ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1892 : การยอมรับ
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าจักรพรรดิ 9 คนนั้นคือขีดจำกัดของทะเลโกลาหลแล้ว มันไม่มีทางที่จะมีจักรพรรดิคนใหม่กำเนิดขึ้นมาได้
มีแค่ทางเดียวที่จะให้กำเนิดจักรพรรดิคนใหม่ได้คือต้องฆ่าจักรพรรดิคนเก่าก่อน
ในอีกความหมายคือทะเลโกลาหลนั้นจะมีจักรพรรดิแค่ 9 คนเท่านั้น มีแค่การที่คนเก่าตายไป ถึงจะให้กำเนิดคนใหม่ขึ้นมาได้
นี่คือเหตุผลที่ซื่อเซียวไม่เชื่อว่าจางหยูเป็นจักรพรรดิในตอนแรก และหลังจากที่รู้ว่าจางหยูเป็นจักรพรรดิ แต่ก็คิดว่าจางหยูเป็นจักรพรรดิกลุ่มเดิมอยู่
ทำไมจักรพรรดิเผ่าสวรรค์ถึงคิดว่าซื่อเซียวเป็นคนทำร้ายแรนเดล?
ทำไมจักรพรรดิเผ่าชีวิตถึงไม่ช่วยสนับสนุนคำพูดของซื่อเซียว?
และนี่คือเหตุผล แต่สิ่งที่ทำให้ซื่อเซียวสับสนคือตอนที่ร่างแยกของเขาระเบิดออกนั้น เขาไม่เห็นช่องโหว่ของจางหยูเลยแม้แต่น้อย เขาไม่เห็นวี่แววของการปลอมตัว ราวกับว่าจางหยูไม่ได้ปลอมตัวมา แต่นั่นก็เท่ากับว่าล้มล้างกฎเดิมที่พวกเขาเชื่อมั่นมาตลอด มันพลิกความเข้าใจของซื่อเซียวไป
มันมีจักรพรรดิคนอื่นนอกจากจักรพรรดิทั้ง 9 อีกรึ ?
มันเป็นไปได้จริงๆรึ ?
“ ไม่ ” ซื่อเซียวไม่อาจจะยอมรับความจริงในเรื่องนี้ได้ “ มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ !”
กฎของทะเลโกลาหลนั้นไม่อาจจะมีใครฝ่าฝืนได้ หากต้องการจะเป็นจักรพรรดิแล้ว งั้นเงื่อนไขก็ยากอย่างมาก นี่ไม่ต้องพูดถึง การที่ทะเลโกลาหลไม่อาจจะยอมให้มีจักรพรรดิคนที่ 10 ได้ หรือต่อให้ทะเลโกลาหลไม่มีกฎและข้อจำกัดนี้ แต่ตอนนี้ทะเลโกลาหลก็ไม่ได้มีสภาพที่พร้อมจะให้กำเนิดจักรพรรดิคนที่ 10 ขึ้นมา สภาพแวดล้อมในตอนนี้ไม่อาจจะให้กำเนิดจักรพรรดิคนใหม่ได้
ซื่อเซียวไม่เชื่อ ถึงแม้ว่าความจริงจะปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาก็ตาม แต่เขายังไม่เชื่อว่าจางหยูจะเป็นจักรพรรดิคนใหม่
มันยากที่จะเปลี่ยนมุมมองของคนได้ โดยเฉพาะจักรพรรดิที่เชื่อมั่นในตัวเองยิ่งกว่าใคร
แม้จะไม่ชัดเจนว่าจางหยูปลอมตัวมารึไม่ แต่ซื่อเซียวก็ยังเชื่อว่าจางหยูนั้นจะต้องเป็นจักรพรรดิคนอื่นที่ปลอมตัวมา เขาไม่มีทางเป็นจักรพรรดิคนใหม่ได้
เมื่อเขาตัดสินใจไปแล้ว แม้จะมีคนมาบอกว่ามันเป็นความจริง แม้ว่าจะมีหลักฐานที่ชัดเจนแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจจะเปลี่ยนใจเขาได้ ซื่อเซียวมั่นใจว่านี่จะต้องเป็น 1 ใน 8 จักรพรรดิคนที่เหลือแน่ๆ
พวกเขาคิดผิดรึ ?
