ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1888 : กลุ่มแม่ทัพ !
เก่อเย่หงุดหงิดอย่างมาก ตอนที่ร่างแยกจำนวนมากแห่กันเข้ามา เขาก็แทบตะโกนด่าทันที
สายตาของเขาเย็นชายิ่งกว่าเก่า ก่อนจะพูดออกมา “ ข้ายังเอาชนะร่างแยกทั้งสามร่างไม่ได้เลย แต่คนกลุ่มนี้ยังคิดจะเข้ามาอีก? คิดว่าข้าเป็นลูกพลับนิ่มหรืออย่างไร?”
เขายอมรับว่าเขาไม่อาจจะสู้กับทั้งสามคนได้ แต่มันไม่ได้หมายความว่าจะให้ใครรังแกเขาได้
คนเหล่านี้คิดว่าเขาอ่อนแอรึไง ?
เก่อเย่เลือกจะต้านทานการโจมตีของร่างแยกทั้งสามเอาไว้ แม้ว่าร่างกายจะพังทลาย เจตจำนงและจิตสำนึกจะเสียหายอย่างหนัก แต่เขาก็ไม่พูดมันออกมา ใบหน้าอันเย็นชาหันมองไปทางกลุ่มเจ้าสำนักสาขาที่พุ่งเข้ามาแล้วปล่อยหมัดออกไป เก่อเย่ใส่พลังทั้งหมดเข้าไปในหมัดนี้ แล้วต่อยออกไป บนหมัดนั้นเปี่ยมไปด้วยคลื่นพลังมหาศาล แม้จะยังไม่ได้ระเบิดพลังออกมา แต่โกลาหลรอบด้านก็สั่นไหวขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าหมัดนี้ทรงพลังเพียงใด
เขาไม่สนว่าเจ้าสำนักสาขาเหล่านั้นจะรับพลังหมัดของเขาไหวหรือไม่ เพราะตอนนี้เขาแค่อยากระบายความโกรธแค้นและความเจ็บปวดที่มีก็เท่านั้น !
แต่เขาก็ต้องแปลกใจ เพราะเจ้าสำนักสาขาเหล่านี้ไม่มีใครคิดที่จะหลบ แต่กลับเลือกที่จะปะทะกับหมัดของเขา !
ตูม ตูม ตูม…
เสียงดังสนั่นราวกับฟ้าผ่าดังขึ้น ร่างของเขาราวกับชนเข้ากับกำแพงเหล็ก เขาไม่อาจจะทำอะไรเจ้าสำนักสาขาเหล่านี้ได้ ในทางกลับกันแล้ว หมัดของพวกนั้นกลับเอาชนะหมัดของเขาได้และพุ่งใส่ร่างของเขาต่อ
หมัดอันน่ากลัวเหล่านี้กับพลังของจ้าวบรรพกาล รวมถึงจิตอันแข็งแกร่ง แม้ว่าจะน้อยนิดแต่หากรวมกันแล้วก็เป็นพลังจำนวนมหาศาลอัดเข้าใส่เก่อเย่ มันราวกับเข็มที่ทิ่มแทงเข้าใส่ตัวของเขา
ตูม ตูม ตูม…
ร่างของเก่อเย่ระเบิดอย่างต่อเนื่อง การระเบิดแต่ละครั้งนั้นราวกับมีพลังของแม่ทัพอัดเข้าใส่ตัวของเขา
ตูม !
