ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1881 : ซูจิง
“ขอรับ !” ผู้บัญชาการใหญ่ตอบกลับด้วยความเคารพ
เขาหมุนตัวและทะยานไปที่กำแพง เมื่อมาถึงก็สั่งการทหารว่า “ ให้เขาเข้ามา ”
ทหารคนนั้นพยักหน้าและเดินไปหาทหารที่ดูแลประตูทันที “ ให้เข้ามาได้”
อู๋ห่าวป้องมือให้ก่อนจะเดินผ่านประตูเข้ามา
ภายในลานมีทหารหลายพันคนกำลังฝึกซ้อมอยู่ นี่คือทหารระดับชั้นยอดของกองทัพเทียนลั่ว ความแข็งแกร่งของแต่ละคนนั้นใกล้เคียงระดับหัวหน้าหน่วย พวกนี้ได้รับการฝึกอย่างดีจนเข้าใจกลยุทธ หากต้องสู้กันจริงๆแล้ว พวกเขาจะแสดงความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าคนระดับเดียวกันออกมาได้
แต่อู๋ห่าวไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้ เพราะเขาเคยเห็นคนระดับชั้นยอดของกองทัพซื่อเซียวมาแล้ว พวกนั้นเป็นหน่วยที่แข็งแกร่งและน่ากลัวกว่า
เมื่อเดินผ่านทหารที่ฝึกซ้อมกันแล้ว อู๋ห่าวก็ได้มาหาจิงหงก่อนจะพูดขึ้นว่า “ข้าน้อยอู๋ห่าว ผู้บัญชาการใหญ่จากกองทัพสังเกตการณ์ คำนับผู้อาวุโสจิงหง !”
เขาเคารพจิงหงไม่ใช่แค่เพราะความแข็งแกร่ง แต่เป็นเพราะอาวุโสกว่า
สัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่มาตั้งแต่สมัยก่อตั้งเขตซื่อเซียวขึ้นมานั้น ไม่มีใครกล้าดูหมิ่นเขาได้อย่างแน่นอน
“ เก่อเย่ให้เจ้ามารึ ? ” จิงหงถามขึ้นมา “ ทำไมเขาถึงไม่มาเองละ ?”
เก่อเย่คือแม่ทัพของกองทัพสังเกตการณ์
ในเขตซื่อเซียว นอกจากแม่ทัพทั้งสองคนและเสียเทียนแล้ว ไม่มีใครไม่กลัวเก่อเย่ เพราะเก่อเย่นั้นมือเปื้อนเลือดมามาก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นจ้าวโกลาหลที่แข็งแกร่ง
ในฐานะแม่ทัพของกองทัพสังเกตการณ์มีน้อยคนนักที่โดนเก่อเย่หมายหัวแล้วจะรอดไปได้
จิงหงทั้งชื่นชมและไม่พอใจเก่อเย่ เพราะมีผู้บัญชาการใหญ่หลายคนในกองทัพเทียนลั่วที่ถูกเก่อเย่กำจัด ส่งผลให้เขาเสียหน้าอยู่หลายครั้ง แต่ก็เพราะเก่อเย่ ที่ทำให้สายลับในกองทัพเทียนลั่วโดนกำจัดไป จึงไม่เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นมา
เก่อเย่แค่เป็นคนเด็ดขาดและใช้วิธีรุนแรง จึงไม่มีใครชอบเขาเลย แต่ทุกอย่างที่เขาทำมานั้นก็เพื่อเขตซื่อเซียวแห่งนี้ เพื่อจักพรรดิและเพื่อผู้คน ดังนั้นผู้คนจึงชื่นชมเขาในเรื่องนี้
ผู้นำของกองทัพสังเกตการณ์จึงเป็นที่ชื่นชมและเกลียดชังในเวลาเดียวกัน
“ ท่านจิงหงเข้าใจผิดแล้ว ที่ข้าน้อยมาขอเข้าพบ ไม่ได้เป็นเพราะท่านเก่อเย่ส่งข้ามา” อู๋ห่าวตอบกลับ
จิงหงยักคิ้ว “ เขาไม่ได้ส่งเจ้ามารึ ? ” เขาแปลกใจนิดๆ เขาจำอู๋ห่าวได้เป็นอย่างดี ชายคนนี้คือหนึ่งในผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพสังเกตการณ์ เขาคือมือขวาของเก่อเย่ ดังนั้นเมื่อเห็นอู๋ห่าว เขาจึงคิดว่าเก่อเย่ส่งอู๋ห่าวมา แต่มันผิดกับที่เขาคิดเอาไว้
“ ข้าน้อยมาที่นี่ไม่ใช่เพราะหน้าที่ แต่เป็นเพราะผู้อาวุโสอีกคนมอบหมายให้มา” อู๋ห่าวลังเลสักพักแล้วพูดขึ้น
“ หือ ?ใครกันที่มีสิทธิ์สั่งเจ้าได้ นอกจากเก่อเย่ ?” จิงหงแปลกใจ
“ มันไม่ใช่คำสั่ง แต่ข้าเสนอตัวช่วยเขาเอง” เขาจะยอมรับว่า เขารับคำสั่งของจางหยูได้ยังไง “ ข้าได้รับมอบหมายให้ช่วยตามหาคนคนหนึ่ง คนผู้นี้เป็นคนระดับสูงของกองทัพเทียนลั่ว ดังนั้นข้าจึงได้มาที่นี่”
จิงหงถามขึ้นมา “ ใครกันที่เจ้าพูดถึง ?”
