รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ - บทที่ 63-2 ผู้หญิงของฉันเป็นคนยอดเยี่ยมแบบนี้แหละ / บทที่ 64-1 คืนมรสุมคละคลุ้งกลิ่นคาวเลือด
- Home
- รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ
- บทที่ 63-2 ผู้หญิงของฉันเป็นคนยอดเยี่ยมแบบนี้แหละ / บทที่ 64-1 คืนมรสุมคละคลุ้งกลิ่นคาวเลือด
บทที่ 63-2 ผู้หญิงของฉันเป็นคนยอดเยี่ยมแบบนี้แหละ
“จนถึงปัจจุบันก็ยังมีคนเข้าใจผิดๆ ว่าปัสสาวะวิทยาเป็นแผนกที่รักษาแต่โรคของผู้ชาย เลยทำให้ยังมีคนอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่รู้ว่าความจริงแล้วสำหรับผู้หญิงเอง การตรวจรักษาปัสสาวะวิทยาก็จำเป็นเช่นกัน ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านปัสสาวะวิทยา รู้สึกเสียดายในจุดนี้มากๆ ปัสสาวะแล้วปวดแสบ ปัสสาวะแล้วปัสสาวะอีกแต่ก็ยังไม่หายปวด แล้วก็! มีเลือดปนมากับปัสสาวะ ถ้าปรากฏอาการเหล่านี้ คุณผู้หญิงทั้งหลายก็มักจะนึกถึงแผนกสูตินรีเวชก่อน แต่ว่า!”
ซอกยองเสียงดังขึ้นอย่างออกรส
“ปัสสาวะวิทยาต่างหากคือโรงพยาบาลที่พวกเธอต้องมา ทำไมน่ะหรือ ก็โครงสร้างร่างกายของชายหญิงไม่ได้เหมือนกันใช่ไหมครับ ผู้ชายมีอวัยวะสืบพันธุ์และอวัยวะขับปัสสาวะเดียวกัน แต่ผู้หญิงนั้นอวัยวะสืบพันธุ์และอวัยวะขับปัสสาวะแยกจากกัน ดังนั้น…”
“เฮือก!”
อึนคังตกใจ จีฮวันและซอกยองต่างจ้องเธอเป็นตาเดียว
“เป็นอะไรครับ”
“อย่างนี้นี่เอง! ผู้ชายอวัยวะสืบพันธุ์และอวัยวะขับปัสสาวะแยกกันไม่ได้หรือคะเนี่ย!”
เฮ้อ ยัยบ้านี่ จีฮวันส่ายหน้าให้โกอึนคัง คนบ้าที่ร้องอุทานออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ชะ ใช่ครับ ทางที่ผู้ชายปัสสาวะและปล่อยอสุจิออกมาเป็นทางเดียวกัน คุณนักเขียนเองก็คงจะทราบดี…”
ซอกยองส่งสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งให้จีฮวัน จีฮวันถลึงตา หุบปากไม่ได้ใช่ไหม
ซอกยองหลับสายตาที่ยิงมาเหมือนเลเซอร์ของจีฮวัน มองอึนคังด้วยสายตาเอ็นดูพลางอธิบายต่อ
“เอ่อ ดังนั้น ถ้ามีปัญหาที่อวัยวะสืบพันธุ์อย่างมดลูกหรือรังไข่ ก็ต้องไปหาแผนกสูตินรีเวช แต่ถ้ามีปัญหาอวัยวะขับปัสสาวะอย่างการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ภาวะปัสสาวะเล็ด กระเพาะปัสสาวะอักเสบ กรวยไตอักเสบ รวมถึงการตรวจรักษาไต กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะและทางเดินปัสสาวะ ต้องมาที่แผนกปัสสาวะวิทยาครับ”
