รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ - บทที่ 38-2 แค่บอกว่าดี ทั้งตัวก็เหมือนจะละลาย
- Home
- รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ
- บทที่ 38-2 แค่บอกว่าดี ทั้งตัวก็เหมือนจะละลาย
บทที่ 38-2 แค่บอกว่าดี ทั้งตัวก็เหมือนจะละลาย
Xiaobei
[พ่อชมว่าเป็นคนหนุ่มที่มีมารยาทมากๆ สุภาพ เรียบร้อย ขอบคุณมากที่ซื้อโจ๊กกับยามาให้เต็มเลย หัวอกพ่อแม่ก็แบบนี้แหละเนอะคะ ลูกตัวเองไม่สบาย ก็รู้สึกขอบคุณคนที่มาเยี่ยมมากๆ พ่อยังชมอีกว่าคุณพีบีหล่อ ผอมสูง แค่เห็นก็สบายตา แหม พ่อกับฉันนี่สเปกเรื่องรูปร่างหน้าตาต่างกันเลยเนอะคะ]
พ่อช่างมีคอมมอนเซ้นส์และทัศนคติเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาเป็นปกติต่างจากลูกสาว
[ยังก็ขอบคุณมากนะคะ พ่อบอกว่าฉันต้องตอบแทนบุญคุณ เวลาคุณพี่บีไม่สบายโทรมานะคะ ฉันจะไปซื้อโจ๊กซื้อยา แล้วก็…]
“ผมมียาแก้หวัดทุกชนิด ปรอทวัดไข้ก็มีสองอัน”
[แหม เป็นคนละเอียดรอบคอบเตรียมพร้อมดีจังนะคะ นี่คงไม่ได้เตรียมมีดผ้าตัดกับเลื่อยตัดกระดูกเอาไว้เผื่อไส้ติ่งแตกด้วยหรอกนะคะ]
“ผมไม่ขำด้วยนะครับ”
[ชิ…]
ความจริงเรื่องที่จีฮวันสนใจไม่ใช่เรื่องที่ชางซอกชมเขา แต่เป็นคำพูดก่อนหน้าของอึนคังที่ยังดังก้องอยู่ในหัว มันดี…เซ็กซี่มาก…
“แล้วที่พูดเมื่อกี้คืออะไรครับ”
[อะไรคะ]
“ก็เมื่อกี้ที่คุณนักเขียนบอกว่าดี…คือที่ว่าดี”
น้ำเสียงชัดเจนดังเข้ามาในหูของจีฮวันที่กำลังอึกอักจนไม่สามารถหาคำมาพูดได้
[ที่ทำกับคุณพีบี มันดีค่ะ]
อึนคังเป็นคนพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ใบหน้าของจีฮวันร้อนวาบอีกครั้ง แถมร้อนขึ้นกว่าเมื่อกี้
ผู้หญิงแบบนี้ก็มีด้วย? หลังจากนอนด้วยกัน วันรุ่งขึ้นเจอหน้ากันก็ทำแบบนี้แล้วยังบอกว่า ‘ดี’ อีก
แม้แต่ราฮีที่เคยเป็นแฟนอย่างเป็นทางการคนเดียวในชีวิตของจีฮวันยังไม่เคยได้ยินจากเธอ พวกผู้หญิงที่นอนด้วยกันคืนเดียวก็ไม่เคยพูดแบบนี้กับเขาเหมือนกัน
“ดียังไงครับ”
คำพูดไม่ยั้งคิดยังคงออกจากปากของจีฮวัน ทั้งการทำตัวไม่ถูกกาลเทศะ และพูดอะไรออกไปตรงๆ ท่าทางจะติดมาจากโกอึนคัง
ใช่ว่าเขาจะอวดดีหรือทะนงตัวที่ทำให้ผู้หญิงพอใจได้ เขาแค่สงสัยจริงๆ ว่า ‘ชอบที่ทำ’ กับเขาที่อึนคังพูดถึงมันเป็นแบบไหน
[อืม ก็เริ่มต้นดี ไม่รีบร้อน มีเวลาให้คลายความตื่นเต้น พอสบายใจขึ้นร่างกายก็ผ่อนคลายเร็วกว่าที่คิด ส่วนใหญ่ถ้ามีวันไนต์ เริ่มแรกกับผู้ชายแปลกหน้าไม่ว่าจะมีประสบการณ์มากหรือน้อย ก็มักจะตื่นเต้น ถ้าใจตื่นเต้น ร่างกายก็จะเกร็งตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่คุณพีบีฝีมือขั้นเทพ ช่วยปลอบให้คลายความกังวล! นี่แหละค่ะที่ฉันชมว่าดีมาก]
“ขอบคุณนะครับที่ชม”
[แล้วคุณพีบีล่ะคะ กับฉันชอบไหมคะ]
