ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1887 : ปะทะกับแม่ทัพ
“ แน่นอนว่าจริง ” จางลู่พูดขึ้น
เจ้าสำนักพยักหน้า “ หากเจ้าเอาชนะเราไม่ได้ก็ออกไปจากที่นี่ซะ และให้เจ้านายของเจ้ามาที่นี่ด้วยตัวเอง ”
เก่อเย่ไม่ได้ตอบกลับอะไร ในเขตซื่อเซียวนั้นมีน้อยคนนักที่จะเทียบกับเขาได้
“ หากเช่นนั้นก็ลงมือ ” เก่อเย่ยังเยือกเย็นดังเดิม “ จะให้สู้กันที่ไหน ?”
“ไร้สาระ แน่นอนว่าต้องเป็นทะเลโกลาหลสิ ” จางลู่พูดขึ้น “ จงแสดงความแข็งแกร่งของแม่ทัพออกมาให้เราได้เห็น ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ออมมือ”
เมื่อพูดจบ จางลู่ก็หายตัวไปทันที
เจ้าสำนักและความว่างเปล่ามองหน้ากัน ก่อนจะตามอีกฝ่ายไป
เก่อเย่ได้เดินทางตามออกมา สายตาของเขาเย็นชาราวกับหุบเหวที่หนาวเหน็บ ไม่นานพวกเขาก็มาถึงทะเลโกลาหล คนของสำนักคังเฉียงรวมถึงต้นไม้โกลาหลต่างก็ตามมาที่นี่ด้วย
“ ที่นี่แหละ ” จางลู่แผ่การรับรู้ออกไป “ ที่นี่ไม่มีอะไรผิดปกติ และไม่ต้องกังวลว่าจะส่งผลกระทบกับใคร”
เก่อเย่ไม่คิดจะใส่ใจเรื่องนี้ เขาคิดในใจแค่ว่าไม่ว่าจะเป็นที่ไหน หรือเมื่อไหร่เขาก็เอาชนะสามคนนี้ได้อยู่ดี
“ แค่ร่างแยกจะต้องกลัวอะไร ?” เก่อเย่ไม่คิดว่าเขาในฐานะแม่ทัพ จะสู้กับร่างแยกไม่ได้
นอกซะจากว่าจางหยูลงมือเองแล้ว งั้นเขาก็ไม่กลัวใคร
เขาตั้งท่าป้องกันและพูดขึ้น “ ลงมือสิ ”
ทีมคังเฉียงมองดูอยู่ไกลๆ พวกเขาไม่กล้าเข้าไปใกล้ ยังไงซะฝั่งหนึ่งก็เป็นถึงแม่ทัพ อีกฝั่งคือเจ้าสำนักของสาขาทั้งสาม แน่นอนว่าพลังของพวกนี้นั้นพวกเขาไม่อาจจะรับมือไหว
เมื่อเห็นเก่อเย่วางท่าใหญ่โต จางลู่, ความว่างเปล่าและเจ้าสำนักก็ไม่คิดจะเกรงใจ ทั้งสามได้พุ่งเข้าใส่เก่อเย่ ความเร็วของพวกเขานั้นสูงจนคนของสำนักคังเฉียงเห็นได้แค่เงาเท่านั้น
เก่อเย่หรี่ตาลง เขาคิดว่าพวกนี้ใช้ความเร็วสูงสุดไปแล้วเมื่อที่ผ่านมา แต่ทว่าตอนนี้กลับเร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า !
แค่ความเร็วอย่างเดียวก็ไม่ด้อยไปกว่าแม่ทัพเท่าไหร่นัก !