“อ้า อย่างนี้นี่เอง ความจริงนอกจากแผนกสูติแล้วฉันเองก็นึกไม่ถึงว่าต้องไปแผนกปัสสาวะวิทยาเหมือนกันค่ะ สาเหตุที่พวกผู้หญิงรู้จักแต่ว่าโรงพยาบาลปัสสาวะวิทยาเป็นที่สำหรับผู้ชายเท่านั้น ก็เพราะส่วนใหญ่ที่นั่นมักจะผ่าตัดทำหมันหรือผ่าตัดตัดหนังหุ้มปลายองคชาตของผู้ชายก็ได้มั้งนะคะ”
“อ้า ครับ พูดถูกแล้วครับ มีแนวโน้มที่เป็นแบบนี้ก็เพราะแบบนั้นครับ เพราะแต่ก่อนมีการให้ทำหมันฟรีจากรัฐบาลเพื่อเขียนหนังสือควบคุมประชากร และพวกผู้ชายก็มีความคิดที่ว่าต้องผ่าตัดปลายองคชาต”
“เดี๋ยวนี้อัตราการผ่าตัดปลายองคชาตลดลงมากแล้วใช่ไหมคะ ฉันเห็นสถิติจากที่ไหนสักที่ สิบปีที่ผ่านมา ในประเทศเราลดลงมาก แล้วก็จำนวนผู้ชายทั่วโลกที่ผ่าตัดปลายองคชาตเป็นกี่เปอร์เซ็นต์กันนะ”
อึนคังค้นหาในสมุดบันทึกข้อมูล ดวงตาของซอกยองเบิกโตกับลายมือที่อัดแน่นอยู่ในสมุดเล่มเล็กเหมือนเมล็ดงา
ไม่ใช่เล่นเลยแฮะ
ซอกยองทำปากบุ้ยใบ้กับจีฮวันพร้อมใช้สายตาชี้ไปยังสมุดบันทึก จีฮวันยักไหล่ ไม่ใช่เล่นๆ อยู่แล้ว นึกว่านักเขียนดังจะยอมล้มเหมือนโดนสายฟ้าฟาดระหว่างทางงั้นเหรอ โกอึนคังเรียกได้ว่าเป็นคนที่มีความพยายามและเตรียมพร้อมมาก
“อ้า ยี่สิบเปอร์เซ็นต์! จำนวนผู้ชายทั่วโลกที่ผ่าตัดปลายองคชาตมียี่สิบเปอร์เซ็นต์ หนึ่งในนั้นก็คือประเทศเรา แต่ล่าสุดการผ่าตัดปลายองคชาตในวัยรุ่นอายุสิบกว่าลดลงมาใช่ไหมคะ”
“ครับ ถูกต้องแล้ว เฮ้อ ก็ดูเอาสิครับ แมลงวันบินกันให้ว่อน ไม่มีคนไข้เลยเห็นไหมครับ ฮือออ อาจทำให้ต้องปิดโรงพยาบาล”
“อย่ามัวแต่พูดจาไร้สาระอยู่น่า”
“ถ้าผมชนะพนัน จีฮวันจะจ่ายเงินกู้โรงพยาบาลที่ยืมมาให้…”
‘นายอยากตายเหรอ’ จีฮวันด่าด้วยสายตา ซอกยองรีบวกกลับเข้าเรื่อง
“เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้การที่ปัสสาวะวิทยาที่ค้นคว้าวิจัยเฉพาะผู้หญิงเพิ่มขึ้น จึงเรียกได้ว่าช่วยได้มาก มีการพยายามทุ่มเทอย่างมาก เพื่อทำลายความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับปัสสาวะวิทยา ตัวอย่างนึงก็คือเปลี่ยนชื่อปัสสาวะวิทยาเป็น ‘แผนกแพทย์สาขาอวัยวะขับปัสสาวะ’”
“อ๋อ ฉันเองก็เคยเห็นข่าวนั้น ว่าแต่แผนกแพทย์สาขาอวัยวะขับปัสสาวะ แตกต่างกับปัสสาวะวิทยายังไงคะ ฉันดูแล้วไม่เห็นค่อยจะแตกต่างกันเลย”