เปล่าเลย ความเข้าใจที่พวกเขามีต่อทะเลโกลาหลนั้น ทุกอย่างล้วนถูกต้อง
ทะเลโกลาหลมีจักรพรรดิได้ 9 คนจริงๆและไม่อาจจะให้กำเนิดจักรพรรดิคนที่ 10 ได้ แต่ด้านนอกทะเลโกลาหลล่ะ ?
จางหยูไม่เคยบอกว่าเขาเป็นจักรพรรดิของทะเลโกลาหลแม้แต่คำเดียว !
พูดตามตรงแล้ว จางหยูน่าจะเป็นจักรพรรดิของทะเลบรรพกาล หรือจ้าวทะเลบรรพกาล!
หากเทียบกับจักรพรรดิแล้ว ผู้สร้างทะเลบรรพกาลนั้นมีฐานะสูงส่งกว่า จิตของเขาเหนือกว่าจักรพรรดิ เพียงแต่เวลานี้ ทะเลบรรพกาลนั้นยังอ่อนแอเกินไป เพราะมันยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เขาที่เป็นจ้าวทะเลบรรพกาลนั้นยังไม่อาจจะใช้พลังที่แท้จริงของทะเลบรรพกาลออกมาได้ เขาแค่ทัดเทียมกับจักรพรรดิก็เท่านั้น
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าเขาคือจ้าวแห่งทะเลบรรพกาล ! ในด้านของฐานะเพียงอย่างเดียวแล้ว จางหยูนั้นทัดเทียมกับจ้าวแห่งทะเลโกลาหล !
ตัวตนที่จักรพรรดิทั้งเก้ายังต้องเคารพ !
แต่โชคร้ายที่ซื่อเซียวไม่รู้เรื่องนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรู้ความลับของทะเลบรรพกาล เขารู้แค่ว่าจางหยูน่ะอยู่ในทะเลโกลาหล และแสดงพลังของจักรพรรดิออกมา ทะเลโกลาหลไม่อาจจะให้กำเนิดจักรพรรดิคนที่ 10 ขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ จางหยูจะเป็นจักรพรรดิคนอื่นปลอมตัวมา
เป็นใครกัน ? ซื่อเซียวสีหน้าบิดเบี้ยวไป
เขามองไม่ออกเลยว่าจางหยูเป็นจักรพรรดิเผ่าสวรรค์รึเผ่าชีวิตกันแน่ นี่ไม่ต้องนับการที่จางหยูเป็นใครเลย
แต่สิ่งเดียวที่เขามั่นใจอย่างมากก็คือ ชายคนนี้คือคนที่ป้ายความผิดให้กับเขา !
“ เขาใช้ร่างหลักเลยรึ ?” ซื่อเซียวหรี่ตาลง “ กล้าออกมาในทะเลโกลาหล เขาไม่กลัวตายเลยรึ ?” เขาชื่นชมในความกล้าของจางหยู เพื่อที่จะสู้กับร่างแยกของเขาแล้ว จางหยูถึงกับใช้ร่างจริง หากเปลี่ยนเป็นเขาแล้วเขาคงไม่ทำเช่นนั้น
แต่นี่ก็ทำให้ซื่อเซียวสับสนมากกว่าเก่า สุดท้ายความเกลียดชังแบบไหนกันที่ทำให้จางหยูยอมใช้ร่างหลักออกมาเพื่อสู้กับเขา ?
เขาจำไม่ได้ว่าเขาไปหาเรื่องจักรพรรดิคนไหนกัน แม้ว่าเขาจะผิดใจกับพวกนั้นแต่ก็เป็นแค่ความขัดแย้งระหว่างเผ่าพันธุ์ มันไม่มีความขัดแย้งส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย…
ซื่อเซียวไม่อาจจะคิดหาเหตุผลได้ว่าจางหยูเป็นจักรพรรดิคนไหนกัน
จักรพรรดิเผ่าสวรรค์รึเผ่าชีวิตกันแน่ ?
