รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 175
บทที่ 175 ผู้หญิงใจแคบ
ฉู่เฉินซีหันหน้ามองไปที่หล่อน สายตาเศร้าสร้อย แม้ว่าหล่อนจะก้มหน้าลงไม่พูดอะไร แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงความเด็ดเดี่ยวและยืนหยัดในตัวของหล่อน
เขายืนอยู่ด้านหน้าหล่อน เชิดคางหล่อนขึ้น “หลินเวยมี่ ชีวิตนี้ถ้าเธอไม่ได้รับการยินยอมจากฉัน ก็ฝันไปเถอะว่าจะออกไปจากชีวิตของฉันได้”
หลินเวยมี่มองไปที่เขาด้วยสายตาโศกเศร้า เขามีสิทธิ์อะไรมาทำตัวโอหังขนาดนี้ เรื่องอะไรก็ต้องฟังเขางั้นเหรอ? แม้ว่าหล่อนจะไม่มีความสุข จิตใจอมทุกข์ เขาก็จะผูกมัดหล่อนไว้เช่นนี้ ไม่ปล่อยไปไหน?
“ฉู่เฉินซี ทำไมนายถึงทำแบบนี้?” เสียงของหล่อนแหบขึ้นมาทันที เมื่อฟังแล้วรู้สึกได้ถึงความอึดอัดใจของหล่อน แต่กลับแฝงไปด้วยความเห็นใจ
“เราเลิกกันไม่ได้!” สองมือของเขาจับไปที่บ่าของหล่อน พูดด้วยความหนักแน่นจริงจัง
หลินเวยมี่ยิ้มอย่างเยือกเย็น “ทำไม? นายมีสิทธิ์อะไร?”
“ฉันเจ็บปวดใจ ฉันทรมานใจ ผู้หญิงใจร้ายอย่างเธอ ไม่รู้จักปลอบใจเห็นใจฉันบ้างหรือไง?” เสียงของเขาพูดขึ้นด้วยความเสียใจและเหนื่อยใจ สายตาแฝงไปด้วยน้ำตาและความพยายาม
ความรักครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่เขาต้องการ นอกเสียจากว่าเขาจะหลุดปากออกไป ไม่เช่นนั้นใครก็ไม่มีสิทธิ์หยุดความรักนี้ได้
หลินเวยมี่มองเขาด้วยสายตาเหม่อลอย สีหน้านิ่งเฉยไร้ความรู้สึก ถอนหายใจออก มือน้อยๆของหล่อนยกขึ้นมาโอบเอวของเขา จากนั้นค่อยๆเดินเข้าไป สิ่งที่หล่อนกำลังทำทั้งหมดเสมือนคิดพิจารณามาเป็นร้อยเป็นพันครั้งแล้ว
ฉู่เฉินซีกอดหล่อนไว้แน่น ความรู้สึกจะรักจะเลิกเช่นนี้ช่างทรมานใจเหลือเกิน โดยเฉพาะตอนที่หล่อนบอกเลิก เขาอยากจะเอาความรู้สึกนั้นออกไปจากชีวิตของเขา ให้ใจได้ปล่อยว่างไม่ต้องคิดอะไร
“ฉู่เฉินซี ฉันก็ปล่อยนายไปไม่ได้”
แม้ว่าวันใดวันหนึ่งเขาจะต้องแต่งงานกับฐาลี่ แต่หล่อนก็ยังไม่ยอมปล่อยเขาไป ความรักในช่วงเวลาสั้นๆ เสมือนดอกไม้ไฟที่ถูกจุดขึ้นมาแค่เพียงแวบเดียว แม่ว่าจะรู้ว่าฉากสุดท้ายจะเสมือนกับดอกไม้ไฟที่หล่นหายลงมาบนพื้นดิน แต่ก็ยังยอมที่จะมองดูแสงสว่างเปล่งประกายอย่างสวยงาม
ความรักของหล่อนก็เช่นกัน แม้จะรู้ว่าฉากจบเป็นเช่นไร แต่หล่อนก็ควบคุมความรู้สึกที่อยากจะคบกับเขาไม่ได้ ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่หล่อนมั่นหมายไว้แล้ว ไม่มีทางเสียใจภายหลังแน่นอน
