ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1866 : ข้าก็แค่คนรักความสงบคนหนึ่ง
เบื้องหน้าของจางหยูเป็นชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีขาวที่ดูสูงส่งราวกับเทพจากสวรรค์
เขาคือแรนเดล หนึ่งในแม่ทัพของเผ่าสวรรค์
หากซือหมิงคือเทพสงครามน้อย งั้นแรนเดลก็คือเทพสงครามของเผ่าสวรรค์!
เขาคือวีรบุรุษที่คนเผ่าสวรรค์ต่างก็ยกย่อง !
แรนเดลรีบออกมาจากสำนักงานใหญ่ของกองทัพ เขามุ่งหน้ามาที่นี่เพื่อจัดการกับทีมคังเฉียงด้วยตัวเอง แต่อยู่ๆกลับมีชายลึกลับโผล่มาขัดขวางเอาไว้
แรนเดลมองไปที่ชายลึกลับด้วยความรู้สึกระแวดระวัง ก่อนจะถามออกมาว่า ” เจ้าเป็นใครกัน ? ”
ความเร็วของชายลึกลับช่างน่าตกใจมาก แรนเดลเห็นเพียงแค่เงาวูบวาบเท่านั้น และไม่ทันได้ตั้งตัวชายคนนั้นก็ปรากฏตัวที่เบื้องหน้าของเขาแล้ว
ความแข็งแกร่งเช่นนี้ แม้แต่ในหมู่แม่ทัพแล้วก็ยังถือว่ายอดเยี่ยมที่สุด อย่างน้อยแรนเดลก็ไม่เคยเห็นแม่ทัพคนไหนที่มีความเร็วที่น่ากลัวแบบนี้ !
แน่นอนว่าอีกฝ่ายอาจจะมีดีแค่ความเร็วก๋เป็นได้ ส่วนความสามารถที่เหลืออาจจะธรรมดาก็ได้
ทุกคนต่างล้วนมีจุดแข็งของตัวเอง การที่มีความเร็วที่น่ากลัวก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีการโจมตีที่รุนแรงหรือการป้องกันที่สูง
เมื่อคิดเช่นนั้น แรนเดลก็ระงับความตื่นตระหนกไว้ได้
” ไม่สำคัญว่าข้าจะเป็นใคร แต่เจ้าไม่อาจจะเข้าไปยุ่งกับการต่อสู้นี้ได้ ” จางหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่ไร้พิษภัยดังเดิม
แรนเดลหรี่ตาลง ” ทำไม? ”
จางหยูยังคงยิ้มออกมาด้วยท่าทีสุภาพ ” เพราะข้าไม่อยากให้เจ้าเข้าไปยุ่ง ”
” เจ้าไม่อยากให้ข้าเข้าไปยุ่ง แล้วข้าต้องเชื่อฟังเจ้าด้วยรึ ?” แรนเดลยิ้มออกมา ” เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน ? ”
” เจ้าควรฟังข้าจะดีกว่า ท่านแม่ทัพ นี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุดของเจ้า ” จางหยูพูดอย่างสุภาพ
แรนเดลสีหน้าอึมครึม ” แม่ทัพของโกลาหลซื่อเซียว รวมถึงเสียเทียนนั้นข้าเคยเห็นมาแล้ว หรือเจ้า…เพิ่งขึ้นมาถึงระดับนี้รึ ? หากข้าเดาไม่ผิดแล้วเจ้าน่าจะเป็นหัวหน้าของทีมคังเฉียงใช่รึไม่ ? ”
จางหยูปรบมือและเอ่ยชมออกมา ” สมกับที่เป็นแม่ทัพของเผ่าสวรรค์จริงๆ ความฉลาดของเจ้านั้นไม่ด้อยกว่าความแข็งแกร่งเลย ”
…..
ที่สำนักงานของเผ่าสวรรค์
” แรนเดลเป็นอะไรไป ทำไมเขายังไม่ลงมืออีก ? ” แม่ทัพอีกคนขมวดคิ้วและตะโกนถามขึ้นมา
แม่ทัพอีกคนพูดขึ้น ” หากแรนเดลลงมือแล้ว แนวหน้าคงรายงานมาแล้ว เมื่อไม่มีข่าวอะไรมา งั้นก็หมายความว่าเขายังไม่ลงมือ ”
แม่ทัพคนแรกเริ่มหมดความอดทน ” เร็วเข้า รีบถามแรนเดลว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงไม่ลงมือ ”
….
