ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1853 : ผู้บัญชาการ
ตอนที่ 1853 : ผู้บัญชาการ
สำนักงานกองทัพนั้นเป็นแผนกพิเศษ
ในสำนักงานไม่มีสมาชิกประจำถาวร มีแค่หัวหน้าหน่วยที่คอยสลับกันมาดูแล สำนักงานกองทัพตั้งอยู่ในเมืองและนอกเมือง ซึ่งมีอยู่หลายสาขา
หมู่บ้านหลายร้อยล้านแห่งรวมถึงหมู่บ้านเสี่ยวอันที่อยู่ในอำนาจของเมืองไป่ซิง ล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานกองทัพสาขาทั้งสิบแห่ง ซึ่งหมู่บ้านเสี่ยวอันอยู่ในการดูแลของสาขาชิงเหยียน
สำนักงานสาขาชิงเหยียนตั้งอยู่ที่หมู่บ้านชิงเหยียน ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้คือหนึ่งในหมู่บ้านร้อยอันดับแรกที่แข็งแกร่งของเมืองไป่ซิง หมู่บ้านแห่งนี้มีคนแข็งแกร่งจำนวนมาก หากเทียบกับหมู่บ้านเสี่ยวอันแล้ว ที่นี่แกร่งกว่าเป็นร้อยเท่า มันยังมีคนสำคัญอยู่ในหมู่บ้านด้วย
การเดินทางจากหมู่บ้านเสี่ยวอันไปยังหมู่บ้านชิงเหยียนนั้นค่อนข้างไกล ด้วยความเร็วของทุกคนแล้วก็เดาว่าคงใช้เวลาหลายหมื่นปีกว่าจะไปถึง ด้วยระยะทางที่ไกลแบบนี้ กวนก็ไม่คิดเสียเวลา เขากังวลว่าหากเสียเวลานานเกินไปอาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้
กวนมองไปที่ลั่วเกาด้วยท่าทีลังเลแล้วพูดขึ้นมา “ ท่านลั่วเกา ท่านให้เราใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายได้รึไม่ ?”
ลั่วเกายิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากให้เจ้าใช้ แต่…กองทัพสังเกตุการณ์น่ะมักจะมาตรวจสอบบันทึกการใช้งาน หากเจ้าไม่จ่ายลูกปัด ก็น่าจะรู้ว่ามันจะส่งผลหนักหนาแค่ไหนกัน” เขาถอนหายใจออกมา “ ข้าเองก็อยากจะช่วยแต่โชคร้ายที่ข้าไม่มีอำนาจพอ”
“ นี่…” กวนสลดไป “ ท่านช่วยลดราคาได้รึไม่ ? คนละหนึ่งลูกปัดข้ารับไม่ไหวหรอก…”
สำนักคังเฉียงมีคนกว่าสองพันคน แม้ว่าแต่ละคนจะใช้ลูกปัดแค่ลูกเดียว แต่ก็ยังต้องใช้ถึงสองพันลูก
กวนเป็นแค่หัวหน้าหน่วย แม้ว่าจะเก็บลูกปัดมานานแต่ส่วนใหญ่ก็ถูกใช้แลกกับสมบัติขั้นกลางมาแล้ว บางอันถูกใช้สำหรับการบ่มเพาะ ตอนนี้เขามีติดตัวไม่กี่สิบลูก
หากเทียบกับลูกปัดสองพันลูกแล้ว ลูกปัดไม่กี่สิบลูกไม่อาจจะเทียบกันได้เลย
“ ข้าไม่ได้เป็นคนตั้งราคาไว้ ข้าไม่มีสิทธิ์เปลี่ยน” ลั่วเกาอึดอัดใจ หากไม่ส่งผลกระทบต่อตัวเขาเอง เขาคงเต็มใจช่วย แต่ปัญหาคือกวนเรียกร้องเกินอำนาจที่เขามี หากเขาช่วย แน่นอนว่าเขาก็ต้องโดนจัดการโดยเจ้าเมืองหรืออาจจะโดนลงโทษ “ เจ้าไม่มีทางอื่นเลยรึ ?”
