รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ - บทที่ 57-1 ถ้าให้เลือก ก็ขอเลือกจักรวาลที่มีคุณ
- Home
- รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ
- บทที่ 57-1 ถ้าให้เลือก ก็ขอเลือกจักรวาลที่มีคุณ
รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ – บทที่ 57-1 ถ้าให้เลือก ก็ขอเลือกจักรวาลที่มีคุณ
“สะ สอดแนม พะ พูดอะไรหยาบคายแบบนั้น”
‘สอดแนม’ คำที่ไม่เคยพูดออกจากปาก และไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะเอาตัวเองไปเกี่ยวข้อง คำนี้มีผลกับทนายรยูไม่น้อย
แต่อึนคังยังคงยิ้มแต้พูดต่อไป
“เอ๋ อย่างนั้นเหรอคะ ถ้าไม่ชอบคำว่าสอดแนม แล้วจะให้ใช้คำว่าอะไรดี สายลับ? สปาย? อุ๊ยๆ คำนี้ดี สปาย! ฮ่าๆๆ!”
เสียงระเบิดหัวเราะของอึนคัง ทำเอาความงุนงนของทนายรยูยิ่งเพิ่มมากขึ้น เสียงหัวเราะเหมือนเสียงตีถัง เหมือนอีการ้อง เสียงหัวเราะของผู้หญิงแบบนี้เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกในชีวิต ทนายรยูวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง
“ว่าแต่ จะบอกเบอร์โทรศัพท์ได้หรือยัง”
อึนคังหยุดหัวเราะเอียงคอมอง
“หมู่นี้มิจฉาชีพทางโทรศัพท์เยอะใช่เล่นนะคะ วิธีการก็น่ากลัวขึ้นทุกวัน…”
อึนคังจ้องมองทนายรยูด้วยสีหน้าไม่ไว้ใจ ทนายรยูถึงกับอ้าปากค้าง
อย่าบอกนะว่ายัยนักเขียนประหลาดนี่เห็นฉันเป็นพวกมิจฉาชีพ?
รยูจองมยอน ที่สมัยเรียนมัธยมคว้าตำแหน่งที่หนึ่งของโรงเรียนมาตลอด ตอนเป็นนักศึกษาก็ผ่านการทดสอบกฎหมาย จบเป็นอันดับสองของสถานฝึกงานกฎหมาย ตำแหน่งในอดีตเคยเป็นประธานศาลฎีกา และเป็นทนายที่ภาคภูมิใจในสถิติว่าความชนะคดีได้เยอะมาก
เขาช็อกมากจนมึนหัวไปหมด ทนายรยูตั้งสติและแก้ไขความคิดเสียใหม่
“ผมเป็นพ่อของจีฮวัน ไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้น ละ และก็เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายตุลาการด้วย”
จนถึงตอนนี้ ไม่ว่าจะไปยื่นนามบัตรให้ใคร ที่ไหน ก็จบ ไม่เคยต้องไปอธิบายแจกแจงตัวเองกับใคร แม้แต่ประธานาธิบดี ประธานศาลฎีกา หรือประธานบริษัทกลุ่มธุรกิจที่ร่ำรวย สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าจึงทำเอาทนายรยูที่อยู่มาแบบนั้นทั้งชีวิตช็อกและงงมาก
“นะ นี่กลัวว่าผมจะเอาเบอร์คุณโกอึนคังไปทำอะไรไม่ดีงั้นเหรอ การเอาเบอร์คนอื่นไปบอกคนอื่นต่อถือเป็นความผิด การเอาไปเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ตให้ทุกคนเห็น หรือเอาไปใช้ทำเรื่องไม่ดีก็เป็นความผิด มันคือการกระทำของผู้ใหญ่ที่ไร้จิตสำนึกไม่ใช่หรือ”
