ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1865 : ยินดีที่ได้พบ แม่ทัพของเผ่าสวรรค์
ตอนที่ 1865 : ยินดีที่ได้พบ แม่ทัพของเผ่าสวรรค์
” ตราระดับราชา …” ซือหมิงแสดงสายตาเย็นชาออกมา ” เจ้าคือลั่วชาสินะ! ”
คนที่ขัดขวางการโจมตีของเขาเมื่อครู่นี้ คือหัวหน้าทีมลั่วชา นางเองก็เป็นรองแค่แม่ทัพเช่นกัน
เมื่อได้ยินชื่อของลั่วชา คนของสำนักคังเฉียงรวมถึงจางหยูที่สังเกตการณ์อยู่นั้นต่างก็แปลกใจ
ทุกคนรู้ว่าหัวหน้าทีมลั่วชานั้นคือลั่วชา ทุกคนต่างก็รู้ว่าลั่วชานั้นแข็งแกร่ง แต่พวกเขาไม่รู้ว่าลั่วชานั้นเป็นผู้หญิง นางเป็นผู้หญิงที่เย็นชาราวกับเทพธิดาน้ำแข็ง
ลั่วชาไม่ได้ใส่ใจสายตาของคนโดยรอบแม้แต่น้อย นางกลับมองไปยังทีมคังเฉียง “ หัวหน้าพวกเจ้าอยู่ไหน ? ”
นางสงสัยเรื่องทีมคังเฉียงอย่างมาก ทีมที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมากลับแข็งแกร่งขนาดนี้และมีจำนวนมากถึง 2,000 คน นางอยากรู้ว่ามันเป็นทีมแบบไหนกันแน่ ?
นอกจากแม่ทัพของสามทัพใหญ่แล้ว นางก็ไม่คิดว่าจะมีใครรวบรวมคนที่แข็งแกร่งได้มากแบบนี้
แม้แต่ทีมเทพปีศาจที่เป็นทีมระดับความตายก็ไม่อาจจะทำแบบนี้ได้ !
นางไม่สงสัยเลยว่าแม้ตัวนางจะฆ่าคนของทีมคังเฉียงได้ แต่คงต้องเอาชีวิตเขาแลก นี่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของทีมคังเฉียงแล้ว !
” หัวหน้า? เจ้าหมายถึงเจ้าสำนักงั้นรึ ? ” จ้านเทียนเกอเกาหัวอย่างงงวย ” เราไม่รู้ว่าเจ้าสำนักอยู่ที่ไหน แต่ข้าเดาว่าเจ้าสำนักน่าจะซ่อนตัวอยู่และคอยจับตาดูพวกเรา ”
หยวนเทียนจีพยักหน้า ” อาจารย์บอกว่านอกซะจากแม่ทัพปรากฏตัวขึ้นมา เขาถึงจะลงมือ ไม่งั้นแล้วเขาก็ไม่ทางเข้ามายุ่ง ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นลั่วชาก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที ” บ้าไปแล้ว ! ”
แสดงว่าแม้แต่เทพสงครามน้อยซือหมิงก็ไม่อยู่ในสายตาอย่างนั้นหรือ!
ลั่วชาไม่คิดเลยว่าหยวนเทียนจีจะพูดแบบนี้ออกมา นางยักคิ้วและพูดขึ้น ” ฟังจากที่่เจ้าบอกแล้ว หัวหน้าเจ้าคงอยู่ระดับแม่ทัพใช่รึไม่ ?”