“งั้นก็ไม่ต้องเลิกกัน กอดฉันไว้แน่นๆ” น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความดีใจ จากนั้นเชิดหน้าของหล่อนขึ้น ก้มลงจูบหล่อนอย่างดูดดื่ม จูบของเขาช่างละมุนเหลือเกิน หล่อนชอบท่าทีจริงจังเช่นนี้ของเขามาก
ทั้งสองจูงมือกันเดินไปตามทางอย่างมีความสุขท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ ได้เดินจูงมือกับคนรัก ขนาดคิ้วยักยักขึ้นตามด้วยความดีใจ
“ฉู่เฉินซี อย่าให้แหวนกับคนอื่นได้ไหม?” หล่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน้อยใจ แม้ว่าไม่ได้ถามขึ้นด้วยความรู้สึกสงสัย แต่เมื่อฟังแล้วรู้สึกว่าหล่อนน้อยใจเป็นอย่างมาก
“ฉันไม่ได้ให้ ฉันไม่รู้ว่าหล่อนซื้อแหวนมา” ฉู่เฉินซีพูดขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง ตลอดทั้งเช้าที่อยู่กับหล่อนเขาเหม่อลอยไม่สบอารมณ์ตลอด ความคิดของเขามีเพียงแต่หล่อน ไม่มีเวลาไปคิดถึงเรื่องอื่นด้วยซ้ำ
และสิ่งที่เขาทำมากที่สุดก็คือเล่นมือถือ ในใจของเขาคิดเพียงแต่ว่าหลินเวยมี่คงไม่มีโทรมาหาเขาก่อน แต่เขาก็ยังเลือกที่จะเปิดมือถือดูครั้งแล้วครั้งเล่า
หลินเวยมี่มองเขาด้วยความประหลาดใจ ทั้งสองเดินเข้าไปในร้านค้าร้านหนึ่งพอดี มือที่จับเขาไว้ก็ถูกดึงเข้าไป
“ทำไมหรอ? จะซื้อเสื้อให้ฉัน?” ฉู่เฉินซียิ้มพลางจูงมือฝ่ายหญิงเข้าไป เขายิ้มอย่างมีความสุข
หลินเวยมี่มองดูชุดผู้ชายเรียบหรูสวยงามมากมาย จนสุดท้ายสายตาของหล่อนเหลือบไปหยุดมองอยู่ที่เสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดา
“ไปลองดูสิ” หล่อนหยิบเสื้อเชิ้ตขึ้นมา ขมวดคิ้วแน่น พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ฉู่เฉินซียิ้มมองหน้าหล่อนด้วยความเอ็นดู จากนั้นหยิบเสื้อเข้าไปในห้องลอง
“คุณผู้หญิงคะ แฟนคุณหล่อมากเลย แต่ฉันคิดว่ายังไงเขาก็เหมาะกับชุดนี้มากกว่านะคะ ชุดเมื่อครู่นี้ดูธรรมดาเกินไป”
คนขายผู้หญิงถือเสื้ออีกตัวหนึ่งขึ้นมาพลางพูดขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ ตัวเมื่อครู่นี้ดีอยู่แล้ว” หลินเวยมี่ตอบกลับ ทันใดนั้นฉู่เฉินซีเดินออกมาพอดี เขาราวกับเป็นไม้แขวนเทพบุตร แม้ว่าจะเป็นเพียงเสื้อธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อเขาใส่กลับดูหล่อเท่ห์ขึ้นมาทันที
เขาติดกระดุมเพียงเม็ดเดียว โชว์กล้ามเนื้อขาวนวลของเขาออกมา เดินตรงมาที่หลินเวยมี่พูดขึ้น “มานี่หน่อยสิ ช่วยติดกระดุมให้ฉันหน่อย”
หลินเวยมี่เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ติดกระดุมให้ด้วยสีหน้านิ่งเฉย นิ้วมือเย็นๆของหล่อนสัมผัสโดนกล้ามหน้าอกของเขา จู่ๆก็รู้สึกตื่นเต้นสติแตกขึ้นมา
