รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 156
บทที่156 จู่ๆ ก็รู้สึกหึง
ห้องตกอยู่ในความเงียบ เธอก้มหน้าลงด้วยความผิดหวัง ในอากาศเต็มไปด้วยเสียงหายใจเเรงของทั้งสองคน
หลินเวยมี่ถอนหายใจ เเววตาผิดหวัง ผลักเขาออก เเล้วเดินไปทางหน้าประตูห้องน้ำ
“คิดจะหนีไปง่ายๆ เเบบนี้หรอ” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเเหบพร่า
หลินเวยมี่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ตอนนี้ฉันไม่อยากเเล้ว”
“หืม” ฉู่เฉินซีเอ่ยถามเธอ สวมกอดเธอจากข้างหลัง เเล้วระซิบข้างหูเธอ “เธอเลือกได้ด้วยหรอ”
พอเธอได้ยินเเบบนี้เธอก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เธอพยายามดีดดิ้น “ฉู่เฉินซี คุณจะบังคับฝืนใจฉันเเบบนี้ไม่ได้นะ”
ได้ยินดังนี้ฉู่เฉินซีก็ยกยิ้มมุมปาก เขาผลักเธอไปติดอยู่ตรงผนัง ให้เธอหนีไปไหนไม่ได้
“ฉู่เฉินซี อย่าทำให้ฉันเกลียดคุณ” เธอพูดขู่เขา
ฉู่เฉินซียกยิ้มมุมปาก เเล้วเอ่ยถามขึ้น “เวยมี่ เธอหึงฉันใช่มั้ย”
หลินเวยมี่ตกใจ เเต่พยายามทำน้ำเสียงให้ดูปกติที่สุด “ฉันจะหึงทำไม มีเรื่องอะไรให้ฉันหึงงั้นหรอ”
ฉู่เฉินซี จับตัวให้เธอห้นกลับมาหาเขา ก้มเอาหน้าผากไปเเตะหน้าผากเธอ เเล้วจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอ
ทั้งสองใกล้กันมาก เธอกลั้นหายใจ เเต่ก็ยังคงรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รดบนใบหน้าของเธอ
“เมื่อกี้เธอได้ยินที่Elisพูด เธอเลยหึงใช่มั้ย” เขาจ้องหน้าเธอตาไม่กะพริบ ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้โกหกเขา
“เปล่า” เธอหันหน้าหนี เเต่กลับถูกเขาจับหน้าให้หันกลับมามองเขา
เขาหายใจรดหน้าเธอ แล้วเอ่ยบอก “เธอโกหก”
หลินเวยมี่กัดฟันเเน่น ไม่อยากมองหน้าเขา เพราะรู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึก ความคิดไม่ว่าจะพยายามปกปิด หรือไม่อยากให้เขารู้มากอยู่แค่ไหน ก็จะถูกเขาจับได้ตลอด
“ฉันไม่ได้โกหก เเล้วอีกอย่างฉันจะเเคร์คุณทำไม ในเมื่อฉันไม่ได้รักคุณ” ตอนพูดคำนั้นออกมา เธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
เขาจับคางให้เธอเงยหน้ามองเขา ไม่ให้เธอหลบสายตาเขาไปไหนได้
“เธอกล้ามองตาฉันเเล้วพูดว่าไม่รักฉันอีกครั้งมั้ย”
หลินเวยมี่กำมือไว้เเน่น จ้องหน้าเขา เห็นเเววตาของเขา เธอกลับพูดคำนั้นออกมาไม่ได้
เขายกยิ้ม “เธอตกหลุมรักฉันเเล้ว ยายบื้อ เธอไม่รู้ตัวบ้างหรอ”
พอหลินเวยมี่เห็นใบหน้ายิ้มพอใจของเขา เธอกลับรู้สึกไม่พอใจ เหมือนตอนเด็กถูกผู้ใหญ่จับได้ว่าโกหก