” เจ้านี่กล้าดีจริงๆ ” แรนเดลจ้องมองจางหยู
” ขอบคุณที่ชม ” จางหยูยังคงสุภาพเช่นเดิม
” กระทั่งแม่ทัพทั้งสามรวมถึงเสียเทียน หัวหน้าทีมเทพปีศาจก็ยังกลัวที่จะเข้ามาในดินแดนของพวกเรา แต่เจ้ากลับกล้า…” แรนเดลปล่อยจิตสังหารออกมา ” ข้าไม่รู้ว่าต้องชื่นชมความกล้าของเจ้ารึต้องสงสารในความโง่ที่เจ้ามีกันแน่”
” งั้นรึ ? ” จางหยูกล่าวออกมา ” บางทีอาจจะเพราะความกล้าก็ได้ ”
” เจ้ารู้รึไม่ว่าแม่ทัพของกองทัพซื่อเซียวในตอนนี้นั้นไม่ใช่แม่ทัพคนเดิม ” แรนเดลพูดขึ้น
” โอ้ เพราะเหตุใดล่ะ เจ้าบอกข้าได้ไหม?” จางหยูพูดขึ้น
สายตาของแรนเดลดูไม่พอใจยิ่งขึ้น ” เมื่อหลายยุคก่อนหน้านี้ แม่ทัพซื่อเซียวยังเป็นอีกคนหนึ่ง วันหนึ่ง แม่ทัพผู้นั้นก็บุกเข้ามาในดินแดนของพวกเรา ดังนั้นกองทัพซื่อเซียวจึงต้องเปลี่ยนแม่ทัพ ”
” อย่างนี้นี่เอง ” จางหยูกระจ่างทันที
” เจ้าไม่กลัวรึ ?” แรนเดลแปลกใจ
” เจ้าอยากให้ข้ากลัวรึไม่ ?” จางหยูถามขึ้นมา
” ดูเหมือนว่าเจ้าจะมั่นใจในตัวเองจริงๆ ” แรนเดลกางมือออกพร้อมกับแสงนับไม่ถ้วนที่มารวมตัวกันและกลายเป็นดาบแสง ” โชคร้ายที่เจ้าต้องแลกด้วยชีวิตกับความมั่นใจที่เจ้ามี ”
จางหยูแสดงสีหน้าจริงจังออกมา ” ท่านแม่ทัพ ข้าก็แค่คนรักความสงบคนหนึ่ง ข้าหวังว่าพวกเราจะสามารถนั่งคุยกันได้ และหลีกเลี่ยงความรุนแรง”
”ตอนนี้รู้จักคำว่ากลัวแล้วรึ ?” แรนเดลเหมือนคิดว่าตัวเองจะชนะ เขาพูดออกมาด้วยสายตาภูมิใจ ” แต่มันสายไปแล้ว ! ”
แรนเดลมองไปที่จางหยู ” ตั้งแต่ที่ทีมคังเฉียงเข้ามาในดินแดนของพวกเรา นั่นก็เท่ากับกำหนดโชคชะตาของพวกเจ้าแล้ว ! ”
” ไม่ใช่ ” จางหยูส่ายหน้าและพูดขึ้น ” ท่านแม่ทัพ ข้าคงต้องบอกเจ้าว่าข้าไม่ได้กลัวเลย ข้าแค่เกลียดความรุนแรงก็เท่านั้น ข้ารักความสงบ และไม่อยากจะต่อสู้เพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ ” จางหยูพูดด้วยสีหน้าจริงใจ ” หากทำได้ เราควรนั่งลงและพูดคุยกันไม่ดีกว่ารึ ? ”
มุมปากของแรนเดลกระตุก ” เจ้าบ้าไปแล้วรึ คิดว่าข้าโง่รึไง ? ทีมของเจ้าฆ่าทหารของเราไปมากเท่าไหร่กัน ? ” เขารู้สึกราวกับว่าจางหยูกำลังปั่นหัวเขาอยู่ ” เลิกไร้สาระ รีบลงมือซะ ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะมีความสามารถทัดเทียมกับความกล้าของเจ้ารึไม่ ”
จางหยูพูดด้วยสีหน้าเสียดาย ” เราพูดคุยกันไม่ได้จริงๆรึ ? ”
” เหอะ มาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าไม่ต้องเสแสร้ง” แรนเดลกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