ซอกยองอึ้งกับคำถามของอึนคัง มองไปยังจีฮวันอีกครั้ง แต่จีฮวันได้แต่ยักไหล่ด้วยสีหน้านายรู้ก็บอกไปสิ
“เอ่อ ก็คือ…พอใส่คำว่า ‘แพทย์สาขา’ เข้าไปด้วย ก็จะเกี่ยวกับระบบปัสสาวะ ไม่ใช่โรงพยาบาลที่ทำการรักษาแต่อวัยวะสืบพันธุ์ ปัสสาวะวิทยาสำหรับแค่ผู้ชายเพียงอย่างเดียว เพื่อสร้างการรับรู้ว่าเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางที่ทำการรักษาทุกสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ในระบบปัสสาวะของมนุษย์ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย นี่ก็ดึกแล้ว เราไปกินอาหารเย็นแล้วก็ดื่มไปด้วยคุยกันไปด้วยดีไหมครับ”
ซอกยองลุกขึ้น อึนคังก็ลุกตาม
“อ้า ดีค่ะ ฉันจะเลี้ยงของอร่อยเองนะคะ”
“จริงสิ เรารีบไปก่อนที่รถจะติดดีกว่านะ”
“คุณนักเขียนชอบกินอะไรครับ ชอบไส้ย่างไหม แถวนี้มีร้านประจำที่กินกันมาเป็นสิบปีของผมกับจีฮวันอยู่ครับ อร่อยมากเลย”
“วันธรรมดาจะมาไส้ย่างอะไรกัน!”
“เฮือก ทำไงดีคะ ฉันกินไส้ย่างไม่ได้หรอกค่ะ”
“อ้า งั้นหรือครับ”
ซองยอกทำหน้าผิดหวัง จีฮวันที่เหมือนถูกทั้งคู่นินทาอยู่หลายครั้งจ้องมองอึนคังด้วยสีหน้าเหมือนเรื่องที่เธอพูดนั้นเหลวไหลทั้งเพ ผู้หญิงคนนี้นี่ พูดไร้สาระอะไรอีก คราวที่แล้วยังกระโดดโลดเต้นกับไส้ย่างที่ซื้อไปฝากอยู่เลย
“ค่ะ ฉันกินไม่ได้ เพราะมันไม่มี ก๊ากๆ!”
อึนคังพูดเองแล้วก็เอามือกุมท้องหัวเราะก๊าก ซอกยองอึ้งไปชั่วครู่แล้วก็เริ่มหัวเราะเสียงดังตาม
“โอ๊ย ฮ่าๆ! คุณนักเขียนนี่ตลกจริงๆ! ฮ่าๆ กินไม่ได้เพราะไม่มี ฮ่าๆ!”
จีฮวันหลับตา เอือมกับมุกตลกของพี่น้องคู่บ้าที่มาตั้งคณะตลกกัน
“เออ จีฮวัน ถ้ายุ่งนายกลับไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันไปกินไส้ย่างแล้วก็คุยเรื่องที่ค้างไว้กับคุณนักเขียนต่อ”
“ไม่! ฉันไม่ยุ่งเลยสักนิด!”
* * *
ด้วยความกลัวว่าสองคนที่แสนจะบ้าบอจะรวมหัวทำอะไรกัน สุดท้ายเลยต้องตามมาร้านไส้ย่างด้วย แต่ก็ยังอดหวาดระแวงไม่ได้อยู่ดี จีฮวันแทบไม่รู้ตัวว่าคีบไส้เข้าปากหรือจมูก
“ข้อเสียอย่างเดียวของร้านนี้คืออร่อยมากเกินไป โซจูนี่กระดกเข้าปากไม่หยุด เป็นไงครับ”
“อร่อยมากค่ะ! ได้มากินเองยิ่งอร่อย”
“อ้าว เคยกินไส้ย่างร้านนี้แล้วเหรอครับ”
“ไส้ย่างที่คุณพีบีเคยซื้อมาฝากคืนนั้น ก็ร้านนี้ใช่ไหมคะ”
“ปู้ด!”
