รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 149
บทที่ 149 หลินเวยมี่ คุณคือกำไรของผม
ฉู่เฉินซีมองหญิงสาวที่อาการดีขึ้นแล้วกลับไปอย่างเงียบๆ ถอนหายใจผ่อนคลาย เขาไม่รู้ตัว เริ่มตั้งแต่ตอนไหน ผู้หญิงคนนี้ได้เข้ามาอยู่ในใจของเขาแล้ว ทำอย่างไรก็ไม่อาจที่จะสลัดออกไปได้
เอื้อมมือไปสัมผัสแก้มของเธอ ใบหน้าของเธอขาวไม่มีสีเลือด ความเจ็บเมื่อครู่ทำให้เธอถึงขีดจำกัดแล้ว
ในสมองคิดถึงเพียงแต่เรื่องของเธอ เธอไม่ยอมให้เขาทำร้ายกู้จุนเฟิง ดูแล้วเธอใส่ใจกู้จุนเฟิงมากจริงๆ
ถึงแม้ว่าจะรู้ความจริงนี้อยู่แล้ว เขาก็ยังไม่อาจจะยอมรับมันได้ เขาเป็นคนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง ไม่ง่ายเลยที่ใช้ความพยายามจะได้ผลลัพธ์แบบนี้
เธอยังไม่ได้รักเขา กระทั่งกลัวเขา กลัวเขาทำร้ายกู้จุนเฟิง
สวนดอกไม้ด้านนอก Elisสีหน้าซีดเผือดยืนอยู่ข้างสระว่ายน้ำ เฉินเห้าหมิงนอนทำสีหน้าเกียจคร้านอยู่บนเก้าอี้หวาย รอยยิ้มที่แปลกประหลาดใส่แว่นตากันแดดสีดำ
“Elis Elis คุณเป็นแบบนี้ผมจะเข้าใจว่าคุณหึงหวงแล้วนะ”
Elis มองเขาด้วยแววตาว่างเปล่า เดินไปนั่งด้านข้างเก้าอี้หวายของเขา พูดอย่างเย็นชา “เริ่มแรกคุณบอกเฉินแค่สนใจผู้หญิงคนนั้น”
“ถูกแล้ว เขาแสดงออกมาอย่างนั้น” เฉินเห้าหมิงเม้มปาก สายตาปรากฏรอยยิ้ม เหมือนเขารู้หมดแล้วว่าอะไรเป็นอะไร
Elis สีหน้าแข็งค้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ “เฉินใส่ใจเธอมาก!”
“ก็จริง อย่างไม่ต้องสงสัยเลย แต่ว่าคุณต้องคิดให้รอบคอบ อย่าทำเรื่องบ้าๆ” เฉินเห้าหมิงขยับตัวเล็กน้อย เปลี่ยนท่าทางให้สบายขึ้น
Elis หยิบขวดน้ำที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาปาลงสระว่ายน้ำด้วยความไม่พอใจ ชี้แล้วตะคอกคนที่อยู่ด้านข้าง “ไปหยิบมันขึ้นมา!”
แม่บ้านที่เฝ้าอยู่ด้านไม่กล้าที่จะชักช้า รีบลงสระไปหยิบขวดน้ำขึ้นมา
ในตอนที่ใกล้จะขึ้นมา Elisก็ขว้างอีกขวดลงไป แล้วตีศีรษะของแม่บ้าน แม่โดนตีทำให้จมลงไปในน้ำ ผ่านไปสักพักก็โผล่ขึ้นมา
“นี่คือวิธีระบายอารมณ์ของคุณ?”เฉินเห้าหมิงส่ายหน้า คิดว่าเธอช่างนิสัยเด็กอย่างเห็นได้ชัด
Elisโมโหจนอยากจะบ้า กัดฟันพูด “คุณมีแผนอะไรดีๆ?”
“แผนดีๆ ฉู่เฉินซีโกรธขนาดนั้นฉันบอกได้เลยว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่” เขาส่ายหน้า แต่ใบหน้าของเขามองแค่แวบเดียวก็น่ากลัวมาก
Elisสบตาเข้านิ่ง ถามเสียงเรียบ “อย่าเพิ่งพูดเลย ทั้งหมดยังมีผม”
ที่เฉินเห้าหมิงกำลังรออยู่คือคำพูดของเธอ มุมปากยกยิ้มขึ้น แววตาเกียจคร้าน “ยังมาอยู่วิธีหนึ่ง คุณอยากฟังไหม?”
