ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 103 สารภาพ
บทที่ 103
สารภาพ
เย่เย่ที่เห็นเจิ้งซูยังคงลังเลอยู่นั้นก็ได้พูดขึ้น “รับไปสิ นี่ไม่ได้เพียงเพื่อตัวเจ้าเอง แต่เพื่อหอการค้าของพวกเราด้วย”
เจิ้งซูได้ยินดังนั้นก็นึกขึ้นถึงภัยร้ายที่คืบคลานเข้ามา เขาจึงไม่ปฏิเสธที่จะรับยาไว้ และกล่าวขอบคุณเย่เย่ “ข้าจะจงรักภักดีต่อหอการค้าหยูเย่ตราบชีวิตจะหาไม่!”
เย่เย่พยักหน้าตอบรับคำสัญญาของเด็กหนุ่มด้วยความพึงพอใจ แต่เขาก็ไม่ได้กดดันเจิ้งซูแต่อย่างใด เขารู้ดีว่าพลังอำนาจของตระกูลมู่หรงนั้นสูงกว่าศัตรูที่เขาเคยเจอมา และด้วยความแข็งแกร่งโดยรวมของหอการค้าหยูเย่นั้นยังห่างชั้นกับตระกูลมู่หรงอยู่มากทำให้เขายังไม่มีความมั่นใจมากพอที่จะเปิดศึกกับตระกูลมู่หรงโดยตรง เย่เย่จึงตัดสินใจที่จะพัฒนาเจิ้งซูและบรรดาลูกจ้างคนอื่นๆให้พร้อมรับมือกับศึกใหญ่ที่จะมาถึง
ไม่เพียงเจิ้งซู แต่รวมไปถึงคนอื่นๆ โดยเฉพาะเสี่ยวหยูที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขามานาน แต่วรยุทธ์ของนางยังเป็นแค่จ้าววรยุทธ์ทั่วๆไป ซึ่งอาจทำให้นางตกอยู่ในอันตราย ยิ่งเมื่อเย่เย่นึกถึงตอนที่เสี่ยวหยูถูกลักพาตัวไป เขายิ่งรู้สึกผิดและโทษตัวเองอยู่บ่อยครั้ง หลังจากที่เลื่อนขั้นให้เจิ้งซูสำเร็จเขาวางแผนที่จะเลื่อนขั้นให้เสี่ยวหยูต่อทันที
เมื่อเจิ้งซูรับยาจิตวิญญาณแห่งสรวงสวรรค์ และเดินออกไป ในห้องจึงเหลือเพียงเย่เย่ และเหยียนซื่อเพียงสองคน แม้ว่าเหยียนซื่อจะมองเกราะทะลวงสวรรค์ที่วางอยู่อย่างไม่วางตา แต่เขาก็ไม่แสดงความโลภออกมา
“เจ้ารู้สาเหตุที่ข้าเรียกเจ้ามาหรือไม่?”
หลังจากที่เงียบไปสักพัก เย่เย่ก็นั่งลงและถามเหยียนซื่อด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น เหยียนซื่อรู้สึกได้ถึงความกดดัน เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงมาจากหน้าผากของเขา ชายหนุ่มไม่รู้จะตอบอย่างไรจึงถามเย่เย่ขึ้นด้วยความสุภาพนอบน้อม “ข้าน้อยไม่ทราบ ได้โปรดชี้แนะด้วย”
“ข้าได้ยินว่าเจ้าแอบลักลอบตั้งกองกำลังเล็กๆขึ้นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เรื่องนี้จริงอย่างที่ข้าว่ามาหรือไม่?”