น้ำที่จีฮวันพ่นออกมาใส่หน้าซอกยองเต็มๆ ซอกยองที่โดนน้ำสาดใส่โดยไม่คาดคิดลุกพรวดขึ้น
“เฮ้ย! รยูจีฮวัน! โอ๊ย!”
“ทะ โทษที!”
“อ๊ะ ทิชชู่! ผ้าเช็ดหน้า!”
ขณะที่ทุกคนลุกกันให้วุ่นวาย เสียงแปลกๆ ก็ลอดเข้ามาในหูของจีฮวัน
“ชู่ว เงียบสิ!”
อึนคังและซอกยองหยุดเคลื่อนไหว หันไปมองยังที่ที่สายตาของจีฮวันจับจ้องอยู่ บนจอทีวีที่ติดอยู่ที่ผนัง กำลังฉายข่าว
[…ผลักคุณเอ พนักงานไปติดผนังแล้วทำการแตะต้องล่วงละเมิดทางเพศ พนักงานชายและพนักงานรักษาความปลอดภัยได้ยินเสียงร้องของคุณเอจึงวิ่งเข้ามาห้ามคุณปาร์ค แต่พวกเขากลับถูกเตะและถูกชกเข้าที่ใบหน้าหลายครั้ง คุณปาร์คเป็นลูกชายคนโตของประธานปาร์คชีดึกแห่งบูกยองกรุ๊ป ปีที่แล้วได้รับช่วงต่อธุรกิจก่อสร้างของบูกยอง ส่วนภรรยาก็คือคุณชเวราฮี ผู้ประกาศข่าวที่มีชื่อเสียง…]
อึนคังและซอกยองต่างมองไปที่จีฮวันโดยไม่มีใครยอมเอ่ยปากก่อน หว่างคิ้วของจีฮวันย่นเข้าหากัน
บทที่ 64-1 คืนมรสุมคละคลุ้งกลิ่นคาวเลือด
สถานีตำรวจคังนัม กรุงโซลที่ความมืดโรยตัวลงมาปกคลุม
อาคารราชการสร้างใหม่เจ็ดชั้นตั้งตะหง่าน แม้จะดึกแล้วแต่ไฟภายในและภายนอกอาคารยังคงสว่างไสว หน้าทางเข้าสถานีวุ่นวายด้วยนักข่าวที่กำลังถือกล้องรอทำข่าวอยู่หลายสิบชีวิต
รถยนต์ส่วนบุคคลสีดำคันหนึ่งแล่นผ่านประตูหน้าสถานีตำรวจเข้ามา จากนั้นก็ดับไฟและไปจอดอยู่ในซอกที่จอดรถราวกับลักลอบเข้ามา
ราฮีนั่งอยู่เบาะหลังที่มืดสนิทด้วยสีหน้ากระวนวาย
“พวกนักข่าวมากันเยอะขนาดนี้ คงจะไม่ออกมาประตูหน้าหรอกนะ”
คนขับรถตอบคำถามของราฮีอย่างไม่มีสตินัก
“นั่นสิครับ ผมก็ไม่ทราบ คงต้องรอคุณทนายติดต่อมาก่อน… หรือจะลองโทรไปก่อนครับ”
“ไม่ค่ะ ตอนนี้ฉันยังไม่ค่อยมีสติ เดี๋ยวตอนจะออกมาก็คงจะติดต่อมาเอง”
ราฮีกัดริมฝีปาก
เทียบกับก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมงตอนที่ได้ยินข่าวครั้งแรก เบื้องหน้านั้นดำมืดไปหมด ความตกใจสงบลงมากแล้ว แต่ใจก็ยังไม่เชื่อและไม่อยากจะเชื่อ
ช่วงเวลาที่ซองบอมกำลังก่อเรื่องอยู่ที่ห้องวีไอพีในคลับ ราฮีอยู่ที่บ้านพ่อแม่สามี
หมู่นี้เธอมาทำงานที่บ้านพ่อแม่สามีเกือบทุกวัน ส่วนใหญ่เธอจะมานั่งเรียนกับคุณนายจางหรือไม่ก็ออกไปข้างนอกด้วยกัน
