต่างก็พากันอึ้ง
นี่เขาล้อเล่นรึเปล่า ?
คนกลุ่มนี้ไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถเอาชนะหัวหน้าหน่วยได้ง่ายๆเลยรึ?
รึอาจจะแกร่งกว่านั้นอีก ?
ทุกคนพากันมองจางหยูด้วยความสงสัย แต่เมื่อเห็นท่าทีเยือกเย็นของจางหยูจึงไม่อาจจะมองออกได้ว่าเขาโกหกรึไม่ มันราวกับว่าจางหยูแค่พูดความจริง
“ ช้าก่อน…ตอนนั้นสุนัขนั่นเรียกเขาว่านายท่าน…งั้นเขาก็แข็งแกร่งกว่าสุนัขนั่นมากไม่ใช่รึ ?”
จางหยูไม่อาจจะเมินได้ “ อาจจะเป็นเช่นนั้น”
เขาแข็งแกร่งกว่าเสี่ยวเสียอย่างมากแต่เขาไม่รู้ว่ามากกว่ากี่เท่า
ตอนนั้นเองทุกสายตาที่มองมาที่จางหยูก็ต่างจากเดิม บางสายตาถึงกับแสดงความเคารพออกมา
“ เจ้าคงไม่ใช่คนใหญ่คนโตหรอกนะ ?” ลั่วเกาถามขึ้นมา “ เจ้าคงไม่ใช่คนของพื้นที่อื่นที่แอบเข้ามาที่นี่หรอกนะ ?”
เสี่ยวเสียที่อยู่บนท้องฟ้าเริ่มแสดงท่าทีหยิ่งทะนง
จางหยูไม่รู้ว่าจะหัวเราะรึร้องไห้ดี “ ข้าเป็นแค่หน้าใหม่ที่พิเศษกว่าคนอื่นเล็กน้อย”
ลั่วเกากึ่งเชื่อกึ่งสงสัย
ตอนนั้นกวนก็ลุกขึ้นมาจากเนินเขาที่พังทลาย เขามองมาที่คนของสำนักคังเฉียงก่อนจะมองไปยังเสี่ยวเสียด้วยสีหน้าซับซ้อน
แกมม่าเล่าสิ่งที่ได้ยินมาจากบทสนทนาระหว่างจางหยูและลั่วเกาเมื่อตะกี้ให้กวนรู้
กวนตัวสั่นไป เขามองจางหยูด้วยสีหน้าตกตะลึง
เสี่ยวเสียกลับลงมาที่พื้นและไปยืนอยู่ด้านหลังจางหยู เมื่อเห็นว่ากวนมองมาทางจางหยู มันก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “ เจ้ามองอะไร แม้แต่ข้าก็ยังเอาชนะไม่ได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงนายท่านเลย เจ้าเชื่อรึไม่ว่าข้าน่ะ…”
พูดได้ครึ่งทางเสี่ยวเสียก็เหมือนจะรู้ตัวและฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชาแล้วเงียบไป
การรังแกกวนก็แค่รู้สึกดีแต่ไม่ควรพอใจกับเรื่องแค่นี้
เมื่อคิดถึงตัวตนของเผ่าสวรรค์ หากเรื่องนี้เปิดเผยออกไปแล้ว ฉากต่อมาต้องน่าอนาถอย่างมากแน่ เสี่ยวเสียกลัวจนไม่กล้าจะพูดอะไรต่อ
“เจ้าจะไม่แนะนำเราให้กับทหารระดับสูงจริงๆรึ ?” จางหยูถามขึ้นมา
กวนเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้า “ พูดตามตรง ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าแล้วเจ้ามีสิทธิ์ที่จะเข้าพบกับทหารระดับสูงได้ แต่พวกเขามักจะยุ่ง หากไม่มีเหตุผลเพียงพอแล้ว พวกนั้นก็จะไม่ยอมพบกับเจ้า นอกซะจากว่า…”
“ นอกซะจากว่าอะไร ?”
“ นอกซะจากว่าเจ้าจะเข้าร่วมกองทัพ” กวนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ ความแข็งแกร่งของสุนัขนั่นเทียบกับได้หัวหน้าหน่วยย่อยได้ ซึ่งในกองทัพมีแค่ไม่กี่ร้อยคน หากเจ้าไม่ด้อยกว่ามันแล้ว ทางกองทัพจะต้องต้อนรับเจ้าอย่างแน่นอน แม้แต่ผู้บัญชาการกองพลก็ยังอ้าแขนรับเจ้า”
จางหยูทำให้กวนผิดหวัง “ขออภัย ตอนนี้เราไม่คิดสนใจ เราคงได้แต่ปฏิเสธ”
แม้ว่าจะผิดหวังแต่ก็ยังให้ความสำคัญกับจางหยูและคนอื่นๆ “ไม่เป็นไร ประตูสู่กองทัพเทียนลั่วเปิดรับพวกเจ้าเสมอ หากพวกเจ้าสนใจก็มาได้เลย”
เข้าร่วมกองทัพรึ ?