“ฉันเปล่า” เธอปฏิเสธเสียงเเข็ง
เขาฉีกยิ้มกว้าง ยกมือจับหน้าเธอ “ขอบก็บอกว่าชอบ จะทำปากเเข็งไปทำไม”
หลินเวยมี่เบือนหน้าหนี ไม่สนใจเขา
ฉู่เฉินซีอุ้มเธอขึ้นเเล้วเดินตรงไปทางเตียงใหญ่
“เห้ คุณจะทำอะไร” เธอตกใจตาโต
เขาไม่ตอบ เเต่โยนเธอลงบนเตียง เสื้อที่เธอใส่หลวมอยู่เเล้ว เเละอีกอย่างเมื่อกี้ก็ถูกเขาดึงพังเเล้วด้วย ก็เลยทำให้เห็นข้างในได้อย่างชัดเจน
เขาตอบกลับอย่างไม่รีบร้อน “ก็ทำเรื่องที่ทำค้างไว้เมื่อกี้ไง”
“คุณอย่ามาลามปามนะ”
“เมื่อกี้เธอเป็นคนเริ่มเองนะ ตอนนี้จะมาปฏิเสธเเบบนี้ไม่ได้” เขาทับร่างเธอไว้
หลินเวยมี่อายหน้าเเดง หลบสายตาเขา กัดปากเเน่น ตื่นเต้นตัวสั่น
เขาตลกท่าทางของเธอ เเล้วเอ่ยถามขึ้น “นี่ไม่ใช่ครั้งเเรกสักหน่อย เธอจะตื่นเต้นทำไม”
หลินเวยมี่หันมามองเเรงเขา
“ฉู่เฉินซี ไอ่คนเจ้าเล่ห์”
หลังจากด่าจบ เธอก็รู้สึกได้ถึงอะไรแปลกๆ ยังไม่ทันที่เธอจะได้ด่าต่อ เเต่กลับถูกเขาจูบปิดปากเอาไว้ก่อน
เป็นค่ำคืนที่ร้อยเเรง เเละยาวนาน
เช้าวันต่อมา เธอตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนล้า เธอยกมือไปชกหน้าอกของฉู่เฉินซี
“ไอ่คนบ้า เหนื่อยเป็นบ้าเลย” เธอด่าเขาเบาๆ เอื้อมมือไปหยิบเชื้อเชิ้ตของเขามาสวม
เสิ้อเชิ้ตมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของฉู่เฉินซี เธอมองหน้าเขาเงียบๆ
ตอนไม่มีน้ำตาและความรู้สึก เขานอนนิ่งเหมือนเด็กน้อย
เธอเผลอยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขา เอาปากเเตะริมฝีปากเขา เธอกำลังจะขยับออก เเต่กลับถูกเขาจับท้ายทอยเอาไว้
จูบที่ยาวนาน ทำให้เธอเริ่มหายใจไม่ทัน เธอเอื้อมมือไปตีหน้าอกของเขาไปทีหนึ่ง
“เเกล้งหลับทำไม”
“เหอะๆ” ฉู่เฉินซีลืมตาขึ้นมา เอื้อมมือไปดึงเธอเข้ามากอด
“เเอบจูบฉันหรอ” เขายกยิ้มมุมปาก ยื่นนิ้วไปเขี่ยจมูกเธอ “ฉันอนุญาตให้เธอจูบฉันเเบบเปิดเผยได้”
“ฉัน…ฉันไม่ได้ตั้งใจ” เธอขยับหน้าหนี เเล้วเอ่ยพูดขึ้นด้วยความอาย
“หรอ ไม่ได้ตั้งใจ เผลอโดนฉันว่างั้น” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงล้อเลียน
หลินเวยมี่ปากเจ่อเเดง ทำหน้าไม่พอใจ หันหน้าหนีไม่อยากคุยกับเขาต่อ
“ยอมรับว่ารักฉันมันอยากขนาดนั้นเลยหรอ ปากเเข็งนะเธอเนี่ย ยายบื้อ” เขาเอื้อมมือลงต่ำลงเรื่อยๆ
หลินเวยมี่กัดปาก เเล้วยกมือไปตีมือของเขา
“อย่ามาเเตะตัวฉัน ฉันจะนอนต่อ”
“นอนด้วยกันนะ” เขาเอ่ยกระซิบข้างหูเธอ
หลินเวยมี่หันกลับไปมองหน้าเขา เเล้วเอ่ยพูดเสียงเเข้ง “ถ้าคุณยังไม่หยุดละก็…..”
