รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ - บทที่ 62-2 บอกให้มาก็มา บอกให้ไปก็ไป เป็นผู้ชายแบบนั้น / บทที่ 63-1 ผู้หญิงของฉันเป็นคนยอดเยี่ยมแบบนี้แหล
- Home
- รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ
- บทที่ 62-2 บอกให้มาก็มา บอกให้ไปก็ไป เป็นผู้ชายแบบนั้น / บทที่ 63-1 ผู้หญิงของฉันเป็นคนยอดเยี่ยมแบบนี้แหล
บทที่ 62-2 บอกให้มาก็มา บอกให้ไปก็ไป เป็นผู้ชายแบบนั้น
อยากไล่ตามไปฝังไอ้หมอนั่นที่เป็นแฟนคนแรกของอึนคังชะมัด และถามว่าทำไมทำแบบนั้น ทำไมต้องปลูกฝังให้โกอึนคังที่รักอิสระเป็นโรคกลัวคนแก่กว่าด้วย ทำไม! ทำไม! ทำไม!
“พวกผู้ชายเด็กๆ ไม่ควบคุมแล้วก็แสดงความเป็นเจ้าของคุณนักเขียนงั้นเหรอครับ”
[ในบรรดาคนที่ฉันคบด้วยไม่มีค่ะ ด้วยอายุที่ไม่มีความคิดจะแสดงอำนาจอวดเบ่งและพยายามจะกดทุกอย่าง มันเป็นเสน่ห์ของผู้ชายที่อายุน้อยกว่า แน่นอนว่ามันก็เป็นกรณีไป ไอ้พวกอายุน้อยกว่าที่ทำตัวแก่ก็มี]
“แล้วผมล่ะครับ”
เอ่อ รู้สึกผิดแต่ก็พูดออกไปแล้ว เวลาอยู่ต่อหน้าทำไมชอบพูดอะไรไม่คิดแบบนี้ออกไปก็ไม่รู้
[คะ? อะไรนะคะ]
“คะ คือผมเองก็อายุมากกว่าคุณนักเขียนไม่มาก เลยอยากลองถามว่าในสายตาของคุณนักเขียนเห็นผมเป็นยังไง ผมดูเป็นพวกอวดเบ่ง ชอบควบคุมแฟนหรือเปล่า ถ้าช่วยประเมินให้ ต่อไปก็อาจจะช่วยผมได้เวลาที่มีความรักหรืออะไรก็ตาม”
จีฮวันเหงื่อแตก จบประโยคอย่างยากเย็น อึนคังตอบทันควัน
[อย่ากังวลไปเลยค่ะ คุณพีบีไม่ใช่พวกอวดเบ่ง คุณฉลาดมีสติปัญญา แค่ไม่ทำเป็นเก่ง แค่มีนิสัยพวกนักเรียนตัวอย่างที่ใช้ชีวิตมาอย่างเรียบร้อยจริงจังมานาน เป็นโรคที่เห็นสิ่งไหนผิดต้องแก้ไขให้ถูกต้องเป๊ะ เป็นคนประเภทที่อยากช่วยบอกสิ่งที่คนอื่นที่ไม่รู้ เวลาคุณพีบีตำหนิ ไม่ได้ทำให้อารมณ์เสียหรอกนะคะ เพราะมันไม่ใช่การอวดเบ่ง แต่เป็นห่วง!]
โชคดีที่อึนคังไม่มองเขาเป็นพวกคนแก่ขี้อวดเบ่ง ขี้หลงขี้ลืม ไร้หนทางช่วยเหลือตัวเอง
จำ แล้วก็จำเอาไว้ ว่าเธอเกลียดการถูกบังคับและควบคุมขนาดไหน
[เวลาคุณพีบีมีความรัก ก็คงจะแสดงนิสัยด้านที่ดีมากๆ ใช้เวลา ให้ความสำคัญจนชอบคนคนนั้น และพอลองเปิดใจให้สักครั้งแล้ว ก็ดูจะซื่อสัตย์และทุ่มเทให้สุดตัว ภายในอาจจะดูเจ้าระเบียบ แต่ความจริงข้างใน เป็นคนนุ่มนวล มีมุมใจอ่อน เวลามีความรัก ถ้าแฟนบอกให้ไปก็ไป บอกให้มาก็มาแบบนั้น เป็นพวกปากบ่น แต่ก็ยอมทำให้แฟนล่ะมั้ง?]