จากการขอร้องของราฮี ทำให้คุณนายจางได้รับอนุญาตให้เป็นประธานมูลนิธิ แต่ประธานปาร์คยังไม่ไว้ใจภรรยา ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่มีความรู้และไร้การศึกษา
ดังนั้นก่อนที่จะก่อตั้งมูลนิธิ ราฮีจึงได้เริ่มทำหน้าที่ติวพิเศษให้คุณนายจางโดยไม่ได้คาดคิด ตามคำสั่งพิเศษของประธานที่ว่า ‘ทำให้หล่อนดูเป็นผู้เป็นคน อย่าให้ไปที่ไหนแล้วต้องอับอายขายขี้หน้า’
โดยสองวันในหนึ่งสัปดาห์ วันจันทร์และวันพุธ ให้เป็นวันศึกษาในบ้าน บรีฟข่าวหลักๆ ภายในและนอกประเทศ ย่อและอธิบายหนังสือที่เป็นหัวข้อสนทนาหรือหนังสือขายดี นับว่าเป็น ‘การอบรมส่วนตัวเพื่อสร้างการศึกษา’ อย่างหนึ่ง
ส่วนสุดสัปดาห์จะเป็นการไปศึกษาจากสถานที่จริง หากิจกรรมทางวัฒนธรรมที่หลากหลายทำ เช่น ไปงานดนตรี, นิทรรศการ หรืองานบรรยายต่างๆ ระหว่างไปชมงานดนตรีคลาสสิกหรืองานแสดงมิวสิคัล ราฮีนั้นเหนื่อยมาก ต้องคอยทำให้คุณนายจางมีสมาธิจดจ่อไม่สัปหงกเลย แต่ก็โอเคเพราะได้ดูการแสดงและงานนิทรรศการที่อยากดูสมใจด้วยเงินของประธานปาร์ค
‘มูลนิธิบูกยองปันรัก’ เป็นกลุ่มที่ก่อตั้งขึ้นโดยมีการบริจาคและการบริการเป็นพื้นฐาน ดังนั้นงานประจำคือการหาสิ่งอำนวยความสะดวกและสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ, สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการและเด็กกำพร้า และการทำให้ประจักษ์แก่สายตาในวงการธุรกิจ ไม่ให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ออกมาว่าอวดบารมีในภายหลัง ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน
วันที่ไปบริการให้การดูแลคนตาบอดครั้งที่สอง คุณนายจางเผลอเอาเล็บปลอมที่ไม่ได้ถอดออกไปข่วนหลังเด็กวัยสิบขวบเป็นแผล
เพราะเด็กกรีดร้องดิ้นพราดในอ่างอาบน้ำ คุณนายจางถึงกับสติหลุด ราฮีขอร้องให้คุณนายจางดึงเด็กเข้ามากอดปลอบ แต่ตัวเธอเองนั้นทั้งหมดแรงและเปียกไปทั้งตัว แน่นอนว่าเธอก็เป็นคนเข้าไปขอโทษและรับผิดต่อผู้อำนวยการสถาบันแทนคุณนายจาง
คุณนายจางเคยโกรธที่โดนลากไปนู่นมานี่ ออกไปให้การบริการดูแล และเรียนรู้สิ่งที่ไม่ชอบโดยมีการศึกษาเป็นข้ออ้าง แต่หลังจากเหตุการณ์นี้ คุณนายจางก็เปิดใจให้ราฮีหมดสิ้น
ด้วยนิสัยที่เปิดใจให้แล้วก็จะเชื่อใจคนคนนั้น คุณนายจางจึงเชื่อมั่นและสนับสนุนราฮีอย่างเต็มที่