อู๋ห่าวถามกลับ “ ท่านหมายถึงใครกัน ?”
“ คนที่ให้เจ้าทำงานนี้ ”
“ ท่านจาง” อู๋ห่าวไม่ได้ปิดบัง “ เขาเป็นหัวหน้าทีมคังเฉียง ท่านจางหยู”
“ ทีมคังเฉียงงั้นหรือ? ทีมที่สร้างความวุ่นวายให้กับกองทัพเผ่าสวรรค์ จนแม่ทัพเผ่าสวรรค์ต้องประนีประนอมน่ะรึ ?” เรื่องทีมคังเฉียงนั้นโด่งดังมาก แม้แต่จิงหงก็ยังเคยได้ยิน “ ฟังจากที่เจ้าบอกมาแล้ว หัวหน้าทีมคังเฉียงคงจะอยู่ระดับแม่ทัพจริงๆสินะ ? ”
อู๋ห่าวพยักหน้า “ หินทดสอบบอกว่าเขาทดสอบได้สีขาว”
จิงหงพูดขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย “ ทีมคังเฉียงแกร่งเหมือนข่าวลือบอกไว้จริงรึ ?”
“ จะบอกยังไงดี…” อู๋ห่าวคิดสักพัก “ ข่าวลือส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นความจริง แต่ก็มีส่วนที่เกินจริงไปบ้าง”
เมื่อได้ยินแบบนั้นจิงหงก็ใจสั่น เขาแสดงสีหน้าหนักใจเล็กน้อย “ พวกนั้นได้พบแม่ทัพเผ่าสวรรค์จริงๆรึ ?”
“ ท่านน่าจะรู้จักแรนเดลสินะ ?” อู๋ห่าวพูดขึ้น “ ทีมคังเฉียงได้พบกับแรนเดล” แน่นอนว่าจิงหงรู้จักแรนเดลเป็นอย่างดี ยังไงซะอีกฝ่ายก็อยู่ในรายชื่อค่าหัวมานานแล้ว แรนเดลคือแม่ทัพที่โด่งดัง !
“ ไม่คิดเลยว่าเขตซื่อเซียวจะมีคนระดับแม่ทัพกำเนิดขึ้นมาอีก !” จิงหงหัวเราะออกมา “ ดี !”
เขาดีใจอย่างมาก อย่างไรเสียการมีแม่ทัพเพิ่มก็หมายความว่าเขตซื่อเซียวจะปลอดภัยขึ้น
“ แล้วเขาไปไหน ? ทำไมเขาไม่มาหาข้าแล้วให้เจ้ามาแทน ?” จิงหงถามขึ้นมา
“ เขามีเรื่องต้องไปจัดการ” อู๋ห่าวระวังคำพูดเพราะกลัวว่าจิงหงจะโกรธ
“ งั้นรึ ? ” จิงหงไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก “ บอกมา เขาให้เจ้าตามหาใคร ?”