เขาหรี่ตามองหญิงสาวที่กำลังติดกระดุมให้ ฉีกยิ้มขึ้น หยิกจมูกหล่อน
“ผู้หญิงใจแคบ”
หลินเวยมี่เงยหน้ามองหน้าเขา ตอบกลับด้วยท่าทีเบื่อหน่าย “ใช่ ฉันใจแคบ ฉันทนเห็นผู้หญิงคนอื่นซื้อเสื้อให้นายไม่ได้ ใจของฉันแคบจนไม่มีที่ว่างให้ผู้หญิงคนอื่น! ”
“โอเคๆ ผมเข้าใจแล้ว ผมชอบเสื้อตัวนี้มาก” เขาจับปากหล่อนเบาๆเพื่อปลอบขวัญด้วยสีหน้าเอ็นดูเห็นใจ
หลินเวยมี่จ้องเขาตาเขม็ง ผลักเขาออก รีบเดินไปชำระเงิน จานนั้นจูงมือลากเขาออกไปด้านนอก
ฉู่เฉินซีทำหน้าตาเหนื่อยใจ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาถอดสีหน้า แต่ไม่ว่าหล่อนจะซื้ออะไร เขาก็ชอบทั้งหมด
พวกเขาเดินไปตามทางริมถนน ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็สามารถดึงดูดสายตาของคนรอบข้างที่เดินผ่านไปมาได้ตลอด หลินเวยมี่เดินจูงมือกับเขา มองดูเขาใส่เสื้อที่หล่อนซื้อให้ รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที
“ฉู่เฉินซี คืนนั้น…” หลินเวยมี่ก้มหน้าลง ราวกับรู้สึกลำบากใจไม่รู้จะพูดยังไง
“คืนนั้นฉันกับหล่อนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น สาวน้อยขี้หึง ยังโกรธฉันอยู่หรอ?” ฉู่เฉินซีดึงมือหล่อนเข้ามาใกล้ สายตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม รู้สึกชอบความรู้สึกที่หล่อนใส่ใจเขาเช่นนี้
หลินเวยมี่มองเขาด้วยท่าทีประหลาดใจ คืนนั้นพวกเขาไม่มีอะไรกันจริงงั้นเหรอ?
“ฉันไม่ได้ถามเรื่องนี้ ฉู่เฉินซี ฉันกับคูณท่านฉู่…”
หล่อนไม่รู้ว่าจะถามเช่นไร หล่อนเกรงว่าจะเพิ่มปัญหาให้ทั้งสองมากขึ้น
“เธอรู้อะไรงั้นเหรอ?” ฉู่เฉินซีทำด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น มองดูสีหน้าของหล่อนด้วยสายตาลึกซึ้ง หรือหล่อนคาดเดาอะไรขึ้นมาได้?
หลินเวยมี่เม้มปาก ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร หล่อนส่ายหน้าจากนั้นเดินต่อไป
ถ้าความสัมพันธ์อันซับซ้อนในตอนนี้คือเรื่องจริง หล่อนควรจะทำเช่นไร? ไม่ว่ายังไงหล่อนก็ยอมรับไม่ได้ ถ้าถึงตอนนั้นหล่อนเกรงว่าตัวเองจะสติแตกขึ้นมา
หลินเวยมี่เดินกลับบ้านเพียงลำพัง ฉู่เฉินซีติดธุระจึงไปส่งหล่อนที่บ้านก่อนจากนั้นเขาก็ออกไป
เมื่อเดินไปที่ห้องรับแขก Elisกำลังมาส์กหน้าพลางนั่งดูทีวี เหลือบมองมาที่หล่อน สีหน้ากลับเปลี่ยนเป็นดูถูกเหยียดหยามหล่อนทันที
“เธอยังมีหน้ากลับมาอีกเหรอ? ฉันคิดว่าเธอจะรับไม่ได้จนตรอมใจออกไปจากที่นี่แล้ว”
หลินเวยมี่ขมวดคิ้วขึ้น ท่าทีหมดความอดทน “ทำไมฉันต้องไปด้วย?”