กวนคงไม่มีทางได้เห็นวันนั้น
แต่จางหยูไม่คิดจะพูดเรื่องนี้ เขามองไปที่กวนและพูดขึ้น “ เมื่อไม่มีทางเข้าพบทหารระดับสูงได้ งั้นเราก็คงต้องขอตัว”
“ พวกเจ้าจะไม่อยู่ในหมู่บ้านนี้รึ ?” กวนถามขึ้นมา
“ ไม่ ” จางหยูหัวเราะออกมา “ เราจะไปที่เมืองไป่ซิง แต่ก่อนอื่นเราต้องสร้างลูกปัดขึ้นมาก่อน ในทะเลโกลาหลแห่งนี้ดูเหมือนว่าทุกที่ต้องใช้ลูกปัด”
กวนแปลกใจ “ พวกเจ้าไม่มีลูกปัดดั้งเดิมเลยรึ ?”
ไม่น่าจะเป็นไปได้ !
คนระดับนี้แต่กลับไม่มีลูกปัดดั้งเดิมเลยรึ ?
“ เราเป็นแค่หน้าใหม่ ไม่อย่างนั้นจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ?” จางหยูถามขึ้นมา
“ …” มุมปากของกวนพลันกระตุก คำว่าหน้าใหม่นี่ฟังไปฟังมาแล้วก็ยิ่งทำให้เขาปวดใจ หากจางหยูและคนอื่นเป็นจ้าวโกลาหลหน้าใหม่ งั้นความพ่ายแพ้ของเขาล่ะคืออะไร?
“ อันที่จริงด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าแล้ว เจ้าไม่ต้องสร้างมันด้วยตัวเองก็ได้ “ กวนพยายามควบคุมอารมณ์ให้ได้มากที่สุด
“ เจ้าหมายความว่ายังไง ?”
“ ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า มันมีหลายวิธีที่จะหาลูกปัดได้โดยไม่ต้องสร้างมันขึ้นมาเอง มันทั้งประหยัดพลังและเวลา” กวนอธิบายออกมา “ ยกตัวอย่างเช่นเจ้ามีสมบัติขั้นต้นหรือกลาง แน่นอนว่าสมบัติเหล่านั้นต้องใช้เวลาในการสร้างมันขึ้นมา แต่ก็แลกกับลูกปัดได้ ความจริงวิธีที่ง่ายที่สุดในการได้ลูกปัดมาก็คือรับภารกิจหรือรับการว่าจ้าง…”
“ จะมีการมอบหมายภารกิจ เมื่อเจ้าทำภารกิจสำเร็จ เจ้าก็จะได้ลูกปัดไป”
“ นอกจากนี้แล้วเจ้ายังรับการว่าจ้างจากองทัพเทียนลั่วได้ เพื่อออกไปทำภารกิจเล็กน้อยๆ ค่าจ้างค่อนข้างสูง”
จางหยูได้ยินแบบนั้นก็สนใจขึ้นมา “ ว่าจ้างรึ ? ดูน่าสนใจ”
เมื่อเห็นจางหยูแสดงท่าทีสนใจ กวนก็ดีใจอย่างมากและพูดต่อ “ เจ้าอยากพบทหารระดับสูงไม่ใช่รึ ? หากเจ้ายอมรับการว่าจ้างและทำภารกิจที่สำคัญเรื่อยๆได้สำเร็จ เจ้าอาจจะมีโอกาสได้พบกับทหารระดับสูง เท่าที่ข้ารู้มาในหมู่คนแข็งแกร่งที่โดนว่าจ้างโดยกองทัพ มีคนหนึ่งที่โดนประเมินค่าไว้สูงโดยคนระดับสูงของกองทัพ เขาถึงกับเป็นเพื่อนกับทหารระดับสูงด้วย”
“ ได้ งั้นเอาตามที่เจ้าบอก เราจะรับการว่าจ้าง” จางหยูพูดขึ้น
กวนดีใจอย่างมากและพูดขึ้น “ ยอดเยี่ยม !”