จีฮวันตกใจกับการมองทะลุของอึนคังอีกครั้ง เขาไม่รู้จะตอบอย่างไร เลยอยู่เงียบๆ
มองคนเก่งขนาดนี้เลย? หรือเพราะเป็นนักเขียนนิยายรักเลยรู้ดีเรื่องผู้ชาย แต่ในชีวิตจริงกลับไม่รู้ว่าใครชอบตัวเอง เขาถึงได้มีคำพูดที่ว่า คนเราเกาหลังตัวเองไม่ได้สินะ
[เห็นด้วยกับความคิดของฉันไหมคะ]
“กะ ก็ตรงบ้าง”
เขาค่อนข้างใช้เวลาอย่างรอบคอบกว่าจะชอบใคร พอเปิดใจให้แล้วก็จะซื่อสัตย์ ภายในอาจดูเป็นคนเจ้าระเบียบ แต่ความจริงข้างในนุ่มนวล มีมุมใจอ่อน เวลามีความรัก ถ้าแฟนบอกให้ไปก็ไป บอกให้มาก็มา จีฮวันเป็นผู้ชายแบบนั้นเลย
ตอนเป็นแฟนกับราฮีก็แบบนั้น อะไรก็ตามจะนึกถึงราฮีก่อน พยายามจะทำตามที่ราฮีต้องการ การได้เห็นราฮีมีความสุขกับการเอาใจใส่ของตัวเองก็คือความสุขของจีฮวัน
คบกันมาหลายปี ไม่เคยทะเลาะและขึ้นเสียงใส่เลยสักครั้ง กระทั่งมีเหตุการณ์ที่ทำให้ตัดสินใจแยกทางกัน
[อ๊ะ ฉันคุยซะนานเลย ขอโทษนะคะ]
“ไม่เป็นไรครับ”
[ความจริง ที่ฉันโทรมาก็เพราะ…]
“สงสัยว่าเมื่อเช้ามืดกลับไปถึงห้องเรียบร้อยไหม ล้มตกบันไดหรือเปล่า คงไม่ได้โทรมาถามสวัสดิภาพหรอกนะครับ หรือว่าใช่!”
[เอ่อ เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ฉันก็อยากรู้ว่ากลับถึงห้องเรียบร้อยดีไหม จริงๆ นะคะ!]
จีฮวันอดยิ้มไม่ได้ ท่าทางประหม่าของอึนคังลอยมาตรงหน้า
“จะทำยังไงดี แย่จัง ติดหนี้บุญคุณผูกสัญญาทาสกับคุณนักเขียนไปแล้ว นายท่านสั่งถอด ก็ต้องถอด ให้หกล้มก็ต้องสินะขอรับ”
[หืม! อะไรกัน! นักแสดงหน้าใหม่แสดงไม่ได้เรื่องเลย! ก๊ากๆ!]