“เธอมันหน้าด้านหน้าทน เจ้าของตัวจริงมาแล้ว เธอเป็นแค่เมียน้อยยังเกาะแกะเขาไม่ไปไหน ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันคงมุดหน้าหนีไปแล้ว ”Elisพูดด้วยท่าทีเยาะเย้ย
“แล้วยังไงล่ะ? ฉันมันหน้าด้าน แล้วเธอจะทำไม?” หลินเวยมี่ยิ้ม จากนั้นรีบย่ำเท้าเดินไปด้านบน
ตอนนี้หล่อนฝึกฝนตัวเองจนสามารถต่อสู้ได้อย่างแข็งแกร่ง ถ้าหล่อนจะโกรธเพราะคำพูดของElis หล่อนคงโมโหตายไปนานแล้ว
เมื่อเดินเข้าไปในห้อง มือถือของหล่อนก็มีเสียงดังขึ้น หล่อนหยิบมือถือออกมา เห็นเบอร์ของป่ายห้าว สายตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
หลินเวยมี่รีบเดินเข้าไปในโรงแรม สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ เดินเข้าไปในลิฟต์ หายใจไม่ทั่วท้อง ในหัวของหล่อนคิดถึงเรื่องต่างๆที่พวกเขาต้องคุยกัน หล่อนควรจะพูดหรือถามอะไร? ช่างตื่นเต้นเหลือเกิน
เมื่อเดินถึงห้องที่นัดกัน หล่อนเคาะประตูด้วยความตื่นเต้น
ประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ป่ายห้าวมองหลินเวยมี่ด้วยสีหน้าย่ำแย่ จากนั้นเปิดประตูออก เดินไปยืนด้านข้าง
“ป่ายห้าว หล่อนมาแล้วเหรอ? หล่อนยอมเจอฉันจริงเหรอ” หลินเวยมี่ถามขึ้นด้วยความดีใจ หล่อนรู้สึกตื่นเต้นจนไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของป่ายห้าว
“เวยมี่ เธอเข้ามาเองเถอะ” เขาถอนหายใจด้วยความหนักใจ จากนั้นก้มหน้าลงต่อ
หลินเวยมี่มองเขาด้วยความสงสัย เมื่อเข้าไปในห้อง คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นบุหรี่ จนหล่อนต้องกระแอมออกออกมา หลังจากที่หล่อนเห็นคนที่นั่งอยู่ตรงกลางห้อง หล่อนชะงักลงไปทันที
คนที่อยู่ในห้องไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคุณท่านฉู่ อันที่จริงคุณท่านฉู่อายุเพียงแค่หกสิบ เมื่อมองไปสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวของเขา สายตาของเขาทุกข์หมอง
“คุณท่านฉู่ ทำไมถึงเป็นท่าน?” หล่อนหันไปมองป่ายห้าวด้วยความตื่นตกใจ ป่ายห้าวมองหล่อนด้วยสีหน้าลำบากใจ
“แปลกมากงั้นเหรอ?” ท่านฉู่พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา สายตามองไปที่หล่อนอย่างโหดเหี้ยม ในมือคีบบุหรี่อยู่
หลินเวยมี่มองเขาด้วยความมึนงง แน่นอนว่าต้องรู้สึกแปลกใจมาก ตอนแรกหล่อนคิดว่าคนที่มาที่นี่คือรั่วหราน คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเขา ดูเหมือนว่าเฉินเห้าหมิงพูดไว้ไม่มีผิด รั่วหรานกับคุณท่านฉู่ต้องมีความสัมพันธ์ซับซ้อนกันอย่างแน่นอน
แต่เรื่องยิ่งเป็นเช่นนี้ ยิ่งทำให้หล่อนรู้สึกหมดความมั่นใจ กลัวความรู้สึกเช่นนี้
“คุณไม่ใช่คนที่ฉันต้องการพบ!” เมื่อหล่อนพูดบ่นจบ หันหลังเดินออกไปด้านนอกทันที แต่ขณะที่กำลังจะเดินออกไปกลับถูกบอดี้การ์ดกันไว้
หล่อนเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นหันไปมองท่านฉู่ “คุณจะทำอะไร?”