แต่ยังไงซะครั้งนี้เขาก็เห็นแล้วว่าเขาโดนป้ายความผิด
การที่ร่างแยกของเขาได้ทำการระเบิดตัวเองไปนี้ทำให้เกิดความเสียหายไม่ใช่น้อย มันต้องใช้เวลากว่าจะฟื้นฟูตัวเองได้
เขาไม่อาจจะมองการปลอมตัวของอีกฝ่ายออก นอกซะจากว่าเขาจะส่งร่างหลักไป แต่ร่างหลักของเขาไม่มีทางออกจากเขตซื่อเซียวง่ายๆ…
ยิ่งไปกว่านั้นหากเขาต้องไปด้วยตัวเอง เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้หรือไม่
นี่คือปัญหาสำคัญที่ยังแก้ไม่ได้!
“ ตอนนี้ข้าคงต้องเชื่อไปก่อน” ซื่อเซียวสูดหายใจเข้าลึกๆ แม้ว่าในใจจะไม่ยอมรับ แต่เหตุผลบอกเขาว่าเขาต้องอดทนเอาไว้ ไม่งั้นแล้วมันคงไม่ส่งผลดี การทุ่มทุกอย่างเพื่อฆ่าศัตรู มีแต่จะทำให้ตัวเองเจ็บตัวไปด้วย เขาไม่อาจจะทำแบบนั้นได้ “จักรพรรดิคังเฉียงรึ? ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่โดนข้าจับได้ ไม่งั้นแล้วข้าจะแสดงให้ดูว่าข้าจะทำยังไงต่อไป !”
เขาไม่รู้ว่าจางหยูเป็นใครที่ปลอมตัวมา ตอนนี้เขาจึงเรียกจางหยูว่าจักรพรรดิคังเฉียงไปก่อน
แม้ปากจะบ่นไม่หยุด แต่เมื่อนึกถึงท่าทีของเหล่าจักรพรรดิสวรรค์ ซื่อเซียวก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา เขาสามารถจินตนาการออกได้ว่า หลังจากนี้เขาคงถูกจักรพรรดิสวรรค์ฉีกออกเป็นชิ้นๆ เพราะว่าระยะเวลาหนึ่งปีนั้นใกล้เข้ามาแล้ว ถ้าหากว่าเขาไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจได้ เกรงว่าเขาก็ต้องรับความผิดไป
ขอเพียงเงื่อนไขที่อีกฝ่ายเสนอมานั้นไม่แตะขีดจำกัดล่างของเขา งั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะกล่าวโทษอย่างไร เขาก็ต้องก้มหน้ายอมรับ
“ ข้าไม่เคยสูญเสียมากแบบนี้มาก่อน ! เจ้าตัวปลอม ข้าจะจำเจ้าไว้ !” ซื่อเซียวบ่นออกมา ความแค้นที่มีเพียงพอที่จะฉีกจางหยูเป็นชิ้นๆได้ แต่มันก็เป็นแค่ความคิด
เขาไม่อยากตั้งคำถามกับจักรพรรดิคนที่เหลือเพราะเขารู้ว่าไม่ว่าใครจะปลอมตัวเป็นจางหยู แต่มันก็ไม่มีใครยอมรับอย่างแน่นอน ถามไปก็เสียเวลาเปล่า และมีแต่จะทำให้ทุกคนหัวเราะเยาะเขาแทน
“ ไม่แปลกเลยที่ทำลายสมบัติระดับสมบูรณ์ได้ในครั้งเดียว เมื่อเป็นจักรพรรดิ งั้นทุกอย่างก็ดูมีเหตุผล “ ซื่อเซียวใคร่ครวญเรื่องราวทั้งหมด นอกจากไม่อาจจะเดาตัวตนของจางหยูได้แล้ว เขาก็เข้าใจทุกอย่างหมด “ ฉิวหวังนี่โง่จริงๆ จักรพรรดิเข้าไปในดินแดนของเขา แต่เขากลับรู้ตัวช้า….”