เสียงหัวเราะของอึนคังดังแสบแก้วหูของจีฮวัน แค่แสดงห่วยๆ ก็ทำให้เธอหัวเราะได้แล้ว
ถ้ารักกับผม คุณจะได้เจอผู้ชายที่ดีเยี่ยม จะเชื่อฟังที่คุณสั่ง คุณบอกให้มาก็มา ผมจะซื่อสัตย์และมองแต่คุณ จีฮวันมั่นใจว่าตัวเองเป็นผู้ชายแบบนั้น
“แล้วที่โทรมามีเรื่องอะไรครับ”
[อ๋อ ฉันเขียนถึงตอนที่ห้าแล้วนะคะ เลยจะส่งต้นฉบับร้อนๆ ให้อ่านตามที่ระบุไว้ในสัญญา]
“จริงเหรอครับ นึกว่าเอาแต่เที่ยวเล่นก๊งเหล้า แต่งเสร็จห้าตอนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เก่งมาก”
[ฮิๆ ฉันสามารถน่ะค่ะ ตอนแรกเป็นฉากที่มินจุนทำกายภาพบำบัด ตอนที่สองกับสี่ เป็นฉากที่อธิบายพอร์ตโฟลิโอแก่ลูกค้า ยังไงช่วยดูให้ละเอียดหน่อยนะคะว่าตรงกับสภาพการณ์ล่าสุดไหม หรือมีส่วนไหนที่ตลกหรือเป็นไปไม่ได้หรือเปล่า]
“เข้าใจแล้วครับ จะอ่านให้ละเอียดทีละตัวอักษรเลยครับ”
ตอนนี้แค่นี้ก็พอแล้ว แค่เป็นคนแรกที่ได้อ่านผลงานเรื่องใหม่ของอึนคัง
บทที่ 63-1 ผู้หญิงของฉันเป็นคนยอดเยี่ยมแบบนี้แหละ
จีฮวันที่จอดรถและดับเครื่องหันไปมอง
อึนคังที่อยู่ข้างๆ กำลังหลับอยู่เหมือนเดิม ท่าทางจะนอนน้อยปั่นงานมาหลายวัน แก้มที่เคยยุ้ยดูฟีบลงเล็กน้อย ใต้ตาก็ดูคล้ำเป็นวงน่าสงสาร
นี่เป็นการพบกันในรอบห้าวัน หลังจากจีฮวันใช้ฟรีคูปองครั้งแรก เขาต้องสะกดกลั้นอารมณ์ที่อยากเจอเธอ เพราะกลัวจะไปรบกวนการทำงาน นานๆ ครั้งถึงจะโทรหา และรับส่งเพียงต้นฉบับเท่านั้น
แน่นอนว่าเขาต้องอดกลั้นเรื่องที่อยากถามว่าจะไปเที่ยวกันเมื่อไหร่ด้วย ยังเหลืออีกสามวันก็จะผ่านอาทิตย์นี้ไป ร่างกายของจีฮวันแทบทนไม่ไหว เขาได้แต่หวังว่ามันจะไม่สลายหายไปซะก่อน
อยากจะให้นอนต่ออีกหน่อย จีฮวันเลยจะส่งข้อความบอกซอกยอง แต่อึนคังก็ลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี
“ถึงแล้วเหรอคะ”
“ถึงแล้วครับ”
“อื้อออ…”
อึนคังบิดขี้เกียจ
“อ้า หลับสบายจัง”
“ไม่ปวดคอเหรอครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หลับสนิทเลย คุณพีบีขับสบายมาก เป็นเพราะรถดีใช่ไหมคะ”
“เพราะผมขับดีต่างหาก”
“คันนี้เท่าไหร่คะ”
“ดูเหมือนเท่าไหร่ล่ะครับ”
“อืม ก็น่าจะแพง…เกินสามสิบล้านวอนไหมคะ”
อึนคังถามด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ หลังจากนั้นประมาณสองวิ จีฮวันก็ระเบิดหัวเราะออกมา ประหนึ่งเรื่องที่คุยกันอยู่นั้นน่าขำมาก
“อะไรคะ”
อึนคังตาโตไม่รู้สาเหตุ
“ขำอะไรคะ”
“สามสิบล้าน ฮ่าๆ นี่รถซื้อรถทั้งคันนะครับ”
“อ้าว งั้นสี่สิบ? สี่สิบห้า? หะ ห้าสิบ?”
ดวงตาของอึนคังที่กำลังกางนิ้วทั้งห้าเบิกโพลง จีฮวันยิ้มพร้อมกับส่ายหน้า
“พะ แพงกว่าห้าสิบล้านวอนอีกเหรอคะ เหวอ!”