“ แล้วเราต้องทำยังไง ?” จางหยูถามขึ้นมา
“ ข้าขอโทษด้วย แต่ก่อนอื่นเจ้าต้องไปยังสำนักงานของกองทัพเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งก่อน แม้ข้าจะรู้ว่าเจ้านั้นแข็งแกร่งแต่ความเห็นของข้าไม่ได้มีประโยชน์อะไร มันต้องมีการทดสอบอย่างเป็นทางการ สัญญาการว่าจ้างจะถูกเซ็นเมื่อทำการทดสอบเสร็จ” กวนพูดขึ้น
จางหยูพยักหน้า “ เข้าใจแล้ว” จากนั้นเขาก็ถามขึ้นมา “ ข้ารบกวนเจ้านำทางไปยังสำนักงานได้รึไม่ ?”มองอะไร แม้แต่ข้าก็ยังเอาชนะไม่ได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงนายท่านเลย เจ้าเชื่อรึไม่ว่าข้าน่ะ…”
พูดได้ครึ่งทางเสี่ยวเสียก็เหมือนจะรู้ตัวและฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชาแล้วเงียบไป
การรังแกกวนก็แค่รู้สึกดีแต่ไม่ควรพอใจกับเรื่องแค่นี้
เมื่อคิดถึงตัวตนของเผ่าสวรรค์ หากเรื่องนี้เปิดเผยออกไปแล้ว ฉากต่อมาต้องน่าอนาถอย่างมากแน่ เสี่ยวเสียกลัวจนไม่กล้าจะพูดอะไรต่อ
“เจ้าจะไม่แนะนำเราให้กับทหารระดับสูงจริงๆรึ ?” จางหยูถามขึ้นมา
กวนเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้า “ พูดตามตรง ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าแล้วเจ้ามีสิทธิ์ที่จะเข้าพบกับทหารระดับสูงได้ แต่พวกเขามักจะยุ่ง หากไม่มีเหตุผลเพียงพอแล้ว พวกนั้นก็จะไม่ยอมพบกับเจ้า นอกซะจากว่า…”
“ นอกซะจากว่าอะไร ?”
“ นอกซะจากว่าเจ้าจะเข้าร่วมกองทัพ” กวนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ ความแข็งแกร่งของสุนัขนั่นเทียบกับได้หัวหน้าหน่วยย่อยได้ ซึ่งในกองทัพมีแค่ไม่กี่ร้อยคน หากเจ้าไม่ด้อยกว่ามันแล้ว ทางกองทัพจะต้องต้อนรับเจ้าอย่างแน่นอน แม้แต่ผู้บัญชาการกองพลก็ยังอ้าแขนรับเจ้า”
จางหยูทำให้กวนผิดหวัง “ขออภัย ตอนนี้เราไม่คิดสนใจ เราคงได้แต่ปฏิเสธ”
แม้ว่าจะผิดหวังแต่ก็ยังให้ความสำคัญกับจางหยูและคนอื่นๆ “ไม่เป็นไร ประตูสู่กองทัพเทียนลั่วเปิดรับพวกเจ้าเสมอ หากพวกเจ้าสนใจก็มาได้เลย”
เข้าร่วมกองทัพรึ ?
กวนคงไม่มีทางได้เห็นวันนั้น
แต่จางหยูไม่คิดจะพูดเรื่องนี้ เขามองไปที่กวนและพูดขึ้น “ เมื่อไม่มีทางเข้าพบทหารระดับสูงได้ งั้นเราก็คงต้องขอตัว”
“ พวกเจ้าจะไม่อยู่ในหมู่บ้านนี้รึ ?” กวนถามขึ้นมา
“ ไม่ ” จางหยูหัวเราะออกมา “ เราจะไปที่เมืองไป่ซิง แต่ก่อนอื่นเราต้องสร้างลูกปัดขึ้นมาก่อน ในทะเลโกลาหลแห่งนี้ดูเหมือนว่าทุกที่ต้องใช้ลูกปัด”
กวนแปลกใจ “ พวกเจ้าไม่มีลูกปัดดั้งเดิมเลยรึ ?”
ไม่น่าจะเป็นไปได้ !
คนระดับนี้แต่กลับไม่มีลูกปัดดั้งเดิมเลยรึ ?
“ เราเป็นแค่หน้าใหม่ ไม่อย่างนั้นจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ?” จางหยูถามขึ้นมา
“ …” มุมปากของกวนพลันกระตุก คำว่าหน้าใหม่นี่ฟังไปฟังมาแล้วก็ยิ่งทำให้เขาปวดใจ หากจางหยูและคนอื่นเป็นจ้าวโกลาหลหน้าใหม่ งั้นความพ่ายแพ้ของเขาล่ะคืออะไร?
“ อันที่จริงด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าแล้ว เจ้าไม่ต้องสร้างมันด้วยตัวเองก็ได้ “ กวนพยายามควบคุมอารมณ์ให้ได้มากที่สุด
“ เจ้าหมายความว่ายังไง ?”
“ ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า มันมีหลายวิธีที่จะหาลูกปัดได้โดยไม่ต้องสร้างมันขึ้นมาเอง มันทั้งประหยัดพลังและเวลา” กวนอธิบายออกมา “ ยกตัวอย่างเช่นเจ้ามีสมบัติขั้นต้นหรือกลาง แน่นอนว่าสมบัติเหล่านั้นต้องใช้เวลาในการสร้างมันขึ้นมา แต่ก็แลกกับลูกปัดได้ ความจริงวิธีที่ง่ายที่สุดในการได้ลูกปัดมาก็คือรับภารกิจหรือรับการว่าจ้าง…”
“ จะมีการมอบหมายภารกิจ เมื่อเจ้าทำภารกิจสำเร็จ เจ้าก็จะได้ลูกปัดไป”
“ นอกจากนี้แล้วเจ้ายังรับการว่าจ้างจากองทัพเทียนลั่วได้ เพื่อออกไปทำภารกิจเล็กน้อยๆ ค่าจ้างค่อนข้างสูง”
จางหยูได้ยินแบบนั้นก็สนใจขึ้นมา “ ว่าจ้างรึ ? ดูน่าสนใจ”
เมื่อเห็นจางหยูแสดงท่าทีสนใจ กวนก็ดีใจอย่างมากและพูดต่อ “ เจ้าอยากพบทหารระดับสูงไม่ใช่รึ ? หากเจ้ายอมรับการว่าจ้างและทำภารกิจที่สำคัญเรื่อยๆได้สำเร็จ เจ้าอาจจะมีโอกาสได้พบกับทหารระดับสูง เท่าที่ข้ารู้มาในหมู่คนแข็งแกร่งที่โดนว่าจ้างโดยกองทัพ มีคนหนึ่งที่โดนประเมินค่าไว้สูงโดยคนระดับสูงของกองทัพ เขาถึงกับเป็นเพื่อนกับทหารระดับสูงด้วย”
“ ได้ งั้นเอาตามที่เจ้าบอก เราจะรับการว่าจ้าง” จางหยูพูดขึ้น
กวนดีใจอย่างมากและพูดขึ้น “ ยอดเยี่ยม !”
“ แล้วเราต้องทำยังไง ?” จางหยูถามขึ้นมา
“ ข้าขอโทษด้วย แต่ก่อนอื่นเจ้าต้องไปยังสำนักงานของกองทัพเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งก่อน แม้ข้าจะรู้ว่าเจ้านั้นแข็งแกร่งแต่ความเห็นของข้าไม่ได้มีประโยชน์อะไร มันต้องมีการทดสอบอย่างเป็นทางการ สัญญาการว่าจ้างจะถูกเซ็นเมื่อทำการทดสอบเสร็จ” กวนพูดขึ้น
จางหยูพยักหน้า “ เข้าใจแล้ว” จากนั้นเขาก็ถามขึ้นมา “ ข้ารบกวนเจ้านำทางไปยังสำนักงานได้รึไม่ ?”
แต่คนที่ตาดีจะเห็นได้ว่าเสี่ยวเสียนั้นแกร่งกว่ากวน !
เสี่ยวเสียไม่ได้บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อยและยังได้เปรียบในการต่อสู้ หากเสี่ยวเสียใช้สมบัติ กวนจะรับมือไหวรึ ?
คำตอบคงเดาได้ไม่ยาก แม้ว่ามันยากที่จะรับได้ก็ตาม
“ นั่นหัวหน้าหน่วยเลยนะ !” ทุกคนพากันใจสั่น “ เขาถึงกับ…พ่ายแพ้ให้กับสุนัขนั่นรึ ”
หากเสี่ยวเสียมีชื่อเสียง แม้ว่ากวนจะพ่ายแพ้แต่ก็ยังรับได้ แต่ปัญหาคือเสี่ยวเสียเป็นแค่จ้าวโกลาหลหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามายังโกลาหลซื่อเซียว
และคนแบบเสี่ยวเสียมีถึง 2,000 คน !
ลั่วเกากลืนน้ำลายและถามกับจางหยูว่า “ ความแข็งแกร่งของพวกเจ้าคงไม่เท่ากับสุนัขนี่กันหมดหรอกนะ ?”
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ลั่วเกาก็อดไม่ได้ที่จะขนลุก
ต้องรู้ก่อนว่าความแข็งแกร่งของกวนในกองทัพนั้นถือว่าค่อนข้างดี คนแบบกวนในกองทัพมีแค่สามพันคนเท่านั้น
การที่เสี่ยวเสียเอาชนะกวนได้อย่างง่ายดายแสดงว่าต้องแข็งแกร่งกว่า คนเช่นนี้ในกองทัพอย่างมากก็มีแค่ร้อยคนเท่านั้น
แต่ตอนนี้! ที่นี่! กลับมีอยู่ถึงสองพันคน !