แต่เมื่อคิดว่าจักรพรรดิคนอื่นอาจจะเข้ามาในเขตของเขา และอยู่ที่นี่โดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว มันก็ทำให้เขาอับอายอย่างมาก
ในทางกลับกันแล้วคนโง่กว่ากลับเป็นเขาเอง
…
ที่ทะเลโกลาหล
จางหยูเพิ่งจะรับมือกับการระเบิดตัวเองของซื่อเซียวเสร็จ ใบหน้าเขาไม่ได้มีรอยยิ้มเลย เขารู้สึกปวดใจขึ้นมาราวกับว่ามีอันตรายบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น ขนเขาลุกชันราวกับว่าถูกบางอย่างที่น่ากลัวจับตามองดูเขาอยู่
เขาไม่ลังเลที่จะเปิดวังวนเชื่อมต่อกับทะเลบรรพกาลแล้วรีบกลับไปทันที
จนกระทั่งเขากลับเข้ามาในทะเลบรรพกาล อันตรายที่เขารู้สึกนี้ก็หายไปช้าๆ
จางหยูเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว เขารู้สึกราวกับว่าหากอยู่ต่ออีกสักวินาที เขาอาจจะเจอกับเรื่องน่ากลัวที่คาดไม่ถึง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเช่นนี้ตั้งแต่ที่ขึ้นเป็นจักรพรรดิ ความรู้สึกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นแม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับซื่อเซียวก็ตาม
“ ร่างหลักของซื่อเซียวรึ ?” สีหน้าของจางหยูดูหนักใจ “ ร่างหลักของจักรพรรดิแข็งแกร่งได้ขนาดนี้เลยรึ ?”
เขารู้สึกว่าเขาอาจจะประเมินจักรพรรดิต่ำเกินไป หากความน่ากลัวนี่มาจากจักรพรรดิ งั้นพลังของจักรพรรดิก็น่ากลัวกว่าที่เขาคิดเอาไว้อย่างมาก และเขาเพิ่งเอาตัวเองไปเสี่ยง !
เขาได้ออกจากทะเลบรรพกาลไปยังโลกป่า เขาอยากดูว่าซื่อเซียวจะลงมือกับโลกป่าหรือไม่ เขารออยู่สักพัก เมื่อไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดๆ จางหยูถึงได้โล่งอกขึ้นมาเล็กน้อย แต่ในใจของเขาก็ยังสงสัย “ เขาคิดจะฆ่าข้าแต่ไม่ลงมือกับสำนักคังเฉียงรึ ?”
นี่ก็สมกับเป็นจักรพรรดิ ยังไงซะการที่จักรพรรดิลงมือกับสำนักคังเฉียงก็ดูเหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็ก
บางทีในสายตาของจักรพรรดิแล้ว มีแค่จักรพรรดิเท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาลงมือเองได้
พวกที่ต่ำกว่าจักรพรรดิต่างก็เป็นมดกันทั้งนั้น
��
มีแค่ทางเดียวที่จะให้กำเนิดจักรพรรดิคนใหม่ได้คือต้องฆ่าจักรพรรดิคนเก่าก่อน
ในอีกความหมายคือทะเลโกลาหลนั้นจะมีจักรพรรดิแค่ 9 คนเท่านั้น มีแค่การที่คนเก่าตายไป ถึงจะให้กำเนิดคนใหม่ขึ้นมาได้
นี่คือเหตุผลที่ซื่อเซียวไม่เชื่อว่าจางหยูเป็นจักรพรรดิในตอนแรก และหลังจากที่รู้ว่าจางหยูเป็นจักรพรรดิ แต่ก็คิดว่าจางหยูเป็นจักรพรรดิกลุ่มเดิมอยู่
ทำไมจักรพรรดิเผ่าสวรรค์ถึงคิดว่าซื่อเซียวเป็นคนทำร้ายแรนเดล?
ทำไมจักรพรรดิเผ่าชีวิตถึงไม่ช่วยสนับสนุนคำพูดของซื่อเซียว?
และนี่คือเหตุผล แต่สิ่งที่ทำให้ซื่อเซียวสับสนคือตอนที่ร่างแยกของเขาระเบิดออกนั้น เขาไม่เห็นช่องโหว่ของจางหยูเลยแม้แต่น้อย เขาไม่เห็นวี่แววของการปลอมตัว ราวกับว่าจางหยูไม่ได้ปลอมตัวมา แต่นั่นก็เท่ากับว่าล้มล้างกฎเดิมที่พวกเขาเชื่อมั่นมาตลอด มันพลิกความเข้าใจของซื่อเซียวไป
มันมีจักรพรรดิคนอื่นนอกจากจักรพรรดิทั้ง 9 อีกรึ ?
มันเป็นไปได้จริงๆรึ ?
“ ไม่ ” ซื่อเซียวไม่อาจจะยอมรับความจริงในเรื่องนี้ได้ “ มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ !”
