รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ - บทที่ 54-2 เมื่อไหร่สวนสนุกของเราแค่สองคนจะเปิด / บทที่ 55-1 ขณะที่ใจกำลังมุ่งไปสารภาพ
- Home
- รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ
- บทที่ 54-2 เมื่อไหร่สวนสนุกของเราแค่สองคนจะเปิด / บทที่ 55-1 ขณะที่ใจกำลังมุ่งไปสารภาพ
บทที่ 54-2 เมื่อไหร่สวนสนุกของเราแค่สองคนจะเปิด
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น อึนคังก็มาขึ้นรถจีฮวันที่หน้าคอนโด
“ขอโทษที่รบกวนเวลาทำงานนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ได้นานอะไร ว่าแต่อนุสรณ์สถานผู้ล่วงลับอยู่ที่ไหนคะ”
“ไม่ไกลจากที่นี่มาก อนุสรณ์สถานผู้ล่วงลับซารังน่ะครับ”
“เอ๋? คุณแม่ฉันก็อยู่ที่นั่น”
“อ้า ถึงว่าคุณพ่อกับจากูถึงไปที่นั่น”
“พ่อไปที่นั่นเดือนละครั้งค่ะ เอาคุณแม่มาอยู่ที่นี่นานหรือยังคะ”
“ตอนแรกอยู่ที่วัดครับ ย้ายมาที่นี่ได้ประมาณสิบปีแล้ว ตอนผมเข้ามหาลัย นี่แม่ก็เสียมาได้ราวๆ สิบห้าปีแล้ว”
“อ้า…”
อึนคังถึงกับอึ้ง ไม่น่าเชื่อว่าแม่ของเขาจะจากไปนานขนาดนี้แล้ว จินตนาการความรู้สึกที่ต้องสูญเสียผู้ให้กำเนิดไปทั้งที่เพิ่งอายุยี่สิบไม่ออกเลยว่าจะเป็นอย่างไร
“คุณแม่คุณนักเขียนล่ะครับ”
“เพิ่งเสียไปได้สามปีค่ะ จริงๆ ฉันเคยเล่าให้ฟังแล้วนี่ใช่ไหมคะ”
“อะไรครับ”
“ที่ว่าฉันเจอจากูระหว่างทางขากลับจากงานศพแม่ที่อนุสรณ์สถานผู้ล่วงลับไงคะ”
“งั้นเหรอครับ”
“ช่วงนั้นอากาศร้อนเกินสามสิบห้าองศาตลอด มีคนทิ้งจากูไว้บนทางด่วน”
“ให้ตายสิ”
“วันนั้นอากาศร้อนอบอ้าวมาก จัดงานศพ ต้อนรับแขกจนหัวหมุนไปหมด ต้องรีบหาอนุสรณ์สถานผู้ล่วงลับที่จะเอาแม่ไปอยู่ ฌาปนกิจเสร็จแล้วก็เอาอัฐิแม่มาบรรจุ พ่อ ฉัน น้อง สามคนอยู่ในสภาพหมดแรง…”
“มีน้องด้วยเหรอครับ”
“อ้า ฉันไม่เคยบอกเหรอคะ”
“ครับ”
“มีน้องชายหนึ่งคนค่ะ เด็กกว่าฉันสามปี ตอนนี้กำลังเรียนต่ออยู่ที่ต่างประเทศ”
“ที่ไหนครับ สาขาอะไร”
“เรียนแฟชั่นดีไซน์อยู่ที่เบลเยี่ยมค่ะ ฉันก็ไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไหร่นักหรอกค่ะ คงไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในเกาหลี…”
“รอยัลอะคาเดมีออฟไฟน์อาร์ตอันท์เวิร์ป?”
“เฮ้ย!”