ในตอนที่ร่างกำลังจะพังนั้น เขาก็ถึงขีดจำกัดของตัวเอง เขาได้ตะโกนออกมาพร้อมระเบิดพลังอันน่ากลัวกระจายไปทั่วทุกทิศทาง มันราวกับอุกกาบาตก้อนใหญ่ที่ทำให้ทะเลโกลาหลนั้นถึงกับสั่นไหวอย่างรุนแรง
ทีมคังเฉียงต่างก็พากันอึ้ง
ต้นไม้โกลาหลมองดูฉากนี้ด้วยความกังวล
ทุกคนอ้าปากค้างและพูดอะไรไม่ออก
เวลาราวกับหยุดนิ่ง ทุกอย่างเหมือนกับถูกหยุดเอาไว้ สักพัก เก่อเย่ก็ได้พึ่งจิตของตัวเองในการสร้างร่างใหม่ขึ้นมา
เขาเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมาเป็นครั้งแรก ท่าทีนี้ราวกับเห็นผี สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“ กลุ่มแม่ทัพ ! แม่ทัพทั้งหมด !” เก่อเย่ตัวสั่นเทาไปด้วยความลนลาน
เขาไม่คิดไม่ฝันว่ากลุ่มคนที่พุ่งเข้ามานี้ทุกคนจะเป็นถึงแม่ทัพ !
พระเจ้า แม่ทัพมากกว่า 20 คน !
หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง หากไม่ใช่เพราะรับรู้ความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย งั้นเก่อเย่ก็คงไม่เชื่อ
ต้องรู้ก่อนว่ามีแม่ทัพแค่เพียง 3 คนเท่านั้นในเขตซื่อเซียว แม้ว่าจะนับเสียเทียนไปด้วยก็มีแค่ 4 คนเท่านั้น
แม้แต่ฉิวหวังก็มีแม่ทัพแค่ 6-7 คน
แต่ตอนนี้เก่อเย่กลับมาพบกับแม่ทัพกว่า 20 คน ที่เป็นคนของสำนักคังเฉียง นี่มันบ้าไปแล้ว !
และที่สำคัญไปกว่านั้น คือไม่มีใครอ่อนแอไปกว่าร่างแยกทั้งสามร่างแรกนี้เลย !
“ ไม่มีทาง ไม่มีทาง…” เก่อเย่เริ่มสงสัยในตัวเอง
ในฐานะแม่ทัพของกองทัพสังเกตการณ์แล้ว เก่อเย่รู้จักทุกอย่าง ทั้งเขตซื่อเซียวนั้นไม่มีใครหลุดรอดจากการตรวจสอบของเขาไปได้ เขาเป็นคนสุขุมและเลือดเย็น เขาไม่มีความรู้สึกเหมือนกับคนทั่วไป แต่ตอนนี้การเผชิญหน้ากับกลุ่มแม่ทัพนั้น ทำให้เก่อเย่ไม่อาจจะปกปิดความตะลึงที่มีได้ สายตาของเขาแสดงความลนลานและกังวลออกมา
เขาคิดไม่ออกเลยว่าทำไม ทีมคังเฉียงที่อยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลถึงได้สร้างแม่ทัพขึ้นมามากมายเช่นนี้ได้ !
เดาว่าจำนวนแม่ทัพของเผ่าชีวิตทั้งหมดรวมกัน ก็อาจจะเทียบกับคนของสำนักคังเฉียงไม่ได้ ! นี่มัน…เกินไปแล้ว !
หากไม่ใช่เพราะจิตใจที่เยือกเย็นแล้ว เก่อเย่อาจจะใจสลายไปแล้วก็ได้ แม้ว่าจิตใจเขาจะเข้มแข็งแค่ไหน แต่เก่อเย่ก็ยังรู้สึกว่านี่คือความฝัน
“ จบแล้วรึ ไม่ใช่ว่าเขาแค่แสร้งบาดเจ็บรึไง ?” เมื่อเห็นสภาพของเก่อเย่ เซียนกระบี่พเนจรก็ได้ถามขึ้นมา
“ การเอาชนะแม่ทัพมันง่ายแบบนี้เลยรึ ?” เฒ่าเทียนจีกรอกตาใส่ “นอกจากนี้เราก็ยังไม่ได้เอาจริง แต่แค่นี้กลับเอาชนะเขาได้แล้ว”
หมาป่าละโมบหันไปถามเก่อเย่ “ เจ้านะ เจ้าเป็นอะไรรึไม่ ? ข้าบอกไว้ก่อนว่าสำนักคังเฉียงไม่คิดชดใช้ให้หรอกนะ…”
เก่อเย่ได้สติกลับมา เขาได้แต่ยิ้มแห้งและสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วมองไปที่เหล่าร่างแยก “ พวกเจ้าเป็นใคร?”