” เรื่องนี้….เจ้าสำนักไม่อยากทำตัวโดดเด่นและไม่อยากให้เราพูดถึง ” อู่โม่พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ” หากเจ้าอยากรู้จริงๆ เจ้าก็ต้องไปถามเจ้าสำนัก ”
คำตอบนี้แม้ว่าจะกำกวมแต่ก็พออ้างอิงอะไรได้
” เจ้าคิดจะทำให้ข้ากลัวรึ ? ” ซือหมิงแสดงสายตาที่เย็นชาออกมา ” หัวหน้าเจ้าอยู่ระดับแม่ทัพ ? ทำไมถึงไม่พูดไปเลยล่ะ ว่าหัวหน้าเจ้าเป็นจักรพรรดิ! หากเขาแข็งแกร่งอย่างที่เจ้าว่า งั้นทำไมถึงปล่อยให้พวกเจ้าบาดเจ็บหนักขนาดนี้ แม้แต่ตอนที่พวกเจ้าเกือบตาย เขาก็ยังไม่ยอมลงมืออีก? ”
เขาไม่รับรู้ถึงตัวตนของจางหยูเลย และคิดว่าอีกฝ่ายคงรู้ถึงอันตรายจึงได้ทิ้งคนอื่นๆเอาไว้
” การโจมตีเมื่อครู่ หากไม่ใช่ลั่วชาขวางเอาไว้ พวกเจ้าคงตายไปแล้ว ! ” ซือหมิงแสดงสีหน้าเย็นชาออกมา
หยวนเทียนจีฮึดฮัดออกมา ” เจ้าไม่รู้อะไรเลย ! ความคิดของอาจารย์นั้นเจ้าจะคาดเดาได้รึ ? อย่าพูดถึงการฆ่าเราเลย อาจารย์อาจจะฟื้นคืนชีพให้เราได้ด้วยซ้ำ ในใจเราแล้วแม้แต่จักรพรรดิทั้งเก้าก็ไม่อาจจะเทียบเท่ากับอาจารย์ได้ ” หยวนเทียนจีแสดงสีหน้าภูมิใจออกมา
” เชื่อรึไม่ว่าหากเจ้าสำนักอยากจะฆ่าเจ้าจริงๆแล้ว แค่กระดิกนิ้วก็ทำได้แล้ว ! ” เป้ยหลงพูดขึ้นมา
คนของสำนักคังเฉียงทุกคนต่างก็เชื่อในตัวจางหยู พวกเขาเชื่อว่าไม่มีอะไรที่จางหยูทำไม่ได้ เว้นแต่ว่าจางหยูไม่คิดที่จะทำ!
” ฮ่าฮ่า ” ผู้บัญชาการใหญ่หัวเราะออกมา ” กลุ่มมดที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกแต่กลับพูดจาใหญ่โต ! พวกเจ้าเรียกหัวหน้าของพวกเจ้าออกมา แล้วลองดูสิว่าเขาจะหยุดการโจมตีของข้าได้รึไม่ ! ”
เขาไม่เชื่อคำพูดของคนจากสำนักคังเฉียง ยังไงซะเขาก็ถือว่าเป็นเทพสงคราม แม้ว่าความแข็งแกร่งจะไม่ได้เท่ากับแม่ทัพ แต่ก็ไม่ได้ห่างมากนัก ต่อให้ท่านแม่ทัพลงมือ แต่ก็ไม่อาจจะเอาชนะเขาได้ง่ายๆ แต่คนของสำนักคังเฉียงกลับบอกว่า แค่เจ้าสำนักกระดิกนิ้วก็ฆ่าเขาได้แล้ว
แค่ผู้บัญชาการใหญ่คนหนึ่งก็ไม่คิดจะโผล่หัวออกมา หัวหน้าลึกลับคนนี้จะแข็งแกร่งกว่าแม่ทัพอีกรึ ?