“ถ้ารู้ว่ามีรถที่แพงกว่าอะพาร์ตเมนต์อยู่ด้วย คงเป็นลมแน่”
“รู้ว่ามีรถที่แพงมากกก รถสปอร์ตที่ไม่มีหลังคานั่นก็เหมือนกัน แต่คันนี้ไม่น่าจะขนาดนั้น…”
“โอ๊ะ คราวนี้รถผมโดนหาว่าเป็นของถูกหรือเนี่ย รู้อะไรเรื่องรถครับ ถึงได้มาดูหมิ่นกันแบบนี้”
“เปล่านะคะ ไม่ได้ดูหมิ่น แต่นี่รถผลิตในประเทศไม่ใช่เหรอคะ ไม่ใช่รถสปอร์ตซะหน่อย”
จีฮวันระเบิดหัวเราะอีกครั้ง ท่าทางในสายตาของอึนคังจะมีรถอยู่แค่สองประเภทเท่านั้น รถสปอร์ตเท่ากับรถนำเข้าจากเมืองนอก ส่วนรถอื่นๆ นอกนั้นคือของในประเทศ
มาตรฐานของรถแพงๆ จะอยู่ประมาณสามสิบล้านวอนไปจนถึงแพงสุดห้าสิบล้านวอน คงไม่สามารถประมาณได้โดยใช้หลักเศรษฐศาสตร์ในระดับประถมเดาว่ารถที่แพง ‘มากกก’ นั้นราคาเท่าไหร่
“เหลือเชื่อเลยจริงๆ คุณนักเขียนนั่งรถคันนี้ไปไหนมาไหนกี่รอบแล้ว ยังไม่รู้อีกเหรอครับว่าเป็นรถอะไร ไม่สนใจเลยเหรอครับ จำทะเบียนรถได้ไหม ถ้าไม่มีกุญแจจะหารถเจอหรือเปล่า”
“เอ่อ ทะเบียนรถ เอ่อ เรื่องนั้น…”
อึนคังพยายามเหลือบไปมองหน้าต่างกระจกด้านหน้า
“จะหาดูเหรอครับ สมัยนี้ใครเขาติดทะเบียนรถที่กระจกกัน ตั้งสติหน่อยครับคุณผู้หญิง รถคันนี้ไม่ใช่แท็กซี่นะ”
“เออ ไม่ใช่แท็กซี่นี่นา”
จีฮวันหยุดยิ้มไม่ได้ ความจริงก็รู้อยู่ก่อนแล้วว่าอึนคังไม่ใช่คนโลภ
เครื่องสำอางและเสื้อผ้าที่ควรมีมากที่สุดในการใช้จ่ายของพวกผู้หญิง ยังน้อยกว่าจีฮวันเสียอีก เป็นการแสดงให้เห็นว่าแต่งๆ ไป ไม่ได้สนใจคุณสมบัติอะไรเป็นพิเศษ ที่โต๊ะเครื่องแป้งมีแค่ของพื้นฐานไม่กี่ชิ้น มีแป้งกับลิปกลอสวางกลิ้งอยู่แท่งสองแท่ง ส่วนในตู้เสื้อผ้าเต็มไปด้วยผ้าห่ม
เหมือนไม่ได้สนใจของที่มีราคาแพงอย่างอะพาร์ตเมนต์กว้างๆ กระเป๋าแบรนด์เนม หรือเพชรนิลจินดา กระเป๋าที่หิ้วไปไหนมาไหนก็มีแต่ถุงผ้ารักษ์โลกเพียงแค่นั้น รองเท้าก็เห็นใส่รองเท้าผ้าใบวนเวียนอยู่สองสามคู่
ไม่ได้มีงานอดิเรกที่ใช้เงินเยอะอย่างตกปลาหรือถ่ายรูป ที่เห็นก็มีอ่านหนังสือ ดูหนัง แล้วก็ไปวิ่งตามที่ต่างๆ เวลาว่าง
การไปเที่ยวต่างประเทศปีละสองสามครั้ง เห็นจะเป็นการใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองที่สุดที่อึนคังสามารถทำได้ แต่ก็ยังค้นหาที่นั่งชั้นประหยัดสายการบินที่ถูกที่สุด ที่พักก็พักแต่เกสต์เฮาส์กรือโฮสต์เทล แบ็คแพ็คไปตลอด ทำให้จะมองว่าการไปเที่ยวต่างประเทศเป็นความฟุ่มเฟือยก็ลำบาก