เสียงทนายรยูดังขึ้นโดยไม่รู้ตัว ด้วยความงุนงงและเห็นเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ คนอย่างเธอกล้าลบหลู่ฉันงั้นเหรอ ไม่รู้จักฉันงั้นเหรอ
“แล้วจะกังวลอะไรไร้สาระแบบนั้นไปทำไม หรือคุณโกอึนคังเป็นคนดังมากงั้นเหรอ”
“ไม่ใช่คนดังกังวลไม่ได้หรือคะ”
“อะไรนะ”
“เป็นทนายก็น่าจะยิ่งรู้นะคะ คนที่เจอพวกมิจฉาชีพ โดนปล้นหรือโดนฆ่ากลางวันแสกๆ ทั้งหมดก็เป็นคนธรรมดาเหมือนฉัน เป็นประชาชนที่ไม่มีพาวเวอร์อะไร จริงไหมคะ พวกคนใหญ่คนโต มีเงินเยอะ มีสิทธิมีอำนาจ ใกล้ชิดกฎหมาย อยู่แบบไม่กลัวเรื่องแบบนี้กันหรอกค่ะ แต่คนธรรมดาอย่างฉันไม่ใช่อย่างนั้น เงินก็ไม่มี พาวเวอร์ไม่มี คนหนุนหลังก็ไม่มี ก็ต้องกังวลเรื่องไร้สาระนี่ไปก่อนอยู่แล้ว…”
“ออกประเด็นไปไกลนะครับ พวกนักเขียนไม่มีเหตุผลแบบนี้กันหมดเลยหรือไง”
ทนายยูตัดบทอึนคัง ราวกับได้ยินเสียงจุปากในใจ สายตาดูแคลนไม่น้อย ทำเอาความรู้สึกอดทนของอึนคังค่อยๆ หมดไป
แม้อึนคังจะพูดไปเรื่อยเหมือนคนบ้า พยายามอ้อมค้อมสักเท่าไหร่ก็ไร้ประโยชน์ ผู้ชายคนนี้เหมือนกำแพงแข็งแกร่ง
ดูภายนอกสุภาพและเย็นชาคล้ายกับจีฮวัน แต่ไม่ใช่เลย ทั้งคู่ต่างกันมาก
จะทำอย่างไรดี ถ้ารู้ว่าให้เบอร์คุณพ่อไป จีฮวันคงจะโกรธมาก ถึงจะเอาไว้ติดต่อในกรณีฉุกเฉิน แต่เธอก็รู้ว่าทนายรยูต้องการจะใช้ตัวเองเป็นตัวเชื่อมโยงกับจีฮวัน
แต่เธอก็เป็นห่วงจีฮวันมาก และรู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่อยากปล่อยมือจากจีฮวันไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
สุดท้าย อึนคังก็ทำตามที่ใจสั่ง คนที่มาขอเบอร์คนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก คงเพราะจะปล่อยลูกตัวเองไปอย่างนี้ไม่ได้ เพราะอย่างไรก็เป็นพ่อ
อึนคังโทรไปยังเบอร์ในนามบัตร ครู่เดียวโทรศัพท์มือถือของทนายรยูก็สั่น
“นี่เบอร์ฉันค่ะ ฉันไม่มีนามบัตร”
หลังจากจ้องอึนคังด้วยสีหน้าคาดไม่ถึง ทนายรยูก็เช็คเบอร์โทรและจัดการบันทึกชื่อ ‘โกอึนคัง’
“เข้าใจแล้ว บางที…อาจจะมีเรื่องที่จะติดต่อไป”
“อาจจะเป็นการเสียมารยาท แต่ก็ขอพูดอะไรหน่อยนะคะ ต่อไปเวลาจะขอร้องอะไรใคร ถ้าพูดให้นิ่มนวลและมีมารยาทกว่านี้อีกหน่อย คนที่จะให้ความช่วยเหลือจะรู้สึกดีกว่านี้ แล้วก็ไม่ควรลืมขอบคุณด้วย ถ้างั้น ขอตัวก่อนนะคะ”
อึนคังโค้งลาแล้วเดินออกไป
“เฮอะ!”
เสียงอุทานของทนายรยูที่พูดไม่ออก ดังข้ามไปยังประตูที่ปิดลงไปอย่างชัดเจน
***
หลังจากออกมาจากตึก อึนคังถอนหายใจที่ทนเก็บไว้ออกมา ขาสั่นหงึกๆ จนเกือบจะทรุดนั่ง เธอรวบรวมสมาธิอย่างยากเย็น เดินตรงไปที่จอดรถ
ทันที่เห็นจีฮวันที่กำลังหันซ้ายหันขวา น้ำตาก็เอ่อขึ้นมา พอเห็นเธอ เขาก็วิ่งเข้ามาหา อึนคังรีบหันหลังเช็ดน้ำตา
“ไปอยู่ไหนมาครับ บอกให้มารอที่รถไงล่ะครับ!”
