ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1910 : การทดสอบ
ข้าขอโทษด้วย จางลู่ยิ้มออกมาและปฏิเสธข้อเสนอของ เสียเทียน
เสียเทียนมองไปที่จางลู่ แล้วพูดขึ้น ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่มาเสียดายในภายหลัง
เมื่อพูดจบเสียเทียนก็หันกลับแล้วเดินออกไปทันที
เขามายื่นข้อเสนอในการร่วมมือกัน เขาได้แสดงความจริงใจออกมาแล้ว หากยังอยู่ที่นี่ต่อไม่ใช่ว่าจะทำให้คนระดับแม่ทัพอย่างเขาเสียเกียรติรึไง
เขาคือเสียเทียน เขาก็มีความเย่อหยิ่งของตัวเองอยู่ !
ทันทีที่เสียเทียนกลับไป ก็เหลือแค่ซีหยุนกับร่างแยกคนอื่นๆเท่านั้น
จางลู่ไม่ได้ใส่ใจว่าเสียเทียนจะไม่พอใจรึโกรธ เขาทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นและบอกกับซีหยุน ท่านซีหยุน รีบพาเราไปทดสอบเถอะ
แม้ว่าจะเสียดายกับการที่จางลู่ปฏิเสธการร่วมมือกับเสียเทียน แต่เขาก็พูดอะไรไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เขาไม่อาจจะเข้าไปยุ่งด้วยได้
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงห้องโถงที่ซึ่งมีไว้เพื่อทำการทดสอบ
เชิญ ซีหยุนมองไปที่จางลู่และคนอื่นๆ วางฝ่ามือไว้บนหินแล้วมันจะทดสอบความแข็งแกร่งของท่านได้
เขาไม่สงสัยในความแข็งแกร่งของจางลู่และคนอื่นๆเลย แต่นี่คือขั้นตอนที่จำเป็นและเลี่ยงไม่ได้
พูดไปแล้วเขาก็สงสัยว่าจางลู่และคนอื่นๆจะแข็งแกร่งได้แค่ไหน เจ้าสำนักแกร่งได้ถึงระดับแม่ทัพแล้วร่างแยกอื่นๆล่ะ ?
บางทีอาจจะไม่ได้อ่อนแอกว่าข้า ? ซีหยุนคิด
โดยทั่วไปแล้วความแข็งแกร่งของร่างแยกนั้นไม่ว่าจะแกร่งแค่ไหนก็ต้องอ่อนแอกว่าร่างหลัก ยังไงซะนี่ก็เป็นร่างแยกแต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นร่างแยกของใคร
ร่างหลักอยู่ระดับแม่ทัพ ร่างแยกคงไม่อ่อนแอกว่าจ้าวโกลาหลทั่วไป
ในมุมมองของซีหยุนแล้ว จางลู่, เจ้าสำนัก และความว่างเปล่าอย่างน้อยน่าจะอยู่ระดับหัวหน้าทีม บางทีอาจจะไม่ได้อ่อนแอกว่าเขา
จางลู่มองไปที่หินแล้วก้าวออกมาก่อนจะวางมือลงบนหิน
ต่อมาสีของหินก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ซีหยุนยังไม่ทันได้สติกลับมาแสงสีขาวสว่างจ้าก็ส่องประกายออกไปทั่วทั้งห้อง แสงอันสูงส่งนี้ราวกับพลังของเทพ หินถึงกับสั่นไหวไปเล็กน้อย
ตาของซีหยุนกระตุกไปตาม สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เขาได้อุทานออกมา มะ…แม่ทัพ !
จางลู่ดึงมือกลับมา ก่อนที่แสงจะจางหายไป
ผลการทดสอบนี่ผ่านรึไม่ ? จางลู่หัวเราะออกมา
ซีหยุนอึ้งไป เมื่อได้ยินเสียงของจางลู่เขาถึงได้สติกลับมา เขามองไปที่จางลู่และเผยรอยยิ้มที่ขมขื่นออกมา ผู้อาวุโส…ท่านเป็นเจ้าสำนักตัวจริงใช่รึไม่ ? ทำไมท่านต้องมาหลอกข้าด้วย…
ผลการทดสอบเป็นสีขาว นอกจากเจ้าสำนักแล้ว ใครกันอีกที่จะทำได้ ?