” เมื่อเจ้ายังยืนกรานจะทำเช่นนั้น งั้น…ข้าก็จะทำตามที่ท่านต้องการ ” เส้นผมของจางหยูโบกสะบัดไปมา ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มดูสุภาพดังเดิม
เมื่อเห็นท่าทีผ่อนคลายของจางหยู แรนเดลก็เริ่มกังวล เขาไม่สงสัยในความแข็งแกร่งของจางหยู ความเร็วอันน่ากลัวของจางหยูนั้นไม่มีใครกล้าดูถูก ดังนั้นเขาถึงต้องระวังตัวให้มากขึ้นและไม่กล้าโจมตีก่อน เพราะเกรงว่าจะเป็นเขาเองที่พลาด
จางหยูมองไปที่แรนเดลด้วยความแปลกใจ ” ท่านแม่ทัพเปลี่ยนใจแล้วรึ ? ”
แรนเดลสูดหายใจเข้าลึกๆ สุดท้ายเขาก็หมดความอดทน เขายกดาบขึ้น พลังที่สั่งสมกันมาหลายยุคพลันปะทุออกมา พลังผันผวนอันน่ากลัวกระจายออกมาจากดาบพร้อมกับแสงสว่างที่เจิดจ้า ในพริบตามันก็มาถึงตัวจางหยู
แค่เศษเสี้ยวพลังเล็กน้อยก็ทำให้คนของเผ่าสวรรค์ที่โดนพลังนี่ ถูกกำจัดไปทันทีเหมือนระเหยกลายเป็นไอ แม้แต่ผู้บัญชาการใหญ่, ลั่วชา และทีมลั่วชาต่างก็รู้สึกหวั่นใจ ราวกับว่าด้านหลังของผู้บัญชาการใหญ่นั้นมีตัวตนที่น่ากลัวที่สุดได้ตื่นขึ้นมาแล้ว พวกเขาอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น !
ทีมคังเฉียงแสดงท่าทีสงบนิ่งตั้งแต่ต้นจนจบ มีแค่ทีมลั่วชาเท่านั้นที่ลนลานราวกับกำลังเผชิญหน้ากับความตาย
เสียงระเบิดได้ดังขึ้น ทะเลโกลาหลสั่นไหวอย่างรุนแรง มิติได้แตกออกเป็นชิ้นๆก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อแสงสว่างสลายไป แรนเดลก็พบกับจางหยูที่ยังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยน ” เจ้า…รับมือได้รึ ! ” ตาของเขาแทบถลนออกมาจากเบ้า
ร่างของจางหยูมีชั้นแสงปกคลุมเอาไว้ ชั้นแสงนี้ราวกับโล่ลึกลับที่ปกคลุมตัวเขาเอาไว้ มันต้านทานพลังของแรนเดลทั้งหมด พลังของแรนเดลโดนกลืนกินไปง่ายๆ
แรนเดลราวกับตัวตลก การโจมตีของเขามันไร้ค่า
แรนเดลรู้สึกแย่ขึ้นมา เขาไม่รอให้จางหยูลงมือ เขายกดาบขึ้นและพุ่งเข้ามาหาจางหยู ก่อนตวัดดาบฟันลงมา
แต่ทว่าแรนเดลกลับต้องตัวแข็งทื่อ เมื่อดาบของเขาไม่อาจจะฟันลงต่อได้ไม่ว่าจะใช้พลังแค่ไหนก็ตาม
นิ้วชี้และกลางของจางหยูยกขึ้นมาคีบดาบเอาไว้ด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับคีบกระดาษอยู่ ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มสดใส ” ท่านแม่ทัพ เจ้านี่ใจแคบจริงๆ เอาล่ะ ข้าให้เจ้าลงมือแล้ว ต่อไปคงเป็นตาข้าลงมือบ้าง เราจะได้เสมอภาคกัน ”
ระหว่างที่พูดนั้นนิ้วที่คีบดาบอยู่ก็ออกแรงบีบมากขึ้นจนดาบแตกออกเป็นชิ้นๆ
รูม่านตาของแรนเดลพลันหดลง พร้อมกับความกลัวที่ฉายขึ้นมาบนใบหน้า
เขาคือแรนเดล หนึ่งในแม่ทัพของเผ่าสวรรค์
หากซือหมิงคือเทพสงครามน้อย งั้นแรนเดลก็คือเทพสงครามของเผ่าสวรรค์!