” ข้าไม่อยากจะพูดกับเจ้าแล้ว” ซือหมิงแสดงสายตาเย็นชาออกมาอีกครั้ง ตัวของเขาแผ่จิตสังหารออกมา ” วันนี้พวกเจ้าทุกคนต้องตาย ไม่มีใครหนีไปได้ และเจ้า ลั่วชา เมื่อเจ้ามาหาข้าถึงที่ งั้นก็ตายไปด้วยกันนี่แหละ ”
” แค่เจ้าเพียงลำพังน่ะรึ ? ” แม้ว่าลั่วชาจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับอีกฝ่าย แต่นางก็ถือว่าแข็งแกร่งพอตัว ” หากเจ้าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ บางทีเจ้าอาจจะฆ่าข้าได้ แต่เจ้าในตอนนี้จะใช้พลังออกมาได้มากเท่าไหร่กัน ? หากใช้พลังได้ 9 ใน 10 ส่วน? หรือ 6 ใน 10 ส่วน? ข้าอาจจะไม่ใช่คู่มือของเจ้า แต่เจ้าก็ฆ่าข้าไม่ได้หากข้าหนี! ”
” งั้นรึ ? ” ผู้บัญชาการใหญ่แสยะยิ้มออกมา “แล้วถ้า…เพิ่มพวกนี้เข้าไปล่ะ ? ”
เมื่อพูดจบก็มีทหารเผ่าสวรรค์จำนวนมากเข้ามาสมทบและยังเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ
ไม่รู้เลยว่าทหารเหล่านี้แห่กันมาตั้งแต่ตอนไหน เมื่อมองไปรอบๆก็พบกับทหารจำนวนมหาศาล
มันไม่น้อยกว่าหมื่นคน !
” แค่กลุ่มปลาเล็กปลาน้อย ! หากข้าจะไป พวกนี้ก็ไม่อาจจะยื้อข้าได้ ! ” ลั่วชาแสดงสีหน้าเฉยเมยออกมา
” แล้วสมาชิกของทีมเจ้าล่ะ ? ถึงข้าจะยื้อเจ้าไม่ได้ แต่ฆ่าคนในทีมของเจ้าได้ก็พอแล้ว ” ผู้บัญชาการใหญ่หัวเราะออกมา
เมื่อได้ยินแบบนั้นสีหน้าของลั่วชาก็เปลี่ยนไป คิ้วของนางกระตุกพร้อมสายตาที่แสดงความรังเกียจออกมา ” บังอาจ ! ”
ตอนนั้นเองหยวนเทียนจีก็พูดขึ้น ” เจ้าลืมไปแล้วรึว่ายังมีเราอยู่ ?”
สีหน้าของผู้บัญชาการใหญ่พลันแข็งทื่อ เขาขมวดคิ้วและฮึดฮัดออกมา ” พวกเจ้ามีความแข็งแกร่งที่โดดเด่นก็จริง แต่แล้วยังไง ? พวกเจ้าโดนล้อมไว้โดยกองทัพเผ่าสวรรค์ สุดท้ายความพยายามของเจ้าก็จะเสียเปล่า !”
” ฮ่าฮ่า…งั้นก็มาลองดู ! ” จ้านเทียนเกอหัวเราะออกมา ” เราไม่ได้ฆ่าใครมานาน ตอนนี้ได้เวลาสักที ”
ขนาดผู้บัญชาการใหญ่พวกเขาก็สู้ นี่ไม่ต้องพูดถึงพวกปลาเล็กปลาน้อยเลย คนของสำนักคังเฉียงบดขยี้ศัตรูอยู่แล้ว
เมื่อเห็นท่าทีของคนจากสำนักคังเฉียง ผู้บัญชาการใหญ่ก็ลังเลขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ทหารเผ่าสวรรค์หลายหมื่นคนก็ตายไปเพราะฝีมือของคนพวกนี้ แม้ว่าพวกนี้จะโดนล้อมเอาไว้ แต่จำนวนทหารตอนนี้ก็มีแค่ 5-60,000 คน ซึ่งไม่แน่ว่าจะเป็นภัยกับคนของสำนักคังเฉียงได้ แม้ว่าจะล้อมฆ่าสำนักคังเฉียงได้ แต่เกรงว่าคงต้องเสียทหารไปจำนวนมากเช่นกัน
เมื่อคิดแบบนั้นผู้บัญชาการใหญ่ก็ลังเลขึ้นมา
ตอนนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในหูของผู้บัญชาการใหญ่ ” เจ้าไปฆ่าลั่วชา คนอื่นให้ข้าจัดการเอง ”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ผู้บัญชาการใหญ่ก็แสดงสีหน้าตะลึงออกมาทันที “ ผู้อาวุโส ”
เขาไม่คิดแลยว่าคนใหญ่โตเช่นนี้จะมาที่นี่ด้วยตัวเองรวมถึงลงมือด้วยตัวเองด้วย
” อย่ามัวไร้สาระ ลงมือ ” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
” ขอรับ ! ” ผู้บัญชาการใหญ่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคารพและยกมีดขึ้นมา เขามองไปที่ลั่วชา ” ไม่ว่าจะเป็นทีมคังเฉียงรึทีมลั่วชา วันนี้พวกเจ้าต้องตาย ! ต่อให้เสียเทียนมาที่นี่แต่ก็ไม่อาจจะช่วยอะไรได้ !”
