รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ - บทที่ 75-1 ผมชอบผู้หญิงคนนั้นจากใจจริง
ทันทีที่เข้ามาไหนห้องน้ำ จีฮวันก็วักน้ำเย็นล้างหน้าติดๆ กัน เมื่อความเย็นของน้ำต้นฤดูหนาวปะทะหน้า สติก็ค่อยกลับคืนมา
ตอนแรกเจ็บในอกแทบบ้า จินตนาการไปก่อนตอนเห็นข่าวของซองบอม แต่ก็หวังว่าคงไม่ใช่
ตอนที่ได้ฟังว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาถูกสามีทำร้าย ในหัวก็ว่างเปล่าตรงหน้าขาวโพลนไปหมด ราฮีดูน่าสงสารมาก
แต่พอได้ยินคำพูดหลังจากนั้น ก็ทำให้จีฮวันวุ่นวายใจ และลบความสงสารเห็นใจทิ้ง
‘แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันอยากเปลี่ยนกับความสุขสบายทั้งหมดนั่น ก็คือคุณจีฮวัน ถ้าคุณจีฮวันยอมรับฉัน ฉันก็อยากทิ้งทุกอย่างกลับไปหา อยากกลับไปรักกับคุณจีฮวัน อยากได้รับความรัก อยากกลับไปสมัยที่มีความสุขกับคุณจีฮวันอีกครั้ง สร้างครอบครัวที่อบอุ่น ใช้ชีวิตธรรมดา ฉันจะคอยดูแลคุณจีฮวัน และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ฉันอยากคลอดลูกของคุณจีฮวัน’
จีฮวันเหม่อมองรูระบายน้ำอ่างล้างหน้า น้ำหยดติ๋งๆ จากใบหน้า
“อยากหย่าแล้วกลับมาหา? อยากคลอดลูกของฉันงั้นเหรอ”
แน่นอนว่าจีฮวันเคยคิดที่จะแต่งงานกับราฮี เขารักเธอมาก และฝันถึงอนาคตที่จะมีร่วมกัน
ในอนาคตที่ว่าก็คือแต่งงาน มีลูก รวมถึงการใช้ชีวิตบั้นปลายแก่ไปด้วยกันอย่างสงบสุข
แต่หลังจากความโง่เขลาของเขาทำลายความฝันอย่างโหดร้าย ราฮีก็จากไป จีฮวันปล่อยเธอให้เดินจากไป
เขาคิดแล้วว่าไม่สามารถอ้างความรักแล้วรั้งเธอเอาไว้ได้ ในขณะที่จากราฮีมาด้วยน้ำตา
หลังจากเลิกกันได้ไม่กี่เดือน ก็ได้ยินข่าวว่าราฮีแต่งงาน จีฮวันรู้สึกโล่งอก
เขากลัวจริงๆ ว่าเธอจะมีความรักกับใครไม่ได้อีกตลอดกาลเพราะการกระทำที่ตัวเองก่อ โชคดีจริงๆ
จีฮวันเองก็เจ็บปวดต่อความรู้สึกผิดที่มีให้เธอ และไม่สามารถเปิดใจให้ใครได้ โดยไม่เกี่ยวกับการแต่งงานของราฮี
กลัวว่าจะทำผิดซ้ำ และสูญเสียเหมือนตอนราฮีอีก
แต่ราฮีบอกว่าจะกลับมา? ทิ้งชื่อเสียง ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่ทำให้ตัวเองสุขสบายในฐานะสะใภ้กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ อยากกลับมาคบกับเขาอีกครั้ง?
จีฮวันส่ายหน้าแรงๆ ถึงแม้ราฮีจะตัดสินใจหย่า เขาก็ไม่มีทางกลับมาคบกับเธอเด็ดขาด ไม่ใช่เพราะรู้สึกผิดหรือเสียใจ
แต่ในหัวใจของจีฮวันตอนนี้ ไม่มีราฮีเหลือแม้เพียงเศษเสี้ยว เขาไม่มีที่ให้เธออีกแล้ว เพราะอึนคังยึดครองทุกซอกมุมในหัวใจของเขาไปหมดแล้ว
พอคิดถึงอึนคังแล้ว ก็รู้สึกจุกที่ลิ้นปีเหมือนมีก้อนต๊อกติดคอ หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่อึนคังไม่ติดต่อมา
จีฮวันหยิบมือถือขึ้นมาหลายครั้ง เฝ้าคอยการติดต่อที่ไม่มีมาของอึนคัง และวางลง
เขาไม่สามารถโทรไปได้ กลัวว่าได้ยินเสียงเธอแล้วจะถามออกไปว่า ‘ไปทำอะไรกับจียองอูที่เพนชั่น ทำไมต้องดื่มเหล้าด้วย นอนด้วยกันหรือเปล่า’
โชคดีที่ยุ่งอยู่กับการเตรียมงานมูลนิธิ หัวหมุนอยู่กับการตรวจเอกสาร และโทรศัพท์ไปที่โน่นที่นี่
‘ฉันนึกว่าคุณรยูจีฮวันตั้งแต่เกิดมาจะไม่เคยโกหก นึกว่าเป็นคนที่พูดแต่ความจริงซะอีก!’