Elisนอนอยู่บนเก้าอี้หวายเงียบๆ ราวกับกำลังตั้งใจฟังอยู่
ดวงตาของเฉินเห้าหมิงมีประกายพาดผ่าน โน้มตัวเข้าหาเธอ พูดเสียงต่ำ……
ฉู่เฉินซีพิงหน้าต่างบุหรี่เงียบๆ หลินเวยมี่ส่งเสียงร้องออกมา เขารีบหันไปทางหลินเวยมี่ แต่ก็ควบคุมไม่ให้ตัวเองเดินไปทางนั้น
เขาอยู่ด้านหน้าของหลินเวยมี่โดยไม่เหลือศักดิ์ศรีตัวเองเลยสักนิด ทิ้งไปหมดทุกสิ่ง ดังนั้นจึงไม่สนใจอะไร ในช่วงเวลานี้เขาจะต้องปกป้องศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของตัวเอง
หลินเวยมี่ลืมตาขึ้น รู้สึกว่าปวดศีรษะอย่างรุนแรง ลุกขึ้นนั่ง หัวเหมือนโดนทุบ ภาพของเมื่อวานย้อนกลับมาไม่หยุด
สุดท้ายก็เป็นฉู่เฉินซีเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด เมื่อวานเหมือนว่าจะเห็นฉู่เฉินซี จำได้ว่าเขามาตามหา
มองไปรอบๆ ไม่ใช่คฤหาสน์ที่นี่คือที่ไหน?
ถอนหายใจ สังเกตเห็นผู้ชายที่พิงอยู่ข้างหน้าต่าง คล้ายว่าเขามองไม่เห็นเธอ นิ้วมือคีบบุหรี่ ควันบุหรี่ลอยอบอวล
“ฉู่เฉินซี” เธอถามเสียงเบา เสียงแหบพร่าไม่ค่อยได้ยิน ไอออกมาแห้งๆ
สติกลับมา ปรากฏว่าฉู่เฉินซีมองมาที่เธอเงียบๆ มองสบตาลึกซึ้ง เหมือนว่าจะเห็นถึงความเจ็บปวดชัดเจน
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?” เธอรู้สึกว่าเฉินซีแผ่บรรยากาศแข็งแกร่งออกมา
“ทำไมหรือ? ไม่ใช่พูดว่าผมเป็นคนเลวหรือ? แล้วจะมาสนใจผมทำไม?” เขายิ้มเยาะเย้ย สายตาฉายแววเจ็บปวดอย่างชัดเจน
สีหน้าของหลินเวยมี่แข็งค้าง เมื่อวานเธอพูดแบบนั้น แต่สิ่งที่เธอพูดทั้งหมดคือความจริง ฉู่เฉินซี
เขาเป็นคนที่ทำอะไรสุดโต่ง มันบ้ามาก เธอไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นอันตรายกับกู้จุนเฟิงหรือเปล่า เธอไม่ต้องการที่จะเห็นแบบนั้น
“ฉันไม่คุยเรื่องไร้สาระ”หลินเวยมี่พูดด้วยความหงุดหงิด เอื้อมมือไปหยิบแก้วที่อยู่ด้านข้าง จิบน้ำไปหนึ่งอึก แล้วพูดต่อ “คุณกำลังโกรธ?”
ฉู่เฉินซีถูกเธอทำให้โกรธจนแทบจะระเบิด แต่เมื่อมองย้อนกลับไปก็มือแค่เธอเท่านั้นที่สามารถทำได้
“คุณพูดอะไร!”
หลินเวยมี่ไม่ทันได้คิดอะไรและกินน้ำต่อไป “ถ้าคุณไม่พูดแล้วฉันจะรู้ได้อย่างไร”
“นิสัยผู้หญิง!” เขาพูดขู่ออกมา “คุณกำลังท้าทายความอดทนของผม!”
หลินเวยมี่จ้องเขาด้วยความไม่พอใจ อดไม่ได้ที่จะถาม “ความอดทนของคุณมันคืออะไร?”
เขาเดินเข้ามาทีละก้าวทีละก้าว สายตามองเธออย่างเย็นชา “ความอดทนของผมคือ การไม่อนุญาตให้คุณไปอยู่กับผู้ชายคนอื่น ไม่อนุญาตให้คุณเกลียดผม ไม่อนุญาตให้คุณพูดกับผู้ชายคนอื่นว่าผมเป็นคนเลว!”