กฎของทะเลโกลาหลนั้นไม่อาจจะมีใครฝ่าฝืนได้ หากต้องการจะเป็นจักรพรรดิแล้ว งั้นเงื่อนไขก็ยากอย่างมาก นี่ไม่ต้องพูดถึง การที่ทะเลโกลาหลไม่อาจจะยอมให้มีจักรพรรดิคนที่ 10 ได้ หรือต่อให้ทะเลโกลาหลไม่มีกฎและข้อจำกัดนี้ แต่ตอนนี้ทะเลโกลาหลก็ไม่ได้มีสภาพที่พร้อมจะให้กำเนิดจักรพรรดิคนที่ 10 ขึ้นมา สภาพแวดล้อมในตอนนี้ไม่อาจจะให้กำเนิดจักรพรรดิคนใหม่ได้
ซื่อเซียวไม่เชื่อ ถึงแม้ว่าความจริงจะปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาก็ตาม แต่เขายังไม่เชื่อว่าจางหยูจะเป็นจักรพรรดิคนใหม่
มันยากที่จะเปลี่ยนมุมมองของคนได้ โดยเฉพาะจักรพรรดิที่เชื่อมั่นในตัวเองยิ่งกว่าใคร
แม้จะไม่ชัดเจนว่าจางหยูปลอมตัวมารึไม่ แต่ซื่อเซียวก็ยังเชื่อว่าจางหยูนั้นจะต้องเป็นจักรพรรดิคนอื่นที่ปลอมตัวมา เขาไม่มีทางเป็นจักรพรรดิคนใหม่ได้
เมื่อเขาตัดสินใจไปแล้ว แม้จะมีคนมาบอกว่ามันเป็นความจริง แม้ว่าจะมีหลักฐานที่ชัดเจนแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจจะเปลี่ยนใจเขาได้ ซื่อเซียวมั่นใจว่านี่จะต้องเป็น 1 ใน 8 จักรพรรดิคนที่เหลือแน่ๆ
พวกเขาคิดผิดรึ ?
เปล่าเลย ความเข้าใจที่พวกเขามีต่อทะเลโกลาหลนั้น ทุกอย่างล้วนถูกต้อง
ทะเลโกลาหลมีจักรพรรดิได้ 9 คนจริงๆและไม่อาจจะให้กำเนิดจักรพรรดิคนที่ 10 ได้ แต่ด้านนอกทะเลโกลาหลล่ะ ?
จางหยูไม่เคยบอกว่าเขาเป็นจักรพรรดิของทะเลโกลาหลแม้แต่คำเดียว !
พูดตามตรงแล้ว จางหยูน่าจะเป็นจักรพรรดิของทะเลบรรพกาล หรือจ้าวทะเลบรรพกาล!
หากเทียบกับจักรพรรดิแล้ว ผู้สร้างทะเลบรรพกาลนั้นมีฐานะสูงส่งกว่า จิตของเขาเหนือกว่าจักรพรรดิ เพียงแต่เวลานี้ ทะเลบรรพกาลนั้นยังอ่อนแอเกินไป เพราะมันยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เขาที่เป็นจ้าวทะเลบรรพกาลนั้นยังไม่อาจจะใช้พลังที่แท้จริงของทะเลบรรพกาลออกมาได้ เขาแค่ทัดเทียมกับจักรพรรดิก็เท่านั้น
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าเขาคือจ้าวแห่งทะเลบรรพกาล ! ในด้านของฐานะเพียงอย่างเดียวแล้ว จางหยูนั้นทัดเทียมกับจ้าวแห่งทะเลโกลาหล !
ตัวตนที่จักรพรรดิทั้งเก้ายังต้องเคารพ !
แต่โชคร้ายที่ซื่อเซียวไม่รู้เรื่องนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรู้ความลับของทะเลบรรพกาล เขารู้แค่ว่าจางหยูน่ะอยู่ในทะเลโกลาหล และแสดงพลังของจักรพรรดิออกมา ทะเลโกลาหลไม่อาจจะให้กำเนิดจักรพรรดิคนที่ 10 ขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ จางหยูจะเป็นจักรพรรดิคนอื่นปลอมตัวมา
เป็นใครกัน ? ซื่อเซียวสีหน้าบิดเบี้ยวไป
เขามองไม่ออกเลยว่าจางหยูเป็นจักรพรรดิเผ่าสวรรค์รึเผ่าชีวิตกันแน่ นี่ไม่ต้องนับการที่จางหยูเป็นใครเลย
แต่สิ่งเดียวที่เขามั่นใจอย่างมากก็คือ ชายคนนี้คือคนที่ป้ายความผิดให้กับเขา !