อึนคังตกใจหันไปมองจีฮวัน
“รู้ได้ยังไงคะ ฉันยังสับสนชื่อมหาลัยอยู่เลย”
“นับเป็นหนึ่งในสามมหาวิทยาลัยดีไซน์ของโลก พาร์สันส์ดีไซน์สกูลของอเมริกา และเซ็นทรัลเซนต์มาร์ตินของอังกฤษ ระบบการศึกษา สาขาวิชาสามปี ปริญญาโทหนึ่งปี เรียนเป็นภาษาอังกฤษกับดัตช์ ค่าเฉลี่ยของผู้สำเร็จการศึกษาเทียบกับปริมาณรับเข้ามีแค่สิบเปอร์เซ็นต์ พูดก็คือเป็นโรงเรียนที่ยากมาก”
จีฮวันร่ายยาวราวกับคอยอยู่แล้ว ปากที่ตกใจของอึนคังยิ่งอ้าค้าง
“ดูเหมือนคุณนักเขียนชอบลืมความจริงที่ว่าผมเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินที่มีความสามารถมากคนนึง ซึ่งผิดมาก รู้ไหมครับว่าข้อมูลมหาลัยต่างประเทศที่ผมมีมีเยอะกว่าพวกตัวแทนเอเจนซี่เสียอีก ทั้งอเมริกา, ญี่ปุ่น, จีน, หรือประเทศที่ไม่ค่อยมีข้อมูลอย่างอเมริกาใต้หรือตะวันออกกลาง ผมจัดให้ทั้งสเปก วิชาเอก กระทั่งคาดการณ์อนาคต ลูกๆ ของลูกค้าที่ผมส่งไปเรียนต่อกับมือมีเป็นคันรถบรรทุก”
อึนคังยกนิ้วโป้งให้
“นับถือเลย! เป็นอีกครั้งที่ฉันไม่รู้ว่าคุณพีบีมีความสามารถแบบนี้ด้วย!”
จีฮวันยิ้ม ความรู้ของพีบีก็แค่ต้องกว้างเหมือนแผ่นเครปที่ทอดบนกระทะ ไม่ได้จะเอาไปแข่งตอบคำถามอะไร แต่เอาไว้ทำให้ตัวเองดูดีและช่วยเสริมพร้อมทั้งสนับสนุนคำพูดที่ทำเป็นเก่งของลูกค้าที่จริงๆ มีความรู้แค่เล็กๆ น้อยๆ
แต่วันนี้ ต้องขอบคุณข้อมูลและความรู้เล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมดที่จำต้องศึกษามา เขาเลยสามารถคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกับอึนคังได้ ทำให้ดูเป็นผู้ชายที่ดีขึ้นอีกนิด
“พอจะเข้าใจนะครับว่าทำไมน้องถึงได้เรียนแฟชั่น”
“ทำไมคะ”
“ก็เพื่อพี่สาวไงครับ คงอยากทำเพื่อพี่สาวที่ไม่มีเซ้นส์เรื่องแฟชั่นให้แต่งตัวดีขึ้น โอ๊ย!”
อึนคังส่งสายตาพิฆาตให้จีฮวันพลางบิดต้นขา
“อันตรายจริงๆ ผู้หญิงคนนี้”
จีฮวันคว้ามืออึนคังมาจับไว้ ความรู้สึกจั๊กจี้มันแปลบขึ้นมามากกว่าเจ็บเพราะถูกหยิก แต่เพราะชอบนี่แหละเลยอันตราย
“โอ๊ย เจ็บ ปล่อยนะ!”
“ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่หยิกอีก”
“รู้แล้วค่ะ ไม่หยิกแล้ว!”
จีฮวันคลายมือ อึนคังรีบดึงมือออก ถึงจะแค่แป๊บเดียว พอมือเธอหายไป กลับรู้สึกว่างเปล่า
“ว่าแต่น้องเยี่ยมไปเลยนะครับ การเข้าที่นั่นโหดมาก ค่าเรียนก็ใช่ว่าจะฟรี ค่าครองชีพอีก ปีนึงน่าจะสิบยี่สิบล้านวอน ได้มั้ง”
“เข้ามหาลัยศิลปะไปแล้วตอนปีสองก็เปลี่ยนเส้นทาง น้องฉันพอมีฝีมือในการวาดรูปค่ะ เป็นคนไม่เหมือนใครมาตั้งแต่เด็ก เด็กๆ ออกจะประหลาดหน่อย”
อึนคังกระซิบราวกับเป็นความลับสุดยอด จีฮวันยิ้มพลางบอก
“ตอนนี้ใครประหลาดกว่า อะแฮ่ม แล้วไงต่อครับ”
“แล้วก็ดร็อปเรียนไปทหาร พอปลดประจำการก็ไปเวิร์คแอนด์ฮอลิเดย์ที่ออสเตรเลีย ค่าเทอมหนึ่งปีกับค่ากินอยู่หาเอง วันแรกที่กลับมาจากออสเตรเลีย มาคุกเข่าต่อหน้าพ่อแม่ ว่าขอเวลาอีกแค่สองปี หลังจากนั้น จะให้แต่งงานหรือทำอะไร จะไม่ปฏิเสธเลย”
“สุดยอดไปเลยนะครับ”
“เพราะความมุ่งมั่นนี้ เรื่องปริญญาโทหนึ่งปี ฉันเลยอยากสนับสนุน ช่วยส่งให้อยู่เดือนละสองล้านวอน จบมาได้งานแล้ว ฉันจะเอาคืนเป็นสองสามเท่าเลยคอยดู!”