จีฮวันถามเสียงดัง
“ก็คุณพีบีไม่ได้ให้กุญแจรถฉันไว้นี่คะ”
จีฮวันที่งงไปชั่วขณะ ล้วงกระเป๋าเสื้อโค้ต จับเจอกุญแจก็เสียงแห้งลง
“งั้นโทรก็ได้นี่ครับ ทำไมถึงไม่โทร แล้วก็ยังไม่รับสายด้วย!”
“ไม่เจอฉันเลยเป็นห่วงเหรอคะ”
“ผมก็คิดไปต่างๆ นานา ว่าจะไปล้มตกบันไดที่ไหนหรือเปล่า หรือแยกไม่ออก ขึ้นรถคนอื่นที่คล้ายรถผมไป”
จีฮวันตกใจหุบปาก ก้มมองอึนคังที่กอดตัวเองนิ่ง
ตอนนี้ใครต้องเป็นห่วงใครกันแน่ เขากำลังกลัวและร้องหงิงๆ เหมือนลูกหมาที่เสียแม่ไป
อึนคังลูบหลังจีฮวันเบาๆ จีฮวันซบหน้าลงกับไหล่ของเธอช้าๆ สัมผัสมือที่ลูบหลัง ทำให้ลมหายใจกราดเกรี้ยวกลับมาสงบลง
อยู่อย่างนั้นสักพัก จีฮวันที่กลับมาสงบดังเดิมเงยหน้าขึ้น ผละออกมาจากอึนคังเบาๆ
“ดีขึ้นไหมคะ”
จีฮวันพยักหน้า
“กลัวจะติดเป็นนิสัย ต้องมีไหล่ของโกอึนคัง”
“ถ้าต้องการเมื่อไหร่ ก็ได้เสมอค่ะ สำหรับคุณพีบี ฉันให้ยืมไหล่ฟรีไม่คิดเงิน”
อึนคังยิ้มพลางตบไหล่ตัวเองปุๆ ช่วงเวลาแย่ๆ ของจีฮวันก็เปลี่ยนไปในชั่วพริบตา อารมณ์ที่เหมือนการเดินทางอันแสนยาวนานและยากลำบากได้จบสิ้น เพิ่งเข้าใจคำว่าจักรวาลคู่ขนานก็ตอนนี้เอง
ในโลกฝากโน้น ต่อหน้าพ่อคือจีฮวันที่เป็นบ้าคลุ้มคลั่ง ในโลกทางนี้ เขาคือจีฮวันที่ยิ้มพูดคุยหยอกล้อไร้สาระกับอึนคังที่น่ารักสดใส
ในโลกฝากโน้น คือจีฮวันที่ทั้งตัวและหัวใจถูกพ่อที่ชอบอบรมทุบตีมาหลายสิบปี ในโลกทางนี้ เขาคือจีฮวันที่หัวดี มีความสามารถ เป็นคนอบอุ่นและมีความเอาใจใส่
ระหว่างการตัดสินใจสองโลกที่มีและไม่มีอึนคัง ถ้าต้องทิ้ง เขาเลือกทิ้งโลกที่ไม่มีเธอแน่นอน และถ้าต้องเลือก เขาขอเลือกจักรวาลที่มีอึนคังโดยไม่มีข้อแม้
จีฮวันทำหน้าเคร่งขรึม
“คุณนักเขียนคงผิดหวัง นึกว่าจะได้มาไหว้…”
“สิ่งที่คุณพีบีจะทำ เอาไว้คราวหน้าก็ได้ค่ะ”
“ผมจะทำอะไรยังไงได้มากกว่านี้อีกเหรอครับ”
“ยังไงก็ยังไม่ได้เซ่นไหว้…”
“ขอขี่หลังได้ไหมครับ”
จีฮวันขอให้แบกตัวเอง อึนคังตีเพียะไปที่หลังเขา
“โอ๊ย! คราวนี้ตีเหรอครับ นักเขียนดังตีคนอื่นเหรอเนี่ย!”
