ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 83 จางเหิง
บทที่ 83
จางเหิง
จางเหิงคือบุตรชายของจางเสี่ยวยู่ผู้เป็นจ้าวสำนักเพลิงสวรรค์ นายน้อยแห่งสำนักเพลิงสวรรค์ผู้นี้ปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย อีกทั้งมีพรสวรรค์ในการเสริมแกร่ง และปรับแต่งอาวุธอีกด้วย อย่างไรก็ตามจางเหิงไม่ชอบสุงสิงกับใคร เขาจึงไม่ค่อยพอใจที่จางเสี่ยวยู่ผูกมิตรกับเย่เย่
จางเหิงมักคลุกคลีอยู่กับการซ่อมแซม และเสริมแกร่งอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆโดยที่มักทอดทิ้งหน้าที่การจัดการบริหารภายในอยู่เป็นประจำจึทำให้จางเสี่ยวยู่นั้นเป็นกังวลเกี่ยวกับอนาคตของสำนักเป็นอย่างมาก
“ก็แค่นักธุรกิจ รวยอย่างเดียวแต่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง”
นายน้อยลูกจ้าวสำนักบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ ในสายตาของเขาเย่เย่ไม่ได้ต่างไปจากนักธุรกิจทั่วๆไป แม้ว่าเขาจะรู้ประวัติของเย่เย่มาบ้างแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกยกย่องเชิดชูอะไรคนคนนี้เลยแม้แต่น้อย
“หุบปาก! ขอโทษท่านเย่เดี๋ยวนี้!! อย่าให้ข้าต้องพูดอีกเป็นครั้งที่สองนะ! ไอ้เจ้าลูกคนนี้!”
จางเสี่ยวยู่เมื่อเห็นลูกของตนยังไม่หยุดทำกิริยาหยาบคายใส่เย่เย่จึงดุลูกของตนด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวยิ่งขึ้นกว่าครั้งก่อนๆ เขาถอนหายใจพลางนึกถึงจุดประสงค์ที่พาจางเหิงมา เดิมที่จางเสี่ยวยู่พาลูกของตนมาเพียงเพราะเห็นว่าวัยของจางเหิงและเย่เย่นั้นไล่เลี่ยกันทำให้พวกเขาน่าจะสนิทสนมกันได้ไม่ยากและทำให้การเจรจาของพวกเขาราบรื่นขึ้น แต่ทว่าจางเหิงนอกจากจะไม่ช่วยเขาแล้ว ยังทำตัวหยาบคายใส่เย่เย่อีกด้วย
“เจ้าชื่อจางเหิงงั้นสินะ? ข้าได้ยินเรื่องของเจ้ามาบ้าง เขาบอกว่าเจ้ามีพรสวรรค์ด้านการเสริมแกร่งอาวุธยุทโธปกรณ์งั้นสินะ จะจริงอย่างที่พวกเขาว่ารึเปล่าน้า? ข้าว่าไม่จริงหรอกมั้ง อย่างเจ้าเนี่ยนะ?”
เย่เย่ใช้คำพูดยั่วยุเพื่อกระตุ้นให้จางเหิงแสดงความสามารถของเขาออกมา คำพูดเหล่านั้นจี้ใจดำจางเหิงเข้าอย่างจัง นายน้อยสำนักเพลิงสวรรค์ลุกขึ้นพร้อมกับชี้หน้าท้าเย่เย่
“ก็ได้ เอาสิ! ถ้าท่านเสริมแกร่งอาวุธได้เหนือกว่าข้า ข้าจะยอมเรียกท่านว่าลูกพี่แต่โดยดีเลย!”
“ท่านเย่ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ข้าล่ามโซ่หมาไว้ไม่ดีเอง ข้าหวังว่าท่านเย่อย่าได้คล้อยตามคำท้าไร้สาระของลูกข้าเลย”
จางเสี่ยวยู่ที่เห็นไฟแห่งความกระหายในชัยชนะลุกโชนขึ้นในตาของจางเหิงก็ได้กดหัวลูกของตนก้มขอโทษต่อเย่เย่ทันที เย่เย่ที่อยากสั่งสอนจางเหิงผู้อวดดีจึงสบโอกาสตอบรับคำท้าในทันที
“โอ๊ะโอ๋? อยากเป็นน้องชายของข้าขนาดนั้นเลยเหรอ? ข้าอยากได้น้องสาวมากกว่าแฮะ! แต่ในเมื่อเจ้ากล้าเสนอ ข้าก็กล้าสนอง”
สองพ่อลูกตระกูลจางเคยได้ยินกิตติศัพท์ในด้านการเภสัชของเย่เย่มาบ้างว่า แม้แต่เฉิงอี้ตันแห่งหอการค้า ตันเซียงยอมมาพบเขาด้วยตนเองเพื่อโน้มน้าวเย่เย่ให้มาเป็นศิษย์ของเขา แต่ทั้งสองก็ไม่คุ้นหูว่าเย่เย่ยังสามารถเสริมแกร่งอาวุธได้อีกด้วย
สำหรับชาวเมืองหลิงเฉิงแล้วเย่เย่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นเทพยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุด แล้วยังเป็นอัจฉริยะด้านการปรุงยาอีกด้วย หากเขายังสามารถเสริมแกร่งอาวุธได้อีกล่ะก็ ชาวหลิงเฉิงจะยังคงเหลือช่องทางทำมาหากินช่องทางไหนได้อีก ดังนั้นจางเหิงจึงไม่เชื่อคำพูดของเย่เย่ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นอีกว่า
“ถ้าเจ้ามั่นใจนักก็วัดกันให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลยว่าใครกันแน่ที่เป็นของจริง!”