“ เรารึ ?” เซียนกระบี่พเนจรยิ้มออกมา “เราคือเจ้าสำนักสาขาของสำนักคังเฉียง”
“ ดูจากความพยายามของเจ้าแล้ว เราจะบอกความจริงกับเจ้าก็ได้” เฒ่าเทียนจีพูดขึ้น “ ทีมคังเฉียงก่อตั้งขึ้นโดยสำนักคังเฉียง แม้ว่าเราจะไม่ได้เข้าร่วมทีมคังเฉียงแต่ก็เป็นสมาชิกของสำนักคังเฉียง นอกจากนี้เจ้าสำนักก็ยังเก็บตัวอยู่ เรื่องในสำนักส่วนมากก็เป็นร่างแยกที่คอยดูแล รวมถึงรองเจ้าสำนักด้วย หากไม่ใช่เพราะเจ้ามาหาถึงที่ เราคงไม่ลงมือ แต่เมื่อเจ้ามาหาเราถึงที่ เราก็ต้องต้อนรับเจ้าอย่างดี”
เจ้าสำนักสาขากลับเป็นถึงแม่ทัพ !
สำนักคังเฉียงแห่งนี้ดูเกินจริงไปแล้ว !
“ เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เมื่อเจ้าไม่เป็นอะไร งั้นก็มาต่อกันเลย ” เซียนกระบี่พเนจรและร่างแยกอื่นๆยังไม่ทันได้อุ่นเครื่องด้วยซ้ำ พวกเขาจ้องเก่อเย่ราวกับมองดูเหยื่อ “ เราไม่ค่อยมีโอกาสได้เรียนรู้จากใคร เมื่อมีโอกาสได้ปะมือ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้เราผิดหวัง” เก่อเย่ตัวสั่น สีหน้าของเขาแข็งทื่อ “เรียนรู้อะไร ?”
กลุ่มแม่ทัพต้องการจะสู้กับเขา หากเขาตกลง เขาคงถือว่าบ้าไปแล้ว !
แม่ทัพสามคนเขาก็ยังรับมือแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว นี่มีแม่ทัพอีกกว่า 20 คน เขาจะรับมือไหวได้ยังไง ?
ต้องรู้ก่อนว่าเซียนกระบี่พเนจรและคนอื่นๆยังไม่ทันได้เอาจริง นั่นแค่อุ่นเครื่องเท่านั้น แต่ก็ทำให้ร่างกายของเขาระเบิดออกได้แล้ว
เขามาที่นี่เพื่อตรวจสอบทีมคังเฉียง เขาไม่ได้มาเพื่อสู้กับพวกนี้ !
“ นั่นไม่ดีเท่าไหร่ ” เซียนกระบี่พเนจรยิ้มออกมา “ เจ้าเป็นคนบอกเริ่ม จะจบเมื่อไหร่นั้นขึ้นอยู่กับเราตัดสินใจ”
นอกซะจากว่าเก่อเย่จะปฏิเสธสู้กับร่างแยกทั้งสามในตอนแรก งั้นการต่อสู้นี้ก็ไม่อยู่ในการควบคุมของเขา ตอนที่เก่อเย่กำลังจะบอกบางอย่าง เซียนกระบี่พเนจรและคนอื่นๆก็ไม่คิดจะฟังและเข้าไปรุมเขาทันที
กลุ่มเจ้าสำนักสาขาราวกับหมาป่าผู้หิวโหย พวกเขาได้เข้าไปล้อมเก่อเย่เอาไว้
ตูม ตูม ตูม….