มองอึนคังที่กำมือร้องสะใจแล้วจีฮวันก็ยิ้มออกมา ท่าทางเธอน่ารักมากจนอยากจะกอดแน่นๆ
“ใจดีกว่าที่เห็นนะครับ”
“ไม่ได้ใจดีหรอกค่ะ ฉันต้องใช้หนี้น้องเยอะ สมัยเด็กน้องต้องเดือดร้อนเพราะฉัน ตอนเป็นทารกฉันเคยนั่งทับเกือบตาย แล้วก็เคยต้องตัดผมทิ้งเพราะหัวไปติดหมากฝรั่ง”
“โอ๊ย นี่มันปีศาจทำลายล้างชัดๆ”
จีฮวันส่ายหน้า บันทึกรายละเอียดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทีละเรื่อง ทั้งเรื่องครอบครัวของอึนคัง เรื่องเล่าทั้งหมดที่เกี่ยวกับสมัยเด็กของอึนคัง ไม่อยากพลาดสักเรื่อง ความทรงจำทั้งหมดล้วนแต่มีความหมายสำหรับเขา
“โชคดีเหลือเกินที่ไม่มีพี่สาวอย่างคุณนักเขียน”
“คุณพีบีเป็นลูกคนเดียวสินะคะ”
“ครับ ผมเป็นลูกคนเดียว”
“นึกอยู่แล้ว กลิ่นลูกโทน! รู้ตั้งแต่ที่กินน้อย ดูไม่ค่อยตะกละแล้ว สัญลักษณ์ของลูกโทนที่โตมาอย่างเพียบพร้อมไม่มีคนแย่ง”
“นี่คุณนักเขียนคิดว่าตัวเองตะกละงั้นเหรอครับ”
“ไม่ค่ะ! ฉันปกติ!”
“คร้าบ คร้าบ”
* * *
หลังจากลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในตึกในอนุสรณ์สถานผู้ล่วงลับแล้ว อึนคังก็เอ่ยถามขึ้นมา
“คุณแม่อยู่ห้องไหนเหรอคะ”
“ห้องท้องฟ้าชั้นหนึ่งครับ”
“จริงเหรอคะ แม่ฉันก็อยู่ที่นั่น”
แล้วทั้งสองคนก็เข้าไปยังสถานที่เก็บอัฐิ
“ตรงนี้ครับ”
จีฮวันหยุดยืนหน้าช่องบรรจุอัฐิของแม่ อึนคังชี้ช่องบรรจุอัฐิที่ห่างออกไปสามช่อง
“นี่แม่ฉันค่ะ”
“…!”
จีฮวันตกใจ มองอึนคังสลับกับช่องบรรจุอัฐิ ช่องบรรจุอัฐิที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือจนคับแคบ เป็นช่องบรรจุอัฐิของแม่ของอึนคัง หนังสือแต่ละเล่มในนั้น ที่หน้าปกมีชื่อ ‘โกคึมกัง’
“บังเอิญอะไรอย่างนี้…”
“นั่นสิครับ”
จีฮวันโค้งคำนับแม่ของอึนคังอย่างนอบน้อม อนุสรณ์สถานผู้ล่วงลับในคยองกีมีไม่กี่แห่ง ก็อาจจะเป็นไปได้ที่จะมาอยู่ที่เดียวกัน แต่กระทั่งสถานที่เก็บและช่องบรรจุอัฐิยังมาอยู่ใกล้กันเนี่ย มันเป็นความบังเอิญที่พบได้ไม่บ่อยนัก
อาจไม่ใช่ความบังเอิญก็ได้ ถ้าไม่ใช่ความบังเอิญก็คงจะดี จีฮวันถึงกับใจเต้นรัว
อึนคังที่ไม่มีทางรู้จิตใจของจีฮวันยกมือพนมก้มไหว้หน้าช่องบรรจุอัฐิแม่จีฮวัน
เขาพาอึนคังมาเพราะคำแนะนำของซอกยอง ‘แสดงด้านที่อ่อนไหวและน่าสงสารให้ผู้หญิงที่ชอบเห็น แล้วมันจะเกิดความสงสาร’
