ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 150 กวาดล้าง
บทที่ 150
กวาดล้าง
หวงซ่งฉินที่เห็นกระบวนท่าอันทรงพลังก็ทรุดลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าจางเฉิงกวงหัวหน้าของพวกเขานั้นซุกซ่อนไพ่ตายที่มีพลังทัดเทียมกับเทพอสูรขั้นต้นเอาไว้
“ท่านอาจารย์!” เฉินเซียนเห็นท่าไม่ดี เขาจึงรีบวิ่งมาหาเย่เย่เพื่อหวังใช้ร่างของเขารับการโจมตีนั้นแทนผู้เป็นอาจารย์
“ท่านเย่!?” สีหน้าของสองพี่น้องลี่เฉียนเฟิงและลี่อิงก็ ซีดเซียวด้วยความตกใจอย่างสุดขีด สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล ทั้งสองตะโกนเรียกเย่เย่อย่างสุดเสียง
อย่างไรก็ตามเย่เย่ยังคงมีท่าทีที่สงบนิ่ง เขายกมือขึ้นห้ามเฉินเซียนและกล่าวกับเขาอย่างใจเย็น
“ถอยไปซะ ไม่ต้องเป็นห่วงข้า” เมื่อเย่เย่พูดจบ เขาก็โคจรลมปราณไหลเวียนไปทั่วร่างเพื่อเร่งศักยภาพที่แท้จริงของเขาออกมา
ครืนนนนนนนนนน
พายุหมุนได้ขนาดย่อมๆได้ก่อตัวขึ้นรอบกายของเย่เย่ และอสนีบาตสีม่วงได้ผ่าลงมาที่ร่างของผู้ใช้มันจนเกิดแสงสว่างวาบขึ้นชั่วพริบตา ทันใดนั้นเองเขาก็ใช้กระบวนท่าสลาตันฟ้าคำรามขั้นสูงเข้าปะทะกับคมหอกคมดาบนับหมื่นนับพันจากสรวงสวรรค์ที่พุ่งเสียดแทงผ่านช่องเขาเข้ามา
ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมมม
เสียงการปะทะกันระหว่างสองกระบวนท่าขั้นสูงดังอึกทึกคึกโครมราวกับเสียงระเบิด ทันทีที่ฝุ่นตลบจางลงใบมีดที่ตกลงมาราวกับห่าฝนก็ถูกทำลายลง มันแตกออกและกลายเป็นประกายแสงหายไปในอากาศในที่สุด เช่นเดียวกับผู้ใช้ที่ถูกเย่เย่ประทับฝ่ามือลงกลางอกเข้าอย่างจัง
“อั่กกกกกก”
จางเฉิงกวงรู้ตัวอีกทีเขาก็กระอักเลือดออกมากองใหญ่ ดวงตาที่พร่ามัวจ้องมองศัตรูด้วยความหวาดผวา เย่เย่ไม่รอให้โจรหัวโจกตั้งตัวก็รัวหมัดใส่เขาก่อนปล่อยหมัดสุดท้ายเข้าที่กลางอกอย่างรุนแรง
เปรี้ยงงงงงงงงงง
จางเฉิงกวงที่ตามความเร็วของเย่เย่ไม่ทันก็ถูกซัดราวกับกระสอบทรายและกระเด็นลอยไปไกลก่อนร่างจะตกลงกระแทกกับพื้น เขาร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวดจนแทบจะสิ้นใจ
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก”
ไม่นานนักเขาก็สิ้นใจ เย่เย่หันหน้าไปหากลุ่มโจรที่เหลือรอดราวกับสัตว์ร้าย เมื่อพวกเขาเห็นหัวโจกนอนแน่นิ่งก็ผงะและค่อยๆถอยออกไปอย่างเก้ๆกังๆ สีหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยวด้วยความหวาดกลัวเมื่อรู้ว่าตนเองเป็นรายต่อไป
“อ่าาาา”
“ไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด”
“อ๊ากกกกกกกกกก”
เมื่อเย่เย่พุ่งเข้าจู่โจมพวกเขา เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังระงมขึ้นไปทั่วทั้งช่องเขา