“ เขาใช้ร่างหลักเลยรึ ?” ซื่อเซียวหรี่ตาลง “ กล้าออกมาในทะเลโกลาหล เขาไม่กลัวตายเลยรึ ?” เขาชื่นชมในความกล้าของจางหยู เพื่อที่จะสู้กับร่างแยกของเขาแล้ว จางหยูถึงกับใช้ร่างจริง หากเปลี่ยนเป็นเขาแล้วเขาคงไม่ทำเช่นนั้น
แต่นี่ก็ทำให้ซื่อเซียวสับสนมากกว่าเก่า สุดท้ายความเกลียดชังแบบไหนกันที่ทำให้จางหยูยอมใช้ร่างหลักออกมาเพื่อสู้กับเขา ?
เขาจำไม่ได้ว่าเขาไปหาเรื่องจักรพรรดิคนไหนกัน แม้ว่าเขาจะผิดใจกับพวกนั้นแต่ก็เป็นแค่ความขัดแย้งระหว่างเผ่าพันธุ์ มันไม่มีความขัดแย้งส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย…
ซื่อเซียวไม่อาจจะคิดหาเหตุผลได้ว่าจางหยูเป็นจักรพรรดิคนไหนกัน
จักรพรรดิเผ่าสวรรค์รึเผ่าชีวิตกันแน่ ?
แต่ยังไงซะครั้งนี้เขาก็เห็นแล้วว่าเขาโดนป้ายความผิด
การที่ร่างแยกของเขาได้ทำการระเบิดตัวเองไปนี้ทำให้เกิดความเสียหายไม่ใช่น้อย มันต้องใช้เวลากว่าจะฟื้นฟูตัวเองได้
เขาไม่อาจจะมองการปลอมตัวของอีกฝ่ายออก นอกซะจากว่าเขาจะส่งร่างหลักไป แต่ร่างหลักของเขาไม่มีทางออกจากเขตซื่อเซียวง่ายๆ…
ยิ่งไปกว่านั้นหากเขาต้องไปด้วยตัวเอง เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้หรือไม่
นี่คือปัญหาสำคัญที่ยังแก้ไม่ได้!
“ ตอนนี้ข้าคงต้องเชื่อไปก่อน” ซื่อเซียวสูดหายใจเข้าลึกๆ แม้ว่าในใจจะไม่ยอมรับ แต่เหตุผลบอกเขาว่าเขาต้องอดทนเอาไว้ ไม่งั้นแล้วมันคงไม่ส่งผลดี การทุ่มทุกอย่างเพื่อฆ่าศัตรู มีแต่จะทำให้ตัวเองเจ็บตัวไปด้วย เขาไม่อาจจะทำแบบนั้นได้ “จักรพรรดิคังเฉียงรึ? ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่โดนข้าจับได้ ไม่งั้นแล้วข้าจะแสดงให้ดูว่าข้าจะทำยังไงต่อไป !”