เขาคือวีรบุรุษที่คนเผ่าสวรรค์ต่างก็ยกย่อง !
แรนเดลรีบออกมาจากสำนักงานใหญ่ของกองทัพ เขามุ่งหน้ามาที่นี่เพื่อจัดการกับทีมคังเฉียงด้วยตัวเอง แต่อยู่ๆกลับมีชายลึกลับโผล่มาขัดขวางเอาไว้
แรนเดลมองไปที่ชายลึกลับด้วยความรู้สึกระแวดระวัง ก่อนจะถามออกมาว่า ” เจ้าเป็นใครกัน ? ”
ความเร็วของชายลึกลับช่างน่าตกใจมาก แรนเดลเห็นเพียงแค่เงาวูบวาบเท่านั้น และไม่ทันได้ตั้งตัวชายคนนั้นก็ปรากฏตัวที่เบื้องหน้าของเขาแล้ว
ความแข็งแกร่งเช่นนี้ แม้แต่ในหมู่แม่ทัพแล้วก็ยังถือว่ายอดเยี่ยมที่สุด อย่างน้อยแรนเดลก็ไม่เคยเห็นแม่ทัพคนไหนที่มีความเร็วที่น่ากลัวแบบนี้ !
แน่นอนว่าอีกฝ่ายอาจจะมีดีแค่ความเร็วก๋เป็นได้ ส่วนความสามารถที่เหลืออาจจะธรรมดาก็ได้
ทุกคนต่างล้วนมีจุดแข็งของตัวเอง การที่มีความเร็วที่น่ากลัวก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีการโจมตีที่รุนแรงหรือการป้องกันที่สูง
เมื่อคิดเช่นนั้น แรนเดลก็ระงับความตื่นตระหนกไว้ได้
” ไม่สำคัญว่าข้าจะเป็นใคร แต่เจ้าไม่อาจจะเข้าไปยุ่งกับการต่อสู้นี้ได้ ” จางหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่ไร้พิษภัยดังเดิม
แรนเดลหรี่ตาลง ” ทำไม? ”
จางหยูยังคงยิ้มออกมาด้วยท่าทีสุภาพ ” เพราะข้าไม่อยากให้เจ้าเข้าไปยุ่ง ”
” เจ้าไม่อยากให้ข้าเข้าไปยุ่ง แล้วข้าต้องเชื่อฟังเจ้าด้วยรึ ?” แรนเดลยิ้มออกมา ” เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน ? ”
” เจ้าควรฟังข้าจะดีกว่า ท่านแม่ทัพ นี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุดของเจ้า ” จางหยูพูดอย่างสุภาพ
แรนเดลสีหน้าอึมครึม ” แม่ทัพของโกลาหลซื่อเซียว รวมถึงเสียเทียนนั้นข้าเคยเห็นมาแล้ว หรือเจ้า…เพิ่งขึ้นมาถึงระดับนี้รึ ? หากข้าเดาไม่ผิดแล้วเจ้าน่าจะเป็นหัวหน้าของทีมคังเฉียงใช่รึไม่ ? ”
จางหยูปรบมือและเอ่ยชมออกมา ” สมกับที่เป็นแม่ทัพของเผ่าสวรรค์จริงๆ ความฉลาดของเจ้านั้นไม่ด้อยกว่าความแข็งแกร่งเลย ”
…..
ที่สำนักงานของเผ่าสวรรค์
” แรนเดลเป็นอะไรไป ทำไมเขายังไม่ลงมืออีก ? ” แม่ทัพอีกคนขมวดคิ้วและตะโกนถามขึ้นมา
แม่ทัพอีกคนพูดขึ้น ” หากแรนเดลลงมือแล้ว แนวหน้าคงรายงานมาแล้ว เมื่อไม่มีข่าวอะไรมา งั้นก็หมายความว่าเขายังไม่ลงมือ ”
แม่ทัพคนแรกเริ่มหมดความอดทน ” เร็วเข้า รีบถามแรนเดลว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงไม่ลงมือ ”
….