คำถามไม่มีปี่มีขลุ่ยของอึนคังทำเอาจีฮวันหายใจติดขัดชั่วครู่
“เทียบกันแล้ว…”
[แหม อะไรกัน ทำไมตอบซะเย็นชาอย่างนั้นล่ะคะ ก็แค่บอกมาว่าชอบหรือไม่ชอบ]
“ชอบครับ…”
[คงไม่ต้องให้อ้อนวอนหรอกนะคะ]
“ชอบมากครับ โอเคหรือยัง”
[คุณพีบีชอบอะไรคะ ทำไมถึงชอบ]
บอกไม่ได้ว่าชอบแทบคลั่งที่ถูกคุณตะครุบเหมือนสัตว์ป่า บอกไม่ได้ว่าหลงใหลที่คุณแหย่เย้าขบเม้มจนสายตาพร่าเลือน และยิ่งขอบคุณที่ช่วยปลุกรสนิยมมาโซคิสม์ในตัวผม
“เอ่อ คำถามจะเกินไปแล้วนะครับ อย่างกับจะสัมภาษณ์เรื่องอย่างว่าในชีวิตประจำวันของที่ปรึกษาด้านการเงิน คงไม่ได้จะเอาไปเขียนนิยายใช่ไหมครับ”
[อุ๊ย โดนจับได้ซะแล้ว]
อึนคังหัวเราะคิก ฟังเสียงหัวเราะของอึนคังแล้วความง่วงก็คืบคลานเข้ามา จีฮวันจัดหมอน หนีบมือถือกับไหล่ เอนตัวลงนอนในท่าสบาย
หลังจากนั้นพวกเขาก็คุยกันต่ออีกชั่วโมง จนกระทั่งอึนคังพ่ายแพ้ต่อฤทธิ์ยาหลับไปก่อน
ส่วนใหญ่ฝ่ายที่พูดก็คืออึนคัง จีฮวันเป็นฝ่ายหัวเราะ ตกใจ ไม่อยากจะเชื่อ แต่เขากลับรู้สึกสนุกไม่เบื่อหรืออยากวางสาย ไม่ทันได้ฉุกคิดเลยว่า ตัวเองไม่เคยคุยโทรศัพท์กับผู้หญิงคนไหนเกินชั่วโมง
คืนนั้น จีฮวันถูกฝันร้ายที่ห่างหายไปนานเล่นงาน
โดเบอร์แมนสีดำตัวใหญ่แยกเขี้ยวคำราม นัยน์ตาฉายแววศัตรู ขาทั้งสี่พุ่งเข้ามาอย่างฉับไว
จีฮวันที่อายุสิบเจ็ดนั่งอยู่ข้างหน้านั้น ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เหมือนโดเบอร์แมนจะกระโจนเข้ามาฝังเขี้ยวลงบนตัวของจีฮวัน ฉีกเขาเป็นชิ้นๆ แต่ร่างกายเขากลับไม่ฟัง ต้องหนี ในหัวตะโกนอย่างนั้น แต่ไม่อาจขยับเขยื้อนตัวได้
จีฮวันหลบโดเบอร์แมนที่พุ่งเข้ามาและเริ่มวิ่ง ไม่สิ ร่างกายที่คิดว่าจะต้องหนีกลับยังอยู่ที่เดิม
สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าความกลัวว่าเขี้ยวหมาจะฉีกร่างและความกลัวที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะตายไหม คือความสิ้นหวัง ไม่มีใครสักคนมาช่วยเขา ความหมดหวังที่ว่าตัวเองตัวคนเดียวทำเอาทั้งตัวของจีฮวันเป็นอัมพาต
น้ำตาไหลลงมาไม่หยุด รู้ว่าเป็นความฝัน แต่มันก็เจ็บและกลัวจับใจ ความเหงาและความเศร้ากินลึก และแล้วก็มีความรู้สึกอุ่นวาบมาแตะที่หลังของเขาที่กำลังฟุบหน้าร้องไห้
จีฮวันเงยหน้า ใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นในตาที่เลอะไปด้วยน้ำตา คนที่เข้ามากอดและลูบหลังเขาเงียบๆ ก็คือ อึนคัง
* * *
“ตึง เพล้ง!”
ที่เขี่ยบุหรี่แก้วลอยเฉียดซองบอมไปหวุดหวิดและตกลงพื้นแตกกระจาย
ซองบอมที่สะดุ้งแค่ไหล่ยังคงนั่งสีหน้าเรียบเฉยราวกับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ หัวหน้าฝ่ายชาที่ยืนอยู่ข้างๆ ซองบอมเหลือบมองเศษที่เขี่ยบุหรี่ด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“ใครบอกให้นั่ง!”