“สัญญาที่บอกว่าถ้ามาด้วยจะเลี้ยงข้าวเย็นอร่อยๆ ยังมีผลอยู่ไหมคะ”
“แน่นอนสิครับ อยากกินอะไร”
“อืม อยากไปกินที่บ้านคุณพีบีค่ะ”
“ที่บ้านผมเหรอครับ”
“ซื้อไปกินก็ได้ อ๊ะ! ไม่ได้สิ วันนี้เป็นวันของคุณแม่ ต้องเซ่นไหว้…”
“ไม่ต้องหรอกครับ ไม่เป็นไร ไม่ต้องเซ่นไหว้หรอกครับ แม่สั่งเสียไว้ก่อนตาย ว่าไม่ต้องมีหลุมฝังศพ ให้เผาเรียบง่าย อาหารเซ่นไหว้ก็ไม่ต้องทำให้วุ่นวาย แค่ไว้อาลัยด้วยใจก็พอแล้ว แล้วก็บอกให้มีความสุข กินของอร่อยๆ ในส่วนของแม่แทนด้วย ผมก็เลยทำอย่างนั้นมาตลอด ไปทักทายที่อนุสรณ์สถานแล้วกลับมากินของที่อยากกิน”
“อ้า…”
“ไปกินข้าวที่บ้านกันเถอะครับ”
“คงไม่เอาน้ำใส่ข้าวเย็นมาให้หรอกนะคะ”
“เฮ้อ แบบนี้ล่ะหัวไว”
จีฮวันลูบหัวอึนคัง
“คนหัวช้า เรื่องกินนี่ไวเลยนะครับ”
“ไม่อยากทำพิธีเซ่นไหว้จริงๆ เหรอคะ”
“ไปครับ ผมจะพาไปโต๊ะอาหารสุดหรู”
ทนายรยูยืนมองทั้งคู่ที่โต้เถียงกันพลางเดินขึ้นรถไปอยู่ในที่ไกลๆ ด้วยสายตาเย็นชา
* * *
กลับมาถึงคอนโดได้ชั่วโมงครึ่ง อึนคังก็ลงไปชั้นสิบสี่
จีฮวันกำลังเตรียมมื้อเย็น เนื้อในกระทะกำลังสุกเสียงดังฉ่าๆ บนโต๊ะมีแก้วไวน์กับพวกเครื่องเคียงวางอยู่
“ว้าว กลิ่นน่ากินมาก! ทำอะไรอยู่คะ ไหนดูหน่อยสิ โจทย์สุดท้ายที่ต้องทำคือการชิมรสชาติที่ซ่อนอยู่! เอาละค่ะ หัวข้ออาหารจานนี้คืออะไรคะ”
อึนคังเอามือปิดตาทำจมูกฟุดฟิด จีฮวันยิ้มพลางส่ายหัว
“นี่เป็นกลิ่นของสเต๊กเนื้อฮันอูอันดับหนึ่ง เป็นวัวที่เติบโตโดยการกินหญ้าในทุ่งเขียวขจีสดชื่นในคังวอนโดที่มีน้ำและภูเขาไหลผ่าน…”
“ตื๊ดดด!”
“เอ๋? ผิดเหรอคะ ไม่มีทาง! นี่มันกลิ่นเนื้อฮันอูแน่ๆ!”
“ไม่ใช่คังวอนโด แต่เป็นชอนลาโดครับ”
“จริงเหรอคะ ไหนขอฉันดูหน่อย”
อึนคังเข้าไปในครัว แต่ถูกจีฮวันไล่ออกมาห้องรับแขก
“โอ๊ย! อย่าเข้ามาเกะกะ ไปเล่นกับจีองนู่นเลย”
“เชอะ ฉันเองก็ทำอาหารเก่งนะ!”
“อ้า คร้าบ คร้าบ”
“จีอง หวัดดีจ้ะ”
อึนคังนั่งลงที่โซฟาพลางโบกมือ จีองที่ฝังตัวอยู่ในเก้าอี้โยกกระดกหัวขึ้นมามอง แล้วก็เลือกทำเป็นไม่สนใจแทน
“จีองชอบฉันน่าดูเลยนะคะ!”
“เขาไม่สนใจอะไรหรอกครับ ไม่ว่าอะไรก็ตาม”
“ฮึก! ไม่จริง!”
อึนคังจับหัวใจ
“โดนด่ายังดีกว่าโดนเมิน! จีองไม่สนใจมันเจ็บที่หัวใจ!”
“คุณนักเขียนชอบให้คนวิจารณ์ด่าว่าผลงานงั้นเหรอครับ”
“พูดอะไรไร้สาระคะ! จะไล่ไปสุดขอบโลกแล้วฆ่าทิ้งให้หมด! พวกน่าเกลียด!”
“ไว้ค่อยไล่ทีหลัง มากินได้แล้วครับ”
พออึนคังนั่งลงที่โต๊ะ จีฮวันก็เอาจานสเต๊กมาวางให้
“ว้าว”