เสียงโกรธเคืองของอึนคังยังคงแจ่มชัด ทุกครั้งที่นึกถึงเสียงนั้น จีฮวันจะเจ็บปวดอย่างไม่เข้าใจความหมาย
“ฉันไปโกหกอะไร ทำไมถึงไม่เชื่อ ปัญหามันคืออะไรกันแน่”
จีฮวันลูบหน้าพลางเช็ดน้ำคร่าวๆ แล้วออกมาจากห้องน้ำ
คิดจะเผยความในใจแก่ราฮี แต่พอกลับมาที่รถ คนขับรถคิมก็กลับมาแล้ว
“หัวหน้าทีม ดื่มชาสิคะ ชาคาโมมายล์ ไม่รู้จะชอบหรือเปล่า”
ราฮียื่นแก้วให้
“ขอบคุณครับ”
จีฮวันรับแก้วมาอย่างสองจิตสองใจ
ราฮีรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ดื่มกาแฟตอนบ่าย
ความจริงที่ว่าเธอจำได้กระทั่งว่าเขาชอบดื่มชาคาโมมายล์ที่สุดในบรรดาชาสมุนไพร ทำให้เขารู้สึกตะขิดตะขวงใจนิดหน่อย
ใบหน้าของราฮีกลับไปสะอาดเรียบร้อยไม่มีรอยน้ำตา ราวกับเธอไปร้องไห้เล่าความลับตัวเองให้ฟัง และบอกว่าอยากกลับมาเริ่มกับเขาใหม่นั้นคือเรื่องโกหก
ท่าทางแบบนั้นของราฮีช่างไม่คุ้น รู้สึกแคลงใจเหมือนได้เห็นอีกใบหน้าที่ถูกเก็บซ่อนไว้
‘ถ้าชเวราฮีเป็นความมืด โกอึนคังก็คือแสงสว่าง ถ้าชเวราฮีเป็นหุบเหวที่มืดมิด โกอึนคังก็คือเนินเขาที่มีแสงอาทิตย์สาดส่อง รู้ใช่ไหมว่าฉันหมายความว่ายังไง ฉันล่ะเกลียดชเวราฮีจริงๆ ผู้หญิงคนนั้นในหัวมีแต่แผนการ…’
เหตุผลที่ซอกยองไม่ชอบราฮี เพราะความรู้สึกแคลงใจแบบนี้หรือเปล่านะ
ไม่หรอก ราฮีแค่หัวดี มีไหวพริบ และเซนส์ไว จีฮวันเชื่อว่าเธอไม่ใช่คนที่มีเล่ห์เหลี่ยมแบบนั้นเหมือนที่ซอกยองกล่าวหา
ถึงแม้จะไม่มาก แต่ที่จีฮวันเคยรู้ ทำให้อยากเชื่อว่าราฮีที่ตนเคยรักไม่ใช่คนที่มีประสบการณ์โชกโชนแบบนั้น
ผู้หญิงที่คิดจะทิ้งตำแหน่งภรรยาทายาทบูกยองกรุ๊ปที่มีอนาคตอันรุ่งโรจน์รับรองกลับมาหาแฟนเก่า ไม่น่าจะใช่คนที่น่าสะพรึงกลัวเด็ดขาด
“คนขับรถคิม ออกรถได้เลยค่ะ”
“ครับ บ้านหัวหน้าทีมอยู่ตรงไหนของอิลซานครับ”
“ชางฮังครับ จอดแถวๆ สวนสาธารณะริมทะเลสาบอิลซานก็พอครับ”
“ทราบแล้วครับ”
คนขับรถคิมออกรถ
“ได้ฟีดแบ็คบิลรายรับรายจ่ายและเอกสารแผนงานที่ให้ท่านประธานทั้งสองไปมาไหมครับ”
“ฟีดแบ็คของท่านประธานปาร์คจะได้รับผ่านมาทางผู้จัดการฮวังค่ะ ส่วนในส่วนของท่านประธานจางทั้งหมด ท่านมอบหมายให้ฉันจัดการ ฉันตรวจสอบแล้วจะมาบอกนะคะ กำหนดถึงเมื่อไหร่คะ”
“เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีครับ ผมต้องจัดการเอกสารแผนงานและบิลรายรับรายจ่ายให้เรียบร้อย ถึงจะเริ่มลงมือทำเรื่องกฎข้อบังคับและการก่อตั้งได้”