เขาพยายามหลบการโจมตีของทั้งสาม แต่ทั้งสามคนลงมือรวดเร็วอย่างมาก ทั้งสามโจมตีจากทุกทิศทางและแทบจะตรึงตำแหน่งของเขาเอาไว้ ไม่ว่าเขาจะถอยไปทางไหนก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบการโจมตีนี้
“ เมื่อข้าไม่อาจจะหลบได้ ข้าก็ไม่เชื่อว่าแค่ร่างแยกจะทำร้ายข้าได้จริงๆ” แม้ว่าจะกลัวอยู่นิดๆ แต่เก่อเย่ก็เลือกที่จะรับมือเอาไว้ มีเสียงดังขึ้นมาจากร่างของเขาพร้อมคลื่นพลังอันแข็งแกร่งที่แผ่ออกมา จนกลายเป็นคลื่นพลังอันน่ากลัว
ด้วยคลื่นพลังที่ระเบิดออกมานี้ทำให้จิตของเขาแกร่งขึ้นมาหลายเท่า
ตูม !
เขาเลือกที่จะเผชิญหน้ากับจางลู่ แล้วต่อยออกไป !
หมัดของทั้งสองได้เข้าปะทะกัน ตามมาด้วยแสงสว่างที่ส่องจ้าไปทั่ว คลื่นพลังอันน่ากลัวระเบิดออกมาโดยมีทั้งสองเป็นศูนย์กลางและกระจายไปทั่วทุกทิศทาง มันทำให้ทะเลโกลาหลถึงกับสั่นไหวไปตาม
ร่างของเก่อเย่สั่นไหว เลือดในตัวของเขาปั่นป่วน จิตของเขาเองก็สั่นไหวเล็กน้อย มันทำให้เขาอึดอัดอย่างมาก
จางลู่ถอยกลับไป 2-3 ก้าว แต่ละก้าวกินระยะทางกว่าล้านปีแสง พร้อมกับเกิดคลื่นพลังกระจายออกมา เห็นได้ชัดว่าจางลู่ไม่ได้แกร่งเท่ากับเก่อเย่ ในการปะทะกันครั้งนี้เก่อเย่ได้เปรียบอย่างมาก แต่ช่องว่างระหว่างทั้งสองคนก็ไม่ได้มากซะจนเก่อเย่สามารถบดขยี้จางลู่ได้ และจางลู่ถึงกับทำให้เก่อเย่รู้สึกได้ถึงอันตราย
“ นี่….ระดับแม่ทัพ! ” เก่อเย่ตกตะลึงเล็กน้อย
แม้ว่าจะด้อยกว่าเก่อเย่ แต่ความแข็งแกร่งของจางลู่นั้นแน่นอนว่าทัดเทียมกับเสียเทียน หัวหน้าทีมเทพปีศาจได้รึอาจจะแกร่งกว่าด้วยซ้ำ
ในบรรดาระดับแม่ทัพทั้งสี่คนของเขตซื่อเซียวแล้ว เก่อเย่อยู่อันดับที่สอง และคนที่อ่อนแอที่สุดคือเสียเทียน แต่พลังของจางลู่นั้นทำให้เก่อเย่รู้สึกว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าเสียเทียนเลย และมันยังทัดเทียมกับแรนเดลได้
เก่อเย่เริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมา เมื่อจางลู่แข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ งั้นเจ้าสำนักและความว่างเปล่าล่ะ ? ไม่นานเก่อเย่ก็รู้คำตอบ หลังจากที่ปะทะกับจางลู่และประคองตัวเองได้แล้ว เขาก็ได้ลงมืออีกครั้ง ทางซ้ายและขวานั้นก็มีสองร่างปรากฏตัวขึ้นมา เจ้าสำนักอยู่ทางซ้าย ส่วนความว่างเปล่าอยู่ทางขวา ทั้งสองต่างก็ทำการโจมตีออกมาพร้อมกัน
ตูม ตูม …
เท้าของเจ้าสำนักฟาดเข้าใส่ที่คอของเก่อเย่ ศอกของความว่างเปล่าก็กระแทกเข้าที่เอวของเก่อเย่อย่างจัง
ตัวของเก่อเย่สั่นไหวอย่างรุนแรง เขากระเด็นออกมาพร้อมกับเสียงกระดูกลั่น เก่อเย่รู้สึกว่าคอของเขาพับ กระดูกสันหลังหัก เอวถึงกับร้าว ตัวของเขาตอนนี้บิดกลายเป็นรูปตัว S ก่อนจะกระเด็นออกมา
“ นี่คือความแข็งแกร่งของแม่ทัพรึ ?” จางลู่ปาดเลือดที่มุมปากแล้วยิ้มออกมา “ ดูเหมือนจะไม่เท่าไหร่นี่”
คนของสำนักคังเฉียงต่างก็พากันโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น “ เจ้าสำนัก !” ร่างแยกทั้งสามกลับกดดันแม่ทัพได้อย่างง่ายดาย งั้นเจ้าสำนักจะแข็งแกร่งแค่ไหนกัน ?