ลั่วเกาสงสัยว่าแม้แต่พวกระดับสูงของกองทัพเทียนลั่วก็ยังไม่อาจจะจัดการกับพวกนี้ได้ แม้ว่าจะส่งทั้งกองทัพมา แต่ก็ไม่อาจจะจัดการกับคนกลุ่มนี้ได้
เมื่อได้ยินคำถามของลั่วเกา จางหยูก็ยิ้มออกมา “ แน่นอนว่าไม่ ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นลั่วเกาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก การที่จางหยูและคนอื่นๆแข็งแกร่งนับว่าเป็นเรื่องดีต่อหมู่บ้านเสี่ยวอัน แต่พวกเขาก็ยากที่จะยอมรับได้
แต่ตอนที่ลั่วเกาเพิ่งจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกนั้น จางหยูก็พูดขึ้นมา “ ความแข็งแกร่งของเสี่ยวเสียในหมู่พวกเราแล้วถือว่าอยู่ระดับกลาง”
สีหน้าของลั่วเกาแข็งทื่อไปทันที
“ ในอีกความหมายคือกว่าครึ่งในหมู่พวกเรานั้นแข็งแกร่งกว่าเสี่ยวเสีย มันมีคนที่เอาชนะเขาได้ง่ายๆ” จางหยูพูดตามจริง ไม่คิดปิดบัง อันที่จริงความแข็งแกร่งของเสี่ยวเสียน่ะพัฒนาได้ช้าเพราะเสี่ยวเสียไม่อาจจะทนต่อความเหงาได้ ดังนั้นจึงโดนคนอื่นๆแซงหน้าไป
คำพูดของจางหยูนั้นไม่ใช่แค่ลั่วเกา แต่แกมม่าและเย่าหยางต่างก็พากันอึ้ง
นี่เขาล้อเล่นรึเปล่า ?
คนกลุ่มนี้ไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถเอาชนะหัวหน้าหน่วยได้ง่ายๆเลยรึ?
รึอาจจะแกร่งกว่านั้นอีก ?
ทุกคนพากันมองจางหยูด้วยความสงสัย แต่เมื่อเห็นท่าทีเยือกเย็นของจางหยูจึงไม่อาจจะมองออกได้ว่าเขาโกหกรึไม่ มันราวกับว่าจางหยูแค่พูดความจริง
“ ช้าก่อน…ตอนนั้นสุนัขนั่นเรียกเขาว่านายท่าน…งั้นเขาก็แข็งแกร่งกว่าสุนัขนั่นมากไม่ใช่รึ ?”
จางหยูไม่อาจจะเมินได้ “ อาจจะเป็นเช่นนั้น”
เขาแข็งแกร่งกว่าเสี่ยวเสียอย่างมากแต่เขาไม่รู้ว่ามากกว่ากี่เท่า
ตอนนั้นเองทุกสายตาที่มองมาที่จางหยูก็ต่างจากเดิม บางสายตาถึงกับแสดงความเคารพออกมา
“ เจ้าคงไม่ใช่คนใหญ่คนโตหรอกนะ ?” ลั่วเกาถามขึ้นมา “ เจ้าคงไม่ใช่คนของพื้นที่อื่นที่แอบเข้ามาที่นี่หรอกนะ ?”
เสี่ยวเสียที่อยู่บนท้องฟ้าเริ่มแสดงท่าทีหยิ่งทะนง
จางหยูไม่รู้ว่าจะหัวเราะรึร้องไห้ดี “ ข้าเป็นแค่หน้าใหม่ที่พิเศษกว่าคนอื่นเล็กน้อย”
ลั่วเกากึ่งเชื่อกึ่งสงสัย
ตอนนั้นกวนก็ลุกขึ้นมาจากเนินเขาที่พังทลาย เขามองมาที่คนของสำนักคังเฉียงก่อนจะมองไปยังเสี่ยวเสียด้วยสีหน้าซับซ้อน
แกมม่าเล่าสิ่งที่ได้ยินมาจากบทสนทนาระหว่างจางหยูและลั่วเกาเมื่อตะกี้ให้กวนรู้
กวนตัวสั่นไป เขามองจางหยูด้วยสีหน้าตกตะลึง
เสี่ยวเสียกลับลงมาที่พื้นและไปยืนอยู่ด้านหลังจางหยู เมื่อเห็นว่ากวนมองมาทางจางหยู มันก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “ เจ้ามองอะไร แม้แต่ข้าก็ยังเอาชนะไม่ได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงนายท่านเลย เจ้าเชื่อรึไม่ว่าข้าน่ะ…”
พูดได้ครึ่งทางเสี่ยวเสียก็เหมือนจะรู้ตัวและฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชาแล้วเงียบไป
การรังแกกวนก็แค่รู้สึกดีแต่ไม่ควรพอใจกับเรื่องแค่นี้
เมื่อคิดถึงตัวตนของเผ่าสวรรค์ หากเรื่องนี้เปิดเผยออกไปแล้ว ฉากต่อมาต้องน่าอนาถอย่างมากแน่ เสี่ยวเสียกลัวจนไม่กล้าจะพูดอะไรต่อ
“เจ้าจะไม่แนะนำเราให้กับทหารระดับสูงจริงๆรึ ?” จางหยูถามขึ้นมา
กวนเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้า “ พูดตามตรง ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าแล้วเจ้ามีสิทธิ์ที่จะเข้าพบกับทหารระดับสูงได้ แต่พวกเขามักจะยุ่ง หากไม่มีเหตุผลเพียงพอแล้ว พวกนั้นก็จะไม่ยอมพบกับเจ้า นอกซะจากว่า…”
“ นอกซะจากว่าอะไร ?”