ฉู่เฉินซี ถามเธอด้วยใบหน้ายิ้มเเย้ม “เธอจะทำไมหรอ”
“ทำเเบบนี้” เธอเอื้อมมือไปจับ “ฉันก็จะหักมันทิ้งไง”
ฉู่เฉินซี ตกใจหน้าซีด กระเเอมด้วยความอาย “ผู้หญิงดุเกินไปจะไม่มีคนรักนะ”
หลินเวยมี่เอ่ยถามกลับ “ก็ยังมีคุณไม่ใช่หรอ”
“อันนี้เธอพูดถูก” ฉู่เฉินซี ตอบกลับ สีหน้าค่อนข้างไม่ดี ยกยิ้มเเห้ง “ถ้าเกิดเธอทำขึ้นมาจริงๆ ฉันจะโกรธจริงๆ นะ”
เขาเอ่ยบอกด้วยสีหน้านิ่งเงียบ ไม่มีความเกรงกลัวใดๆ
“ยังไงมันก็ไม่ใช่ครั้งเเรกที่คุณโกรธ จะโกรธก็โกรธไปเถอะ” พูดจบเธอก็พลิกตัวไปอีกทาง “ไม่คืนก็เพิ่งทำไป ตอนนี้คุณยังคิดเเต่เรื่องพวกนี้อีกหรอ”
ฉู่เฉินซี ยกยิ้มเเห้ง “มันก็หมายความว่าฉันเเข็งเเรงมาก”
หลินเวยมี่ไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขา ไม่งั้นคนที่เสียเปรียบจะเป็นเธอเอง
“ฉู่เฉินซี ฉันไม่อยากคุยกับคุณเเล้ว”
“เเต่ฉันอยากคุย” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอ “เธอไม่อยากรู้เรื่องพี่สาวของElisหรอ”
หลินเวยมี่ขยับหนี เเล้วส่ายหน้า “ไม่อยาก”
ฉู่เฉินซี ยื่นหน้าเข้าไปกัดติ่งหูของเธอ “ปากไม่ตรงกับใจ เธอไม่รู้สึกอะไรกับฉันจริงหรอ”
“ฉู่เฉินซี อย่าเล่น ทำตัวเหมือนเด็กได้มั้ย” เธอขมวดคิ้ว บอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
ฉู่เฉินซี ยกยิ้ม จับให้เธอหันกลับมาหาเขา “เเล้วยังจะมาบอกว่าไม่อยากรู้ ถ้าไม่อยากเเล้วเธองอนฉันทำไม”
เหลินเวยมี่ไม่พอใจมากขึ้นกว่าเดิม กัดฟันนิ่งเงียบ เห็นได้ชัดว่าเขากับผู้หญิงคนนั้นเคยมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาต่อกัน เเล้วเขาจะมาถามเธอทำไม
หรือเเค่เพียงเพราะอยากรู้ว่าเธอจะเเคร์เขารึเปล่าเเค่นั้นหรอ ถ้าเป็นเเบบนั้นจริง ก็คงจะทำเกินไปเเล้ว
“เเล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง ให้ถามว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร คุณกับเธอเป็นอะไรกันงั้นหรอ เเล้วฉันต้องทำยังไง ถ้าฉันถาม ทำตัวไม่มีเหตุผล คุณคงจะรู้สึกว่าฉันน่าเบื่อนะสิ” หลินเวยมี่เอ่ยถามขึ้น ผู้ชายทุกคนก็คงจะไม่ชอบที่ผู้หญิงถามถึงผู้หญิงคนเก่าของตัวเอง เป็นเพราะกลัว
และดูเหมือนว่าฉู่เฉินซีจะไม่ได้กลัวมัน ดูเหมือนเขาจะตอบเธอด้วยงั้นหรอ
เธอเดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันเเน่ ก็เหมือนตอนนี้ที่เธอไม่พอใจจนเเทบจะบ้า เเต่ก็ยังพยายามไม่รู้สึกอะไรเพราะเธอไม่มั่นใจในตัวเอง
เธอไม่ได้ไม่อยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เเต่เป็นเพราะเธอไม่มั่นใจในความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ
ไม่เเน่ใจว่าถ้าเธอถามออกไป เเล้วความรู้สึกของทั้งคู่จะพังทลายลงไปรึเปล่า
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นเหมือนลูกเเก้วบางๆ ถ้าเกิดมีใครคนหนึ่งไม่ตั้งใจทำมันตก ทุกอย่างก็จะเเตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่เหลืออะไรเลย
เธอไม่ได้ไม่อยากรู้ เธอเเค่หวาดกลัว
“เธอคิดมากเกินไป” เขาเอื้อมมือไปจับผมเธอ “ฉันกับพี่สาวของElis เราคบกันมาห้าปี”