เซียนกระบี่พเนจร, หมาป่าละโมบและร่างแยกอื่นๆก็อยากจะลงมือ พวกเขาเองก็เป็นร่างแยกเหมือนกัน แต่ทำไมเรื่องดีๆเช่นนี้ ถึงเกิดขึ้นกับจางลู่และคนอื่นๆ ทำไมพวกเขาถึงไม่ได้ทำบ้าง ?
“ พวกเจ้า…” เก่อเย่อึ้งนิดๆ เขาพยายามฟื้นฟูตัวเองก่อนจะมองไปยังทั้งสามคน “ พวกเจ้ามีความแข็งแกร่งระดับแม่ทัพอย่างนั้นหรือ !”
ลางสังหรณ์ของเขาเป็นความจริง !
“ ถ้าไม่เชื่อ งั้นก็มาสู้กันอีก !” จางลู่, เจ้าสำนักและความว่างเปล่าเหมือนกลัวว่าจะพลาดโอกาสนี้ไป พวกเขาไม่อยากเสียเวลาไปแม้แต่วินาทีเดียว
เก่อเย่ถึงกับตากระตุก เขารีบโจมตีทันที แต่ครั้งนี้เขาเรียนรู้มาแล้ว มือและเท้าวาดออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่ด้วยวิธีนี้จะทำให้เขาออกหมัดที่สองและสามได้อย่างรวดเร็ว ถ้าหากเขาต่อยออกไปเต็มกำลัง ถ้าอย่างนั้นความเร็วของหมัดก็จะลดลง ซึ่งไม่สามารถโจมตีโดนร่างแยกทั้งสามได้ ยังไงซะฝั่งจางลู่ก็มีถึง 3 คน ส่วนเก่อเย่นั้นตัวคนเดียว
ตูม ตูม ตูม ตูม….
ในทะเลโกลาหลเกิดคลื่นพลังจำนวนมากกระจายออกมา การผันผวนอันน่ากลัวทำให้ทุกคนต้องตกใจ
เก่อเย่เตรียมใจเอาไว้แต่แรกแล้ว ครั้งนี้เขาพอรับมือกับการโจมตีของทั้งสามไหว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังโดนเตะและต่อยอยู่ดี ราวกับกระสอบทราย เขาไม่อาจจะเอาคืนได้เลย และบาดเจ็บหนักขึ้นเรื่อยๆ ความกดดันก็มากขึ้นไปด้วยเช่นกัน
ไม่นานตัวของเก่อเย่ก็เต็มไปด้วยบาดแผล ตอนนี้สภาพของเขาดูน่าอนาถอย่างมาก
บาดแผลนั้นไม่ได้น่ากังวลแต่จิตที่เสียหายต่างหากที่อ่อนแอลงเรื่อยๆ มันทำให้เก่อเย่ดูย่ำแย่ขึ้นไปอีก
เขาเอาชนะพวกนี้ไม่ได้เลย !
เขาไม่อาจจะทำได้ !
แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าสามคนนี้แค่ไหน แต่เมื่อสามคนร่วมมือกันแล้ว เขาก็ไม่อาจจะโจมตีพวกนี้ได้ด้วยซ้ำ !