ประธานปาร์คตวาดลั่น แต่ซองบอมไม่ขยับแม้แต่ขนตา
“ไอ้หมู กินข้าวลงหลอดอาหารแล้วดูโน่นไปด้วย!”
ประธานปาร์คหน้าแดงชี้ออกไปนอกหน้าต่างด้วยความโมโห
เป็นภาพการประท้วงที่กินเวลามานานหน้าสำนักงานใหญ่ของบูคยอง วันนี้ก็ยังเป็นทิวทัศน์ที่น่าหดหู่ ผู้ที่คาดหวังจะย้ายเข้ามาอยู่อะพาร์ตเมนต์ถือป้ายมาออกันหน้าสำนักงานใหญ่
[ขอโทษซะ! การก่อสร้างของบูคยองที่เหยียบย่ำความฝันของประชาชน]
[เงินที่พวกเรารวบรวมมาด้วยเลือดและหยาดเหงื่อแต่กลับทำออกมาแบบลวกๆ คืออะไร]
“นั่นมันอะไร!”
“ผมถึงได้เอาแผนการแก้ไขมานี่ไงครับ หัวหน้าฝ่ายชา”
ซองบอมสั่งผู้จัดการฝ่ายชาที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้จัดการฝ่ายจึงเริ่มอธิบายให้ประธานปาร์คฟัง
“ซีเอสอาร์ หรือก็คือ Corporate Social Responsibility เป็นคำที่หมายถึงกิจกรรมที่สร้างประโยชน์ทางสังคมของบริษัท กลุ่มตัวแทนบริษัทใหญ่ในประเทศเราก็มีบริษัท เอส, บริษัท แอล, บริษัท เอช ที่นำเสนอซีเอสอาร์เป็นงานสำคัญของบริษัท และเผยแพร่กิจกรรมพลังบวกมานานแล้ว ตัวอย่างเช่น โครงการอบรมคนตาบอดของบริษัท เอส, โปรเจ็คเชิดชูผู้ยึดถือความยุติธรรมของบริษัท แอล, กิฟท์คาร์ของบริษัท เอช ซึ่งสามารถเห็นผลการสำรวจได้เลยว่า การทำซีเอสอาร์เช่นนี้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่บริษัท มีแนวโน้มชัดเจนที่ผู้บริโภคจะไม่ซื้อบริษัทเลวๆ และหันมานิยมชมชอบในผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่มีจิตใจดี ตอนนี้กิจกรรมซีเอสอาร์ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งที่ควรจะทำครับ ดังนั้นบูคยองของเราเองก็…”
“สรุปคือให้บริจาคแล้วก็คอยไปรับใช้! หาเงินแทบตาย จะให้เอาไปทำทานไอ้พวกขอทาน!”
“ผู้จัดการฝ่ายชา ออกไปก่อนนะครับ”
จากคำพูดของซองบอม ผู้จัดการฝ่ายโค้งเก้าสิบองศาแล้วออกจากห้องท่านประธานไป
“ไม่ใช่ทำทานขอทาน คิดซะว่าเป็นการทำเพื่อภาพลักษณ์ทางการตลาดสิครับ พ่อเองก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าการโฆษณาภาพลักษณ์ต้องใช้เงินเท่าไหร่ ถ้าทำมูลนิธิการกุศลให้ดีๆ ก็จะเอาส่วนค่าโฆษณาออกไปไงครับ”
“มูลนิธิทำแล้วได้อะไร ต้องมีตึก เงินที่จะใช้ทำ มีคนดูแล เอาแค่หัวสองหัวก็ใช้เงินเท่าไหร่แล้ว”
“ก็ใช้ทรัพยากรที่เรามีสิครับ!”
“ทรัพยากรที่มี?”
“พ่อมีก็มีบริษัทก่อสร้าง ตึกของบูคยองก็ออกจะมีไปทั่วเกาหลี”
“จะทำมูลนิธิในอะพาร์ตเมนต์หรือไง”
“พูดอะไรของพ่อ จะไปสร้างมูลนิธิอะไรในอะพาร์ตเมนต์ได้ ผมมีที่เหมาะๆ อยู่แล้วสามที่ สปอร์ตเซ็นเตอร์, คันทรี่คลับ, โรงแรม แต่โรงแรมกับคันทรีคลับที่มีอิมเมจของกอล์ฟกับธุรกิจที่พัก ไม่เหมาะกับภาพลักษณ์ในการทำมูลนิธิการกุศล เพราะฉะนั้น ตัวเลือกก็เหลือสปอร์ตเซ็นเตอร์ ในบรรดาสปอร์ตเซ็นเตอร์สามแห่งของบูคยอง หนึ่งคือมาโพ อีกสองที่ที่เหลือคือคูรีและพุนดังที่คยองกี”
“มาโพ?”