จางหยูรับรู้ถึงปัญหานี้จึงมองไปที่กวนแล้วอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา “ ไม่จำเป็นต้องไปกดดันท่านลั่วเกาหรอก”
กวนรีบพูดขึ้นมา “ ไม่ ช้าก่อน ข้าคิดออกแล้ว”
เขามองไปที่ลั่วเกาและกัดฟันแน่น “ ท่านลั่วเกา ท่านให้เราใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายก่อน ข้าจะจ่ายก่อน 50 ลูก ส่วนที่เหลือข้าขอค้างเอาไว้ เมื่อข้ามีลูกปัดมากพอ ข้าจะมาจ่ายส่วนที่เหลือเพื่อที่เจ้าเมืองจะได้ไม่ลงโทษท่าน ซึ่งท่านจะคิดดอกเบี้ยด้วยก็ได้ ท่านคิดว่ายังไง ?”
เพื่อที่จะสร้างความพอใจให้จางหยูและคนอื่นๆมากที่สุด กวนเลยต้องยอมเฉือนเนื้อตัวเอง
เขาพนันว่าจางหยูและคนอื่นๆจะทำให้เขาได้ลูกปัดกลับมามากกว่านี้แน่ !
“ นี่…” ลั่วเกาลังเล “ เจ้ามั่นใจรึว่าจะทำแบบนี้ ?”
กวนพยักหน้าตอบรับ “ ข้าจะลงชื่อไว้เองเพื่อไม่ให้ท่านกังวล”
ลั่วเกามองไปที่กวนและพูดขึ้น “ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำสัญญากับข้าหรอก แต่ต้องนำลูกปัดมาให้ข้าภายในหนึ่งร้อยปี แบบนี้เจ้าทำได้รึไม่ ?”
“ ไม่มีปัญหา” กวนพูดขึ้นและเอาลูกปัด 50 ลูกออกมาส่งให้กับลั่วเกา “ นี่ลูกปัด 50 ลูก ภายใน 100 ปีข้าจะมาจ่ายอีก 2,000 ลูก”
“ หวังว่าเจ้าจะตัดสินใจได้ถูกต้อง” ลั่วเการับลูกปัดมาและพลิกฝ่ามือ ก่อนที่จะมีตราหยกโผล่ขึ้นมา “ ไปหมู่บ้านชิงเหยียนสินะ ?”
กวนพยักหน้า
ลั่วเกาโยนตราหยกขึ้นก่อนที่ตราหยกจะเปล่งแสงสว่างออกมา สุดท้ายแสงเหล่านั้นก็เปลี่ยนเป็นหลุมดำ
“ ไปซะ ข้าจะรอฟังข่าวดีจากพวกเจ้า” ลั่วเกาเหลือบมองกวนและคนของสำนักคังเฉียง
กวนมองไปที่แกมม่าและเย่าหยาง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ พวกเจ้ารอที่นี่ ข้าจะรีบกลับมา”
“ขอรับ” ทั้งสองตอบกลับด้วยความเคารพ
เขาไม่ได้บอกจางหยูและคนอื่นๆว่าต้องรับภารกิจแบบไหน ยิ่งภารกิจระดับสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันก็จะได้รางวัลมากขึ้นไปด้วย เขาในฐานะผู้แนะนำก็ต้องได้รับผลประโยชน์ไปด้วย
บอกได้ว่าหากจางหยูและคนอื่นๆทำสัญญาว่าจ้างแล้ว งั้นกวนก็จะเกี่ยวข้องกับพวกนี้ไปอีกนาน
เมื่อเดินทางผ่านหลุมดำมา จางหยูและคนอื่นๆก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านชิงเหยียนอย่างรวดเร็ว
มันไม่เหมือนหมู่บ้านเสี่ยวอัน ที่นี่ดูเจริญอย่างมาก พื้นที่กว้างขวางและมีจ้าวโกลาหลอยู่ทั่วทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนหรือความแข็งแกร่งต่างก็เหนือกว่าหมู่บ้านเสี่ยวอัน หมู่บ้านเสี่ยวอันร้อยแห่งก็อาจจะเทียบกับที่นี่ไม่ได้
การมาถึงของจางหยูและคนอื่นๆไม่ได้ทำให้คนหันมาสนใจมากนัก การที่คนสองพันคนเดินทางมาที่นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
กลับกันแล้วกวนหัวหน้าหน่วยจากกองทัพเทียนลั่วกลับทำให้คนสนใจมากกว่า หลายคนมองมาที่กวนด้วยความเคารพ
แม้แต่ในที่ที่คึกคักเช่นนี้หัวหน้าหน่วยก็ยังเป็นคนที่โดดเด่น
ผ่านไปสักพักพวกเขาก็มาถึงตรงหน้าตึกแห่งหนึ่ง ตรงประตูนั้นมีป้ายหินสลักเอาไว้ว่าสำนักงานสาขาชิงเหยียน
ประตูของตึกนี้มีทหารสองคน เมื่อเห็นกวนเดินเข้ามา ทั้งสองก็ได้ทำความเคารพ “ ท่านกวน !”