กำลังใจของกลุ่มโจรเหือดหายไปพร้อมๆกับการตายของจางเฉิงกวง พวกเขาทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอด บ้างก็วิ่งหนี บ้างก็อ้อนวอนขอชีวิต ไม่นานนักหุบเขาแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยซากศพที่กองพะเนินเป็นภูเขา กลุ่มโจรภูผาของจางเฉิงกวงก็ถูกกวาดล้างด้วยน้ำมือของเย่เย่
โจวหลางและพรรคพวกที่ดูอยู่ห่างๆก็ถึงกับพูดไม่ออก เฉินเซียนและสองพี่น้องต่างก็รู้สึกเช่นเดียวกัน แม้ว่าพวกเขาจะรู้จักเย่เย่มาก่อนพวกโจวหลางแต่พวกเขากลับรู้สึกว่าชายที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาไม่ใช่คนเดียวกับเย่เย่ที่พวกเขารู้จัก
“น่ะ…นี่มันไม่ใช่ระดับเทพยุทธ์แล้ว นี่มันพลังระดับเทพอสูรชัดๆ” ลี่เฉียนเฟิงขยี้ตาราวกับไม่อยากเชื่อในสายตาตนเอง เขาเริ่มวิเคราะห์ว่าพลังของเย่เย่นั้นไม่ใช่ระดับเดียวกับที่เขาคาดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ขณะนั้นเองเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเย่เย่คนนี้อาจจะเป็นคนคนเดียวกับประธานหอการค้าก็เป็นได้
หวงซ่งฉินที่เห็นกลุ่มโจรของจางเฉิงกวงถูกฆ่าลงได้อย่างง่ายดาย ในจิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยความสับสน ใจหนึ่งเขาก็รู้สึกโล่งอก ใจหนึ่งเขาก็รู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้ว่ากลุ่มโจรภูผาของพวกเขาจะถูกแบ่งออกเป็นสองก๊กก็จริง แต่กลุ่มของพวกเขาก็มีต้นกำเนิดแบบเดียวกัน แต่เมื่อเขาไตร่ตรองดูดีๆแล้ว เย่เย่นั้นทำเพื่อปกป้องกลุ่มคนที่เหลืออยู่ดังนั้นเขาจึงรู้สึกขอบคุณเย่เย่อยู่ลึกๆในใจ
“ช้าก่อน ท่านเย่ จางเสี่ยวชูเป็นบุตรชายของจางเฉิงกวง เขายังเด็กอยู่มากและเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิด อย่างน้อยได้โปรดไว้ชีวิตเขาไว้ด้วยเถอะ!” ทันทีที่เห็นเย่เย่เดินเข้าไปหา จางเสี่ยวชู หวงซ่งฉินก็โพล่งขึ้นมา เขาคุกเข่าต่อหน้าเย่เย่และอ้อนวอนขอชีวิตแทนเด็กชาย
กลุ่มโจรของหวงซ่งฉินก็คุกเข่าลงตามผู้เป็นนายและก้มหัวขอร้องเย่เย่เป็นเสียงเดียวกัน
“ได้โปรดปล่อยจางเสี่ยวชูไปด้วยเถอะ!”
จางเสี่ยวชูยังคงยืนนิ่งด้วยความหวาดกลัวจากการตายอันน่าสยดสยองของผู้เป็นพ่อ
โจวหลางที่เห็นเย่เย่ใจอ่อน เขาก็ควบม้าเข้ามาหาเขาและพูดกับเย่เย่ขึ้น
“ท่านเย่ จางเสี่ยวชูคือบุตรชายของผู้นำแก๊งโจรภูผา ถ้าปล่อยให้เขารอดไป เขาต้องกลับมาแก้แค้นอย่างแน่นอน”
“พี่ใหญ่กล่าวได้ถูกต้องแล้วท่านเย่! เราควรตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคต” เฉินเยว่และ โจวหลางต่างสนับสนุนความคิดของโจวหลาง คนอื่นๆภายในคณะเดินทางต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยไปตามๆกัน พวกเขารอการตัดสินใจของเย่เย่ที่ได้กลายเป็นผู้นำคนใหม่ของกลุ่มแทน โจวหลางไปโดยปริยาย
เฉินเซียนผู้เป็นศิษย์เมื่อเห็นผู้เป็นอาจารย์ได้รับการยอมรับ เขาก็รู้สึกภาคภูมิใจและศรัทธาในตัวของเย่เย่มากขึ้น แม้กระทั่งลี่เฉียนเฟิงและลี่อิงที่เคยเคลือบแคลงในตัวเย่เย่เองทั้งสองก็รู้สึกคิดถูกที่ตัดสินใจติดตามเย่เย่มาแม้จะไม่เต็มใจในทีแรกก็ตาม