อู๋ห่าวพูดขึ้น “ ข้าไม่รู้ว่าเป็นใคร ข้ารู้แค่ว่าเขาคือคนระดับสูงของกองทัพเทียนลั่วที่เคยไปหมู่บ้านเสี่ยวอันมาก่อน รวมถึงรู้จักคนที่ชื่อซุนกวน…” “ ซุนกวนรึ ?” จิงหงรู้สึกคุ้นกับชื่อนี้ แต่ก็นึกอะไรไม่ออก “ ชายคนนี้น่าสนใจ อยากจะตามหาคน แต่ก็ดันไม่รู้ชื่อ…ช่างเถอะ ด้วยเบาะแสเหล่านี้เจ้าน่าจะหาคนที่เขาตามหาพบ แต่ข้าต้องรู้ก่อนว่าทำไมเขาถึงตามหาชายคนนี้ มันคือความแค้นหรือเหตุผลอื่น ?”
หากมีความขัดแย้งใดๆ เขาในฐานะแม่ทัพแล้วแน่นอนว่าไม่อาจจะปล่อยให้คนของตัวเองโดนทำร้ายได้
อู๋ห่าวส่ายหน้า “ ข้าน้อยก็ไม่รู้ แต่จากท่าทีของผู้อาวุโสนั้นดูเยือกเย็นอย่างมาก มันไม่น่าจะใช่ความแค้น”
“ เมื่อไม่มีความขัดแย้ง งั้นทำไมข้าจะไม่ช่วยเขา ?” จิงหงได้สั่งการผู้บัญชาการใหญ่ทันที “ ให้ผู้บัญชาการใหญ่ทั้งหมดเข้ามา”
ไม่นานผู้บัญชาการใหญ่ทั้งหมดในสำนักงานก็ได้เดินเข้ามา มีแค่คนที่ออกไปทำภารกิจที่ไม่ได้มาที่นี่
จิงหงมองไปรอบๆแล้วถามขึ้น “ มีใครบ้างที่รู้จักซุนกวน ?” ผู้บัญชาการใหญ่หลายคนแสดงสีหน้างงงวยออกมา ซุนกวนคือใครกัน ? ลูกของผู้บัญชาการใหญ่สักคนหรือ ?
เมื่อเห็นว่าทุกคนส่ายหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง จิงหงก็ขมวดคิ้วก่อนจะถามขึ้น “ ใครเคยไปที่หมู่บ้านเสี่ยวอันมาก่อนบ้าง ?”
เขตซื่อเซียวนั้นกว้างใหญ่ มีเมือง 10 เมืองและมีหมู่บ้านนับไม่ถ้วน หากไม่เคยไปที่หมู่บ้านเสี่ยวอันมาก่อนคงยากที่จะจำได้
ผู้คนพากันส่ายหน้าเหมือนไม่รู้จักชื่อนี้ พวกเขาเคยไปมาหลายหมู่บ้าน นอกจากหมู่บ้านที่พิเศษแล้ว พวกเขาก็ไม่คิดจะจำชื่อเลย
“ มันเป็นเรื่องสำคัญ พวกเจ้าลองนึกกันดีๆ “ จิงหงแสดงสีหน้าจริงจังออกมา “ หากพวกเจ้ากลัวก็ไม่ต้องกังวล มีข้าอยู่ ไม่มีใครกล้าลงมือกับพวกเจ้าได้ ”
“ ผู้อาวุโส พวกเราไม่รู้จักซุนกวน นี่ไม่ต้องนับหมู่บ้านเสี่ยวอันเลย สองชื่อนี้ข้าน่าจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรกที่นี่ด้วยซ้ำ” ผู้บัญชาการใหญ่คนหนึ่งพูดขึ้นมา
คนที่เหลือเองก็บอกว่าไม่รู้จักซุนกวน และไม่เคยไปที่หมู่บ้านเสี่ยวอันมาก่อน
“ ลำบากแล้ว” จิงหงคิ้วขมวดและมองไปที่อู๋ห่าว “ เจ้าคงเห็นแล้ว ไม่ใช่ว่าข้าไม่ช่วย แต่พวกนี้ไม่รู้จักซุนกวนกันจริงๆ พวกนี้ไม่เคยไปที่หมู่บ้านเสี่ยวอันด้วย”
“ แต่ผู้อาวุโสบอกข้าว่าเขาตามหาคนระดับสูงของกองทัพเทียนลั่ว ” อู๋ห่าวคิ้วขมวด “ ไม่ใช่ว่า…” พวกคนระดับสูงมารวมตัวกันที่นี่แล้ว แม้แต่ผู้บัญชาการใหญ่ทั่วไปก็มา แต่กลับไม่มีคนที่จางหยูพูดถึงเลย มันทำให้อู๋ห่าวสับสนอย่างมาก
“ ช้าก่อน” ผู้บัญชาการใหญ่คนหนึ่งพูดขึ้น “ ท่านจิงหง ข้าจำได้คร่าวๆว่าท่านซูจิงเหมือนจะเคยพูดถึงหมู่บ้านเสี่ยวอันมาก่อน”
น้ำเสียงของเขาดูไม่มั่นใจนัก เพราะมันผ่านมานานแล้ว บวกกับว่าช่วงนั้นภายในกองทัพก็มีเรื่องวุ่นๆ พวกเขาจึงไม่คิดจะพูดถึงอดีต “ ซูจิงรึ ?” จิงหงคิด ซูจิงคือผู้บัญชาการใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดของกองทัพเทียนลั่ว เขาคือคนที่เชื่อใจได้ ในกองทัพเทียนลั่วแล้วความแข็งแกร่งของซูจิงเป็นรองแค่เขา ฐานะก็เป็นรองแค่เขาเท่านั้น “ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับซูจิงรึ ?”
เขาแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมาแล้วพูดขึ้น “ เรียกตัวซูจิงมา ให้เขามาที่นี่เพื่อพบข้า”
เขาให้ค่าซูจิงอย่างมาก เขาถึงกับออกตัวแทนซูจิงกับเก่อเย่ถึงสองครั้ง แต่ไม่คิดเลยว่าผ่านมาหลายยุคแล้ว ซูจิงจะไม่หยุด และถึงขั้นเข้าไปพัวพันกับเรื่องยุ่งยาก มันทำให้เขาปวดหัวจริงๆ
“ หวังว่าจะไม่ใช่เรื่องแย่ ไม่งั้น…” จิงหงแสดงสีหน้าซับซ้อนออกมา เขาชื่นชมซูจิงอย่างมาก เขาถึงกับคิดจะให้ซูจิงเป็นแม่ทัพคนต่อไป เป็นธรรมดาที่เขาไม่อยากให้มีปัญหากับซูจิง
เขาหมุนตัวและทะยานไปที่กำแพง เมื่อมาถึงก็สั่งการทหารว่า “ ให้เขาเข้ามา ”
ทหารคนนั้นพยักหน้าและเดินไปหาทหารที่ดูแลประตูทันที “ ให้เข้ามาได้”
อู๋ห่าวป้องมือให้ก่อนจะเดินผ่านประตูเข้ามา
ภายในลานมีทหารหลายพันคนกำลังฝึกซ้อมอยู่ นี่คือทหารระดับชั้นยอดของกองทัพเทียนลั่ว ความแข็งแกร่งของแต่ละคนนั้นใกล้เคียงระดับหัวหน้าหน่วย พวกนี้ได้รับการฝึกอย่างดีจนเข้าใจกลยุทธ หากต้องสู้กันจริงๆแล้ว พวกเขาจะแสดงความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าคนระดับเดียวกันออกมาได้
แต่อู๋ห่าวไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้ เพราะเขาเคยเห็นคนระดับชั้นยอดของกองทัพซื่อเซียวมาแล้ว พวกนั้นเป็นหน่วยที่แข็งแกร่งและน่ากลัวกว่า
เมื่อเดินผ่านทหารที่ฝึกซ้อมกันแล้ว อู๋ห่าวก็ได้มาหาจิงหงก่อนจะพูดขึ้นว่า “ข้าน้อยอู๋ห่าว ผู้บัญชาการใหญ่จากกองทัพสังเกตการณ์ คำนับผู้อาวุโสจิงหง !”
เขาเคารพจิงหงไม่ใช่แค่เพราะความแข็งแกร่ง แต่เป็นเพราะอาวุโสกว่า
สัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่มาตั้งแต่สมัยก่อตั้งเขตซื่อเซียวขึ้นมานั้น ไม่มีใครกล้าดูหมิ่นเขาได้อย่างแน่นอน
“ เก่อเย่ให้เจ้ามารึ ? ” จิงหงถามขึ้นมา “ ทำไมเขาถึงไม่มาเองละ ?”