เขาไม่รู้ว่าจางหยูเป็นใครที่ปลอมตัวมา ตอนนี้เขาจึงเรียกจางหยูว่าจักรพรรดิคังเฉียงไปก่อน
แม้ปากจะบ่นไม่หยุด แต่เมื่อนึกถึงท่าทีของเหล่าจักรพรรดิสวรรค์ ซื่อเซียวก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา เขาสามารถจินตนาการออกได้ว่า หลังจากนี้เขาคงถูกจักรพรรดิสวรรค์ฉีกออกเป็นชิ้นๆ เพราะว่าระยะเวลาหนึ่งปีนั้นใกล้เข้ามาแล้ว ถ้าหากว่าเขาไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจได้ เกรงว่าเขาก็ต้องรับความผิดไป
ขอเพียงเงื่อนไขที่อีกฝ่ายเสนอมานั้นไม่แตะขีดจำกัดล่างของเขา งั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะกล่าวโทษอย่างไร เขาก็ต้องก้มหน้ายอมรับ
“ ข้าไม่เคยสูญเสียมากแบบนี้มาก่อน ! เจ้าตัวปลอม ข้าจะจำเจ้าไว้ !” ซื่อเซียวบ่นออกมา ความแค้นที่มีเพียงพอที่จะฉีกจางหยูเป็นชิ้นๆได้ แต่มันก็เป็นแค่ความคิด
เขาไม่อยากตั้งคำถามกับจักรพรรดิคนที่เหลือเพราะเขารู้ว่าไม่ว่าใครจะปลอมตัวเป็นจางหยู แต่มันก็ไม่มีใครยอมรับอย่างแน่นอน ถามไปก็เสียเวลาเปล่า และมีแต่จะทำให้ทุกคนหัวเราะเยาะเขาแทน
“ ไม่แปลกเลยที่ทำลายสมบัติระดับสมบูรณ์ได้ในครั้งเดียว เมื่อเป็นจักรพรรดิ งั้นทุกอย่างก็ดูมีเหตุผล “ ซื่อเซียวใคร่ครวญเรื่องราวทั้งหมด นอกจากไม่อาจจะเดาตัวตนของจางหยูได้แล้ว เขาก็เข้าใจทุกอย่างหมด “ ฉิวหวังนี่โง่จริงๆ จักรพรรดิเข้าไปในดินแดนของเขา แต่เขากลับรู้ตัวช้า….”
แต่เมื่อคิดว่าจักรพรรดิคนอื่นอาจจะเข้ามาในเขตของเขา และอยู่ที่นี่โดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว มันก็ทำให้เขาอับอายอย่างมาก
ในทางกลับกันแล้วคนโง่กว่ากลับเป็นเขาเอง
…
ที่ทะเลโกลาหล
จางหยูเพิ่งจะรับมือกับการระเบิดตัวเองของซื่อเซียวเสร็จ ใบหน้าเขาไม่ได้มีรอยยิ้มเลย เขารู้สึกปวดใจขึ้นมาราวกับว่ามีอันตรายบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น ขนเขาลุกชันราวกับว่าถูกบางอย่างที่น่ากลัวจับตามองดูเขาอยู่
เขาไม่ลังเลที่จะเปิดวังวนเชื่อมต่อกับทะเลบรรพกาลแล้วรีบกลับไปทันที
จนกระทั่งเขากลับเข้ามาในทะเลบรรพกาล อันตรายที่เขารู้สึกนี้ก็หายไปช้าๆ
จางหยูเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว เขารู้สึกราวกับว่าหากอยู่ต่ออีกสักวินาที เขาอาจจะเจอกับเรื่องน่ากลัวที่คาดไม่ถึง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเช่นนี้ตั้งแต่ที่ขึ้นเป็นจักรพรรดิ ความรู้สึกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นแม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับซื่อเซียวก็ตาม
“ ร่างหลักของซื่อเซียวรึ ?” สีหน้าของจางหยูดูหนักใจ “ ร่างหลักของจักรพรรดิแข็งแกร่งได้ขนาดนี้เลยรึ ?”
เขารู้สึกว่าเขาอาจจะประเมินจักรพรรดิต่ำเกินไป หากความน่ากลัวนี่มาจากจักรพรรดิ งั้นพลังของจักรพรรดิก็น่ากลัวกว่าที่เขาคิดเอาไว้อย่างมาก และเขาเพิ่งเอาตัวเองไปเสี่ยง !
เขาได้ออกจากทะเลบรรพกาลไปยังโลกป่า เขาอยากดูว่าซื่อเซียวจะลงมือกับโลกป่าหรือไม่ เขารออยู่สักพัก เมื่อไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดๆ จางหยูถึงได้โล่งอกขึ้นมาเล็กน้อย แต่ในใจของเขาก็ยังสงสัย “ เขาคิดจะฆ่าข้าแต่ไม่ลงมือกับสำนักคังเฉียงรึ ?”
นี่ก็สมกับเป็นจักรพรรดิ ยังไงซะการที่จักรพรรดิลงมือกับสำนักคังเฉียงก็ดูเหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็ก
บางทีในสายตาของจักรพรรดิแล้ว มีแค่จักรพรรดิเท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาลงมือเองได้
พวกที่ต่ำกว่าจักรพรรดิต่างก็เป็นมดกันทั้งนั้น
��