” เจ้านี่กล้าดีจริงๆ ” แรนเดลจ้องมองจางหยู
” ขอบคุณที่ชม ” จางหยูยังคงสุภาพเช่นเดิม
” กระทั่งแม่ทัพทั้งสามรวมถึงเสียเทียน หัวหน้าทีมเทพปีศาจก็ยังกลัวที่จะเข้ามาในดินแดนของพวกเรา แต่เจ้ากลับกล้า…” แรนเดลปล่อยจิตสังหารออกมา ” ข้าไม่รู้ว่าต้องชื่นชมความกล้าของเจ้ารึต้องสงสารในความโง่ที่เจ้ามีกันแน่”
” งั้นรึ ? ” จางหยูกล่าวออกมา ” บางทีอาจจะเพราะความกล้าก็ได้ ”
” เจ้ารู้รึไม่ว่าแม่ทัพของกองทัพซื่อเซียวในตอนนี้นั้นไม่ใช่แม่ทัพคนเดิม ” แรนเดลพูดขึ้น
” โอ้ เพราะเหตุใดล่ะ เจ้าบอกข้าได้ไหม?” จางหยูพูดขึ้น
สายตาของแรนเดลดูไม่พอใจยิ่งขึ้น ” เมื่อหลายยุคก่อนหน้านี้ แม่ทัพซื่อเซียวยังเป็นอีกคนหนึ่ง วันหนึ่ง แม่ทัพผู้นั้นก็บุกเข้ามาในดินแดนของพวกเรา ดังนั้นกองทัพซื่อเซียวจึงต้องเปลี่ยนแม่ทัพ ”
” อย่างนี้นี่เอง ” จางหยูกระจ่างทันที
” เจ้าไม่กลัวรึ ?” แรนเดลแปลกใจ
” เจ้าอยากให้ข้ากลัวรึไม่ ?” จางหยูถามขึ้นมา
” ดูเหมือนว่าเจ้าจะมั่นใจในตัวเองจริงๆ ” แรนเดลกางมือออกพร้อมกับแสงนับไม่ถ้วนที่มารวมตัวกันและกลายเป็นดาบแสง ” โชคร้ายที่เจ้าต้องแลกด้วยชีวิตกับความมั่นใจที่เจ้ามี ”
จางหยูแสดงสีหน้าจริงจังออกมา ” ท่านแม่ทัพ ข้าก็แค่คนรักความสงบคนหนึ่ง ข้าหวังว่าพวกเราจะสามารถนั่งคุยกันได้ และหลีกเลี่ยงความรุนแรง”
”ตอนนี้รู้จักคำว่ากลัวแล้วรึ ?” แรนเดลเหมือนคิดว่าตัวเองจะชนะ เขาพูดออกมาด้วยสายตาภูมิใจ ” แต่มันสายไปแล้ว ! ”
แรนเดลมองไปที่จางหยู ” ตั้งแต่ที่ทีมคังเฉียงเข้ามาในดินแดนของพวกเรา นั่นก็เท่ากับกำหนดโชคชะตาของพวกเจ้าแล้ว ! ”
” ไม่ใช่ ” จางหยูส่ายหน้าและพูดขึ้น ” ท่านแม่ทัพ ข้าคงต้องบอกเจ้าว่าข้าไม่ได้กลัวเลย ข้าแค่เกลียดความรุนแรงก็เท่านั้น ข้ารักความสงบ และไม่อยากจะต่อสู้เพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ ” จางหยูพูดด้วยสีหน้าจริงใจ ” หากทำได้ เราควรนั่งลงและพูดคุยกันไม่ดีกว่ารึ ? ”
มุมปากของแรนเดลกระตุก ” เจ้าบ้าไปแล้วรึ คิดว่าข้าโง่รึไง ? ทีมของเจ้าฆ่าทหารของเราไปมากเท่าไหร่กัน ? ” เขารู้สึกราวกับว่าจางหยูกำลังปั่นหัวเขาอยู่ ” เลิกไร้สาระ รีบลงมือซะ ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะมีความสามารถทัดเทียมกับความกล้าของเจ้ารึไม่ ”
จางหยูพูดด้วยสีหน้าเสียดาย ” เราพูดคุยกันไม่ได้จริงๆรึ ? ”
” เหอะ มาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าไม่ต้องเสแสร้ง” แรนเดลกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