ในขณะที่หาเงินได้เยอะมากๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับมัน ความจริงข้อนี้ของอึนคัง ทำให้จีฮวันรู้สึกสดชื่นมาก และยิ่งชอบเธอมากขึ้นอีก ‘ลูกค้า’ มากมายที่เขาได้พบเจอตลอดเวลาสิบปีที่ทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินมา ไม่เคยเจอใครแบบนี้เลยสักคน
“รถคันนี้ยี่ห้ออะไรคะ ฉันจะเอาไปเสิร์ชดูหน่อย”
“เรื่องนั้นคุณนักเขียนต้องรู้ด้วยตัวเองครับ ตอนนี้ลงไปก่อนนะครับ ผมขอโทรหาซอกยองเดี๋ยว”
“ค่า”
อึนคังลองจากรถไป จีฮวันก็โทรหาซอกยอง
[เออ ถึงแล้วเหรอ]
“นี่ ขอพูดอีกครั้งนะ นายห้ามพูดอะไรไร้สาระเป็นอันขาดนะ เข้าใจไหม”
[บอกว่ารู้แล้ว พูดกี่ครั้งแล้วเนี่ย เห็นฉันเป็นคนไม่มีจิตสำนึกหรือไง]
“เออสิ นายมันพวกไม่มีจิตสำนึกนี่หว่า เรามาทำงาน มาหาที่ปรึกษาทางการแพทย์เพื่อข้อมูลในการเขียนนิยาย”
[เออๆ รู้แล้ว! นางเอกเป็นหมอปัสสาวะวิทยา เลยมาเยี่ยมชมโรงพยาบาลฉันและก็จะถามคำถามนู่นนี่ ฉันเปิดกระทั่งโรงพยาบาลและก็เป็นที่ปรึกษาให้ ฉันบอกแล้วไงว่าจะช่วย!]
“เออ ขอบใจ ซึ้งน้ำตาจะไหล ฉันไปเพื่อจะสอบถามเกี่ยวกับปัสสาวะวิทยาจริงๆ ห้ามมีคำว่า เพื่อนนอน รักข้างเดียว หรืออะไรคล้ายๆ กัน ออกจากปากให้โกอึนคังได้ยิน ขอให้เป็นหมอที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
[โอ๊ย อะไรนักหนา ตอนนี้ยังไม่สายนะ รีบไปหาหมออื่นเลยไป ท่าทางนายจะคิดอะไรมากเกินไปแล้ว ยังไงพวกนายก็ต้องการฉันไม่ใช่หรือไง น้องเมียมาขอร้องว่าไม่มีเวลาแล้ว เหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่ก็ต้องปล่อยผลงานแล้ว นักเขียนโกก็โทรมาขอร้องฉันอย่างนอบน้อม และฉันก็ตกปากรับคำไปแล้ว! แต่นายกลับมาเอาแต่สั่งๆ ให้ฉันหุบปากงั้นเหรอ หา?]
“เรื่องนั้นมันคนละเรื่องกับเรื่องนี้! ยังไงฉันก็เตือนอย่างสุภาพและมีมารยาท ถ้านายล้อเล่นต่อหน้าโกอึนคัง มิตรภาพที่รักษามากว่ายี่สิบปีเป็นอันขาดสะบั้น เข้าใจไหม”
[บอกว่าเข้าใจแล้ว! ไอ้บ้านี่! โอ๊ย ไม่เบื่อหรือไงวะ รีบทำๆ เถอะ ขอร้อง!]
“ได้ รบกวนด้วยนะ เพื่อน หืม?”