เก่อเย่ไม่มีโอกาสได้พูดอะไรเลยแม้แต่น้อย เขาได้แต่ต้องรับการโจมตีเอาไว้ ร่างที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่นั้นอยู่ได้ไม่ถึง 3 วินาทีก็พังลงไปทันที จากนั้นเมื่อสร้างขึ้นมาใหม่ก็ต้องพังอีก จิตของเก่อเย่แทบจะพังทลาย สภาพจิตใจของเขาเองก็เช่นกัน
เจ้าสำนัก, จางลู่และความว่างเปล่า ยังไม่ทันได้ถอนตัว พวกเขาก็เริ่มลังเลขึ้นมา
“ เรารังแกเขาเกินไปรึเปล่า ?” เมื่อเห็นสภาพของเก่อเย่ที่โดนอัดโดยกลุ่มเจ้าสำนักสาขา เจ้าสำนักก็ได้ถามขึ้นมา
ความว่างเปล่าพูดขึ้น “ ดีร้ายยังไงเขาก็เป็นถึงแม่ทัพ เขาคือคนของจักรพรรดิ การที่เรารังแกเขาแบบนี้คงไม่ดีเท่าไหร่ ?”
จางลู่หรี่ตาลง “ เมื่อเขาพบที่นี่แล้ว ก็หมายความว่าจักรพรรดิรู้ถึงตัวตนของสำนักคังเฉียง ท่าทีของเขาไม่ได้เป็นมิตร มันหมายถึงว่าท่าทีของจักรพรรดิที่มีต่อเราก็ไม่ได้เป็นมิตรเช่นกันไม่ใช่รึ ? เราควรส่งสัญญาณเตือนบอกว่า สำนักคังเฉียงไม่ได้รังแกได้ง่ายๆ เรานี่แหละคือคนที่จะประกาศจุดยืนของสำนักคังเฉียง”
“ มีเหตุผล” เจ้าสำนักเริ่มเชื่อ
“ หากเป็นเช่นนั้น งั้น…” ความว่างเปล่ามองไปที่เก่อเย่ที่สร้างร่างขึ้นมาใหม่ “ งั้นก็ลงมือ !”
เมื่อพูดจบทั้งสามคนก็ไปสมทบกับร่างแยกอื่นๆเพื่อสู้กับเก่อเย่อีกครั้ง
สายตาของเขาเย็นชายิ่งกว่าเก่า ก่อนจะพูดออกมา “ ข้ายังเอาชนะร่างแยกทั้งสามร่างไม่ได้เลย แต่คนกลุ่มนี้ยังคิดจะเข้ามาอีก? คิดว่าข้าเป็นลูกพลับนิ่มหรืออย่างไร?”
เขายอมรับว่าเขาไม่อาจจะสู้กับทั้งสามคนได้ แต่มันไม่ได้หมายความว่าจะให้ใครรังแกเขาได้
คนเหล่านี้คิดว่าเขาอ่อนแอรึไง ?
เก่อเย่เลือกจะต้านทานการโจมตีของร่างแยกทั้งสามเอาไว้ แม้ว่าร่างกายจะพังทลาย เจตจำนงและจิตสำนึกจะเสียหายอย่างหนัก แต่เขาก็ไม่พูดมันออกมา ใบหน้าอันเย็นชาหันมองไปทางกลุ่มเจ้าสำนักสาขาที่พุ่งเข้ามาแล้วปล่อยหมัดออกไป เก่อเย่ใส่พลังทั้งหมดเข้าไปในหมัดนี้ แล้วต่อยออกไป บนหมัดนั้นเปี่ยมไปด้วยคลื่นพลังมหาศาล แม้จะยังไม่ได้ระเบิดพลังออกมา แต่โกลาหลรอบด้านก็สั่นไหวขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าหมัดนี้ทรงพลังเพียงใด
เขาไม่สนว่าเจ้าสำนักสาขาเหล่านั้นจะรับพลังหมัดของเขาไหวหรือไม่ เพราะตอนนี้เขาแค่อยากระบายความโกรธแค้นและความเจ็บปวดที่มีก็เท่านั้น !