หลินเวยมี่เหลือบมองเขา เบ้ปาก “นั้นคือความอดทนของคุณอย่างนั้นหรือ?เหมือนเป็นการหึงหวงชัดๆ ยิ่งเหมือนเด็กเล็กที่ทานลูกกวาดไม่ได้”
ฉู่เฉินซีสีหน้าแข็งทื่อ ยืนอยู่หน้าเธอเงียบๆ เอ่ยเสียงต่ำ “หลินเวยมี่ คุณคือความอดทนของผม”
หลินเวยมี่มองเขาอย่างลึกซึ้ง หัวใจเต้นเร็ว แต่ถึงแม้จะเล็กน้อยก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดของเขา เขากำลังเจ็บปวด เพื่อเธออย่างนั้นหรือ?
“คุณมันงี่เงา คนงี่เง่า” ฉู่เฉินซีดึงแก้มเธอ ยิ้มขมขื่นแล้วพูด
“อย่าดึงฉัน มันเจ็บนะ” เธอหลบไปรอบๆ แต่ก็หลบไม่พ้นมือใหญ่ของเขา
“ทำไมคุณถึงได้ใจร้ายแบบนี้ หัวใจของผมไม่ได้ทำมาจากก้อนหินนะ มันก็สามารถเจ็บเป็น”เขาถอนหายใจ แววตาขมขื่น
หลินเวยมี่เหม่อลอยไปสักพัก ได้ยินคำพูดของเขาภายในใจก็สั่นขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด
“ครั้งต่อไป อย่าทำร้ายผมแบบนี้” เขาเชยคางของเธอขึ้น แล้วประกบจูบอย่างอ่อนโยน “ถ้าหากยังทำร้ายผมอีก ผมจะทรมานคุณ”
“ฉู่เฉินซี” เธอเรียกชื่อเขาอย่างเสียการควบคุม มองนัยน์ตาของเขาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
“ฉันจะไม่ทำร้ายคุณ”
เพียงคำพูดเดียวก็ทำให้ฉู่เฉินซีที่ในใจหดหู่มาครึ่งค่อนวันอารมณ์ดีขึ้นมาได้ แก้มปกคลุมไปด้วยความสุข ประคองศีรษะเธอแล้วจูบอย่างลึกซึ้ง
“ผมจำไว้แล้ว ถ้าคุณทำร้ายผมอีก ผมจะทรมานคุณจนลงจากเตียงนอนไม่ได้”
หลินเวยมี่มุมปากกระตุก บรรยากาศที่ค่อนข้างดีในตอนแรกถูกเขาทำลายลงไป
ผลักเขาออก จ้องเขาตาเขม็งอย่างหงุดหงิด “ขี้เกียจที่จะสนใจคุณแล้ว”
“คิก คิก”เสียงหัวเราะดังเข้ามาให้ได้ยิน ทั่วร่างของเขาราวกับว่าจะอิ่มเอมใจและมีความสุข
ก๊อก ก๊อก——
เสียงเคาะประตูจากด้านนอก ทั้งสองคนอยู่ในสภาพที่แข็งทื่ออย่างช่วยไม่ได้ ฉู่เฉินซีเอ่ยอย่างเย็นชา “มีอะไร”
“เจ้านายครับ หัวหน้าจางและผู้ช่วยของเขาจากสถานีตำรวจมาครับ” เสียงของอ้านเย่ขาดไปสักพัก “เจ้านาย ทางที่ดีออกมาจัดการก่อนเถอะครับ”
ฉู่เฉินซีคล้ายคิดได้แล้วว่าคืออะไร เขาตบข้อศอกของหลินเวยมี่อย่างช่วยไม่ได้ “รอผมกลับมา ถ้าไม่ใช่ผมที่มารับคุณเอง อย่าไปกับใครทั้งนั้น เข้าใจไหม?”
