ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 5 ปลุกจิตวิญญาณแห่งวรยุทธ์!
“เย่เย่!”
เย่เซียงที่เห็นว่าเย่เย่เดินออกไป แววตาของเขาก็แสดงออกถึงความมุ่งร้ายในทันที แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเหตุใด ทำไมคนที่ดีกว่าในทุกๆด้านเช่นเขาถึงไม่เป็นที่โปรดปรานของแม่นางเฟิงเซียนซีเช่นนี้ ตัวเขาพยายามให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะได้อยู่ในสายตาของนางผู้นี้บ้างแท้ๆ มิเช่นนั้นแล้วคงไม่พยายามขนาดนี้หรอก ดังนั้นไม่ว่าจะด้วยด้านใดก็ตาม ไม่มีทางที่เขาจะด้อยไปกว่าเย่เย่เลย ไหนจะการที่เขามีเชื้อสายของตระกูลเย่และเป็นผู้ผ่านการทดสอบประจำตระกูลอีก ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าอะไรดลใจให้นางชอบคนไร้ค่าอย่างเย่เย่มากกว่าเขา
“ดูเหมือนข้าคงจะต้องหาโอกาสให้น้องสามสั่งสอนบทเรียนแก่เจ้าบ้างเสียแล้ว!”
ในใจของเย่เซียงนั้นมั่นหมายไว้แล้วว่าจะต้องหาใครมากำจัดเย่เย่ให้ได้
“น้องเซียง เราไปจากที่นี่กันเถอะ!”
หลินหยูฉีเองก็หมดความรู้สึกที่อยากจะเดินเลือกซื้อของแล้ว นางจึงกวักมือเรียกเย่เซียงแล้วออกจากปะรำชิงเฟิงไปพร้อมๆกัน
หลังจากที่ทั้งสองจากที่แห่งนั้นไปได้ไม่นานนัก ชายผู้หนึ่งที่แต่งตัวเหมือนเด็กๆก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเฟิงเซียนซี เขาส่งหนังสือเล่มเล็กๆให้นางพร้อมกับพูดด้วยความนับถือ “นายหญิง ข้าได้ทำการตรวจสอบในสิ่งที่ท่านปรารถนาเรียบร้อยแล้วขอรับ นี่เป็นรายละเอียดของเย่เย่ ข้าบันทึกมันไว้ในนี้หมดแล้ว”
“ฮ่ะๆๆ ช่างเป็นชายที่น่าสนใจจริงๆ”
เฟิงเซียนซีรับหนังสือเล่มนั้นมาและเปิดอ่านอย่างสนอกสนใจ จากนั้นเธอจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองตรงไปยังทางที่เหล่าคนก่อนหน้านี้เพิ่งจะเดินออกไปด้วยรอยยิ้มบางๆบนใบหน้า
ทางด้านของเย่เย่ที่กลับบ้านไปพร้อมตั๋ว 100,000 เหรียญทอง เขานั้นไม่รอช้าที่จะใช้ฟังก์ชันรีไซเคิลเพื่อเปลี่ยนมันให้กลายเป็นเหรียญจักรวาลทันที
‘การแลกเปลี่ยน เสร็จสิ้น!’
ยามที่เห็นว่าเงินคงเหลือเปลี่ยนจาก 9 กลายเป็น 1,009 เหรียญแล้ว เย่เย่ก็รู้สึกชอกช้ำขึ้นมานิดหน่อย เพราะว่าก่อนหน้านี้น่ะ มันเคยเป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูงระดับ 100,000 เหรียญทองมาก่อนยังไงล่ะ!
อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้มันก็เพื่อให้เขาสามารถปลุกจิตวิญญาณแห่งวรยุทธ์ได้และเพื่อที่จะให้ตนได้กลายเป็นจ้าวแห่งวรยุทธ์เพื่อชำระแค้นหลินหยูฉีได้ในเร็ววัน บางอย่างก็ต้องมองข้ามไปบ้าง
‘ข้าช่างมีนายท่านสุดแสนวิเศษ~♫ ค่าตอบแทนที่ท่านรีไซเคิลเงินตรา รับชุดสิ่งของเครื่องเหล็กและ ประคำสายฟ้าฟาดไปเลย 10 ลูก!’