” เมื่อเจ้ายังยืนกรานจะทำเช่นนั้น งั้น…ข้าก็จะทำตามที่ท่านต้องการ ” เส้นผมของจางหยูโบกสะบัดไปมา ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มดูสุภาพดังเดิม
เมื่อเห็นท่าทีผ่อนคลายของจางหยู แรนเดลก็เริ่มกังวล เขาไม่สงสัยในความแข็งแกร่งของจางหยู ความเร็วอันน่ากลัวของจางหยูนั้นไม่มีใครกล้าดูถูก ดังนั้นเขาถึงต้องระวังตัวให้มากขึ้นและไม่กล้าโจมตีก่อน เพราะเกรงว่าจะเป็นเขาเองที่พลาด
จางหยูมองไปที่แรนเดลด้วยความแปลกใจ ” ท่านแม่ทัพเปลี่ยนใจแล้วรึ ? ”
แรนเดลสูดหายใจเข้าลึกๆ สุดท้ายเขาก็หมดความอดทน เขายกดาบขึ้น พลังที่สั่งสมกันมาหลายยุคพลันปะทุออกมา พลังผันผวนอันน่ากลัวกระจายออกมาจากดาบพร้อมกับแสงสว่างที่เจิดจ้า ในพริบตามันก็มาถึงตัวจางหยู
แค่เศษเสี้ยวพลังเล็กน้อยก็ทำให้คนของเผ่าสวรรค์ที่โดนพลังนี่ ถูกกำจัดไปทันทีเหมือนระเหยกลายเป็นไอ แม้แต่ผู้บัญชาการใหญ่, ลั่วชา และทีมลั่วชาต่างก็รู้สึกหวั่นใจ ราวกับว่าด้านหลังของผู้บัญชาการใหญ่นั้นมีตัวตนที่น่ากลัวที่สุดได้ตื่นขึ้นมาแล้ว พวกเขาอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น !
ทีมคังเฉียงแสดงท่าทีสงบนิ่งตั้งแต่ต้นจนจบ มีแค่ทีมลั่วชาเท่านั้นที่ลนลานราวกับกำลังเผชิญหน้ากับความตาย
เสียงระเบิดได้ดังขึ้น ทะเลโกลาหลสั่นไหวอย่างรุนแรง มิติได้แตกออกเป็นชิ้นๆก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อแสงสว่างสลายไป แรนเดลก็พบกับจางหยูที่ยังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยน ” เจ้า…รับมือได้รึ ! ” ตาของเขาแทบถลนออกมาจากเบ้า
ร่างของจางหยูมีชั้นแสงปกคลุมเอาไว้ ชั้นแสงนี้ราวกับโล่ลึกลับที่ปกคลุมตัวเขาเอาไว้ มันต้านทานพลังของแรนเดลทั้งหมด พลังของแรนเดลโดนกลืนกินไปง่ายๆ
แรนเดลราวกับตัวตลก การโจมตีของเขามันไร้ค่า
แรนเดลรู้สึกแย่ขึ้นมา เขาไม่รอให้จางหยูลงมือ เขายกดาบขึ้นและพุ่งเข้ามาหาจางหยู ก่อนตวัดดาบฟันลงมา
แต่ทว่าแรนเดลกลับต้องตัวแข็งทื่อ เมื่อดาบของเขาไม่อาจจะฟันลงต่อได้ไม่ว่าจะใช้พลังแค่ไหนก็ตาม
นิ้วชี้และกลางของจางหยูยกขึ้นมาคีบดาบเอาไว้ด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับคีบกระดาษอยู่ ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มสดใส ” ท่านแม่ทัพ เจ้านี่ใจแคบจริงๆ เอาล่ะ ข้าให้เจ้าลงมือแล้ว ต่อไปคงเป็นตาข้าลงมือบ้าง เราจะได้เสมอภาคกัน ”
ระหว่างที่พูดนั้นนิ้วที่คีบดาบอยู่ก็ออกแรงบีบมากขึ้นจนดาบแตกออกเป็นชิ้นๆ
รูม่านตาของแรนเดลพลันหดลง พร้อมกับความกลัวที่ฉายขึ้นมาบนใบหน้า