ซีหยุนไม่คิดว่าร่างแยกของเจ้าสำนักจะแข็งแกร่งได้ถึงระดับนี้…
เจ้าอาจจะเข้าใจผิดไป จางลู่ส่ายหน้า ร่างหลักยังเก็บตัวอยู่ เราเป็นแค่ร่างแยกเท่านั้น
เป็นไปได้ยังไงกัน… ซีหยุนอึ้ง อย่าล้อเล่นกับข้าเลย
จางลู่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะรึร้องไห้ดี เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง เขาได้แต่พูดขึ้น งั้นก็ทดสอบต่อเถอะ
เมื่อเห็นแบบนั้น ซีหยุนก็คิดว่าจางลู่นั้นยอมรับว่าตัวเองคือจางหยูแล้ว เขาจึงแสดงท่าทีเคารพออกมามากกว่าเก่า
เชิญทางนี้ ซีหยุนมองไปที่เจ้าสำนัก เมื่อจางลู่คือจางหยู งั้นเจ้าสำนักก็คงเป็นร่างแยก
เจ้าสำนักพยักหน้าและเดินไปที่หินก่อนจะวางมือลงบนหิน
หลังจากนั้นฉากที่ทำให้ซีหยุนต้องตะลึง ก็เกิดขึ้น
หินได้แผ่แสงสีขาวออกมาอีกครั้ง
ซีหยุนแทบตาถลนออกมา สีหน้าเขายังเต็มไปด้วยความตกตะลึงราวกับเห็นผี
แม่ทัพ …แม่ทัพอีกแล้ว… สีหน้าของซีหยุนดูราวกับคนโง่เง่า น้ำเสียงของเขาสั่นเครือ เขารู้สึกราวกับกำลังฝันอยู่
ตอนนี้ซีหยุนสับสนอย่างมาก เขารู้สึกว่านี่ก็เป็นร่างหลักอีกคน แล้วคนตะกี้ล่ะ ?
มันมีเจ้าสำนักสองคนเลยรึ ?
ตอนนี้ในหัวของซีหยุนเต็มไปด้วยความสับสน เขาคิดอะไรไม่ออก
เขาไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์รึได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน
แม่ทัพคือคนที่เป็นรองจักรพรรดิ หากมองทั้งทะเลโกลาหลแล้วก็คือตัวตนที่แกร่งที่สุดหากไม่นับจักรพรรดิ แต่ตะกี้นี้กลับมีแม่ทัพโผล่มาถึงสองคน ….
ตาข้าแล้วรึ ? ความว่างเปล่าเดินเข้าไปที่หินแล้ววางมือลงบนหิน
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่หินจะเปล่งแสงสีขาวออกมาาอีกครั้ง
ซีหยุนอึ้งไปอีกรอบ สะ….สามคนเลยรึ ?
ร่างแยกทั้งสามล้วนแต่เป็นแม่ทัพ !
ทำไมเจ้าถึงคิดแบบนั้น ดูด้านหลังสิ จางลู่ตบไหล่ซีหยุน ท่าน…พวกท่านคงไม่ใช่… ซีหยุนพึมพำออกมาแต่ไม่อาจจะพูดต่อได้
ตั้งแต่ที่ซื่อเซียวสร้างเขตซื่อเซียวขึ้นมา ทั้งเขตซื่อเซียวมีแม่ทัพกี่คนกันที่กำเนิดขึ้นมา ?
5 !
ไม่สิ หากพูดให้แม่นยำแล้วก็มีแค่ 4 คน !
แม่ทัพสามรวมกับเสียเทียน นี่คือแม่ทัพสี่คนของเขตซื่อเซียว ซุนเหลียนเชิงนั้นไม่มีใครรู้ว่ามีต้นกำเนิดมาจากที่ไหน
มีแค่แม่ทัพสี่คนเท่านั้นที่กำเนิดขึ้นมาในเขตซื่อเซียว !
ตอนนี้ทีมคังเฉียงทีมเดียวหากนับเจ้าสำนักเข้าไปด้วยแล้ว จำนวนแม่ทัพกลับมีทัดเทียมกันได้ !
นี่…มันเกินไปแล้ว !
ทำไม แปลกใจรึ ? จางลู่หัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของซีหยุน เขาพอใจกับท่าทีของอีกฝ่ายอย่างมาก ตอนนี้เจ้าเชื่อรึยังว่าเราไม่ใช่ร่างหลัก ?
เชื่อ !
ยังไงซะแม้แต่ร่างแยกทั้งสามของเจ้าสำนักก็ยังทดสอบได้ระดับแม่ทัพ เรื่องน่าเหลือเชื่อแบบนี้ยังเกิดขึ้นได้ ซีหยุนจะไม่เชื่ออะไรอีก ?