กวนพยักหน้าตอบรับก่อนจะพาคนของสำนักคังเฉียงผ่านประตูเข้าไป
เมื่อเดินผ่านป่าไผ่มาพวกเขาก็พบกับชายวัยกลางคน
กวนหยุดและทำความเคารพ “ ท่านผู้บัญชาการ!”
“กวน เจ้ามาถึงที่นี่เลยรึ” ชายวัยกลางคนแปลกใจนิดๆ
กวนพูดด้วยท่าทีเคารพ “ ข้าพบคนที่โดดเด่นและเกลี้ยกล่อมพวกเขาจนพวกเขายอมรับการว่าจ้างจากกองทัพเทียนลั่ว ข้าพาพวกเขามาทดสอบความแข็งแกร่งและจัดระดับให้กับพวกเขา”
ชายวัยกลางคนเลิกคิ้วและจ้องมองจางหยูกับคนอื่นๆ แล้วพูดด้วยท่าทีสงสัย “ เจ้าพูดถึงคนกลุ่มนี้รึ ?”
กวนพยักหน้า “ พวกเขามีความแข็งแกร่งที่โดดเด่นไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินกวนพูดแบบนั้น ชายวัยกลางคนก็ยิ่งสงสัยขึ้นไปอีก คนกลุ่มนี้มีความสามารถแบบไหนกันที่ทำให้กวนมั่นใจได้แบบนี้ ?
“ ข้า ซีหยุน ไม่รู้ว่าพวกเจ้าเป็นใครกัน ?” ชายวัยกลางคนมองมาที่จางหยูและคนอื่นๆ
“ เจ้าเรียกข้าว่า…จางหยูก็ได้” จางหยูตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ เราต่างก็มาจากสำนักคังเฉียง ข้าเป็นเจ้าสำนัก ส่วนพวกเขาคือศิษย์และอาจารย์ในสำนัก”
ซีหยุนจ้องมองจางหยู แต่ไม่อาจจะมองระดับของจางหยูออก แม้ว่าจะมองไปที่คนอื่นๆก็บอกอะไรไม่ได้เช่นกัน
นี่พิสูจน์ได้ว่าคนจากสำนักคังเฉียงนั้นไม่มีใครอ่อนแอเลยสักคน
“ โกลาหลซื่อเซียวมียอดฝีมือมากมายเช่นนี้ได้ยังไง ?” ซีหยุนพึมพำในใจ “ สำนักคังเฉียงรึ ? มันมีกองกำลังนั้นในโกลาหลซื่อเซียวด้วยรึ ?” เขาไม่รู้เลยว่าคนของสำนักคังเฉียงนั้นคือจ้าวโกลาหลหน้าใหม่
เขาพึมพำในใจแต่ก็ยังพูดออกมาด้วยท่าทีเป็นมิตร “ เมื่อกวนบอกว่าพวกเจ้ามีความแข็งแกร่งที่โดดเด่น งั้นก็คงไม่ผิด แต่ก็ยังต้องทดสอบอยู่ดี หากทำให้พวกเจ้าไม่พอใจก็ขออภัยด้วย”
จางหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ เราเข้าใจ”
“ งั้นเชิญทางนี้” ซีหยุนดูพอใจ หากคนของสำนักคังเฉียงแข็งแกร่งพอๆกับเหล่าทหารทั่วไปของกองทัพ ก็ถือว่าช่วยกองทัพได้อย่างมาก ยังไงซะพวกนี้ก็มีถึงสองพันคน มันเท่ากับหน่วยย่อยหลายสิบทีม
แม้ว่าพวกนี้จะอ่อนแอกว่าทหารทั่วไปแต่ก็ใช่ว่าจะรับไม่ได้
เขาไม่คิดว่าความแข็งแกร่งของพวกนี้จะน่าทึ่ง ตราบใดที่ไม่อ่อนแอกว่าทหารทั่วไปเขาก็พอใจมากแล้ว
สำนักงานกองทัพนั้นเป็นแผนกพิเศษ