เก่อเย่คือแม่ทัพของกองทัพสังเกตการณ์
ในเขตซื่อเซียว นอกจากแม่ทัพทั้งสองคนและเสียเทียนแล้ว ไม่มีใครไม่กลัวเก่อเย่ เพราะเก่อเย่นั้นมือเปื้อนเลือดมามาก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นจ้าวโกลาหลที่แข็งแกร่ง
ในฐานะแม่ทัพของกองทัพสังเกตการณ์มีน้อยคนนักที่โดนเก่อเย่หมายหัวแล้วจะรอดไปได้
จิงหงทั้งชื่นชมและไม่พอใจเก่อเย่ เพราะมีผู้บัญชาการใหญ่หลายคนในกองทัพเทียนลั่วที่ถูกเก่อเย่กำจัด ส่งผลให้เขาเสียหน้าอยู่หลายครั้ง แต่ก็เพราะเก่อเย่ ที่ทำให้สายลับในกองทัพเทียนลั่วโดนกำจัดไป จึงไม่เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นมา
เก่อเย่แค่เป็นคนเด็ดขาดและใช้วิธีรุนแรง จึงไม่มีใครชอบเขาเลย แต่ทุกอย่างที่เขาทำมานั้นก็เพื่อเขตซื่อเซียวแห่งนี้ เพื่อจักพรรดิและเพื่อผู้คน ดังนั้นผู้คนจึงชื่นชมเขาในเรื่องนี้
ผู้นำของกองทัพสังเกตการณ์จึงเป็นที่ชื่นชมและเกลียดชังในเวลาเดียวกัน
“ ท่านจิงหงเข้าใจผิดแล้ว ที่ข้าน้อยมาขอเข้าพบ ไม่ได้เป็นเพราะท่านเก่อเย่ส่งข้ามา” อู๋ห่าวตอบกลับ
จิงหงยักคิ้ว “ เขาไม่ได้ส่งเจ้ามารึ ? ” เขาแปลกใจนิดๆ เขาจำอู๋ห่าวได้เป็นอย่างดี ชายคนนี้คือหนึ่งในผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพสังเกตการณ์ เขาคือมือขวาของเก่อเย่ ดังนั้นเมื่อเห็นอู๋ห่าว เขาจึงคิดว่าเก่อเย่ส่งอู๋ห่าวมา แต่มันผิดกับที่เขาคิดเอาไว้
“ ข้าน้อยมาที่นี่ไม่ใช่เพราะหน้าที่ แต่เป็นเพราะผู้อาวุโสอีกคนมอบหมายให้มา” อู๋ห่าวลังเลสักพักแล้วพูดขึ้น
“ หือ ?ใครกันที่มีสิทธิ์สั่งเจ้าได้ นอกจากเก่อเย่ ?” จิงหงแปลกใจ
“ มันไม่ใช่คำสั่ง แต่ข้าเสนอตัวช่วยเขาเอง” เขาจะยอมรับว่า เขารับคำสั่งของจางหยูได้ยังไง “ ข้าได้รับมอบหมายให้ช่วยตามหาคนคนหนึ่ง คนผู้นี้เป็นคนระดับสูงของกองทัพเทียนลั่ว ดังนั้นข้าจึงได้มาที่นี่”
จิงหงถามขึ้นมา “ ใครกันที่เจ้าพูดถึง ?”
อู๋ห่าวถามกลับ “ ท่านหมายถึงใครกัน ?”
“ คนที่ให้เจ้าทำงานนี้ ”
“ ท่านจาง” อู๋ห่าวไม่ได้ปิดบัง “ เขาเป็นหัวหน้าทีมคังเฉียง ท่านจางหยู”
“ ทีมคังเฉียงงั้นหรือ? ทีมที่สร้างความวุ่นวายให้กับกองทัพเผ่าสวรรค์ จนแม่ทัพเผ่าสวรรค์ต้องประนีประนอมน่ะรึ ?” เรื่องทีมคังเฉียงนั้นโด่งดังมาก แม้แต่จิงหงก็ยังเคยได้ยิน “ ฟังจากที่เจ้าบอกมาแล้ว หัวหน้าทีมคังเฉียงคงจะอยู่ระดับแม่ทัพจริงๆสินะ ? ”
อู๋ห่าวพยักหน้า “ หินทดสอบบอกว่าเขาทดสอบได้สีขาว”
จิงหงพูดขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย “ ทีมคังเฉียงแกร่งเหมือนข่าวลือบอกไว้จริงรึ ?”