เขาแค่คิดไม่ออก เจ้าสำนักเป็นแม่ทัพแต่ทำไมร่างแยกถึงได้มีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวแบบนี้ได้ ?
ซีหยุนเหม่ออยู่สักพัก
เอาล่ะ ต่อเลยดีรึไม่ ? จางลู่ยิ้มออกมา รอทุกคนทดสอบกันเสร็จแล้วเจ้าค่อยแปลกใจก็ยังไม่สาย
ซีหยุนยังไม่ทันได้พูดอะไร เซียนกระบี่พเนจรก็เดินไปที่หิน ภายใต้สายตากังวลของซีหยุนเขาก็ได้วางมือลงบนหินนั้นทันที
แสงสีขาวที่คุ้นตาส่องประกายขึ้นมาอีกครั้งราวกับว่าจะให้แสงสว่างกับโลกนี้
ซีหยุนอึ้งไปทันที ตาข้าแล้ว เฒ่าเทียนจีเดินเข้ามาและวางมือลงบนหินต่อทันที
ขาวอีกแล้ว !
ซีหยุนอึ้งจนตัวชา เขาราวกับคนที่ไม่มีสมองอยู่กับตัวแล้ว
เขามีความคิดแปลกๆในหัว รึว่าทุกคนจะเป็นแม่ทัพกันหมด ?
ไม่ไม่น่าจะเป็นไปได้ไม่ใช่รึ ?
แต่เมื่อเจ้าสำนักสาขาเข้ามาทดสอบก็มีแต่แสงสีขาวที่ส่องประกายออกมา ความคิดที่บ้าคลั่งในหัวซีหยุนตอนนี้ กลับเป็นจริงขึ้นมา…
ไม่นานตอนที่ทุกคนทดสอบกันเสร็จ ซีหยุนก็เริ่มชินชากับสิ่งที่เกิดขึ้น ในหัวของเขามีแต่ความว่างเปล่า
โลกในมุมมองของเขาได้ถูกทำลายและพลิกผันไปในเวลาอันสั้น !
แม่ทัพคนเดียวอาจจะพอรับได้แต่นี่มากันเป็นกลุ่ม ! แม้แต่ตอนนี้หากมีใครบอกเขาว่าเจ้าสำนักนั้นเป็นจักรพรรดิ เขาก็ไม่คิดสงสัยแม้แต่น้อย !
สุดท้ายซีหยุนก็ได้สติกลับมา เขาเห็นว่าทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาจนทำให้เขาตัวสั่นทันที ใจเขาเต้นรัว นี่คือกลุ่มแม่ทัพ ! มันจะรู้สึกยังไงกับการโดนกลุ่มแม่ทัพจ้องมองแบบนี้ ?
เดาว่าทั้งทะเลจักรวาลแล้วคงไม่มีใครบอกได้ดีกว่า ซีหยุน !
ซีหยุน ตัวสั่นราวกับลูกแกะที่เผชิญหน้ากับหมาป่า เขาได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ผู้อาวุโสทุกคน…ข้า…ข้า…
ก็แค่กลุ่มแม่ทัพไม่ใช่รึไง มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ใจเย็นๆ จางลู่หัวเราะออกมา เจ้าอาจจะยังไม่ชินแต่หลังจากที่มีประสบการณ์มากขึ้น เจ้าก็จะค่อยๆชินเอง
ซีหยุนจะพูดอะไรได้อีก ?
แค่เขาไม่ทรุดลงไปคุกเข่าก็ดีแค่ไหนแล้ว
อย่าพูดถึงเขาที่เป็นแค่หัวหน้าหน่วยของกองทัพเทียนลั่วเลย ถึงแม่ทัพจะมาที่เองแต่ต่อหน้ากลุ่มแม่ทัพเช่นนี้เดาว่าก็คงไม่อาจจะทำใจเย็นได้
ซีหยุนสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาพยายามเรียกสติของตัวเองให้กลับมา แม้ว่าจะยังไม่ได้เยือกเย็นดังเดิมแต่ก็พอพูดได้บ้างแล้ว ผู้อาวุโสทั้งหลาย ผลการทดสอบของท่านจะลงทะเบียนตามผลที่ออกมาเลยรึ ?
เขาคิดไม่ออกว่าจะเกิดความวุ่นวายแค่ไหนหากผลการทดสอบนี้เผยแพร่ออกไป