คนของสำนักคังเฉียงพากันตื่นเต้น แม้ว่าพวกเขาจะเห็นแค่เงา แต่ก็ชัดแล้วว่าเก่อเย่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าสำนักเหล่านี้ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะโห่ร้องออกมา “ เจ้าสำนักยิ่งใหญ่ที่สุด !”
“ เจ้าสำนัก !”
พวกเขาพากันโห่ร้องราวกับกลัวว่าผู้คนจะไม่ได้ยิน
หากไม่ใช่เพราะต้องไว้หน้าร่างแยกเหล่านี้แล้ว เก่อเย่คงพุ่งไปตบพวกนั้นแล้ว
“ พอรึยัง ?” เก่อเย่รับมือกับการโจมตีจากทั้งสามมาสักพักก็หยุดและถามขึ้นมา เขาไม่อยากจะสู้ต่อ
จางลู่และคนอื่นๆไม่ใช่แค่ไม่หยุดมือแต่ยังเพิ่มพลังในการโจมตีด้วย ราวกับว่ากลัวจะพลาดโอกาสนี้ไป
“ พอได้อย่างไร ?” จางลู่โจมตีและพูดขึ้นมา “ เมื่อเจ้ามายังสำนักคังเฉียง เจ้าก็ต้องรู้ธรรมเนียมของสำนักคังเฉียง ! ไม่งั้นหากเจ้าออกไปง่ายๆ คนอื่นจะบอกว่าสำนักคังเฉียงละเลยแขก”
เก่อเย่รู้ว่ามารยาทในการต้อนรับเป็นยังไง ดังนั้นเมื่อได้ยินที่จางลู่พูดมา เขาจึงแทบจะกระอักเลือด
เซียนกระบี่พเนจรและร่างแยกคนอื่นๆกังวลนิดๆ “ เรายังไม่ได้สู้เลย ทำไมมันถึงจบแล้วล่ะ ?”
ตอนนี้พวกเขาไม่สนว่าจะเป็นฝ่ายรังแกผู้อื่นรึไม่ ทันทีที่พูดจบ พวกเขาก็พากันพุ่งเข้าไปหาเก่อเย่ทันที
เจ้าสำนักพยักหน้า “ หากเจ้าเอาชนะเราไม่ได้ก็ออกไปจากที่นี่ซะ และให้เจ้านายของเจ้ามาที่นี่ด้วยตัวเอง ”
เก่อเย่ไม่ได้ตอบกลับอะไร ในเขตซื่อเซียวนั้นมีน้อยคนนักที่จะเทียบกับเขาได้
“ หากเช่นนั้นก็ลงมือ ” เก่อเย่ยังเยือกเย็นดังเดิม “ จะให้สู้กันที่ไหน ?”
“ไร้สาระ แน่นอนว่าต้องเป็นทะเลโกลาหลสิ ” จางลู่พูดขึ้น “ จงแสดงความแข็งแกร่งของแม่ทัพออกมาให้เราได้เห็น ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ออมมือ”
เมื่อพูดจบ จางลู่ก็หายตัวไปทันที
เจ้าสำนักและความว่างเปล่ามองหน้ากัน ก่อนจะตามอีกฝ่ายไป
เก่อเย่ได้เดินทางตามออกมา สายตาของเขาเย็นชาราวกับหุบเหวที่หนาวเหน็บ ไม่นานพวกเขาก็มาถึงทะเลโกลาหล คนของสำนักคังเฉียงรวมถึงต้นไม้โกลาหลต่างก็ตามมาที่นี่ด้วย
“ ที่นี่แหละ ” จางลู่แผ่การรับรู้ออกไป “ ที่นี่ไม่มีอะไรผิดปกติ และไม่ต้องกังวลว่าจะส่งผลกระทบกับใคร”
เก่อเย่ไม่คิดจะใส่ใจเรื่องนี้ เขาคิดในใจแค่ว่าไม่ว่าจะเป็นที่ไหน หรือเมื่อไหร่เขาก็เอาชนะสามคนนี้ได้อยู่ดี
“ แค่ร่างแยกจะต้องกลัวอะไร ?” เก่อเย่ไม่คิดว่าเขาในฐานะแม่ทัพ จะสู้กับร่างแยกไม่ได้