เย่เย่ไม่ปล่อยให้มันคลุมเครืออีกต่อไป เขาจึงถามเหยียนซื่ออย่างตรงไปตรงมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เรียบเฉย ไม่แสดงอาการโกรธแต่อย่างใด
สีหน้าของเหยียนซื่อซีดลงในทันที เขาคุกเข่าลงต่อหน้าเย่เย่ และพูดขึ้น “ข้าน้อยผิดไปแล้ว ยกโทษให้ข้าน้อยด้วยเถอะ! จากนี้ไปข้าจะไม่ทำอะไรโดยพลการอีกแล้ว”
เหยียนซื่อที่จับตามองการเจริญเติบโตของหอการค้า หยูเย่จากภายในมาตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้าร่วม ชายหนุ่มรู้ดีถึงความแข็งแกร่ง และศักยภาพของหอการค้า ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังรู้อีกด้วยว่าเย่เย่สามารถฆ่าเขาได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะยอมรับผิด และอ้อนวอนให้เย่เย่ยกโทษให้
แม้เย่เย่จะไม่เชื่อคำพูดที่ออกมาจากปากของเหยียนซื่อ แต่เขาก็เห็นใบหน้าที่ปราศจากความเสแสร้งของชายหนุ่ม เขาจึงตอบกลับชายหนุ่มไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ลุกขึ้นเถอะ ข้าแค่ต้องการให้เจ้าสำนักว่าเจ้าได้ทำอะไรลงไป ข้าหวังว่าจะไม่เห็นพนักงาน ระดับสูงเช่นเจ้าทำผิดพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง!”
“โปรดวางใจ ข้าน้อยแค่หลงผิดไปชั่วขณะ โชคยังดีที่ท่านทำให้ข้าได้สติ หลังจากที่ท่านนำพาพวกเราผ่านพ้นวิกฤติมานับไม่ถ้วน ทั้งตัวข้าและลูกน้องของข้าต่างเคารพนับถือท่าน และไม่ได้จัดชุมนุมขึ้นอีกเลยขอรับ”
เหยียนซื่อพยายามอย่างสุดตัวเพื่อให้เขาพ้นข้อกล่าวหา เขามั่นใจว่าเย่เย่จะไม่ถือสาเอาความเขาอีก เย่เย่เมื่อได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรเป็นพิเศษ เขายังคงสุขุมเยือกเย็นและตั้งคำถามกดดันเหยียนซื่อเพิ่มเติมเพื่อให้มั่นใจว่าชายหนุ่มไม่ได้โกหก
“เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าไม่ได้ลักลอบซ่องสุมกำลังตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา? หรือแม้แต่ต้องการจะฮุบหอการค้าหยูเย่เป็นของตัวเอง?”
“….ไม่เลยขอรับ” เหยียนซื่อหยุดนิ่งไปสักพัก เขาหลบตาเย่เย่และพูดขึ้น
“เจ้าที่แอบไปพบพนักงานหลิวเมื่อวานซืน และแอบเอาของไปให้พนักงานหวางเมื่อวาน นั่นคือสิ่งที่เจ้าทำเป็นชีวิตประจำวันอย่างงั้นหรือ?” เย่เย่ซักไซ้เหยียนซื่อราวกับไต่สวนนักโทษอุกฉกรรจ์
เย่เย่นั้นติดตั้งค่ายกลประเภทตรวจสอบเอาไว้ในหอการค้าทั้ง 7 ชั้นและบริเวณรอบๆ ไม่ว่า
เหยียนซื่อจะลักลอบทำอะไรก็ไม่หลุดพ้นสายตาสับปะรดของเย่เย่ที่คอยจ้องมองพวกเขาไปได้ เดิมทีที่เขาเรียก เหยียนซื่อมานั้นเพื่อจะให้ชายหนุ่มพูดความจริงออกมาโดยที่เขาไม่ต้องคาดคั้นอะไรมาก แต่เขาก็ต้องผิดหวังเมื่อเหยียนซื่อปฏิเสธอย่างสุดตัวจนทำให้เขาต้องงัดหลักฐานออกมา
“ท่านเย่ ข้าไม่เคยคิดว่าท่านจะคอยจับตามองข้าถึงเพียงนี้ ข้าผิดไปแล้วจริงๆ ได้โปรดลงโทษข้าด้วย จะไล่ข้าออก หรือประหารข้าเพื่อไม่ให้ใครเอาเยี่ยงอย่าง ข้า เหยียนซื่อผู้นี้ขอรับโทษแต่โดยดี!”