แค่อึนคังมาด้วยกันนี่ก็พอแล้ว เขาแค่อยากให้แม่เห็นผู้หญิงที่ทำให้ลูกชายชอบได้ในรอบหลายปี เท่านั้นเอง มองอึนคังที่ยืนตรงหน้าแม่แล้ว ในหัวใจเขาก็เต็มตื้นขึ้นมา
บทที่ 55-1 ขณะที่ใจกำลังมุ่งไปสารภาพ
“อ๊ะ? คุณพีบีร้องไห้เหรอคะ”
จีฮวันรีบหันหน้าหลบ
“ให้ฉันออกไปก่อนไหมคะ”
จีฮวันส่ายหน้า จับมืออึนคังเงียบๆ
“ทักทายหน่อยไมครับ”
“อะไรนะคะ…”
“คุณนักเขียนทำตัวสบายๆ ตามปกติก็ได้นะครับ”
“สดใส น่ารักตามปกติน่ะเหรอคะ”
อึนคังพยักหน้าพลางยิ้ม เอามือกุมหน้าทำท่าดอกไม้บาน
“อ้า สวัสดีค่ะคุณแม่ หนูชื่อโกอึนคัง เป็นเพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงาน แล้วก็เป็นคู่ เอ่อ เพื่อนลูกชายคุณแม่ค่ะ อืม คุณแม่สบายดีมีความสุขอยู่ในที่ดีๆ ใช่ไหมคะ ไม่ต้องห่วงลูกชายนะคะ ลูกชายคุณแม่…”
อึนคังเหลือบมองจีฮวันแล้วเลื่อนสายตากลับไปยังช่องบรรจุอัฐิอีกครั้ง
“เติบโตมาอย่างดีมากจริงๆ พวกผู้ใหญ่เห็นก็ชื่นชมว่าเป็นลูกบ้านไหนนะ มีลูกสาวก็อยากได้เป็นลูกเขย รูปร่างหน้าตาดี ดูภูมิฐานน่าชื่นชม ตัวสูงใหญ่ แต่งตัวก็ดี บอกได้คำเดียวว่าหล่อมากค่ะ”
มือของจีฮวันที่จับมือของอึนคังเผลอออกแรงมากขึ้น
“ไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตานะคะ หัวก็ดี มีความสามารถ แถมยังขยันและเรียบร้อยมาก แต่ถึงจะเพอร์เฟกต์ ยังไงก็ยังมีข้อเสียเหมือนกันนะคะ สุขุมเกินไป จนบางครั้งทำให้คิดนู่นคิดนี่มากเกิน”
จีฮวันตกใจที่อึนคังเข้าใจตัวเองได้ถูกต้องแม่นยำ
“และเป็นคนที่มีเสน่ห์ มองภายนอกอาจจะดูเหมือนคนเย็นชา แต่เป็นคนที่รู้จักเอาใจใส่ เจ้าสำราญนิดๆ และข้างในเป็นคนที่อบอุ่นมาก ต่างจากภาพลักษณ์ที่ดูเย็นชา”
“ใครเจ้าสำราญ…”
“คือถึงจะดูฉุนเฉียวไม่เป็นมิตร แต่ก็สุภาพ เรียบร้อย อ่อนไหว สรุปแล้วเป็นพวกซึนเดเระน่ะค่ะ”
อึนคังกระซิบถามจีฮวัน
“คุณแม่จะรู้จักคำว่าซึนเดเระไหมคะ”
“ไม่น่าจะรู้จักมั้งครับ”
“ยังไงก็ตาม ลูกชายคุณแม่อยู่ดีกินดี เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เนอะ? คุณจีฮวันมีความสุขดีเนอะคะ”
อึนคังตบหลังจีฮวัน
“ครับ ครับ”
จีฮวันเผลอตอบ
“ได้ยินแล้วใช่ไหมคะ ไม่ต้องเป็นห่วงลูกชายคุณแม่เลยนะคะ”
“คงจะตกใจสินะครับ ว่าเจ้าลูกคนนี้ทำไมพาผู้หญิงพูดมาก พูดไม่หยุดขนาดนี้มา”
“ไม่หรอกค่ะ! ฉันเป็นคนร่าเริงต่างหาก คุณแม่ก็ชอบใช่ไหมคะ ดูสิ คุณแม่กำลังยิ้มด้วย!”