แต่เขาก็ต้องแปลกใจ เพราะเจ้าสำนักสาขาเหล่านี้ไม่มีใครคิดที่จะหลบ แต่กลับเลือกที่จะปะทะกับหมัดของเขา !
ตูม ตูม ตูม…
เสียงดังสนั่นราวกับฟ้าผ่าดังขึ้น ร่างของเขาราวกับชนเข้ากับกำแพงเหล็ก เขาไม่อาจจะทำอะไรเจ้าสำนักสาขาเหล่านี้ได้ ในทางกลับกันแล้ว หมัดของพวกนั้นกลับเอาชนะหมัดของเขาได้และพุ่งใส่ร่างของเขาต่อ
หมัดอันน่ากลัวเหล่านี้กับพลังของจ้าวบรรพกาล รวมถึงจิตอันแข็งแกร่ง แม้ว่าจะน้อยนิดแต่หากรวมกันแล้วก็เป็นพลังจำนวนมหาศาลอัดเข้าใส่เก่อเย่ มันราวกับเข็มที่ทิ่มแทงเข้าใส่ตัวของเขา
ตูม ตูม ตูม…
ร่างของเก่อเย่ระเบิดอย่างต่อเนื่อง การระเบิดแต่ละครั้งนั้นราวกับมีพลังของแม่ทัพอัดเข้าใส่ตัวของเขา
ตูม !
ในตอนที่ร่างกำลังจะพังนั้น เขาก็ถึงขีดจำกัดของตัวเอง เขาได้ตะโกนออกมาพร้อมระเบิดพลังอันน่ากลัวกระจายไปทั่วทุกทิศทาง มันราวกับอุกกาบาตก้อนใหญ่ที่ทำให้ทะเลโกลาหลนั้นถึงกับสั่นไหวอย่างรุนแรง
ทีมคังเฉียงต่างก็พากันอึ้ง
ต้นไม้โกลาหลมองดูฉากนี้ด้วยความกังวล
ทุกคนอ้าปากค้างและพูดอะไรไม่ออก
เวลาราวกับหยุดนิ่ง ทุกอย่างเหมือนกับถูกหยุดเอาไว้ สักพัก เก่อเย่ก็ได้พึ่งจิตของตัวเองในการสร้างร่างใหม่ขึ้นมา
เขาเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมาเป็นครั้งแรก ท่าทีนี้ราวกับเห็นผี สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“ กลุ่มแม่ทัพ ! แม่ทัพทั้งหมด !” เก่อเย่ตัวสั่นเทาไปด้วยความลนลาน
เขาไม่คิดไม่ฝันว่ากลุ่มคนที่พุ่งเข้ามานี้ทุกคนจะเป็นถึงแม่ทัพ !
พระเจ้า แม่ทัพมากกว่า 20 คน !
หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง หากไม่ใช่เพราะรับรู้ความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย งั้นเก่อเย่ก็คงไม่เชื่อ
ต้องรู้ก่อนว่ามีแม่ทัพแค่เพียง 3 คนเท่านั้นในเขตซื่อเซียว แม้ว่าจะนับเสียเทียนไปด้วยก็มีแค่ 4 คนเท่านั้น
แม้แต่ฉิวหวังก็มีแม่ทัพแค่ 6-7 คน
แต่ตอนนี้เก่อเย่กลับมาพบกับแม่ทัพกว่า 20 คน ที่เป็นคนของสำนักคังเฉียง นี่มันบ้าไปแล้ว !
และที่สำคัญไปกว่านั้น คือไม่มีใครอ่อนแอไปกว่าร่างแยกทั้งสามร่างแรกนี้เลย !