“ใช่! ชั้นใต้ดินชั้นที่หนึ่ง เป็นสระว่ายน้ำ, ชั้นใต้ดินหนึ่งกับสองเป็นฟิตเนส ส่วนชั้นสาม ชั้นบนเป็นพื้นที่ว่าง”
ประธานปาร์คขมวดคิ้ว ซองบอมรีบพูดต่อ
“ผมคิดว่ายอมเสี่ยงคัดค้านพ่อ สร้างเซ็นเตอร์ที่มาโพให้ยิ่งใหญ่ ชั้นนึงมีพื้นที่กว่าสองร้อยพย็อง สามารถปรับเปลี่ยนใหม่ให้เป็นห้องประธานมูลนิธิ, ออฟฟิศพนักงาน, ห้องบรรยาย, โรงภาพยนตร์ขนาดเล็กได้สบายๆ ยิ่งกว่าอะไรคือ ตึกเป็นของเรา ไม่ได้ต้องเสียค่าเช่าสักแดงเดียว”
“จิ๊ๆ นี่เหรอที่แกจะเอามาอวดอ้าง ไม่คิดจะหาเงินจากที่ว่างที่เสียไปหรือไง ชั้นนึงทำเงินได้มากกว่าสิบล้านวอน! หนึ่งเดือนสิบล้านวอน หนึ่งปีก็เท่ากับร้อยยี่สิบล้าน จะให้มันปลิวหายไปกับตางั้นเหรอ สติแกยังดีอยู่ไหม!”
“พ่อก็! เพื่อภาพลักษณ์ไง! คิดว่ามันเป็นภาพลักษณ์ของบริษัทสิ! แค่โฆษณาภาพลักษณ์บริษัทก็ใช้เงินทีละหลายสิบหลายร้อยล้านวอนแล้ว นี่เดือนละสิบล้านมันก็แทบจะไม่ต่างกันไม่ใช่เหรอ พ่อที่เคยใช้ชีวิตแบบคนหาเช้ากินค่ำน่าจะรู้ดีกว่าใคร ตึกที่ไม่มีคนดูแลมันโทรมเร็วขนาดไหน จริงไหม หลังจากเราเอามาทำใหม่ ถึงจะเลิกทำมูลนิธิไป ก็ยังเอามาให้เช่าใช้งานคล้ายๆ กันได้”
ประธานปาร์คกะพริบตาเร็วขึ้น ราวกับกำลังใคร่ครวญ
“ตึกปรับแก้ไปอย่างนั้นได้ ส่วนปัญหาเรื่องกำลังคนก็ไม่ต้องห่วง ใช้แค่คนสองคนจากเฝ่ายธุรการกับฝ่ายการเงินก็พอแล้ว ไม่ต้องเสียเงินเดือนซ้ำซ้อน แล้วยังมีผลต่อการปรับโครงสร้างไปโดยปริยาย”
“ฝ่ายธุรการกับฝ่ายการเงินงั้นเหรอ”
พูดถึงการปรับโครงสร้าง ตาของประธานก็กะพริบรัว แม้จะไม่สามารถตัดพนักงานได้อีกสักคน แต่สำหรับเขา ไม่มีอะไรจะหอมหวานไปกว่าการปรับโครงสร้าง
“จบเรื่องพนักงาน ก็ต้องมีหัวหน้า? จะให้ใครมาทำตำแหน่งนี้ ตำแหน่งตัวแทนมูลนิธิ รายได้ประจำปีเป็นหลายร้อยล้าน”
“เดิมทีงานซีเอสอาร์หรือมูลนิธิ วัฒนธรรมบริษัทมักจะเป็นผู้หญิงในครอบครัว”
ประธานปาร์คทำเสียงดูแคลน
“ใคร แกบ้าไปแล้วเหรอ พูดออกมาได้ยังไง แต่ไหนแต่ไรมีแต่คิดจะใช้เงินกัน ไม่ถึงอาทิตย์ได้กลายเป็นห้องเก็บของแน่!”
“แม่ไม่ได้แน่นอน สัญลักษณ์ตัวแทนมูลนิธิสำคัญมาก ตัวแทนต้องมีสติปัญญาดี ระดับการศึกษาดี มีชื่อ ออกไปที่ไหนก็ต้องไม่พัง”
“ใครล่ะ แกมีคนแล้วหรือไง หรือพวกพี่สาวแก?”
“พ่อจะบ้าเหรอ ยัยพวกนั้นแต่งงานไปแล้ว ก็เท่ากับเป็นคนอื่นแล้ว เรามีสาวสวยที่พ่อชอบบอกว่าช่วยหาค่าอาหารเข้าบ้านอยู่คนเดียวยังไงล่ะ”
แววตาของซองบอมเป็นประกาย
“ลูกสะใภ้พ่อไง”