เย่เย่ประหลาดใจไม่น้อยเลยกับการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ เขาไม่คาดคิดเลยว่าแอปแลกเปลี่ยนครอบจักรวาลนี่จะมีผลตอบแทนถ้าหากรีไซเคิลสิ่งของในราคาสูงด้วย เพียงไม่นานนักหลังจากที่ได้ยินดังนั้น ชุดเกราะเหล็กสีดำก็ปรากฏออกมาตรงหน้าเขา ซึ่งภายในชุดนั้นประกอบไปด้วยเกราะตามส่วนต่างๆ หมวกเหล็กรวมไปถึงดาบที่ดูจะทำมาจากเหล็กเนื้อดีด้วย
นอกจากเกราะเหล็กกล้าเหล่านั้น เขายังได้สิ่งของแปลกประหลาดหน้าตาเหมือนไข่ที่ดูดำสนิทเหมือนมุกมาด้วย ซึ่งภายในนั้นมีสิ่งที่เหมือนสายฟ้ากำลังวิ่งไปมาอยู่!
สายฟ้าเหล่านี้ยังคงไม่สิ้นฤทธิ์ แม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันเกิดมาได้อย่างไร แต่เย่เย่ก็ภาวนาว่าอย่าให้สิ่งที่เก็บมันอยู่นี้เกิดระเบิดออกมาใส่เขาก็แล้วกัน
‘ปลดล็อกหมวดของชำ ขอเชิญท่านเลือกจับจ่ายใช้สอยได้ตามสะดวก’
ไม่เพียงแค่ส่งของให้เท่านั้น คราวนี้แอปพลิเคชั่นเจ้าปัญหานี่ยังเปิดหมวดที่เคยปิดไม่ให้เข้าไปก่อนหน้าอีกด้วย
*พรึ่บ*
หลังจากที่เข้าไปดูสินค้าในหมวดของชำที่เปิดใหม่นั้นบ้างแล้ว เย่เย่ก็เกือบจะสำรอกออกมาเป็นก้อนเลือด นั่นก็เพราะว่าสิ่งของที่อยู่ภายในหมวดนี้นั้นมันแทบไม่ต่างอะไรกับขยะในโลกที่เขาจากมาเลยแม้แต่นิด!
“เศษผ้า! มีดผ่าแตงโมครึ่งเดียว! โซ่ขึ้นสนิม! ยาหมดอายุ! ประคำวัดดวง!”
แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าคุณภาพสูงส่งขนาดไหน ไม่น่าไว้ใจแบบสุดๆ!
เขาตัดสินใจลองกดเข้าไปดูของ 1 อย่างจากในสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น และสิ่งที่เขาเลือกก็คือ “เศษผ้า”
‘ชื่อ : เศษผ้า!
ราคา : 1 เหรียญจักรวาล!
ฟังก์ชัน : สามารถช่วยปกปิดลมหายใจและทำให้สิ่งของล่องหนได้!
คำวิจารณ์ : เจ้าคำใจคำว่าร้านของชำรึเปล่าน่ะ? เจ้าไม่ควรเอาความหวังมาทิ้งกับร้านของชำนะรู้ไหม! เว้นแต่เจ้าโชคดี เจ้าก็จะได้สมบัติไปครอง’
“ล่องหนงั้นเหรอ…ก็เยี่ยมไปเลยสิ!”
คำว่าล่องหนได้ของเศษผ้านี้ดูน่าสนใจไม่น้อยสำหรับ เย่เย่
“ยังไงซะก็ใช้แค่ 1 เหรียญเองนี่ ซื้อๆไปก็ไม่เสียหายหรอกน่า”
ไม่ต้องคิดทบทวนให้วุ่นวาย เย่เย่กดซื้อและยืนยันการจ่ายเงินอย่างรวดเร็ว และหลังจากที่ยอดเงินถูกชำระ เงินคงเหลือของเขาก็เปลี่ยนจาก 1,009 เป็น 1,008 ทันที!