“ข้ายังเหลืองานอีกตั้งเยอะแยะที่ต้องทำ ทำไมข้าต้องสละเวลาอันมีค่าของข้าไปเล่นกับเด็กอย่างเจ้าด้วยล่ะ?”
เย่เย่ปฏิเสธอย่างไม่ลังเลทำให้จางเสี่ยวยู่และจางเหิงที่คาดว่าเขาจะตอบตกลงรับคำท้าต่างพากันงุนงงเป็นอย่างมาก จางเหิงจึงตอบกลับเย่เย่ด้วยคำพูดประชดประชัน
“เจ้ากลัวหัวหดที่จะต้องประลองกับข้าหรือไง แล้วแบบนี้เจ้าเอาความมั่นหน้ามาจากไหนว่าเจ้าอยู่เหนือกว่าข้าน่ะ?”
เย่เย่นั้นไม่ได้ถูกยั่วยุแต่อย่างใด แถมยังตอบกลับจางเหิงด้วยใบหน้ายิ้มเยาะอีกต่างหาก
“ข้าบอกแล้วไงว่าข้าไม่อยากเสวนากับไก่อ่อน เจ้ารู้รึเปล่าว่าดาบเงาจันทราของเจ้าที่เจ้าใช้เวลาเป็นเดือนๆในการซ่อมก่อนที่จะถอดใจทิ้งมันไปนั่นน่ะตอนนี้มันคมกริบแถมยังมันลื่นเรียบเงาอีกตะหาก ข้าใช้เวลาไม่ถึงสัปดาห์เองนะ? ทีนี้หายข้องใจหรือยังไงล่ะ หืม?”
หลังจากการประมูลครั้งล่าสุดที่ผ่านมาของหอการค้าหยูเย่ เย่เย่ได้เคยสั่งให้เสี่ยวหยูไปรวบรวมอาวุธที่พังเสียหายกลับมาซ่อมแซมและเสริมแกร่งก่อนขายทอดตลาดอีกครั้งหนึ่ง ดาบเงาจันทราก็เป็นหนึ่งในอาวุธเหล่านั้น
“ขี้โม้! ดาบเงาจันทรานั่นข้าสร้างมันมาเองกับมือ ข้ารู้ดีกว่าใคร ข้าทิ้งมันไปเพราะมันไม่มีทางซ่อมกลับมาได้อีกแล้ว เจ้าอย่าหลอกข้าเสียให้ยากเลย!” จางเหิงหัวเราะเยาะกับคำพูดที่เป็นไปไม่ได้ของเย่เย่ แม้แต่จางเสี่ยวยู่ที่มองดูสถานการณ์อย่างใจเย็นมาโดยตลอดก็เริ่มสงสัยในตัวเย่เย่ ครั้งหนึ่งตัวเขาเองได้ลงมือซ่อมแซมดาบจันทราด้วยมือตัวเองเช่นกันเขาจึงรู้ดีว่าลูกของเขานั้นไม่ได้พูดเกินจริงไปเลย
สำหรับเหล่าช่างตีเหล็กแล้วการซ่อมแซมอาวุธมนตราอย่างดาบเงาจันทราถือว่าเป็นงานช้างเลยทีเดียว หากเย่เย่สามารถซ่อมมันได้ก็เห็นได้ชัดว่าทักษะของเย่เย่นั้นเหนือกว่าพวกเขาสองพ่อลูกที่ทำอุตสาหกรรมตีเหล็กอันดับต้นๆในหลิงเฉิงเสียอีก
“ข้ากะอยู่แล้วเชียวว่าพวกเจ้าไม่เชื่อข้าแน่ งั้นพวกเจ้าลองซื้อดาบเงาจันทราที่ข้าเสริมแกร่งแล้วไปดูด้วยตาตัวเองเลยสิ ข้าขี้เกียจพูดละ เสี่ยวหยูส่งแขก!”