…..
ด้านนอกอาณาเขตของเผ่าสวรรค์
” มาแล้วรึ ?” จางหยูมองไปที่สนามรบ ” แม่ทัพของเผ่าสวรรค์ ไม่รู้ว่าข้าจะต่อกรได้รึไม่..” ถึงจะพูดเช่นนั้น แต่สายตาของจางหยูก็มีความมั่นใจอย่างมาก เขาไม่ได้หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
จางหยูไม่คิดว่าแม่ทัพจะมาสนใจทีมคังเฉียงของเขา เพื่อที่จะจัดการกับทีมคังเฉียงแล้ว อีกฝ่ายไม่เพียงแต่ส่งผู้บัญชาการใหญ่มาเท่านั้น แต่ยังให้แม่ทัพลงมือเองด้วย
นับว่าเป็นเกียรติสำหรับทีมคังเฉียงที่ให้คนแบบนี้ออกมาด้วยตัวเอง
จางหยูไม่คิดเลยว่าทีมคังเฉียงจะทำให้อีกฝ่ายสนใจได้มากขนาดนี้
จางหยูคงคิดไม่ถึงว่าทีมคังเฉียงจะได้สร้างความเสียหายขึ้นมามากเท่าไหร่ ถ้าไม่งั้นแล้วพวกเผ่าสวรรค์จะมาสนใจพวกเขารึ ?
ร่างของจางหยูหายไปจากจุดนั้น ต่อมาเขาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในอีกที่
” ยินดีที่ได้พบ แม่ทัพของเผ่าสวรรค์ ” จางหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม เขายิ้มเห็นฟันเล็กน้อยด้วยท่าทีดูไร้พิษภัย
” ตราระดับราชา …” ซือหมิงแสดงสายตาเย็นชาออกมา ” เจ้าคือลั่วชาสินะ! ”
คนที่ขัดขวางการโจมตีของเขาเมื่อครู่นี้ คือหัวหน้าทีมลั่วชา นางเองก็เป็นรองแค่แม่ทัพเช่นกัน
เมื่อได้ยินชื่อของลั่วชา คนของสำนักคังเฉียงรวมถึงจางหยูที่สังเกตการณ์อยู่นั้นต่างก็แปลกใจ
ทุกคนรู้ว่าหัวหน้าทีมลั่วชานั้นคือลั่วชา ทุกคนต่างก็รู้ว่าลั่วชานั้นแข็งแกร่ง แต่พวกเขาไม่รู้ว่าลั่วชานั้นเป็นผู้หญิง นางเป็นผู้หญิงที่เย็นชาราวกับเทพธิดาน้ำแข็ง
ลั่วชาไม่ได้ใส่ใจสายตาของคนโดยรอบแม้แต่น้อย นางกลับมองไปยังทีมคังเฉียง “ หัวหน้าพวกเจ้าอยู่ไหน ? ”
นางสงสัยเรื่องทีมคังเฉียงอย่างมาก ทีมที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมากลับแข็งแกร่งขนาดนี้และมีจำนวนมากถึง 2,000 คน นางอยากรู้ว่ามันเป็นทีมแบบไหนกันแน่ ?
นอกจากแม่ทัพของสามทัพใหญ่แล้ว นางก็ไม่คิดว่าจะมีใครรวบรวมคนที่แข็งแกร่งได้มากแบบนี้
แม้แต่ทีมเทพปีศาจที่เป็นทีมระดับความตายก็ไม่อาจจะทำแบบนี้ได้ !
นางไม่สงสัยเลยว่าแม้ตัวนางจะฆ่าคนของทีมคังเฉียงได้ แต่คงต้องเอาชีวิตเขาแลก นี่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของทีมคังเฉียงแล้ว !
” หัวหน้า? เจ้าหมายถึงเจ้าสำนักงั้นรึ ? ” จ้านเทียนเกอเกาหัวอย่างงงวย ” เราไม่รู้ว่าเจ้าสำนักอยู่ที่ไหน แต่ข้าเดาว่าเจ้าสำนักน่าจะซ่อนตัวอยู่และคอยจับตาดูพวกเรา ”
หยวนเทียนจีพยักหน้า ” อาจารย์บอกว่านอกซะจากแม่ทัพปรากฏตัวขึ้นมา เขาถึงจะลงมือ ไม่งั้นแล้วเขาก็ไม่ทางเข้ามายุ่ง ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นลั่วชาก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที ” บ้าไปแล้ว ! ”
แสดงว่าแม้แต่เทพสงครามน้อยซือหมิงก็ไม่อยู่ในสายตาอย่างนั้นหรือ!
ลั่วชาไม่คิดเลยว่าหยวนเทียนจีจะพูดแบบนี้ออกมา นางยักคิ้วและพูดขึ้น ” ฟังจากที่่เจ้าบอกแล้ว หัวหน้าเจ้าคงอยู่ระดับแม่ทัพใช่รึไม่ ?”
” เรื่องนี้….เจ้าสำนักไม่อยากทำตัวโดดเด่นและไม่อยากให้เราพูดถึง ” อู่โม่พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ” หากเจ้าอยากรู้จริงๆ เจ้าก็ต้องไปถามเจ้าสำนัก ”
คำตอบนี้แม้ว่าจะกำกวมแต่ก็พออ้างอิงอะไรได้
” เจ้าคิดจะทำให้ข้ากลัวรึ ? ” ซือหมิงแสดงสายตาที่เย็นชาออกมา ” หัวหน้าเจ้าอยู่ระดับแม่ทัพ ? ทำไมถึงไม่พูดไปเลยล่ะ ว่าหัวหน้าเจ้าเป็นจักรพรรดิ! หากเขาแข็งแกร่งอย่างที่เจ้าว่า งั้นทำไมถึงปล่อยให้พวกเจ้าบาดเจ็บหนักขนาดนี้ แม้แต่ตอนที่พวกเจ้าเกือบตาย เขาก็ยังไม่ยอมลงมืออีก? ”
เขาไม่รับรู้ถึงตัวตนของจางหยูเลย และคิดว่าอีกฝ่ายคงรู้ถึงอันตรายจึงได้ทิ้งคนอื่นๆเอาไว้
” การโจมตีเมื่อครู่ หากไม่ใช่ลั่วชาขวางเอาไว้ พวกเจ้าคงตายไปแล้ว ! ” ซือหมิงแสดงสีหน้าเย็นชาออกมา
หยวนเทียนจีฮึดฮัดออกมา ” เจ้าไม่รู้อะไรเลย ! ความคิดของอาจารย์นั้นเจ้าจะคาดเดาได้รึ ? อย่าพูดถึงการฆ่าเราเลย อาจารย์อาจจะฟื้นคืนชีพให้เราได้ด้วยซ้ำ ในใจเราแล้วแม้แต่จักรพรรดิทั้งเก้าก็ไม่อาจจะเทียบเท่ากับอาจารย์ได้ ” หยวนเทียนจีแสดงสีหน้าภูมิใจออกมา
” เชื่อรึไม่ว่าหากเจ้าสำนักอยากจะฆ่าเจ้าจริงๆแล้ว แค่กระดิกนิ้วก็ทำได้แล้ว ! ” เป้ยหลงพูดขึ้นมา
คนของสำนักคังเฉียงทุกคนต่างก็เชื่อในตัวจางหยู พวกเขาเชื่อว่าไม่มีอะไรที่จางหยูทำไม่ได้ เว้นแต่ว่าจางหยูไม่คิดที่จะทำ!
” ฮ่าฮ่า ” ผู้บัญชาการใหญ่หัวเราะออกมา ” กลุ่มมดที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกแต่กลับพูดจาใหญ่โต ! พวกเจ้าเรียกหัวหน้าของพวกเจ้าออกมา แล้วลองดูสิว่าเขาจะหยุดการโจมตีของข้าได้รึไม่ ! ”
เขาไม่เชื่อคำพูดของคนจากสำนักคังเฉียง ยังไงซะเขาก็ถือว่าเป็นเทพสงคราม แม้ว่าความแข็งแกร่งจะไม่ได้เท่ากับแม่ทัพ แต่ก็ไม่ได้ห่างมากนัก ต่อให้ท่านแม่ทัพลงมือ แต่ก็ไม่อาจจะเอาชนะเขาได้ง่ายๆ แต่คนของสำนักคังเฉียงกลับบอกว่า แค่เจ้าสำนักกระดิกนิ้วก็ฆ่าเขาได้แล้ว
แค่ผู้บัญชาการใหญ่คนหนึ่งก็ไม่คิดจะโผล่หัวออกมา หัวหน้าลึกลับคนนี้จะแข็งแกร่งกว่าแม่ทัพอีกรึ ?
” ข้าไม่อยากจะพูดกับเจ้าแล้ว” ซือหมิงแสดงสายตาเย็นชาออกมาอีกครั้ง ตัวของเขาแผ่จิตสังหารออกมา ” วันนี้พวกเจ้าทุกคนต้องตาย ไม่มีใครหนีไปได้ และเจ้า ลั่วชา เมื่อเจ้ามาหาข้าถึงที่ งั้นก็ตายไปด้วยกันนี่แหละ ”
” แค่เจ้าเพียงลำพังน่ะรึ ? ” แม้ว่าลั่วชาจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับอีกฝ่าย แต่นางก็ถือว่าแข็งแกร่งพอตัว ” หากเจ้าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ บางทีเจ้าอาจจะฆ่าข้าได้ แต่เจ้าในตอนนี้จะใช้พลังออกมาได้มากเท่าไหร่กัน ? หากใช้พลังได้ 9 ใน 10 ส่วน? หรือ 6 ใน 10 ส่วน? ข้าอาจจะไม่ใช่คู่มือของเจ้า แต่เจ้าก็ฆ่าข้าไม่ได้หากข้าหนี! ”
” งั้นรึ ? ” ผู้บัญชาการใหญ่แสยะยิ้มออกมา “แล้วถ้า…เพิ่มพวกนี้เข้าไปล่ะ ? ”
เมื่อพูดจบก็มีทหารเผ่าสวรรค์จำนวนมากเข้ามาสมทบและยังเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ
ไม่รู้เลยว่าทหารเหล่านี้แห่กันมาตั้งแต่ตอนไหน เมื่อมองไปรอบๆก็พบกับทหารจำนวนมหาศาล
มันไม่น้อยกว่าหมื่นคน !
” แค่กลุ่มปลาเล็กปลาน้อย ! หากข้าจะไป พวกนี้ก็ไม่อาจจะยื้อข้าได้ ! ” ลั่วชาแสดงสีหน้าเฉยเมยออกมา
” แล้วสมาชิกของทีมเจ้าล่ะ ? ถึงข้าจะยื้อเจ้าไม่ได้ แต่ฆ่าคนในทีมของเจ้าได้ก็พอแล้ว ” ผู้บัญชาการใหญ่หัวเราะออกมา
เมื่อได้ยินแบบนั้นสีหน้าของลั่วชาก็เปลี่ยนไป คิ้วของนางกระตุกพร้อมสายตาที่แสดงความรังเกียจออกมา ” บังอาจ ! ”
ตอนนั้นเองหยวนเทียนจีก็พูดขึ้น ” เจ้าลืมไปแล้วรึว่ายังมีเราอยู่ ?”
สีหน้าของผู้บัญชาการใหญ่พลันแข็งทื่อ เขาขมวดคิ้วและฮึดฮัดออกมา ” พวกเจ้ามีความแข็งแกร่งที่โดดเด่นก็จริง แต่แล้วยังไง ? พวกเจ้าโดนล้อมไว้โดยกองทัพเผ่าสวรรค์ สุดท้ายความพยายามของเจ้าก็จะเสียเปล่า !”