เมื่อเย่เย่ต้อนเขาจนจนมุม ชายหนุ่มก็ยอมจำนนต่อหลักฐาน เป็นครั้งแรกที่เขาก้มหน้าคุกเข่าลงอย่างรู้สึกผิด เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเย่เย่จับตามองเขาตั้งแต่ตอนไหน
อย่างไรก็ตามเย่เย่ไม่ได้ตัดสินใจทันทีว่าจะลงโทษเขาหรือไม่ เนื่องจากเหยียนซื่อเป็นคนเก่ง มีไหวพริบปฏิภาณและน่าจะเป็นประโยชน์ต่อหอการค้าหยูเย่ในอนาคต สังเกตได้จากการที่เหยียนซื่อยอมรับสารภาพและบอกให้ลงโทษเขาสถานหนัก เพราะชายหนุ่มรู้ดีว่าเย่เย่จะไม่ฆ่าเขาหากยอมรับผิดแต่โดยดี
แม้ว่าเย่เย่จะไม่ชอบคนที่มักใหญ่ใฝ่สูงเกินตัวแบบ เหยียนซื่อมากนัก แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเกลียดเข้ากระดูกดำ ยิ่งสถานการณ์ในตอนนี้หอการค้าหยูเย่ต้องเผชิญหน้ากับตระกูล มู่หรง ทำให้พวกเขาต้องการคนดีมีฝีมือ เย่เย่จึงตัดสินใจให้โอกาสเหยียนซื่อได้พิสูจน์ตนอีกครั้งหนึ่ง
“ลุกขึ้น! เกราะทะลวงสวรรค์เป็นของเจ้าแล้ว แต่เจ้าจะรักษามันไว้ได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผลงานและความซื่อสัตย์ของเจ้า ข้าจะให้โอกาสกับเจ้าอีกเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น!” เย่เย่ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนที่เขาจะสั่งให้เหยียนซื่อลุกขึ้นและมอบเกราะที่เดิมเคยเป็นของเจิ้งซูให้กับเขา ชายหนุ่มแทนที่จะดีใจเขากลับรู้สึกกดดัน เขารู้ดีว่าหากเขาทำผิดพลาดอีกละก็เขาได้กลายเป็นปุ๋ยไปคุยกับรากมะม่วงอย่างแน่นอน
“ขอบคุณท่านเย่ที่เมตตาข้า ข้าจะทำหน้าที่ให้ได้ที่สุดให้สมกับโอกาสที่ข้าได้รับ หากข้าผิดคำสัญญาขอให้ฟ้าลงทัณฑ์” เหยียนซื่อยื่นมือทั้งสองข้างรับเกราะมา และให้คำมั่นสัญญากับเย่เย่ อย่างจริงใจ
เป็นครั้งแรกที่เย่เย่สัมผัสได้ถึงความจริงใจในน้ำเสียงของชายหนุ่ม เขาพยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนที่จะเชิญเหยียนซื่อออกไปจากห้องของเขา
“ข้าน้อยขอตัว” ชายหนุ่มโค้งคำนับเถ้าแก่เย่ และออกจากห้องไปพร้อมกับชุดเกราะในมือ เขาเงยหน้าและกู่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ แม้ว่าเกราะทะลวงสวรรค์จะไม่ได้มีคุณสมบัติเทียบเท่ายาแห่งจิตวิญญาณแห่งสรวงสวรรค์ที่ทำให้บรรลุขั้นเทพยุทธ์ได้โดยตรง แต่มันก็ทำให้เขาแข็งแกร่งทัดเทียมเทพยุทธ์ได้เช่นกัน
หลังจากที่เขาได้รับเกราะนี้จากเย่เย่ ความจงรักภักดีของชายหนุ่มที่มีต่อเย่เย่ก็เพิ่มมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เขามั่นใจว่าด้วยเกราะชิ้นนี้จะทำให้เขาก้าวกระโดดในหน้าที่การงานได้อย่างแน่นอน…