“ ไม่มีทาง ไม่มีทาง…” เก่อเย่เริ่มสงสัยในตัวเอง
ในฐานะแม่ทัพของกองทัพสังเกตการณ์แล้ว เก่อเย่รู้จักทุกอย่าง ทั้งเขตซื่อเซียวนั้นไม่มีใครหลุดรอดจากการตรวจสอบของเขาไปได้ เขาเป็นคนสุขุมและเลือดเย็น เขาไม่มีความรู้สึกเหมือนกับคนทั่วไป แต่ตอนนี้การเผชิญหน้ากับกลุ่มแม่ทัพนั้น ทำให้เก่อเย่ไม่อาจจะปกปิดความตะลึงที่มีได้ สายตาของเขาแสดงความลนลานและกังวลออกมา
เขาคิดไม่ออกเลยว่าทำไม ทีมคังเฉียงที่อยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลถึงได้สร้างแม่ทัพขึ้นมามากมายเช่นนี้ได้ !
เดาว่าจำนวนแม่ทัพของเผ่าชีวิตทั้งหมดรวมกัน ก็อาจจะเทียบกับคนของสำนักคังเฉียงไม่ได้ ! นี่มัน…เกินไปแล้ว !
หากไม่ใช่เพราะจิตใจที่เยือกเย็นแล้ว เก่อเย่อาจจะใจสลายไปแล้วก็ได้ แม้ว่าจิตใจเขาจะเข้มแข็งแค่ไหน แต่เก่อเย่ก็ยังรู้สึกว่านี่คือความฝัน
“ จบแล้วรึ ไม่ใช่ว่าเขาแค่แสร้งบาดเจ็บรึไง ?” เมื่อเห็นสภาพของเก่อเย่ เซียนกระบี่พเนจรก็ได้ถามขึ้นมา
“ การเอาชนะแม่ทัพมันง่ายแบบนี้เลยรึ ?” เฒ่าเทียนจีกรอกตาใส่ “นอกจากนี้เราก็ยังไม่ได้เอาจริง แต่แค่นี้กลับเอาชนะเขาได้แล้ว”
หมาป่าละโมบหันไปถามเก่อเย่ “ เจ้านะ เจ้าเป็นอะไรรึไม่ ? ข้าบอกไว้ก่อนว่าสำนักคังเฉียงไม่คิดชดใช้ให้หรอกนะ…”
เก่อเย่ได้สติกลับมา เขาได้แต่ยิ้มแห้งและสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วมองไปที่เหล่าร่างแยก “ พวกเจ้าเป็นใคร?”
“ เรารึ ?” เซียนกระบี่พเนจรยิ้มออกมา “เราคือเจ้าสำนักสาขาของสำนักคังเฉียง”
“ ดูจากความพยายามของเจ้าแล้ว เราจะบอกความจริงกับเจ้าก็ได้” เฒ่าเทียนจีพูดขึ้น “ ทีมคังเฉียงก่อตั้งขึ้นโดยสำนักคังเฉียง แม้ว่าเราจะไม่ได้เข้าร่วมทีมคังเฉียงแต่ก็เป็นสมาชิกของสำนักคังเฉียง นอกจากนี้เจ้าสำนักก็ยังเก็บตัวอยู่ เรื่องในสำนักส่วนมากก็เป็นร่างแยกที่คอยดูแล รวมถึงรองเจ้าสำนักด้วย หากไม่ใช่เพราะเจ้ามาหาถึงที่ เราคงไม่ลงมือ แต่เมื่อเจ้ามาหาเราถึงที่ เราก็ต้องต้อนรับเจ้าอย่างดี”
เจ้าสำนักสาขากลับเป็นถึงแม่ทัพ !
สำนักคังเฉียงแห่งนี้ดูเกินจริงไปแล้ว !
“ เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เมื่อเจ้าไม่เป็นอะไร งั้นก็มาต่อกันเลย ” เซียนกระบี่พเนจรและร่างแยกอื่นๆยังไม่ทันได้อุ่นเครื่องด้วยซ้ำ พวกเขาจ้องเก่อเย่ราวกับมองดูเหยื่อ “ เราไม่ค่อยมีโอกาสได้เรียนรู้จากใคร เมื่อมีโอกาสได้ปะมือ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้เราผิดหวัง” เก่อเย่ตัวสั่น สีหน้าของเขาแข็งทื่อ “เรียนรู้อะไร ?”