“ นอกซะจากว่าเจ้าจะเข้าร่วมกองทัพ” กวนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ ความแข็งแกร่งของสุนัขนั่นเทียบกับได้หัวหน้าหน่วยย่อยได้ ซึ่งในกองทัพมีแค่ไม่กี่ร้อยคน หากเจ้าไม่ด้อยกว่ามันแล้ว ทางกองทัพจะต้องต้อนรับเจ้าอย่างแน่นอน แม้แต่ผู้บัญชาการกองพลก็ยังอ้าแขนรับเจ้า”
จางหยูทำให้กวนผิดหวัง “ขออภัย ตอนนี้เราไม่คิดสนใจ เราคงได้แต่ปฏิเสธ”
แม้ว่าจะผิดหวังแต่ก็ยังให้ความสำคัญกับจางหยูและคนอื่นๆ “ไม่เป็นไร ประตูสู่กองทัพเทียนลั่วเปิดรับพวกเจ้าเสมอ หากพวกเจ้าสนใจก็มาได้เลย”
เข้าร่วมกองทัพรึ ?
กวนคงไม่มีทางได้เห็นวันนั้น
แต่จางหยูไม่คิดจะพูดเรื่องนี้ เขามองไปที่กวนและพูดขึ้น “ เมื่อไม่มีทางเข้าพบทหารระดับสูงได้ งั้นเราก็คงต้องขอตัว”
“ พวกเจ้าจะไม่อยู่ในหมู่บ้านนี้รึ ?” กวนถามขึ้นมา
“ ไม่ ” จางหยูหัวเราะออกมา “ เราจะไปที่เมืองไป่ซิง แต่ก่อนอื่นเราต้องสร้างลูกปัดขึ้นมาก่อน ในทะเลโกลาหลแห่งนี้ดูเหมือนว่าทุกที่ต้องใช้ลูกปัด”
กวนแปลกใจ “ พวกเจ้าไม่มีลูกปัดดั้งเดิมเลยรึ ?”
ไม่น่าจะเป็นไปได้ !
คนระดับนี้แต่กลับไม่มีลูกปัดดั้งเดิมเลยรึ ?
“ เราเป็นแค่หน้าใหม่ ไม่อย่างนั้นจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ?” จางหยูถามขึ้นมา
“ …” มุมปากของกวนพลันกระตุก คำว่าหน้าใหม่นี่ฟังไปฟังมาแล้วก็ยิ่งทำให้เขาปวดใจ หากจางหยูและคนอื่นเป็นจ้าวโกลาหลหน้าใหม่ งั้นความพ่ายแพ้ของเขาล่ะคืออะไร?
“ อันที่จริงด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าแล้ว เจ้าไม่ต้องสร้างมันด้วยตัวเองก็ได้ “ กวนพยายามควบคุมอารมณ์ให้ได้มากที่สุด
“ เจ้าหมายความว่ายังไง ?”
“ ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า มันมีหลายวิธีที่จะหาลูกปัดได้โดยไม่ต้องสร้างมันขึ้นมาเอง มันทั้งประหยัดพลังและเวลา” กวนอธิบายออกมา “ ยกตัวอย่างเช่นเจ้ามีสมบัติขั้นต้นหรือกลาง แน่นอนว่าสมบัติเหล่านั้นต้องใช้เวลาในการสร้างมันขึ้นมา แต่ก็แลกกับลูกปัดได้ ความจริงวิธีที่ง่ายที่สุดในการได้ลูกปัดมาก็คือรับภารกิจหรือรับการว่าจ้าง…”
“ จะมีการมอบหมายภารกิจ เมื่อเจ้าทำภารกิจสำเร็จ เจ้าก็จะได้ลูกปัดไป”
“ นอกจากนี้แล้วเจ้ายังรับการว่าจ้างจากองทัพเทียนลั่วได้ เพื่อออกไปทำภารกิจเล็กน้อยๆ ค่าจ้างค่อนข้างสูง”
จางหยูได้ยินแบบนั้นก็สนใจขึ้นมา “ ว่าจ้างรึ ? ดูน่าสนใจ”
เมื่อเห็นจางหยูแสดงท่าทีสนใจ กวนก็ดีใจอย่างมากและพูดต่อ “ เจ้าอยากพบทหารระดับสูงไม่ใช่รึ ? หากเจ้ายอมรับการว่าจ้างและทำภารกิจที่สำคัญเรื่อยๆได้สำเร็จ เจ้าอาจจะมีโอกาสได้พบกับทหารระดับสูง เท่าที่ข้ารู้มาในหมู่คนแข็งแกร่งที่โดนว่าจ้างโดยกองทัพ มีคนหนึ่งที่โดนประเมินค่าไว้สูงโดยคนระดับสูงของกองทัพ เขาถึงกับเป็นเพื่อนกับทหารระดับสูงด้วย”
“ ได้ งั้นเอาตามที่เจ้าบอก เราจะรับการว่าจ้าง” จางหยูพูดขึ้น
กวนดีใจอย่างมากและพูดขึ้น “ ยอดเยี่ยม !”
“ แล้วเราต้องทำยังไง ?” จางหยูถามขึ้นมา
“ ข้าขอโทษด้วย แต่ก่อนอื่นเจ้าต้องไปยังสำนักงานของกองทัพเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งก่อน แม้ข้าจะรู้ว่าเจ้านั้นแข็งแกร่งแต่ความเห็นของข้าไม่ได้มีประโยชน์อะไร มันต้องมีการทดสอบอย่างเป็นทางการ สัญญาการว่าจ้างจะถูกเซ็นเมื่อทำการทดสอบเสร็จ” กวนพูดขึ้น
จางหยูพยักหน้า “ เข้าใจแล้ว” จากนั้นเขาก็ถามขึ้นมา “ ข้ารบกวนเจ้านำทางไปยังสำนักงานได้รึไม่ ?”มองอะไร แม้แต่ข้าก็ยังเอาชนะไม่ได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงนายท่านเลย เจ้าเชื่อรึไม่ว่าข้าน่ะ…”
พูดได้ครึ่งทางเสี่ยวเสียก็เหมือนจะรู้ตัวและฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชาแล้วเงียบไป
การรังแกกวนก็แค่รู้สึกดีแต่ไม่ควรพอใจกับเรื่องแค่นี้
เมื่อคิดถึงตัวตนของเผ่าสวรรค์ หากเรื่องนี้เปิดเผยออกไปแล้ว ฉากต่อมาต้องน่าอนาถอย่างมากแน่ เสี่ยวเสียกลัวจนไม่กล้าจะพูดอะไรต่อ
“เจ้าจะไม่แนะนำเราให้กับทหารระดับสูงจริงๆรึ ?” จางหยูถามขึ้นมา
กวนเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้า “ พูดตามตรง ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าแล้วเจ้ามีสิทธิ์ที่จะเข้าพบกับทหารระดับสูงได้ แต่พวกเขามักจะยุ่ง หากไม่มีเหตุผลเพียงพอแล้ว พวกนั้นก็จะไม่ยอมพบกับเจ้า นอกซะจากว่า…”
“ นอกซะจากว่าอะไร ?”
“ นอกซะจากว่าเจ้าจะเข้าร่วมกองทัพ” กวนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ ความแข็งแกร่งของสุนัขนั่นเทียบกับได้หัวหน้าหน่วยย่อยได้ ซึ่งในกองทัพมีแค่ไม่กี่ร้อยคน หากเจ้าไม่ด้อยกว่ามันแล้ว ทางกองทัพจะต้องต้อนรับเจ้าอย่างแน่นอน แม้แต่ผู้บัญชาการกองพลก็ยังอ้าแขนรับเจ้า”
จางหยูทำให้กวนผิดหวัง “ขออภัย ตอนนี้เราไม่คิดสนใจ เราคงได้แต่ปฏิเสธ”
แม้ว่าจะผิดหวังแต่ก็ยังให้ความสำคัญกับจางหยูและคนอื่นๆ “ไม่เป็นไร ประตูสู่กองทัพเทียนลั่วเปิดรับพวกเจ้าเสมอ หากพวกเจ้าสนใจก็มาได้เลย”
เข้าร่วมกองทัพรึ ?