ในสำนักงานไม่มีสมาชิกประจำถาวร มีแค่หัวหน้าหน่วยที่คอยสลับกันมาดูแล สำนักงานกองทัพตั้งอยู่ในเมืองและนอกเมือง ซึ่งมีอยู่หลายสาขา
หมู่บ้านหลายร้อยล้านแห่งรวมถึงหมู่บ้านเสี่ยวอันที่อยู่ในอำนาจของเมืองไป่ซิง ล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานกองทัพสาขาทั้งสิบแห่ง ซึ่งหมู่บ้านเสี่ยวอันอยู่ในการดูแลของสาขาชิงเหยียน
สำนักงานสาขาชิงเหยียนตั้งอยู่ที่หมู่บ้านชิงเหยียน ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้คือหนึ่งในหมู่บ้านร้อยอันดับแรกที่แข็งแกร่งของเมืองไป่ซิง หมู่บ้านแห่งนี้มีคนแข็งแกร่งจำนวนมาก หากเทียบกับหมู่บ้านเสี่ยวอันแล้ว ที่นี่แกร่งกว่าเป็นร้อยเท่า มันยังมีคนสำคัญอยู่ในหมู่บ้านด้วย
การเดินทางจากหมู่บ้านเสี่ยวอันไปยังหมู่บ้านชิงเหยียนนั้นค่อนข้างไกล ด้วยความเร็วของทุกคนแล้วก็เดาว่าคงใช้เวลาหลายหมื่นปีกว่าจะไปถึง ด้วยระยะทางที่ไกลแบบนี้ กวนก็ไม่คิดเสียเวลา เขากังวลว่าหากเสียเวลานานเกินไปอาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้
กวนมองไปที่ลั่วเกาด้วยท่าทีลังเลแล้วพูดขึ้นมา “ ท่านลั่วเกา ท่านให้เราใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายได้รึไม่ ?”
ลั่วเกายิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากให้เจ้าใช้ แต่…กองทัพสังเกตุการณ์น่ะมักจะมาตรวจสอบบันทึกการใช้งาน หากเจ้าไม่จ่ายลูกปัด ก็น่าจะรู้ว่ามันจะส่งผลหนักหนาแค่ไหนกัน” เขาถอนหายใจออกมา “ ข้าเองก็อยากจะช่วยแต่โชคร้ายที่ข้าไม่มีอำนาจพอ”
“ นี่…” กวนสลดไป “ ท่านช่วยลดราคาได้รึไม่ ? คนละหนึ่งลูกปัดข้ารับไม่ไหวหรอก…”
สำนักคังเฉียงมีคนกว่าสองพันคน แม้ว่าแต่ละคนจะใช้ลูกปัดแค่ลูกเดียว แต่ก็ยังต้องใช้ถึงสองพันลูก
กวนเป็นแค่หัวหน้าหน่วย แม้ว่าจะเก็บลูกปัดมานานแต่ส่วนใหญ่ก็ถูกใช้แลกกับสมบัติขั้นกลางมาแล้ว บางอันถูกใช้สำหรับการบ่มเพาะ ตอนนี้เขามีติดตัวไม่กี่สิบลูก
หากเทียบกับลูกปัดสองพันลูกแล้ว ลูกปัดไม่กี่สิบลูกไม่อาจจะเทียบกันได้เลย
“ ข้าไม่ได้เป็นคนตั้งราคาไว้ ข้าไม่มีสิทธิ์เปลี่ยน” ลั่วเกาอึดอัดใจ หากไม่ส่งผลกระทบต่อตัวเขาเอง เขาคงเต็มใจช่วย แต่ปัญหาคือกวนเรียกร้องเกินอำนาจที่เขามี หากเขาช่วย แน่นอนว่าเขาก็ต้องโดนจัดการโดยเจ้าเมืองหรืออาจจะโดนลงโทษ “ เจ้าไม่มีทางอื่นเลยรึ ?”