“ฉันจะรีบตรวจสอบให้เร็วที่สุดแล้วจะมาฟีดแบ็คไปนะคะ”
จีฮวันเหลือบมองเครื่องบันทึกภายในรถ ถ้ารู้ว่ากล่องดำถูกปิดไป คนขับรถคิมอาจจะรู้สึกแปลกๆ เอาได้
แต่ไฟที่กล่องดำกลับมากระพริบแล้ว ราฮีอาจจะเป็นคนรอบคอบมากกว่าที่จีฮวันคิด
[ฉันทำให้ตกใจสินะคะ]
ข้อความจากราฮีเข้ามาในโทรศัพท์มือถือ
[นิดหน่อย]
[ฉันรู้ว่าตกใจมาก ไม่ใช่แค่นิดหน่อย เรื่องที่ฉันทำมันก็น่าตกใจ แต่ไม่รู้ว่าคุณจีฮวันจะตกใจมากขนาดนี้ ขอโทษที่ทำให้ตกใจ]
“ทนายที่หัวหน้าทีมแนะนำมา ดูเป็นคนละเอียดมากเลยนะคะ”
นั่งรถที่มีคนขับของบริษัทไปพลาง ปากก็คุยเรื่องงานไปพลาง แต่มือแอบแส่งข้อความลับ เป็นเรื่องที่จีฮวันไม่ชอบใจนัก รู้สึกว่ากำลังทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
“เชื่อใจและฝากฝังได้เลยครับ เป็นเพื่อนที่ชำนาญในส่วนการจัดตั้งมูลนิธิการกุศล”
[คุณจีฮวัน ที่ฉันพูดไปไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบนะ หัวใจฉันออกจากบูกยองมาอยู่ที่คุณจีฮวันนานแล้ว แค่คุณจีฮวันโอเค ฉันก็จะเริ่มทำเรื่องหย่า]
“เอกสารที่จำเป็นเตรียมไว้ประมาณนี้ ถ้างั้นตอนนี้ก็เหลือแค่คิดเลือกและมอบหมายหน้าที่ตรวจสอบคนจนกว่าจะถึงการประชุมใหญ่ในวาระแต่งตั้ง”
จีฮวันพูดไม่ออกเมื่อได้อ่านคำว่า ‘ทำเรื่องหย่า’ เหงื่อกาฬผุดด้วยความลำบากใจ ถ้าจะหยุดคุยไปเลย ก็กลัวว่าคนขับรถจะสงสัย จีฮวันจึงพูดออกไปอย่างยากเย็น
“ความจริงจะมูลนิธิหรือการจัดตั้งกลุ่มอะไร สิ่งที่ลำบากและสำคัญที่สุดก็คือการรวบรวมกำลังคน”
“ตรงขอบเขตของคณะกรรมการมูลนิธิต้องมากกว่าห้าคน ไม่เกินสิบห้าคน เหมือนยังไม่แน่ชัด ท่านประธานไม่พอใจเกี่ยวกับระเบียบการที่ให้ผู้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด เช่น ญาติสนิทเข้าร่วมได้ไม่เกินยี่สิบเปอร์เซ็นต์ การรวบรวมคณะกรรมการที่ตรงใจผู้ก่อตั้งนี่ไม่ง่ายเลยนะคะ ในฐานะผู้ก่อตั้ง แน่นอนว่าย่อมอยากจะได้คณะกรรมการที่เข้าใจความเชื่อมั่นและความคิดของตัวเอง และพร้อมจะเดินตามด้วยดี”
“ดังนั้นถึงได้มีมูลนิธิที่ไม่ถูกต้องเยอะแยะยังไงครับ ถ้าอยากทำอะไรโดยส่วนตัวกับคนที่ถูกใจ ก็ต้องไปสร้างกลุ่มมิตรภาพไม่ใช่มูลนิธิเพื่อสาธารณะประโยชน์ ในมูลนิธิที่จัดการเงินสาธารณะของบริษัทมูลค่าหลายร้อยล้านวอน ถ้าทั้งหมดเป็นครอบครัว ญาติสนิท คนรู้จัก มูลนิธินั้นจะน่าเชื่อถือได้ยังไงใช่ไหมครับ”