“ จะบอกยังไงดี…” อู๋ห่าวคิดสักพัก “ ข่าวลือส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นความจริง แต่ก็มีส่วนที่เกินจริงไปบ้าง”
เมื่อได้ยินแบบนั้นจิงหงก็ใจสั่น เขาแสดงสีหน้าหนักใจเล็กน้อย “ พวกนั้นได้พบแม่ทัพเผ่าสวรรค์จริงๆรึ ?”
“ ท่านน่าจะรู้จักแรนเดลสินะ ?” อู๋ห่าวพูดขึ้น “ ทีมคังเฉียงได้พบกับแรนเดล” แน่นอนว่าจิงหงรู้จักแรนเดลเป็นอย่างดี ยังไงซะอีกฝ่ายก็อยู่ในรายชื่อค่าหัวมานานแล้ว แรนเดลคือแม่ทัพที่โด่งดัง !
“ ไม่คิดเลยว่าเขตซื่อเซียวจะมีคนระดับแม่ทัพกำเนิดขึ้นมาอีก !” จิงหงหัวเราะออกมา “ ดี !”
เขาดีใจอย่างมาก อย่างไรเสียการมีแม่ทัพเพิ่มก็หมายความว่าเขตซื่อเซียวจะปลอดภัยขึ้น
“ แล้วเขาไปไหน ? ทำไมเขาไม่มาหาข้าแล้วให้เจ้ามาแทน ?” จิงหงถามขึ้นมา
“ เขามีเรื่องต้องไปจัดการ” อู๋ห่าวระวังคำพูดเพราะกลัวว่าจิงหงจะโกรธ
“ งั้นรึ ? ” จิงหงไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก “ บอกมา เขาให้เจ้าตามหาใคร ?”
อู๋ห่าวพูดขึ้น “ ข้าไม่รู้ว่าเป็นใคร ข้ารู้แค่ว่าเขาคือคนระดับสูงของกองทัพเทียนลั่วที่เคยไปหมู่บ้านเสี่ยวอันมาก่อน รวมถึงรู้จักคนที่ชื่อซุนกวน…” “ ซุนกวนรึ ?” จิงหงรู้สึกคุ้นกับชื่อนี้ แต่ก็นึกอะไรไม่ออก “ ชายคนนี้น่าสนใจ อยากจะตามหาคน แต่ก็ดันไม่รู้ชื่อ…ช่างเถอะ ด้วยเบาะแสเหล่านี้เจ้าน่าจะหาคนที่เขาตามหาพบ แต่ข้าต้องรู้ก่อนว่าทำไมเขาถึงตามหาชายคนนี้ มันคือความแค้นหรือเหตุผลอื่น ?”
หากมีความขัดแย้งใดๆ เขาในฐานะแม่ทัพแล้วแน่นอนว่าไม่อาจจะปล่อยให้คนของตัวเองโดนทำร้ายได้
อู๋ห่าวส่ายหน้า “ ข้าน้อยก็ไม่รู้ แต่จากท่าทีของผู้อาวุโสนั้นดูเยือกเย็นอย่างมาก มันไม่น่าจะใช่ความแค้น”
“ เมื่อไม่มีความขัดแย้ง งั้นทำไมข้าจะไม่ช่วยเขา ?” จิงหงได้สั่งการผู้บัญชาการใหญ่ทันที “ ให้ผู้บัญชาการใหญ่ทั้งหมดเข้ามา”
ไม่นานผู้บัญชาการใหญ่ทั้งหมดในสำนักงานก็ได้เดินเข้ามา มีแค่คนที่ออกไปทำภารกิจที่ไม่ได้มาที่นี่
จิงหงมองไปรอบๆแล้วถามขึ้น “ มีใครบ้างที่รู้จักซุนกวน ?” ผู้บัญชาการใหญ่หลายคนแสดงสีหน้างงงวยออกมา ซุนกวนคือใครกัน ? ลูกของผู้บัญชาการใหญ่สักคนหรือ ?
เมื่อเห็นว่าทุกคนส่ายหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง จิงหงก็ขมวดคิ้วก่อนจะถามขึ้น “ ใครเคยไปที่หมู่บ้านเสี่ยวอันมาก่อนบ้าง ?”