นอกซะจากว่าจางหยูลงมือเองแล้ว งั้นเขาก็ไม่กลัวใคร
เขาตั้งท่าป้องกันและพูดขึ้น “ ลงมือสิ ”
ทีมคังเฉียงมองดูอยู่ไกลๆ พวกเขาไม่กล้าเข้าไปใกล้ ยังไงซะฝั่งหนึ่งก็เป็นถึงแม่ทัพ อีกฝั่งคือเจ้าสำนักของสาขาทั้งสาม แน่นอนว่าพลังของพวกนี้นั้นพวกเขาไม่อาจจะรับมือไหว
เมื่อเห็นเก่อเย่วางท่าใหญ่โต จางลู่, ความว่างเปล่าและเจ้าสำนักก็ไม่คิดจะเกรงใจ ทั้งสามได้พุ่งเข้าใส่เก่อเย่ ความเร็วของพวกเขานั้นสูงจนคนของสำนักคังเฉียงเห็นได้แค่เงาเท่านั้น
เก่อเย่หรี่ตาลง เขาคิดว่าพวกนี้ใช้ความเร็วสูงสุดไปแล้วเมื่อที่ผ่านมา แต่ทว่าตอนนี้กลับเร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า !
แค่ความเร็วอย่างเดียวก็ไม่ด้อยไปกว่าแม่ทัพเท่าไหร่นัก !
เขาพยายามหลบการโจมตีของทั้งสาม แต่ทั้งสามคนลงมือรวดเร็วอย่างมาก ทั้งสามโจมตีจากทุกทิศทางและแทบจะตรึงตำแหน่งของเขาเอาไว้ ไม่ว่าเขาจะถอยไปทางไหนก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบการโจมตีนี้
“ เมื่อข้าไม่อาจจะหลบได้ ข้าก็ไม่เชื่อว่าแค่ร่างแยกจะทำร้ายข้าได้จริงๆ” แม้ว่าจะกลัวอยู่นิดๆ แต่เก่อเย่ก็เลือกที่จะรับมือเอาไว้ มีเสียงดังขึ้นมาจากร่างของเขาพร้อมคลื่นพลังอันแข็งแกร่งที่แผ่ออกมา จนกลายเป็นคลื่นพลังอันน่ากลัว
ด้วยคลื่นพลังที่ระเบิดออกมานี้ทำให้จิตของเขาแกร่งขึ้นมาหลายเท่า
ตูม !
เขาเลือกที่จะเผชิญหน้ากับจางลู่ แล้วต่อยออกไป !
หมัดของทั้งสองได้เข้าปะทะกัน ตามมาด้วยแสงสว่างที่ส่องจ้าไปทั่ว คลื่นพลังอันน่ากลัวระเบิดออกมาโดยมีทั้งสองเป็นศูนย์กลางและกระจายไปทั่วทุกทิศทาง มันทำให้ทะเลโกลาหลถึงกับสั่นไหวไปตาม
ร่างของเก่อเย่สั่นไหว เลือดในตัวของเขาปั่นป่วน จิตของเขาเองก็สั่นไหวเล็กน้อย มันทำให้เขาอึดอัดอย่างมาก
จางลู่ถอยกลับไป 2-3 ก้าว แต่ละก้าวกินระยะทางกว่าล้านปีแสง พร้อมกับเกิดคลื่นพลังกระจายออกมา เห็นได้ชัดว่าจางลู่ไม่ได้แกร่งเท่ากับเก่อเย่ ในการปะทะกันครั้งนี้เก่อเย่ได้เปรียบอย่างมาก แต่ช่องว่างระหว่างทั้งสองคนก็ไม่ได้มากซะจนเก่อเย่สามารถบดขยี้จางลู่ได้ และจางลู่ถึงกับทำให้เก่อเย่รู้สึกได้ถึงอันตราย
“ นี่….ระดับแม่ทัพ! ” เก่อเย่ตกตะลึงเล็กน้อย
แม้ว่าจะด้อยกว่าเก่อเย่ แต่ความแข็งแกร่งของจางลู่นั้นแน่นอนว่าทัดเทียมกับเสียเทียน หัวหน้าทีมเทพปีศาจได้รึอาจจะแกร่งกว่าด้วยซ้ำ