จางหยูรับรู้ถึงปัญหานี้จึงมองไปที่กวนแล้วอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา “ ไม่จำเป็นต้องไปกดดันท่านลั่วเกาหรอก”
กวนรีบพูดขึ้นมา “ ไม่ ช้าก่อน ข้าคิดออกแล้ว”
เขามองไปที่ลั่วเกาและกัดฟันแน่น “ ท่านลั่วเกา ท่านให้เราใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายก่อน ข้าจะจ่ายก่อน 50 ลูก ส่วนที่เหลือข้าขอค้างเอาไว้ เมื่อข้ามีลูกปัดมากพอ ข้าจะมาจ่ายส่วนที่เหลือเพื่อที่เจ้าเมืองจะได้ไม่ลงโทษท่าน ซึ่งท่านจะคิดดอกเบี้ยด้วยก็ได้ ท่านคิดว่ายังไง ?”
เพื่อที่จะสร้างความพอใจให้จางหยูและคนอื่นๆมากที่สุด กวนเลยต้องยอมเฉือนเนื้อตัวเอง
เขาพนันว่าจางหยูและคนอื่นๆจะทำให้เขาได้ลูกปัดกลับมามากกว่านี้แน่ !
“ นี่…” ลั่วเกาลังเล “ เจ้ามั่นใจรึว่าจะทำแบบนี้ ?”
กวนพยักหน้าตอบรับ “ ข้าจะลงชื่อไว้เองเพื่อไม่ให้ท่านกังวล”
ลั่วเกามองไปที่กวนและพูดขึ้น “ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำสัญญากับข้าหรอก แต่ต้องนำลูกปัดมาให้ข้าภายในหนึ่งร้อยปี แบบนี้เจ้าทำได้รึไม่ ?”
“ ไม่มีปัญหา” กวนพูดขึ้นและเอาลูกปัด 50 ลูกออกมาส่งให้กับลั่วเกา “ นี่ลูกปัด 50 ลูก ภายใน 100 ปีข้าจะมาจ่ายอีก 2,000 ลูก”
“ หวังว่าเจ้าจะตัดสินใจได้ถูกต้อง” ลั่วเการับลูกปัดมาและพลิกฝ่ามือ ก่อนที่จะมีตราหยกโผล่ขึ้นมา “ ไปหมู่บ้านชิงเหยียนสินะ ?”
กวนพยักหน้า
ลั่วเกาโยนตราหยกขึ้นก่อนที่ตราหยกจะเปล่งแสงสว่างออกมา สุดท้ายแสงเหล่านั้นก็เปลี่ยนเป็นหลุมดำ
“ ไปซะ ข้าจะรอฟังข่าวดีจากพวกเจ้า” ลั่วเกาเหลือบมองกวนและคนของสำนักคังเฉียง
กวนมองไปที่แกมม่าและเย่าหยาง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ พวกเจ้ารอที่นี่ ข้าจะรีบกลับมา”
“ขอรับ” ทั้งสองตอบกลับด้วยความเคารพ
เขาไม่ได้บอกจางหยูและคนอื่นๆว่าต้องรับภารกิจแบบไหน ยิ่งภารกิจระดับสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันก็จะได้รางวัลมากขึ้นไปด้วย เขาในฐานะผู้แนะนำก็ต้องได้รับผลประโยชน์ไปด้วย
บอกได้ว่าหากจางหยูและคนอื่นๆทำสัญญาว่าจ้างแล้ว งั้นกวนก็จะเกี่ยวข้องกับพวกนี้ไปอีกนาน
เมื่อเดินทางผ่านหลุมดำมา จางหยูและคนอื่นๆก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านชิงเหยียนอย่างรวดเร็ว
มันไม่เหมือนหมู่บ้านเสี่ยวอัน ที่นี่ดูเจริญอย่างมาก พื้นที่กว้างขวางและมีจ้าวโกลาหลอยู่ทั่วทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนหรือความแข็งแกร่งต่างก็เหนือกว่าหมู่บ้านเสี่ยวอัน หมู่บ้านเสี่ยวอันร้อยแห่งก็อาจจะเทียบกับที่นี่ไม่ได้
การมาถึงของจางหยูและคนอื่นๆไม่ได้ทำให้คนหันมาสนใจมากนัก การที่คนสองพันคนเดินทางมาที่นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
กลับกันแล้วกวนหัวหน้าหน่วยจากกองทัพเทียนลั่วกลับทำให้คนสนใจมากกว่า หลายคนมองมาที่กวนด้วยความเคารพ
แม้แต่ในที่ที่คึกคักเช่นนี้หัวหน้าหน่วยก็ยังเป็นคนที่โดดเด่น
ผ่านไปสักพักพวกเขาก็มาถึงตรงหน้าตึกแห่งหนึ่ง ตรงประตูนั้นมีป้ายหินสลักเอาไว้ว่าสำนักงานสาขาชิงเหยียน
ประตูของตึกนี้มีทหารสองคน เมื่อเห็นกวนเดินเข้ามา ทั้งสองก็ได้ทำความเคารพ “ ท่านกวน !”