ทันใดนั้นจู่ๆบริเวณมุมหนึ่งของโต๊ะตรงหน้าเขาก็กลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าไป
เย่เย่ลองสัมผัสบริเวณนั้นดูเบาๆ และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิด ตรงจุดที่ว่างเปล่าไปนั้นมีบางสิ่งบางอย่างเหมือนผ้าคลุมไว้อยู่ แล้วเมื่อนำมันมาคลุมที่ฝ่ามือ ฝ่ามือของเขาก็หายไปทั้งหมดเลย ไม่เห็นแม้แต่ล่องลอย
“นี่มันดีกว่าที่คิดซะอีกนะเนี่ย!”
แม้ผลลัพธ์จะดีเกินคาด แต่บางสิ่งบางอย่างมันก็ทำให้ เย่เย่รู้สึกตะขิดตะขวงใจขึ้นมา…ผืนแค่นี้เองงั้นเหรอ?
หลังจากที่ทดลองเล่นกับเจ้าสิ่งนี้อยู่พักหนึ่ง เย่เย่ก็เริ่มรู้สึกหนักอกหนักใจมากขึ้นมาอีก นั่นก็เพราะไอ้เศษผ้าชิ้นนี้น่ะ ราคาตั้ง 100 เหรียญทองเลยนะ ถึงจะช่วยให้ล่องหนได้ก็จริงแต่ขนาดแค่นี้นอกจากหนูตัวเล็กๆแล้วมันมีประโยชน์อะไรกันน่ะ? เจ็บปวดเหลือเกิน
ละสายตาจากเศษผ้าคลุมล่องหนนั้น เย่เย่ก็เริ่มกลับไปตรวจดูสินค้าชิ้นอื่นๆต่อ ภายหลังจากที่ได้เห็นสินค้ามากมาย ความสนใจของเขาก็ตกไปอยู่กับ “ประคำเสี่ยงโชค”
‘ชื่อ : ประคำเสี่ยงโชค!
ราคา : 1 เหรียญจักรวาล
ฟังก์ชัน : ระเบิดอย่างรุนแรงหลังใช้งาน
คำวิจารณ์ : ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร หน้าอินทร์หรือว่าหน้าพรหม การครอบครองประคำเสี่ยงโชคนี้ถือเป็นเรื่องที่ดี เม็ดประคำที่ภายในบรรจุอสนีบาตสุดเกรี้ยวกราดเอาไว้นั้นสามารถฆ่าจ้าวแห่งวรยุทธ์ได้ง่ายๆเลย! แต่ก็ต้องพึ่งดวงหน่อยล่ะ เพราะมันไม่ใช่ประคำทุกเม็ดที่จะบรรจุอสนีบาตเอาไว้ ดังนั้นถ้าเจ้าเจอของปลอม โชคร้ายก็จะเป็นของเจ้า! ดังนั้นหมั่นเข้าวัดทำบุญกันเอาไว้เถิดผองเพื่อน บางทีบุญกรรมอาจจะหนุนนำให้เจ้าทำลายโลกใบนี้ได้เลยก็ได้นะ’
“ไอ้เจ้านี่…ทรงพลังขนาดนี้เลยงั้นหรือ?”
เมื่ออ่านคำแนะนำเกี่ยวกับประคำเสี่ยงโชคนี่เสร็จแล้ว เย่เย่ก็ถึงกับช็อกไปเลย
ด้วยคำที่บอกว่า อสนีบาตที่ถูกบรรจุไว้ภายในนั้นมีขอบเขตที่รุนแรงมากระดับที่ฆ่ากันตายได้เลย แต่ก็ด้วยคำวิจารณ์ด้านล่างที่ดูเหมือนของจริงนั้นจะหาได้ยากในหมู่ของปลอมมันก็ทำให้เขาลังเลขึ้นมา
“นี่เจ้า…กล้าเอาดวงมาขายกันงั้นเหรอ…”
ใช่แล้ว สิ่งนี้น่ะมันก็ไม่ต่างอะไรกับลอตเตอร์รี่เลย เพราะถ้าหากจังหวะหน้าสิ่วหน้าขวานเขาดันหยิบได้ของปลอมขึ้นมา นั่นหมายถึงมันจะไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย ต่อให้มีอานุภาพรุนแรงขนาดไหนก็ตาม ถ้าโชคไม่มาด้วยก็คือจบ
บางทีถ้าจะใช้เจ้าสิ่งนี้เย่เย่อาจจะต้องเผื่อใจที่จะตายไว้ด้วยส่วนหนึ่ง
ภายหลังจากที่หมวดหมู่ของชำถูกปลดล็อกแล้ว หมวดอื่นๆก็ถูกปลดล็อกตามๆกันมาเช่นกัน สิ่งของที่อยู่ตามหมวดหมู่พวกนั้นมีคุณสมบัติที่อ่านแล้วต้องรู้สึกฉงนใจและตื่นตะลึงมากมายไปหมด
แต่เพราะราคาที่สูงราวกับเอาจำนวนดวงดาราบนฟากฟ้ามาตั้งราคานั้นทำให้เย่เย่สามารถก้าวผ่านความอยากได้มันมาครอบครองไปได้ในที่สุด
“ช่างของพวกนี้ไปก่อนก็แล้วกัน! เวลาแบบนี้สิ่งที่ข้าต้องการมีเพียงยาปลุกจิตวิญญาณเท่านั้นแหละ!”