ราฮีตกใจกับเสียงเฉียบคมของจีฮวันเล็กน้อย คนขับรถเหลือบมองจีฮวันผ่านกระจกมองหลัง อ่านบรรยากาศที่เผ็ดร้อน
“ค่ะ ฉันเห็นด้วยเต็มที่ พวกเราเองก็คิดเหมือนหัวหน้าทีม ท่านประธานเองก็มีความคิดเหมือนกัน เราไม่ได้วางแผนตั้งมูลนิธิเพื่อสาธารณประโยชน์ที่ไม่มีคุณภาพแบบนั้น”
ราฮีรีบเห็นด้วย ไม่อยากขัดอารมณ์ของจีฮวัน
[เรื่องหย่า ฉันรีบร้อนเกินไปใช่ไหม ขอโทษนะ หมู่นี้ฉันใจร้อนไปหน่อย จะไม่เร่ง จะคอยจนกว่าคุณจีฮวันจะตัดสินใจ]
[ไม่ต้องคอยหรอก เมื่อกี้ผมก็บอกไปแล้ว จิตใจผมมั่นคง ผมมีคนที่ชอบแล้ว เพราะฉะนั้น จะเรื่องหย่าหรือกลับมาหา ก็ไม่อยากได้ยินอีก ควรจะทำงานด้วยกันด้วยความสบายใจดีกว่า]
ความเด็ดขาดส่งออกมาจากข้อความ แต่จิตใจของราฮีไม่หวั่นไหว เข้าใจว่าไม่ใช่ใจจริงของจีฮวัน
คุณจีฮวัน ฉันรู้ว่าทำไมคุณจีฮวันถึงทำแบบนี้ เพราะผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม ผู้หญิงคนนั้นบีบคอคุณจีฮวันให้ทำใช่ไหม ฉันจะช่วยคุณเอง ฉันจะจัดการผู้หญิงคนนั้นให้ เชื่อใจฉันได้เลย
* * *
ตึง ตึง ตึง
“งี้ดๆ โฮ่งๆ!”
ทุกครั้งที่เสียงกระแทกดัง จากูจะครางหงิงๆ กระวนกระวายนั่งไม่ติด เสียงที่ว่าคือเสียงอึนคังที่นั่งอยู่เอาหัวโขกโต๊ะหนังสือ
“ตึง ที่พูดนั่น ตึง มัน ตึง หมายความ ตึง ว่ายังไง”
อึนกันพึมพำพลางเอาหัวโขกโต๊ะไปด้วย
‘ผมเข้าใจผิดไปมาก นึกว่าคุณนักเขียนโกอึนคังจะเป็นคนตรงไปตรงมาเสียอีก’
ทุกครั้งที่นึกถึงคำพูดที่เย็นชาของจีฮวัน ร่างกายก็เหมือนจะเป็นน้ำแข็ง
จากวันที่อึนคังกับจีฮวันแยกกันที่ที่พักบันไดระหว่างชั้นสิบสี่กับสิบห้าก็ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว หลังจากวันนั้นก็ไม่มีการติดต่อมาจากจีฮวันอีกเลย
อึนคังเช็คมือถือทุกครั้งที่มีเวลาว่างระหว่างวัน เธอเองก็ยุ่งกับการเขียนต้นฉบับ โชคดีมากที่มีเรื่องให้จดจ่อ
“เข้าใจผิดไป ฉันไม่ตรงไปตรงมางั้นเหรอ มันคืออะไร! มีอะไรที่ฉันไม่ตรงไปตรงมา! ตลอดชีวิตของฉันตรงไปตรงมาจนโดนด่า ตรงไปตรงมาจนเป็นอันตราย ตรงไปตรงมาจนโดนผู้ชายทิ้ง ตรงไปตรงมาจนจะได้ลงกินเนสบุ๊กอยู่แล้ว! ฮึ่ย!”
อึนคังหยิบมือถือขึ้นมา
[ฉันไม่ตรงไปตรงมาตรงไหนกัน! คะ!]
รัวตัวอักษรจึกๆ ด้วยความโมโห สุดท้ายก็ไม่ได้ส่ง และลบทิ้งไปในที่สุด
“โอ๊ย! หงุดหงิด!”
อึนคังลุกพรวดจากเก้าอี้
“จากู แม่ไปมินิมาร์ทเดี๋ยวมานะ!”
ได้ต้องกระดกเบียร์สักอึกคงจะคลายความอึดอัดในใจ อึนคังสวมแค่แจ็คเก็ตทับชุดวอร์มแล้วออกจากห้องไป