“เธออยากเจอฉันไม่ใช่เหรอ?” ท่านฉู่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ จากนั้นสูบบุหรี่ จนควันคละคลุ้งรายรอบตัวของเขา
หลินเวยมี่มองด้วยสายตาเบื่อหน่าย รู้สึกกลุ้มใจขึ้นมา ท่านฉู่นัดหล่อนมามีจุดประสงค์อะไรกันแน่?
“คุณท่านฉู่ ฉันอยากเจอรั่วหราน” หล่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ชัดถ้อยชัดคำ
“เจอหล่อน? หล่อนจะมาเจอเธอได้ยังไงล่ะ” คุณท่านฉู่มองหล่อนด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “เธอไม่ควรมาที่นี่ ฉันก็จะไม่เปิดโอกาสให้เธอต้องรบกวนหล่อน”
เป็นอีกคำพูดหนึ่ง ที่ทำให้หล่อนถึงกับต้องยักคิ้วขึ้น ถ้าหล่อนเป็นลูกนอกสมรสของรั่วหรานกับท่านฉู่จริงๆ ทำไมรั่วหรานไม่ยอมมาเจอหล่อนล่ะ? อีกอย่างคุณท่านฉู่ดูเหมือนเกลียดหล่อนมาก
หรือเป็นเพราะผู้หญิงในตระกูลฉู่มีฐานะต้อยต่ำ? เหตุผลนี้มีหลักฐานมาหนุนเพียงพอ นอกจากพี่น้องทั้งสามของตระกูลฉู่แล้ว ดูเหมือนว่าผู้หญิงตระกูลฉู่ล้วนแล้วแต่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ฉู่หรานก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจน
เป็นเพราะหล่อนเป็นผู้หญิง จึงถูกรั่วหรานทอดทิ้งงั้นเหรอ?
“ไม่อยากเจอฉัน เพราะรู้สึกละอายใจต่อฉันงั้นเหรอ? ไม่เคยเลี้ยงฉันมาสักวัน หล่อนมีสิทธิ์อะไรไม่ยอมเจอฉัน?” เสียงของหล่อนสูงและเย็นชา ทั้งยังเหนื่อยใจ หล่อนเพียงแค่อยากได้รับความรักจากแม่ แต่ผู้หญิงที่ไม่อยากเกิดหล่อนออกมากลับไม่ยอมมาเจอหล่อน
หล่อนเพิ่งพูดจบ มีของบางอย่างถูกเขวี้ยงมา ไม่รีรอให้หล่อนได้รู้สึกอะไร ของบางอย่างกระแทกกับศีรษะของหล่อนอย่างจัง หล่อนล้มลงไปนอนบนพื้นทันที ของสิ่งนั้นกระทบไปที่หน้าผากของหล่อนพอดี เจ็บปวดจนสลบไป หล่อนยกมือจับหน้าผากด้วยความมึนงง ฝ่ามือของหล่อนรู้สึกได้ถึงความข้นเหนียว
สีแดงสดเปรอะเปื้อนเต็มฝ่ามือของหล่อน มุมปากของหล่อนยิ้มเย้ยอย่างมีเลศนัย