เขาปล่อยวางสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องลงก่อนและเตรียมตัวที่จะกดยาปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ออกมาเพื่อปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของตนเอง
“998 เหรียญ เอาล่ะนะ!”
เย่เย่มองเงินจำนวนหลักพันเหรียญนั้นเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความละเหี่ยใจก่อนจะทำใจได้และกดซื้อยานั่นออกมา
ไม่นานนักหลังจากกดสั่งซื้อ ยาเม็ดขนาดเท่าถั่วลูกเล็กๆก็ปรากฏขึ้นบนมือของเย่เย่ และเย่เย่ก็ไม่รอช้าที่จะกลืนมันลงไปทันที
หลังจากที่กลืนมันลงไปแล้ว เย่เย่ก็ยังไม่รู้สึกถึงอะไรที่แปลกไปจากเดิม ทว่าอีกครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง สิ่งนั้นคือหนอนตัวเล็กๆที่ปรากฏตัวขึ้นมาในห้วงแห่งจิตของเย่เย่
“ไอ้หนอนนี่…คือจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของข้างั้นเหรอ…”
นี่คิดจะเป็นแค่หนอนตัวเท่าเม็ดถั่วนี่จริงๆเหรอ…
ไม่ว่าจะคิดอย่างไรมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย นอกจากการมีอยู่ของหนอนตัวเล็กในใจแล้วเย่เย่ก็ไม่รู้สึกอะไรอย่างอื่นทั้งสิ้น นี่ต้องยอมรับมันจริงๆแน่นะ?
“ให้ตายเถอะ ยานี่มันของเก๊หรือเปล่าวะเนี่ย!”
ในตอนนี้เย่เย่เริ่มจะสงสัยแล้วว่าเหรียญทอง 100,000 เหรียญของเขานั้นถูกใช้ไปอย่างสูญเปล่ากับหลุมดักกินเงินที่ชื่อว่า ยาปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ นี่หรือเปล่า
ยิ่งคิดอารมณ์ที่พลุกพล่านมันก็ไม่ได้มีเพียงแค่ความโกรธ แต่ขืนเอะอะไปก็ไม่ได้อะไร ดังนั้นเย่เย่จึงตัดสินใจค่อยๆเรียนรู้แอปพลิเคชั่นนี้ต่อไปโดยหวังว่าอาจจะเจอทางออกของปัญหาที่จะมาบรรเทาความทุกข์ใจของเขาได้
ความหวังหนึ่งเดียวของเขาในตอนนี้ถูกทำลายไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะทำใจแค่ไหน ความจริงก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าท่ามกลางความสิ้นหวังที่กำลังกัดกินหัวใจของเย่เย่ บางสิ่งบางอย่างมันก็ปรากฏขึ้นที่หมวดหมู่ของวิทยายุทธ์ มันคือคำแนะนำกระบวนท่า “กลืนสวรรค์”
‘ชื่อ : กลืนสวรรค์ (ไม่สมบูรณ์)
ราคา : 5 เหรียญจักรวาล
ฟังก์ชัน : สามารถกลืนกินจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของคนอื่นๆหรือสิ่งอื่นๆเพื่อนำมาพัฒนาความแข็งแกร่งของผู้ถือครองได้
คำวิจารณ์ : ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆของกระบวนท่า แต่หลังจากที่เรียนรู้ไปแล้ว นั่นหมายถึงเจ้าจะสามารถสร้างความเป็นไปได้ให้แก่จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของตัวเจ้าเองได้อย่างไม่สิ้นสุดเลยนะ? จะรออะไรอีกเล่า!’