กวนพยักหน้าตอบรับก่อนจะพาคนของสำนักคังเฉียงผ่านประตูเข้าไป
เมื่อเดินผ่านป่าไผ่มาพวกเขาก็พบกับชายวัยกลางคน
กวนหยุดและทำความเคารพ “ ท่านผู้บัญชาการ!”
“กวน เจ้ามาถึงที่นี่เลยรึ” ชายวัยกลางคนแปลกใจนิดๆ
กวนพูดด้วยท่าทีเคารพ “ ข้าพบคนที่โดดเด่นและเกลี้ยกล่อมพวกเขาจนพวกเขายอมรับการว่าจ้างจากกองทัพเทียนลั่ว ข้าพาพวกเขามาทดสอบความแข็งแกร่งและจัดระดับให้กับพวกเขา”
ชายวัยกลางคนเลิกคิ้วและจ้องมองจางหยูกับคนอื่นๆ แล้วพูดด้วยท่าทีสงสัย “ เจ้าพูดถึงคนกลุ่มนี้รึ ?”
กวนพยักหน้า “ พวกเขามีความแข็งแกร่งที่โดดเด่นไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินกวนพูดแบบนั้น ชายวัยกลางคนก็ยิ่งสงสัยขึ้นไปอีก คนกลุ่มนี้มีความสามารถแบบไหนกันที่ทำให้กวนมั่นใจได้แบบนี้ ?
“ ข้า ซีหยุน ไม่รู้ว่าพวกเจ้าเป็นใครกัน ?” ชายวัยกลางคนมองมาที่จางหยูและคนอื่นๆ
“ เจ้าเรียกข้าว่า…จางหยูก็ได้” จางหยูตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ เราต่างก็มาจากสำนักคังเฉียง ข้าเป็นเจ้าสำนัก ส่วนพวกเขาคือศิษย์และอาจารย์ในสำนัก”
ซีหยุนจ้องมองจางหยู แต่ไม่อาจจะมองระดับของจางหยูออก แม้ว่าจะมองไปที่คนอื่นๆก็บอกอะไรไม่ได้เช่นกัน
นี่พิสูจน์ได้ว่าคนจากสำนักคังเฉียงนั้นไม่มีใครอ่อนแอเลยสักคน
“ โกลาหลซื่อเซียวมียอดฝีมือมากมายเช่นนี้ได้ยังไง ?” ซีหยุนพึมพำในใจ “ สำนักคังเฉียงรึ ? มันมีกองกำลังนั้นในโกลาหลซื่อเซียวด้วยรึ ?” เขาไม่รู้เลยว่าคนของสำนักคังเฉียงนั้นคือจ้าวโกลาหลหน้าใหม่
เขาพึมพำในใจแต่ก็ยังพูดออกมาด้วยท่าทีเป็นมิตร “ เมื่อกวนบอกว่าพวกเจ้ามีความแข็งแกร่งที่โดดเด่น งั้นก็คงไม่ผิด แต่ก็ยังต้องทดสอบอยู่ดี หากทำให้พวกเจ้าไม่พอใจก็ขออภัยด้วย”
จางหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ เราเข้าใจ”
“ งั้นเชิญทางนี้” ซีหยุนดูพอใจ หากคนของสำนักคังเฉียงแข็งแกร่งพอๆกับเหล่าทหารทั่วไปของกองทัพ ก็ถือว่าช่วยกองทัพได้อย่างมาก ยังไงซะพวกนี้ก็มีถึงสองพันคน มันเท่ากับหน่วยย่อยหลายสิบทีม
แม้ว่าพวกนี้จะอ่อนแอกว่าทหารทั่วไปแต่ก็ใช่ว่าจะรับไม่ได้
เขาไม่คิดว่าความแข็งแกร่งของพวกนี้จะน่าทึ่ง ตราบใดที่ไม่อ่อนแอกว่าทหารทั่วไปเขาก็พอใจมากแล้ว