กลุ่มแม่ทัพต้องการจะสู้กับเขา หากเขาตกลง เขาคงถือว่าบ้าไปแล้ว !
แม่ทัพสามคนเขาก็ยังรับมือแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว นี่มีแม่ทัพอีกกว่า 20 คน เขาจะรับมือไหวได้ยังไง ?
ต้องรู้ก่อนว่าเซียนกระบี่พเนจรและคนอื่นๆยังไม่ทันได้เอาจริง นั่นแค่อุ่นเครื่องเท่านั้น แต่ก็ทำให้ร่างกายของเขาระเบิดออกได้แล้ว
เขามาที่นี่เพื่อตรวจสอบทีมคังเฉียง เขาไม่ได้มาเพื่อสู้กับพวกนี้ !
“ นั่นไม่ดีเท่าไหร่ ” เซียนกระบี่พเนจรยิ้มออกมา “ เจ้าเป็นคนบอกเริ่ม จะจบเมื่อไหร่นั้นขึ้นอยู่กับเราตัดสินใจ”
นอกซะจากว่าเก่อเย่จะปฏิเสธสู้กับร่างแยกทั้งสามในตอนแรก งั้นการต่อสู้นี้ก็ไม่อยู่ในการควบคุมของเขา ตอนที่เก่อเย่กำลังจะบอกบางอย่าง เซียนกระบี่พเนจรและคนอื่นๆก็ไม่คิดจะฟังและเข้าไปรุมเขาทันที
กลุ่มเจ้าสำนักสาขาราวกับหมาป่าผู้หิวโหย พวกเขาได้เข้าไปล้อมเก่อเย่เอาไว้
ตูม ตูม ตูม….
เก่อเย่ไม่มีโอกาสได้พูดอะไรเลยแม้แต่น้อย เขาได้แต่ต้องรับการโจมตีเอาไว้ ร่างที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่นั้นอยู่ได้ไม่ถึง 3 วินาทีก็พังลงไปทันที จากนั้นเมื่อสร้างขึ้นมาใหม่ก็ต้องพังอีก จิตของเก่อเย่แทบจะพังทลาย สภาพจิตใจของเขาเองก็เช่นกัน
เจ้าสำนัก, จางลู่และความว่างเปล่า ยังไม่ทันได้ถอนตัว พวกเขาก็เริ่มลังเลขึ้นมา
“ เรารังแกเขาเกินไปรึเปล่า ?” เมื่อเห็นสภาพของเก่อเย่ที่โดนอัดโดยกลุ่มเจ้าสำนักสาขา เจ้าสำนักก็ได้ถามขึ้นมา
ความว่างเปล่าพูดขึ้น “ ดีร้ายยังไงเขาก็เป็นถึงแม่ทัพ เขาคือคนของจักรพรรดิ การที่เรารังแกเขาแบบนี้คงไม่ดีเท่าไหร่ ?”
จางลู่หรี่ตาลง “ เมื่อเขาพบที่นี่แล้ว ก็หมายความว่าจักรพรรดิรู้ถึงตัวตนของสำนักคังเฉียง ท่าทีของเขาไม่ได้เป็นมิตร มันหมายถึงว่าท่าทีของจักรพรรดิที่มีต่อเราก็ไม่ได้เป็นมิตรเช่นกันไม่ใช่รึ ? เราควรส่งสัญญาณเตือนบอกว่า สำนักคังเฉียงไม่ได้รังแกได้ง่ายๆ เรานี่แหละคือคนที่จะประกาศจุดยืนของสำนักคังเฉียง”
“ มีเหตุผล” เจ้าสำนักเริ่มเชื่อ
“ หากเป็นเช่นนั้น งั้น…” ความว่างเปล่ามองไปที่เก่อเย่ที่สร้างร่างขึ้นมาใหม่ “ งั้นก็ลงมือ !”
เมื่อพูดจบทั้งสามคนก็ไปสมทบกับร่างแยกอื่นๆเพื่อสู้กับเก่อเย่อีกครั้ง