หลินเวยมี่มองเขาอย่างลังเล ไม่พูด แต่ยังคงสามารถรู้สึกถึงความร้ายแรงของเรื่องได้ ปกติฉู่เฉินซีไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็มักจะไม่เอามาใส่ใจจนเป็นนิสัย แต่ว่าในเวลานี้เขาดูภูมิฐานอย่างเห็นได้ชัด
สามารถพูดได้ว่า เรื่องนี้จะต้องร้ายแรงมากอย่างแน่นอน
“ฉันจะไปกับคุณด้วย” เธอพูดทำท่าจะลงจากเตียง แต่ก็โดนเขาจับไว้
ทั้งสองคนสบตากัน หน้าของฉู่เฉินซีประดับด้วยรอยยิ้ม พูดเสียงเบา “คุณเป็นห่วงผม ผมชอบความรู้สึกแบบนี้ เป็นเด็กดีรอผมกลับมา”
พูดแล้วก็จูบหน้าผากเธอไปหนึ่งที ก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบ
หลินเวยมี่ลงจากเตียง รีบที่จะตามไป แม้ว่าคนจากสถานีตำรวจจะพาเขาไป เขาหันกลับมามองเธอ มุมปากยกยิ้มขึ้น จากนั้นจนจึงตามพวกเขาไป
ใจของหลินเวยมี่ไม่สงบ รู้สึกเพียงแค่ว่าเรื่องนี้จะต้องไม่ใช่เรื่องทั่วไปแน่นอน ไม่อย่างนั้นคนระดับฉู่เฉินซี จะไปกับคนจากสถานีตำรวจได้อย่างไร
“อ้านเย่ ที่สุดแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”เธอเดินลงมาชั้นล่างด้วยเท้าเปล่า รีบมาจับข้อศอกของอ้านเย่ไว้แล้วซักถาม
อ้านเย่มีสีหน้าเย็นชา ถอนหายใจ แล้วส่ายหน้า “คุณหลินครับ เรื่องนี้ไม่สะดวกที่จะบอกกับคุณครับ”
“ร้ายแรงใช่หรือเปล่า?” เธอถามด้วยความประหลาดใจ ในใจค่อนข้างตึงเครียด
อ้านเย่เม้มปากไม่พูดอะไร หมุนตัวกลับออกไปด้านนอก
หลินเวยมี่มองไปที่นอกประตู จู่ๆ ก็มีความรู้สึกบางอย่างที่ถูกขุดออกมา ความรู้สึกของการสูญเสีย แม้จะคิดว่ามันน่ากลัวมาก
ความสามารถของเขามีเยอะมาก คงไม่น่าจะเปิดเรื่องอะไรขึ้น อย่างไรก็ต้องไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่นอน!
ปลอบใจตัวเอง แล้วเดินลงชั้นล่าง เท้าลื่นในตอนที่กำลังจะล้มลงก็ถูกคนที่อยู่ด้านข้างเข้ามาประคอง
“มี่มี่ คุณเป็นห่วงเขาหรือ?” เฉินเห้าหมิงเข้าใกล้เธอ ดมเส้นผมของเธอแผ่วเบา ถามเสียงต่ำ
ดวงตาของหลินเวยมี่จ้องเขม็ง คิ้วขมวดแน่น ผลักเขาออกไป “เฉินเห้าหมิง ออกให้ห่างจากฉันหน่อย!”
“ยัยตัวแสบ ชอบที่คุณร้อนแรงแบบนี้จริงๆ ” มุมปากเขายกขึ้น ไม่ได้ออกไปแต่กลับขยับเข้ามาเรื่อยๆ
“คุณจะทำอะไร?” เธอขมวดคิ้ว สายตาฉายแววดูถูก “ออกไปให้ไกลจากฉัน!”
“กลัวอะไร?กลัวผมจะกินคุณหรือ?” เขาหัวเราะเสียงต่ำ เอื้อมมือมาแตะผมของเธอ แล้วจับมันขึ้นมาดม “ผมที่เพิ่งสระมากหอมดีจริงๆ ผมชอบ”
“อย่ามาแตะฉัน!” เธอดึงผมคืนมา ในใจตัดสินไปแล้วว่าเขาเป็นคนวิปริต
เฉินเห้าหมิงไม่ใส่ใจ คว้าข้อมือของเธอ ดึงเธอเข้ามาใกล้ แนบชิดกับเธอ สายตาดำมืดไม่ทอแสง “นั่นคือคำด่าผมงั้นหรือ?”
หลินเวยมี่เม้มริมฝีปากแน่น เสียบเรียบ “มันจะเป็นอะไรไปได้?ในนี้นอกจากคุณแล้วมีใครอย่างนั้นหรือ?”
“ผมชอบคำนี้ วุ่นวาย” เขาหัวเราะ ความโหดเหี้ยมก่อนหน้านี้หายไปหมด
หลินเวยมี่มุมปากกระตุก ที่จริงแล้วเขาไม่รู้วิธีพูดคุยแบบคนปกติ
“หลีกไปให้พ้น!” เธอผลักเขาออก แล้ววิ่งลงไปข้างล่าง
เฉินเห้าหมิงมองแผ่นหลังของหญิงสาว มุมปากก็ยกยิ้มอย่างประหลาด พูดเสียงเบา “คาดไม่ถึงเลยว่าคุณจะไม่อยากรู้ว่าทำไมฉู่เฉินซีถึงถูกพาตัวไป?”
เท้าของหลินเวยมี่ชะงัก หันกลับมามองเขา