ในบรรดาระดับแม่ทัพทั้งสี่คนของเขตซื่อเซียวแล้ว เก่อเย่อยู่อันดับที่สอง และคนที่อ่อนแอที่สุดคือเสียเทียน แต่พลังของจางลู่นั้นทำให้เก่อเย่รู้สึกว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าเสียเทียนเลย และมันยังทัดเทียมกับแรนเดลได้
เก่อเย่เริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมา เมื่อจางลู่แข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ งั้นเจ้าสำนักและความว่างเปล่าล่ะ ? ไม่นานเก่อเย่ก็รู้คำตอบ หลังจากที่ปะทะกับจางลู่และประคองตัวเองได้แล้ว เขาก็ได้ลงมืออีกครั้ง ทางซ้ายและขวานั้นก็มีสองร่างปรากฏตัวขึ้นมา เจ้าสำนักอยู่ทางซ้าย ส่วนความว่างเปล่าอยู่ทางขวา ทั้งสองต่างก็ทำการโจมตีออกมาพร้อมกัน
ตูม ตูม …
เท้าของเจ้าสำนักฟาดเข้าใส่ที่คอของเก่อเย่ ศอกของความว่างเปล่าก็กระแทกเข้าที่เอวของเก่อเย่อย่างจัง
ตัวของเก่อเย่สั่นไหวอย่างรุนแรง เขากระเด็นออกมาพร้อมกับเสียงกระดูกลั่น เก่อเย่รู้สึกว่าคอของเขาพับ กระดูกสันหลังหัก เอวถึงกับร้าว ตัวของเขาตอนนี้บิดกลายเป็นรูปตัว S ก่อนจะกระเด็นออกมา
“ นี่คือความแข็งแกร่งของแม่ทัพรึ ?” จางลู่ปาดเลือดที่มุมปากแล้วยิ้มออกมา “ ดูเหมือนจะไม่เท่าไหร่นี่”
คนของสำนักคังเฉียงต่างก็พากันโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น “ เจ้าสำนัก !” ร่างแยกทั้งสามกลับกดดันแม่ทัพได้อย่างง่ายดาย งั้นเจ้าสำนักจะแข็งแกร่งแค่ไหนกัน ?
เซียนกระบี่พเนจร, หมาป่าละโมบและร่างแยกอื่นๆก็อยากจะลงมือ พวกเขาเองก็เป็นร่างแยกเหมือนกัน แต่ทำไมเรื่องดีๆเช่นนี้ ถึงเกิดขึ้นกับจางลู่และคนอื่นๆ ทำไมพวกเขาถึงไม่ได้ทำบ้าง ?
“ พวกเจ้า…” เก่อเย่อึ้งนิดๆ เขาพยายามฟื้นฟูตัวเองก่อนจะมองไปยังทั้งสามคน “ พวกเจ้ามีความแข็งแกร่งระดับแม่ทัพอย่างนั้นหรือ !”
ลางสังหรณ์ของเขาเป็นความจริง !
“ ถ้าไม่เชื่อ งั้นก็มาสู้กันอีก !” จางลู่, เจ้าสำนักและความว่างเปล่าเหมือนกลัวว่าจะพลาดโอกาสนี้ไป พวกเขาไม่อยากเสียเวลาไปแม้แต่วินาทีเดียว
เก่อเย่ถึงกับตากระตุก เขารีบโจมตีทันที แต่ครั้งนี้เขาเรียนรู้มาแล้ว มือและเท้าวาดออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่ด้วยวิธีนี้จะทำให้เขาออกหมัดที่สองและสามได้อย่างรวดเร็ว ถ้าหากเขาต่อยออกไปเต็มกำลัง ถ้าอย่างนั้นความเร็วของหมัดก็จะลดลง ซึ่งไม่สามารถโจมตีโดนร่างแยกทั้งสามได้ ยังไงซะฝั่งจางลู่ก็มีถึง 3 คน ส่วนเก่อเย่นั้นตัวคนเดียว
ตูม ตูม ตูม ตูม….