ในทีแรกพวกเขาทั้งสองต่างคิดว่าเฉินเซียนนั้นโง่เขลาที่ยอมรับข้อเสนอของเย่เย่ แต่ในตอนนี้พวกเขารู้ตัวแล้วว่าพวกเขานั้นมองเย่เย่ผิดไป โดยเฉพาะลี่เฉียนเฟิงที่คาดเดาตัวตนของเย่เย่ได้คร่าวๆแล้ว เขาก็ยิ่งรู้สึกอิจฉาปนยินดีกับความโชคดีของ เฉินเซียน
“พ่อของเด็กนี่ฆ่าลูกน้องของเจ้า ไยเจ้าจึงต้องปกป้องเขาด้วย?” เย่เย่ที่เงียบไปสักพัก เขาก็ถามหวงซ่งฉินขึ้นด้วยความงุนงง
“ถึงแม้จางเฉิงกวงจะชั่วช้า แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นอดีตผู้นำของข้า นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ข้าจะทำเพื่อเขาได้” หวงซ่งฉินตอบเย่เย่อย่างตรงไปตรงมา
เย่เย่ที่ได้ยินความจริงใจในน้ำเสียงของหวงซ่งฉินจึงถอนหายใจออกมา ก่อนจะสั่งให้กลุ่มโจรลุกขึ้น
“เงยหน้าขึ้นเถอะ! วันนี้มือข้าเปื้อนเลือดมามากพอแล้ว กลับไปซะแล้วอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก!”
เย่เย่พูดพลางชำเลืองมองจางเสี่ยวชูที่กำหมัดแน่น ก่อนจะหันหลังและเดินกลับไปหาพรรคพวกของเขา
แม้ว่าจางเสี่ยวชูเด็กหนุ่มอาจจะกลายเป็นศัตรูที่เก่งกาจของเขาในอนาคต แต่เย่เย่ก็ไม่ใส่ใจกับเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นและเขาถือคติว่าจะไม่ฆ่าใครเพียงเพราะมีความเป็นไปได้ที่ใครคนนั้นจะกลับมาแก้แค้นเขาในอนาคต ในมุมมองของเย่เย่ถึงแม้ในวันข้างหน้าโชคชะตากำหนดให้เขาต้องสู้กับจางเสี่ยวชูหรือไม่ว่าใครก็ตามที่มีความแค้นต่อเขา เขาก็ยินดีจะยอมรับมัน
“ขอบคุณท่านเย่ ข้า หวงซ่งฉินจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้ของท่านเลย”
หวงซ่งฉินและลูกน้องก้มหน้าคำนับเย่เย่ด้วยความรู้สึกปีติยินดี และโล่งอก
จางเสี่ยวชูที่ยืนอยู่ข้างหลังหวงซ่งฉินชะเง้อมองเย่เย่ด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ มือทั้งสองข้างสั่นเทาด้วยความแค้นสลับกับความกลัว
เมื่อเห็นเย่เย่ตัดสินใจเช่นนั้น โจวหลางก็นิ่งเงียบและไม่ได้ไม่พูดอะไรเพิ่มเติม แต่สีหน้าของเขาก็แสดงออกถึงความไม่พอใจ ผิดกับกวนเหยาที่เข้าประจบประแจงเย่เย่ด้วยวาจาในทันที
“ท่านเย่ช่างใจกว้างยิ่งนัก เลื่อมใส เลื่อมใส”
เย่เย่ไม่ให้ค่าคนอย่างกวนเหยา เขาเมินเฉยกับคำเยินยอสรรเสริญและเดินกลับขึ้นหลังม้าของเขาพร้อมกับออกเดินทางต่อในทันที
“ไปกันเถอะ!” เฉินเซียนพูดพลางหยักหน้าให้กับสองพี่น้อง และควบอาชาตามผู้เป็นอาจารย์ไปพร้อมๆกับคณะเดินทางของโจวหลาง หลิงเฉิงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว!
หลังจากสิ้นสุดการต่อสู้อันดุเดือด หวงซ่งฉินและพรรคพวกของเขาก็ยุบกลุ่มโจร และหันมาทำอาชีพสุจริต ถึงแม้ในช่วงแรกจะกระท่อนกระแท่นอยู่บ้าง แต่หวงซ่งฉินก็ปฏิญาณตนว่าเขาจะไม่กลับไปเดินทางสายโจรอีก เพราะครั้งหน้าเขาอาจจะไม่โชคดีแบบวันนี้อีกแล้วก็เป็นได้…