เขตซื่อเซียวนั้นกว้างใหญ่ มีเมือง 10 เมืองและมีหมู่บ้านนับไม่ถ้วน หากไม่เคยไปที่หมู่บ้านเสี่ยวอันมาก่อนคงยากที่จะจำได้
ผู้คนพากันส่ายหน้าเหมือนไม่รู้จักชื่อนี้ พวกเขาเคยไปมาหลายหมู่บ้าน นอกจากหมู่บ้านที่พิเศษแล้ว พวกเขาก็ไม่คิดจะจำชื่อเลย
“ มันเป็นเรื่องสำคัญ พวกเจ้าลองนึกกันดีๆ “ จิงหงแสดงสีหน้าจริงจังออกมา “ หากพวกเจ้ากลัวก็ไม่ต้องกังวล มีข้าอยู่ ไม่มีใครกล้าลงมือกับพวกเจ้าได้ ”
“ ผู้อาวุโส พวกเราไม่รู้จักซุนกวน นี่ไม่ต้องนับหมู่บ้านเสี่ยวอันเลย สองชื่อนี้ข้าน่าจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรกที่นี่ด้วยซ้ำ” ผู้บัญชาการใหญ่คนหนึ่งพูดขึ้นมา
คนที่เหลือเองก็บอกว่าไม่รู้จักซุนกวน และไม่เคยไปที่หมู่บ้านเสี่ยวอันมาก่อน
“ ลำบากแล้ว” จิงหงคิ้วขมวดและมองไปที่อู๋ห่าว “ เจ้าคงเห็นแล้ว ไม่ใช่ว่าข้าไม่ช่วย แต่พวกนี้ไม่รู้จักซุนกวนกันจริงๆ พวกนี้ไม่เคยไปที่หมู่บ้านเสี่ยวอันด้วย”
“ แต่ผู้อาวุโสบอกข้าว่าเขาตามหาคนระดับสูงของกองทัพเทียนลั่ว ” อู๋ห่าวคิ้วขมวด “ ไม่ใช่ว่า…” พวกคนระดับสูงมารวมตัวกันที่นี่แล้ว แม้แต่ผู้บัญชาการใหญ่ทั่วไปก็มา แต่กลับไม่มีคนที่จางหยูพูดถึงเลย มันทำให้อู๋ห่าวสับสนอย่างมาก
“ ช้าก่อน” ผู้บัญชาการใหญ่คนหนึ่งพูดขึ้น “ ท่านจิงหง ข้าจำได้คร่าวๆว่าท่านซูจิงเหมือนจะเคยพูดถึงหมู่บ้านเสี่ยวอันมาก่อน”
น้ำเสียงของเขาดูไม่มั่นใจนัก เพราะมันผ่านมานานแล้ว บวกกับว่าช่วงนั้นภายในกองทัพก็มีเรื่องวุ่นๆ พวกเขาจึงไม่คิดจะพูดถึงอดีต “ ซูจิงรึ ?” จิงหงคิด ซูจิงคือผู้บัญชาการใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดของกองทัพเทียนลั่ว เขาคือคนที่เชื่อใจได้ ในกองทัพเทียนลั่วแล้วความแข็งแกร่งของซูจิงเป็นรองแค่เขา ฐานะก็เป็นรองแค่เขาเท่านั้น “ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับซูจิงรึ ?”
เขาแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมาแล้วพูดขึ้น “ เรียกตัวซูจิงมา ให้เขามาที่นี่เพื่อพบข้า”
เขาให้ค่าซูจิงอย่างมาก เขาถึงกับออกตัวแทนซูจิงกับเก่อเย่ถึงสองครั้ง แต่ไม่คิดเลยว่าผ่านมาหลายยุคแล้ว ซูจิงจะไม่หยุด และถึงขั้นเข้าไปพัวพันกับเรื่องยุ่งยาก มันทำให้เขาปวดหัวจริงๆ
“ หวังว่าจะไม่ใช่เรื่องแย่ ไม่งั้น…” จิงหงแสดงสีหน้าซับซ้อนออกมา เขาชื่นชมซูจิงอย่างมาก เขาถึงกับคิดจะให้ซูจิงเป็นแม่ทัพคนต่อไป เป็นธรรมดาที่เขาไม่อยากให้มีปัญหากับซูจิง