ในทะเลโกลาหลเกิดคลื่นพลังจำนวนมากกระจายออกมา การผันผวนอันน่ากลัวทำให้ทุกคนต้องตกใจ
เก่อเย่เตรียมใจเอาไว้แต่แรกแล้ว ครั้งนี้เขาพอรับมือกับการโจมตีของทั้งสามไหว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังโดนเตะและต่อยอยู่ดี ราวกับกระสอบทราย เขาไม่อาจจะเอาคืนได้เลย และบาดเจ็บหนักขึ้นเรื่อยๆ ความกดดันก็มากขึ้นไปด้วยเช่นกัน
ไม่นานตัวของเก่อเย่ก็เต็มไปด้วยบาดแผล ตอนนี้สภาพของเขาดูน่าอนาถอย่างมาก
บาดแผลนั้นไม่ได้น่ากังวลแต่จิตที่เสียหายต่างหากที่อ่อนแอลงเรื่อยๆ มันทำให้เก่อเย่ดูย่ำแย่ขึ้นไปอีก
เขาเอาชนะพวกนี้ไม่ได้เลย !
เขาไม่อาจจะทำได้ !
แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าสามคนนี้แค่ไหน แต่เมื่อสามคนร่วมมือกันแล้ว เขาก็ไม่อาจจะโจมตีพวกนี้ได้ด้วยซ้ำ !
คนของสำนักคังเฉียงพากันตื่นเต้น แม้ว่าพวกเขาจะเห็นแค่เงา แต่ก็ชัดแล้วว่าเก่อเย่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าสำนักเหล่านี้ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะโห่ร้องออกมา “ เจ้าสำนักยิ่งใหญ่ที่สุด !”
“ เจ้าสำนัก !”
พวกเขาพากันโห่ร้องราวกับกลัวว่าผู้คนจะไม่ได้ยิน
หากไม่ใช่เพราะต้องไว้หน้าร่างแยกเหล่านี้แล้ว เก่อเย่คงพุ่งไปตบพวกนั้นแล้ว
“ พอรึยัง ?” เก่อเย่รับมือกับการโจมตีจากทั้งสามมาสักพักก็หยุดและถามขึ้นมา เขาไม่อยากจะสู้ต่อ
จางลู่และคนอื่นๆไม่ใช่แค่ไม่หยุดมือแต่ยังเพิ่มพลังในการโจมตีด้วย ราวกับว่ากลัวจะพลาดโอกาสนี้ไป
“ พอได้อย่างไร ?” จางลู่โจมตีและพูดขึ้นมา “ เมื่อเจ้ามายังสำนักคังเฉียง เจ้าก็ต้องรู้ธรรมเนียมของสำนักคังเฉียง ! ไม่งั้นหากเจ้าออกไปง่ายๆ คนอื่นจะบอกว่าสำนักคังเฉียงละเลยแขก”
เก่อเย่รู้ว่ามารยาทในการต้อนรับเป็นยังไง ดังนั้นเมื่อได้ยินที่จางลู่พูดมา เขาจึงแทบจะกระอักเลือด
เซียนกระบี่พเนจรและร่างแยกคนอื่นๆกังวลนิดๆ “ เรายังไม่ได้สู้เลย ทำไมมันถึงจบแล้วล่ะ ?”
ตอนนี้พวกเขาไม่สนว่าจะเป็นฝ่ายรังแกผู้อื่นรึไม่ ทันทีที่พูดจบ พวกเขาก็พากันพุ่งเข้าไปหาเก่อเย่ทันที