” ฮ่าฮ่า…งั้นก็มาลองดู ! ” จ้านเทียนเกอหัวเราะออกมา ” เราไม่ได้ฆ่าใครมานาน ตอนนี้ได้เวลาสักที ”
ขนาดผู้บัญชาการใหญ่พวกเขาก็สู้ นี่ไม่ต้องพูดถึงพวกปลาเล็กปลาน้อยเลย คนของสำนักคังเฉียงบดขยี้ศัตรูอยู่แล้ว
เมื่อเห็นท่าทีของคนจากสำนักคังเฉียง ผู้บัญชาการใหญ่ก็ลังเลขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ทหารเผ่าสวรรค์หลายหมื่นคนก็ตายไปเพราะฝีมือของคนพวกนี้ แม้ว่าพวกนี้จะโดนล้อมเอาไว้ แต่จำนวนทหารตอนนี้ก็มีแค่ 5-60,000 คน ซึ่งไม่แน่ว่าจะเป็นภัยกับคนของสำนักคังเฉียงได้ แม้ว่าจะล้อมฆ่าสำนักคังเฉียงได้ แต่เกรงว่าคงต้องเสียทหารไปจำนวนมากเช่นกัน
เมื่อคิดแบบนั้นผู้บัญชาการใหญ่ก็ลังเลขึ้นมา
ตอนนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในหูของผู้บัญชาการใหญ่ ” เจ้าไปฆ่าลั่วชา คนอื่นให้ข้าจัดการเอง ”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ผู้บัญชาการใหญ่ก็แสดงสีหน้าตะลึงออกมาทันที “ ผู้อาวุโส ”
เขาไม่คิดแลยว่าคนใหญ่โตเช่นนี้จะมาที่นี่ด้วยตัวเองรวมถึงลงมือด้วยตัวเองด้วย
” อย่ามัวไร้สาระ ลงมือ ” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
” ขอรับ ! ” ผู้บัญชาการใหญ่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคารพและยกมีดขึ้นมา เขามองไปที่ลั่วชา ” ไม่ว่าจะเป็นทีมคังเฉียงรึทีมลั่วชา วันนี้พวกเจ้าต้องตาย ! ต่อให้เสียเทียนมาที่นี่แต่ก็ไม่อาจจะช่วยอะไรได้ !”
…..
ด้านนอกอาณาเขตของเผ่าสวรรค์
” มาแล้วรึ ?” จางหยูมองไปที่สนามรบ ” แม่ทัพของเผ่าสวรรค์ ไม่รู้ว่าข้าจะต่อกรได้รึไม่..” ถึงจะพูดเช่นนั้น แต่สายตาของจางหยูก็มีความมั่นใจอย่างมาก เขาไม่ได้หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
จางหยูไม่คิดว่าแม่ทัพจะมาสนใจทีมคังเฉียงของเขา เพื่อที่จะจัดการกับทีมคังเฉียงแล้ว อีกฝ่ายไม่เพียงแต่ส่งผู้บัญชาการใหญ่มาเท่านั้น แต่ยังให้แม่ทัพลงมือเองด้วย
นับว่าเป็นเกียรติสำหรับทีมคังเฉียงที่ให้คนแบบนี้ออกมาด้วยตัวเอง
จางหยูไม่คิดเลยว่าทีมคังเฉียงจะทำให้อีกฝ่ายสนใจได้มากขนาดนี้
จางหยูคงคิดไม่ถึงว่าทีมคังเฉียงจะได้สร้างความเสียหายขึ้นมามากเท่าไหร่ ถ้าไม่งั้นแล้วพวกเผ่าสวรรค์จะมาสนใจพวกเขารึ ?
ร่างของจางหยูหายไปจากจุดนั้น ต่อมาเขาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในอีกที่
” ยินดีที่ได้พบ แม่ทัพของเผ่าสวรรค์ ” จางหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม เขายิ้มเห็นฟันเล็กน้อยด้วยท่าทีดูไร้พิษภัย