กวนคงไม่มีทางได้เห็นวันนั้น
แต่จางหยูไม่คิดจะพูดเรื่องนี้ เขามองไปที่กวนและพูดขึ้น “ เมื่อไม่มีทางเข้าพบทหารระดับสูงได้ งั้นเราก็คงต้องขอตัว”
“ พวกเจ้าจะไม่อยู่ในหมู่บ้านนี้รึ ?” กวนถามขึ้นมา
“ ไม่ ” จางหยูหัวเราะออกมา “ เราจะไปที่เมืองไป่ซิง แต่ก่อนอื่นเราต้องสร้างลูกปัดขึ้นมาก่อน ในทะเลโกลาหลแห่งนี้ดูเหมือนว่าทุกที่ต้องใช้ลูกปัด”
กวนแปลกใจ “ พวกเจ้าไม่มีลูกปัดดั้งเดิมเลยรึ ?”
ไม่น่าจะเป็นไปได้ !
คนระดับนี้แต่กลับไม่มีลูกปัดดั้งเดิมเลยรึ ?
“ เราเป็นแค่หน้าใหม่ ไม่อย่างนั้นจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ?” จางหยูถามขึ้นมา
“ …” มุมปากของกวนพลันกระตุก คำว่าหน้าใหม่นี่ฟังไปฟังมาแล้วก็ยิ่งทำให้เขาปวดใจ หากจางหยูและคนอื่นเป็นจ้าวโกลาหลหน้าใหม่ งั้นความพ่ายแพ้ของเขาล่ะคืออะไร?
“ อันที่จริงด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าแล้ว เจ้าไม่ต้องสร้างมันด้วยตัวเองก็ได้ “ กวนพยายามควบคุมอารมณ์ให้ได้มากที่สุด
“ เจ้าหมายความว่ายังไง ?”
“ ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า มันมีหลายวิธีที่จะหาลูกปัดได้โดยไม่ต้องสร้างมันขึ้นมาเอง มันทั้งประหยัดพลังและเวลา” กวนอธิบายออกมา “ ยกตัวอย่างเช่นเจ้ามีสมบัติขั้นต้นหรือกลาง แน่นอนว่าสมบัติเหล่านั้นต้องใช้เวลาในการสร้างมันขึ้นมา แต่ก็แลกกับลูกปัดได้ ความจริงวิธีที่ง่ายที่สุดในการได้ลูกปัดมาก็คือรับภารกิจหรือรับการว่าจ้าง…”
“ จะมีการมอบหมายภารกิจ เมื่อเจ้าทำภารกิจสำเร็จ เจ้าก็จะได้ลูกปัดไป”
“ นอกจากนี้แล้วเจ้ายังรับการว่าจ้างจากองทัพเทียนลั่วได้ เพื่อออกไปทำภารกิจเล็กน้อยๆ ค่าจ้างค่อนข้างสูง”
จางหยูได้ยินแบบนั้นก็สนใจขึ้นมา “ ว่าจ้างรึ ? ดูน่าสนใจ”
เมื่อเห็นจางหยูแสดงท่าทีสนใจ กวนก็ดีใจอย่างมากและพูดต่อ “ เจ้าอยากพบทหารระดับสูงไม่ใช่รึ ? หากเจ้ายอมรับการว่าจ้างและทำภารกิจที่สำคัญเรื่อยๆได้สำเร็จ เจ้าอาจจะมีโอกาสได้พบกับทหารระดับสูง เท่าที่ข้ารู้มาในหมู่คนแข็งแกร่งที่โดนว่าจ้างโดยกองทัพ มีคนหนึ่งที่โดนประเมินค่าไว้สูงโดยคนระดับสูงของกองทัพ เขาถึงกับเป็นเพื่อนกับทหารระดับสูงด้วย”
“ ได้ งั้นเอาตามที่เจ้าบอก เราจะรับการว่าจ้าง” จางหยูพูดขึ้น
กวนดีใจอย่างมากและพูดขึ้น “ ยอดเยี่ยม !”
“ แล้วเราต้องทำยังไง ?” จางหยูถามขึ้นมา
“ ข้าขอโทษด้วย แต่ก่อนอื่นเจ้าต้องไปยังสำนักงานของกองทัพเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งก่อน แม้ข้าจะรู้ว่าเจ้านั้นแข็งแกร่งแต่ความเห็นของข้าไม่ได้มีประโยชน์อะไร มันต้องมีการทดสอบอย่างเป็นทางการ สัญญาการว่าจ้างจะถูกเซ็นเมื่อทำการทดสอบเสร็จ” กวนพูดขึ้น
จางหยูพยักหน้า “ เข้าใจแล้ว” จากนั้นเขาก็ถามขึ้นมา “ ข้ารบกวนเจ้านำทางไปยังสำนักงานได้รึไม่ ?”