ยามที่ได้เห็นสิ่งนี้ สีหน้าของเย่เย่ก็เหมือนได้พบแหล่งน้ำในทะเลทรายอันแห้งแร้ง
“ฮ่าๆๆๆๆ! สวรรค์คงจะยังไม่ทอดทิ้งข้าซะทีเดียวสินะ! ดี! กระบวนท่านี่สร้างมาเพื่อข้าโดยเฉพาะแน่ๆ! เอาล่ะ ข้าเอาชิ้นนี้เลย!”
ที่ก่อนหน้านี้เย่เย่ไม่เคยเข้ามาดูในหมวดนี้บ่อยๆก็เพราะว่าทุกกระบวนท่าล้วนราคาแพง ดังนั้นเย่เย่เลยไม่ได้ตั้งความหวังอะไรไว้ ไม่คิดเลยว่าจะมีของที่เขาสามารถเอื้อมถึงได้อยู่ในนี้ด้วย
บางทีอาจจะเป็นเพราะกระบวนท่ากลืนสวรรค์นี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของกระบวนท่าทีสมบูรณ์ก็ได้รวมไปถึงคุณสมบัติก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวานัก เรียบง่ายและเถรตรง ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่จะมาทำให้ราคาแพงไปกว่านี้ได้ เพราะฉะนั้น จึงขอสรุปเลยว่ากระบวนท่าราคา 5 เหรียญจักรวาลนี้ ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเย่เย่ที่กำลังร้อนใจในตอนนี้แล้ว!
เหรียญจักรวาล 5 เหรียญถูกจ่ายไปเพื่อให้ได้มาซึ่งกระบวนท่ากลืนสวรรค์ และเมื่อได้มันมาแล้ว เย่เย่ก็อดใจไม่ไหวที่จะเริ่มทำการฝึกฝนกระบวนท่านี้ให้คล่อง
การฝึกฝนกระบวนท่ากลืนสวรรค์นั้นไม่ได้ยุ่งยากอะไรนัก นั่นเพราะหน้าที่หลักๆของกระบวนท่านี้ก็คือเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ไหลเวียนอยู่ในตัวอยู่แล้วเท่านั้น แต่เพราะเช่นนั้น มันเลยไม่ได้ทำให้ความแข็งแกร่งของเย่เย่เพิ่มขึ้นได้จากการฝึกฝนเช่นนี้ซักเท่าไหร่
ก่อนที่เขาจะเริ่มทำการฝึกฝนกระบวนท่ากลืนสวรรค์นี้ เย่เย่มีหวังเกี่ยวกับจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขานั้นต้อยต่ำมาก เหมือนแสงไฟที่ลอดผ่านช่องว่างใต้ประตู แต่หลังจากที่ได้ฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วงตลอด 2 เดือน มันก็ทำให้เขาตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่างอีกครั้ง
มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยนี่หว่า…
นี่ไม่ใช่แค่แสงไฟที่ลอดประตูแล้ว…หมดหวังเรื่องการปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เข้าแล้วจริงๆ…
เขาตัดสินใจที่จะไปยังภูเขาหลี่เทียน ภูเขาที่อยู่ใกล้กับเมืองเฟิงเจิ้นมากที่สุดเพื่อที่จะทดลองใช้กระบวนท่ากลืนสวรรค์เพื่อที่จะพัฒนาระดับจิตวิญญาณของเขาดู
ภูเขาหลี่เทียนที่ว่า ก็คือสถานที่ที่เหล่าสัตว์ประหลาดมากมายต่างรวมตัวกันอยู่ ทุกๆวันจะมีเหล่านักผจญภัยมากมายขึ้นไปบนภูเขาแห่งนั้นเพื่อที่จะทำการล่าสัตว์และนำขนหรือไม่ก็เล็บของพวกมันมาขายแลกเงินทองประคองชีวิตต่อไป ดังนั้นผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะร่ำรวยได้จากการล่าสัตว์เหล่านี้ ในทุกๆครั้ง
ครั้นในตอนที่เย่เย่กำลังจะเข้าไปที่ภูเขาหลี่เทียนนั้นเอง เขาก็พบกลุ่มคนหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งหน้าตาตื่นออกมาด้วยความหวาดกลัว คนเหล่านั้นถูกนำโดนเฉินเทียนเฟิง สมาชิกรุ่นพี่ของสำนักอัคคี เขาเป็นนักผจญภัยหนุ่มที่มีหน้าตาหล่อเหลาและมาพร้อมกับความวัยเยาว์ที่เปี่ยมล้น
นอกจากจะเป็นรุ่นพี่แล้ว เฉินเทียนเฟิงยังดำรงตำแหน่งสูงสุดภายในสำนักอัคคีอีกด้วย
ไม่เพียงแต่จะมีความแข็งแกร่งระดับสุดยอด แต่พวกความสามารถอื่นๆเองเขาก็เหนือกว่าคนธรรมดาอยู่อีกเยอะ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยหากเขาจะเป็นความหวังอันสูงสุดของผู้เฒ่าผู้แก่ภายในสำนักอัคคีแห่งนี้
ยามใดก็ตามที่เฉินเทียนเฟิงเอ่ยปากหรือกระทำอะไรในแต่ละครั้งในฐานะรุ่นพี่ ความองอาจและเต็มเปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรีของเขาจะทำให้เหล่าผู้ที่อยู่รอบข้างต้องให้ความสนใจและหลงใหลในสิ่งที่เขากระทำอย่างง่ายดาย
แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ เสื้อคลุมของเฉินเทียนฟางนั้นขาดเป็นรอยโดนฟันอยู่หลายแห่ง รวมถึงมือของเขาก็มีบาดแผลอยู่มากมายอีกด้วย ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นทำเอาคำสรรเสริญต่างๆนานานั้นกลายเป็นเพียงถ้อยคำที่ไร้ราคาไปเลย
นอกจากเขาที่ดูบาดเจ็บหนักแล้ว เหล่าผู้ที่ตามเขาออกมาทั้งหลายก็ดูจะเหน็ดเหนื่อยสาหัสสากรรจ์ราวกับวิ่งกันมาเป็นระยะทางไกลแล้วอีกด้วย
ด้านหลังของคนเหล่านี้ เย่เย่พบคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ดูจะมุ่งหมายทำร้ายคนของสำนักอัคคีเหล่านี้อย่างเห็นได้ชัด ในมือของคนเหล่านั้นมีทั้งดาบและเต็มไปด้วยคราบเลือด ชัดเจนเลยว่าพวกเขาคือคนที่ทำให้กลุ่มของเฉินเทียนเฟิงย่อยยับขนาดนี้
พวกเขาคือสำนักที่เป็นอริกับอัคคี “สำนักกระบี่จรัสแสง” คนเหล่านี้จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาที่ภูเขาหลี่เทียนแห่งนี้เมื่อเห็นว่าเฉินเทียนเฟิงและพรรคพวกกำลังวิ่งไล่ตามทรราชอย่างหลงหยุนเข้าไปโดยปราศจากการระวังตัว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สำนักกระบี่จรัสแสงนั้นรู้เห็นเป็นใจกับ หลงหยุนอยู่แล้ว พวกเขาแสร้งให้หลงหยุนวิ่งนำเฉินเทียนเฟิงและคนอื่นๆเข้าไปยังภูเขาหลี่เทียนโดยแสร้งทำเป็นวิ่งหนี ซึ่งระหว่างนั้นคนจากสำนักกระบี่จรัสแสงก็จะคอยเตรียมการซุ่มโจมตีไว้ มันเลยกลายเป็นว่าฝ่ายหนึ่งจงใจให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้อยู่แล้ว ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้รู้เรื่องเลย ดังนั้นผลลัพธ์ของการเข้าปะทะ มันจึงทำให้ทางฝ่ายของเฉินเทียนเฟิงได้รับความเสียหายอย่างหนักหน่วงเกินกว่าจะต้านไหว
หลงหยุนที่เป็นตัวล่อนั้นได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่ทางฝั่งของสำนักอัคคีกลับต้องเสียลูกศิษย์ลูกหาไปมากมายในคราเดียว