เย่เย่ที่ไม่อยากเผยความลับของระบบแลกเปลี่ยนครอบจักรวาล ก็ได้เรียกเสี่ยวหยูให้พาแขกออกไปจากหอการค้า
ด้วยความสงสัยจางเหิงจึงงับเหยื่อเข้าอย่างจัง เขาวางเงินจำนวน 700,000 ตั๋วทองบนโต๊ะก่อนจะพูดออกไปด้วยเสียงอันดัง
“ในเมื่อเจ้าเอาดาบข้าไปซ่อม ข้าก็มาเอาของข้าคืน ตราบใดที่เจ้าเอาดาบเงาจันทราที่สมบูรณ์ออกมาเงินทั้งหมดนี่เป็นของเจ้าทันที!”
‘ข้าชนะแล้ว! เป็นไปดั่งกลอุบาย’ ในใจเย่เย่นั้นกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเมื่อมีปลาตัวใหญ่มากินเบ็ดของเขาอย่างรวดเร็ว แม้ดาบเงาจันทราจะเป็นดาบเลื่องชื่อแต่หากนำไปประมูลหลังจากที่ซ่อมแซมแล้วมูลค่าของมันก็ไม่ได้มากไปกว่า 300,000 ถึง 400,000 ตั๋วทองเลย แต่จากการยั่วยุเพียงเล็กน้อยของเย่เย่ทำให้จางเหิงนั้นเกิดความอยากรู้อยากเห็นและอยากพิสูจน์ว่าตนเองเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในศาสตร์การตีเหล็กจึงได้ยอมควักเงินจำนวนมากเป็นเดิมพัน
เย่เย่นั้นไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าแม้แต่จางเสี่ยวยู่ก็ยังติดกับเขาได้ง่ายๆแบบนี้ เขาไม่แม้แต่จะห้ามลูกชายตัวเองในการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเลยแม้แต่น้อย พวกเขาสองพ่อลูกเชื่อเสียเต็มประตูเลยว่าเย่เย่ไม่มีทางหยิบดาบเงาจันทราเล่มสมบูรณ์มาขายให้พวกเขาได้อย่างแน่นอน
“เสี่ยวหยู ไปเอาดาบเงาจันทรามาให้ข้าทีซิ! วันนี้เรามีลูกค้ากระเป๋าหนัก”
เย่เย่สั่งเสี่ยวหยูให้ไปหยิบดาบเล่มงามออกมาโดยที่เขานั่งรออยู่ที่ห้องรับรองพร้อมกับสองพ่อลูกผู้ร่ำรวย
“รับทราบเจ้าค่ะ นายน้อย!”
เสี่ยวหยูอดไม่ได้เกือบหลุดหัวเราะออกมา จึงได้เอามือป้องปากของเธอเอาไว้ไม่ให้เสียมารยาทต่อแขก ก่อนที่นางจะหยิบกล่องใส่ดาบเล่มยาวออกมา
จางเหิงและจางเสี่ยวยู่ต่างมองหน้ากันและกันอย่างตกตะลึง ก่อนที่พวกเขาจะมองไปที่เย่เย่ที่ดูภูมิใจในผลงานชิ้นเอกเล่มนี้มาก จิตใจของพวกเขาเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ
“พวกท่านไม่ตรวจสอบสินค้าสักหน่อยเรอะ ซื้อแล้วไม่รับคืนนะขอบอก”
จางเสี่ยวยู่และลูกชายของเขายิ่งตกอกตกใจเข้าไปอีกเมื่อได้ยินเย่เย่ท้าให้พวกเขาตรวจสอบสินค้าด้วยตัวเองเช่นนี้ ก่อนที่พวกเขาจะเปิดกล่องยาวออกมาพบกับดาบเงินยาวมีแสงสะท้อนออกมาจากคมดาบ
“น่ะ…นี่มัน!? ดาบเงาจันทราของจริง!?”
“ซ่อมอย่างสมบูรณ์ เป็นไปได้ยังไงกัน!?”
จางเสี่ยวยู่และจางเหิงต่างแย่งกันดูดาบเงาจันทราของพวกเขาด้วยความประหลาดใจ และตกตะลึงเป็นอย่างมาก จากการประเมินของจางเหิงที่คุ้นเคยกับดาบนี้เป็นอย่างดีก็พบว่านอกจากมันจะถูกซ่อมอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว มันยังคมและแข็งแกร่งขึ้นยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย…