รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ - บทที่ 17-2 ความรักนั้นอาจเป็นโรค
บทที่ 17-2 ความรักนั้นอาจเป็นโรค
Xiaobei
อึนคังจนคำพูดอีกแล้ว เธอทำเต็มที่เพื่อจะโน้มน้าวจีฮวัน ใช้หัวและแรงฮึดสุดกำลัง บีบเค้นคำพูดออกไป
“กะ กรณีแบบนั้นมันไม่เหมือนกันนี่คะ การทำร้ายหรือฆ่าผู้อื่นเป็นการกระทำที่เลวร้ายจริงๆ เป็นอาชญากรรมที่ไร้มนุษยธรรม เพราะในฐานะมนุษย์ไม่ควรทำเรื่องเลวๆ แบบนั้น”
“อ้า ฆาตกรต่อเนื่องกับคนร้ายคดีข่มขืนเกลียดได้? ทำไมครับ เพราะสร้างความเสียหายให้มนุษย์? ช่างเป็นความคิดทางมานุษยนิยมอย่างแท้จริง ตามความคิดของคุณนักเขียน หมาที่กัดหรือฆ่าคนตายนี่จะเกลียดได้ไหมล่ะครับ ก็ทำร้ายคนนี่นา หมู่นี้มีอุบัติเหตุคนถูกหมากัดเยอะซะด้วย คิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ หมาที่กัดคนต้องถูกทำให้ตายอย่างสงบ คุณนักเขียนเห็นด้วยหรือเปล่าครับ”
จากวาทศิลป์ของจีฮวัน ทำให้ใบหน้าของอึนคังเริ่มแดงขึ้น เขาเหยียบย่ำตรรกะของอึนคังด้วยน้ำเสียงที่คล้ายคิมนัมกิลกับจอร์จ คลูนีย์ผสมกัน
“หมากับคนต่างกันค่ะ! ยังไงในหมู่มนุษย์ก็มีกฎหมายและจริยธรรมที่พูดคุยและตกลงร่วมกัน แต่หมาไม่ใช่นี่คะ หมาจะไปรู้กฎหมายกับจริยธรรมอะไรของมนุษย์ หมาเป็นสัตว์ที่อยู่ด้วยสัญชาตญาณของมัน การที่มันกัดใครก็เป็นสัญชาตญาณ เหมือนที่แมวจับหนูกิน! การเกลียดสิ่งมีชีวิตที่พูดไม่ได้ของมนุษย์ มันไม่ยุติธรรมเลยไม่ใช่เหรอคะ”
อึนคังพูดเสียงดังพร้อมกับหอบหายใจแรงขึ้น
“นั่นเป็นเหตุผลที่ผมเกลียดหมา ก็แค่สัตว์ที่กิน นอน กัด ขยายพันธุ์ตามสัญชาตญาณแค่นั้น ไม่พูดคุย ไม่มีกฎเกณฑ์และจริยธรรมอะไรทั้งนั้น”
อึนคังได้แต่ทำหน้าอึ้งต่อหน้าจีฮวันที่ตอกกลับราวกับคอยอยู่แล้ว หญิงสาวกัดริมฝีปากจ้องจีฮวันเขม็ง
“ใช่ค่ะ มันเป็นแค่สัตว์เท่านั้น แต่ก็มีคนที่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ด้วยพลังที่ได้รับความรักและการปลอบใจจากสัตว์เหล่านั้น สิ่งมีชีวิตที่จงรักภักดีและจริงใจที่สุดในโลกก็คือหมานั่นแหละค่ะ! คนทรยศคนด้วยกัน แต่หมาไม่มีทางหักหลังคนเด็ดขาด! จะถูกคนทำไม่ดี ทำร้าย หรือถูกทิ้งยังไง หมาก็ยังรักและรอคอยคนแบบนั้นจนลมหายใจสุดท้าย!”
น้ำตาคลอขอบตาของอึนคัง จีฮวันตกใจเล็กน้อย แต่แกล้งทำเป็นไม่เห็นน้ำตา
“มีแค่หมาที่เอาไปว่าคนอื่น อย่างไอ้ลูกหมา! หมาเป็นสิ่งมีชีวิตที่โดนกระทำแบบนั้น ทั้งๆ ที่มันใจดี อบอุ่น ซื่อสัตย์ที่สุดในโลก และรักฉันโดยไม่มีข้อแม้ แม้ฉันจะไม่สวย ดูดี นะ นั่นแหละ จากูของฉัน!
อึนคังโพล่งออกมาเอง แล้วก็ร้องไห้ ดวงตาของเธอที่จ้องมาที่จีฮวันคลอไปด้วยน้ำตาอย่างน่ากลัว แต่ขอโทษที มันไม่น่ากลัวเลย แต่น่าขำมากกว่า จีฮวันแอบหัวเราะในใจ
“จากูนี่ชื่อหมาของคุณนักเขียนหรือครับ”
“ค่ะ!”
อึนคังคอบเสียงดัง
“ถ้าได้เจอจากูของฉันสักครั้ง อาจจะช่วยรักษาโรคเกลียดหมาที่ไม่เป็นธรรมของคุณพีบีได้ก็ได้นะคะ จากูน่ารัก แล้วก็ฉลาด…”
“ฮ่าๆ!”
จีฮวันระเบิดหัวเราะโดยไม่รู้ตัว
อ้อ หมาที่ใจดีไม่ดูตาม้าตาเรือจนโดนแมวข่วน หมาหน้าตาน่าเกลียดที่โดนคุณนักเขียนลากไม่ยอมกลับเพราะอยากเล่นต่อน่ะเหรอครับ ผมเคยเจอแล้ว เจ้าจากูนั่นน่ะ
“หัวเราะอะไรคะ ฉันถามว่าหัวเราะอะไรไงคะ!”
อึนคังกระทืบเท้าตึงๆ ฉุนเฉียว รู้สึกเหมือนเสียงหัวเราะของจีฮวันเป็นการเยาะเย้ย
เห็นอึนคังเป็นแบบนั้น ในใจของจีฮวันก็บังเกิดความคิดชั่วร้าย อยากแกล้งแหย่ อยากจะเห็นอึนคังหน้าแดงๆ สูดน้ำมูกอีก ปกติเขาไม่ได้ชอบแกล้งคนที่กำลังร้องไห้
“ไม่คิดว่าความซื่อสัตย์จงรักภักดีกับความรักของจากูจะเป็นอาการของโรคบ้างหรือครับ”
“พูดอะไรคะ”
อึนคังมองจีฮวันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“มันมีโรคที่ชื่อว่าวิลเลียมซินโดรม เป็นโรคทางพันธุกรรม สองหมื่นคนจะเกิดขึ้นสักคน เป็นโรคที่หายากและรักษาได้ยาก เกิดจากความผิดปกติของยีน”
“แล้วทำไมคะ”
“ลักษณะพิเศษของโรคนี้คือ จะมีความร่าเริงเป็นพิเศษ สนิทกับคนที่ผ่านไปมาได้ง่าย มีความเป็นมิตรสูง ถ้าว่าแค่เป็นมิตรสูงกับเข้ากับคนอื่นได้ดีทำไมถึงเป็นโรค แต่มันเป็นโรคจริงๆ เจอคนแปลกหน้าควรต้องระวัง ถ้าพุ่งไปหาไม่เลือกหน้า ตามเขาไปจะเป็นยังไง ดังนั้นผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ถึงได้เป็นที่รู้กันว่าสมาธิสั้น มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ร่างกายและสุขภาพก็ผิดปกติ”
“แล้วไงคะ! มันไปเกี่ยวอะไรกับจากู!”
จีฮวันจ้องตรงไปยังอึนคัง
“ในหมู่หมา ก็มีหมาที่ดูอาการคล้ายๆ แบบนี้นี่ครับ เคยมีรายงานผลการสำรวจสารพันธุกรรมของหมาที่ไว้ใจและเดินตามมนุษย์เป็นพิเศษ กับผลการวิจัยความบกพร่องและความผิดปกติของสารพันธุกรรมที่พบในผู้ป่วยโรควิลเลียม”
“เลยจะหาว่าหมาที่ชอบและจงรักภักดีกับมนุษย์ป่วยงั้นเหรอคะ”
อึนคังหน้าตึง
“อาจบอกไม่ได้ว่าพฤติกรรมแบบนี้เป็นอาการป่วยร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อาจจะเป็นข้อบกพร่องทางพันธุกรรม ซึ่งก็หมายถึง จากูของคุณนักเขียนอาจจะป่วย ไม่ได้เป็นหมาที่นิสัยดียอดเยี่ยม หรือรักและจงรักภักดีกับคุณนักเขียนจริงๆ ก็ได้”
“โกหก”
“ลองเสิร์ชดูก็ได้ครับ ใช้ผมหาให้ไหม โรควิลเลียมในหมาน่ะ”
จีฮวันแอบยิ้มกับท่าทางที่อึนคังอึ้งพูดอะไรไม่ออก และตอกไม้เด็ดสุดท้าย
“และมีผลวิจัยที่ออกมาว่าาระหว่างหมากับแมว ในด้านต่างๆ จนถึงประสาทสัมผัสทั้งห้า อย่างสมรรถภาพในการมองเห็น, โสตประสาท, ประสาทสัมผัสในการดมกลิ่น, สติปัญญา และความสามารถทางร่างกาย แมวดีกว่าหมามาก เป็นผลการวิจัยประมาณปี 2009 น่ะครับ”
อึนคังลุกพรวดขึ้นทันที
“แล้วไงคะ! แล้วมันทำไม! ถึงจากูจะป่วยจะอะไร แต่เรื่องที่เขารักฉันที่สุดในโลกก็เป็นความจริงไม่เปลี่ยนแปลง!”
“ยินดีด้วยครับ”
จีฮวันยักไหล่
“ต่อไปก็ขอให้คุณทั้งคู่รักกันดีๆ นะครับ”
อึนคังจ้องจีฮวันตัวสั่น
“เคยเจอดีไหมคะ”
“คนดีก็มักเจอแต่สิ่งดีๆ อยู่แล้วละครับ”
อึนคังอารมณ์เดือดปุดๆ ‘ฉันโมโหแล้วนะ!’ สะบัดหน้าเดินกะเผลกไปเลย ไม่มีแม้แต่คำร่ำลา
“อ้า อากาศดีจัง”
จีฮวันเอนหลังพิงพนักม้านั่งด้วยสีหน้าพออกพอใจ
* * *
ปัง!
เสียงประตูปิดลง จากูที่นอนอยู่บนพื้นถึงกับตกใจหันขวับมา
“บ้าสิ้นดี! โรควิลเลียมอะไรกัน! เพราะตัวเองเกลียดหมา เลยแต่งเรื่องโรคอะไรนี่ขึ้นมามากกว่าละไม่ว่า”
อึนคังถอดรองเท้าโยนด้วยความโมโห
“โฮ่ง! โฮ่ง!”
ทันทีที่เปิดประตูคอก จากูก็วิ่งเข้าสู่อ้อมกอดอึนคัง ความรักหนักหน่วงก็ถาโถมมาทั้งตัวจนเต็มอกของอึนคัง เธอลดตัวนั่งดึงจากูมากอดและสบตา
“จากู รักแม่ไหม”
แฮ่ก แฮ่ก! จากูเลียหน้าอึนคังอย่างบ้าคลั่ง
“หยุดนะ อย่าเลีย ขอแม่ดูหน่อย”
แผล็บ แผล็บ!
“จา จากู เดี๋ยว! มันหนักนะ!”
น้ำหนักของจากูเกินต้านทาน อึนคังเกือบหงายหลัง แล้วเสียงออดหน้าประตูก็ดังขึ้น
“คะ ใครคะ”
“เจ้าของห้อง 1401 ครับ”
“ห้อง 1401?”
อึนคังเอียงคอดวงตาเบิกกว้าง จีฮวันนี่นา
“มีอะไรคะ!”
“ช่วยเปิดประตูหน่อยครับ”
อึนคังเปิดประตู ทำปากยื่น ถุงผ้าถูกยื่นเข้ามา
“อ๊ะ!”
กระเป๋าของเธอที่วางทิ้งไว้ที่คาเฟ่ นึกว่าหายไปแล้วเสียอีก
“ขอบคุณค่ะ”
อึนคังรับกระเป๋ามา
“พนักงานที่คาเฟ่เก็บไว้ให้ ลองดูสิครับว่ามีอะไรหายไปบ้างหรือเปล่า”
อึนคังกำลังจะเปิดดูในกระเป๋า แต่การปล่อยคนอื่นให้ยืนรอหน้าประตูเป็นมารยาทที่ไม่ดีนัก เลยถอยหลังเล็กน้อย
“เข้ามาก่อนสิคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะไป…”
จีฮวันถอยหลังมาหนึ่งก้าว ทันใดนั้น ที่ขาข้างซ้ายของจีฮวันก็รู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาพร้อมกับเสียงน้ำ
จีฮวันและอึนคังก้มมองไปยังที่มาของเสียง และกรีดร้องขึ้นพร้อมกัน
“กรี๊ด! จากู! ไม่ได้นะ!”
“เฮ้ย! ไอ้ หมา นี่!”
จากูที่ยกขาอย่างผ่าเผย ฉี่อย่างสบายใจใส่ขาซ้ายของจีฮวัน ด้วยสีหน้าพออกพอใจและภูมิใจเสียเหลือเกิน