รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 179
บทที่ 179 ในสายตาของเธอต้องมีแค่ฉันเพียงผู้เดียว
ฉู่เฉินซีไม่สนใจหลินเวยมี่อีกต่อไป เขาเดินนำออกไปด้านหน้า สายตาโกรธแค้น เขาทนเห็นหลินเวยมี่มองผู้ชายคนอื่นเช่นนั้นไม่ได้ โดยเฉพาะกู้จวินเฟิง!
จับชายเสื้อไว้แน่น หญิงสาวตัวน้อยเดินตามด้านหลังเขาไปตลอดทาง พูดขึ้นด้วยความโมโห “หยุดก่อน!”
ฝีเท้าของฉู่เฉินซีหยุดชะงักลงทันที หันหน้ากลับมามองหล่อน หล่อนหน้าแดงมาก หายใจหอบเล็กน้อย
“นายเป็นบ้าอะไรอีก?” หล่อนถามขึ้นอย่างไร้ความอดทน แค่มองกู้จวินเฟิงนานไปหน่อยเอง เขาจำเป็นต้องโกรธขนาดนี้เลยหรือไง?
“เธอคิดว่าไงล่ะ?” ฉู่เฉินซีถามขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาโมโห เขาเดินอยู่กับหล่อน แต่หล่อนกล้าหันไปสบตามองกู้จวินเฟิง ถ้าเขาไม่อยู่ข้างหล่อนล่ะ? จะเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสอง? แค่คิดอย่างเดียวก็โมโหมากแล้ว
“ฉู่เฉินซี นายหึงให้มากกว่านี้หน่อยได้ไหม?” หลินเวยมี่ยิ้มเยาะเขา ดึงแขนของเขาเข้าหาตัวเอง
“เราไม่ได้คุยอะไรกันสักหน่อย นายก็โกรธแบบนี้แล้ว ถ้าฉันคุยกับเขา นายคงกินฉันแน่ๆใช่ไหม?”
“หลินเวยมี่ ฉันหึงแล้วเธอจะทำไม? เพราะฉันรักเธอไง ดังนั้นผู้ชายทุกคนบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูของฉัน ฉันกลัวว่าใครจะมาแย่งเธอไป ฉันคิดแบบนี้ผิดด้วยเหรอ?” ฉู่เฉินซีหันข้างมา ริ้วรอยบนหน้าเขาเด่นขึ้นมาชัดเจน เขาเม้มปากบ่งบอกถึงความไม่พอใจ
หลินเวยมี่ตกตะลึง หน้าตาแสดงออกถึงความดีใจ จับเอวของเขาไว้แน่น ยื่นหน่าเข้าไปแนบชิดเขา “ผู้ชายหน้าไหนก็แย่งฉันไปไม่ได้”
ฉู่เฉินซีจับแก้มของหล่อน พูดขึ้นด้วยความโมโห “หลินเวยมี่ ในสายตาของเธอต้องมีฉันเพียงผู้เดียว! อย่าคิดไปมองผู้ชายคนอื่นแม้แต่น้อย!”
คำพูดอันโกรธเคืองของเขาทำให้หลินเวยมี่ตกใจเล็กน้อย เมื่อก่อนหล่อนเคยเกลียดคำพูดเช่นนี้ของเขามาก แต่ตอนนี้กลับรู้สึกเกลียดไม่ลง
“ตาโง่” หลินเวยมี่เม้มปากยิ้ม จับมือของเขาไว้แน่น “นายก็อย่าปล่อยมือฉันนะ เข้าใจไหม?”
“โอเค”
ทั้งสองกลับไปที่บ้าน ฉู่หรานกำลังนั่งเล่นไพ่กับกลุ่มคุณนาย หลินซินหยานนั่งมองดูอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ ภายในห้องรับแขกมีควันบุหรี่คละคลุ้ง หลินเวยมี่กระแอมออกมา สายตาแสดงความไม่พอใจ
ฉู่เฉินซีจูงมือหล่อนเข้าไป สีหน้านิ่งขรึมมากขึ้น
“เฉิน กลับมาแล้วหรอ?” ฉู่หรานยิ้มพูดขึ้น สายตาไม่ละออกจากจากกระดานไพ่
“ฉู่หราน เห็นทีเธอคงลืมแล้วว่าที่นี่คือที่ไหน” น้ำเสียงของฉู่เฉินซีเยือกเย็น สายตาเหลือทน
“เฉิน พี่ว่าง ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยชวนเพื่อนมาเล่นไพ่ ถ้ารบกวนนาย ฉันจะให้คนมายกโต๊ะวงไพ่เข้าไปในห้องของฉัน” ฉู่หรานรู้สึกได้ถึงความโกรธของเขา รีบพูดขึ้น
“ให้เวลาเธอสามชั่วโมง แล้วรีบออกไปให้พ้น”
ฉู่หรานหน้าถอดสีทันที รีบลุกขึ้นเดินตรงไปหยุดตรงหน้าของฉู่เฉินซี “เฉิน นายกล้าตวาดพี่สาวตัวเองงั้นเหรอ ทั้งต่อหน้าผู้คนมากมายที่ดูอยู่อีกด้วย นายไม่คิดจะไว้หน้าพี่สาวบ้างหรือไง? ”
ฉู่เฉินซียิ้มเย้ย พูดขึ้นด้วยเสียงนิ่งเรียบ “ฉันสนใจสายตาคนอื่น? มากไปกว่านั้น เธอไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลฉู่มานานแล้ว ในสายตาของฉัน เธอมันก็แค่แม่เลี้ยงของหลินเวยมี่”
พูดถึงตอนนี้ สายตาของเขาเริ่มเย็นชามากขึ้น พูดเย้ยต่อ “และยังเป็นแม่เลี้ยงที่รังแกหลินเวยมี่ ฉันจะเก็บเธอไว้ทำไมกัน?”
สีหน้าของฉู่หรานแย่ลงทันที คำพูดของฉู่เฉินซีกำลังสื่อว่า ที่หล่อนมาอยู่ที่ได้ก็เพราะใช้ความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับหลินเวยมี่ ไม่เกี่ยวกับการที่หล่อนนามสกุลฉู่เลยสักนิด
แต่ช่วงนี้หล่อนมักจะหาโอกาสเหน็บแนมหลินเวยมี่อยู่เสมอ ถ้าหล่อนยังขอความเห็นใจจากหลินเวยมี่อีก คงไม่มีทางให้หล่อนได้อยู่ที่นี่ต่อ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของฉู่หรานแย่ลงไปทันที
“เวยมี่ ช่วยพูดกับเฉินให้หน่อยสิ ให้แม่ได้อยู่ที่นี่ต่อนะ” ฉู่หรานยิ้มเจื่อน สายตามองตรงไปที่หลินเวยมี่
หลินเวยมี่มองหล่อนอย่างไม่สบอารมณ์ พูดขึ้นด้วยความมั่นใจ “ให้อยู่ต่อเพื่อกลั่นแกล้งฉันอีกงั้นเหรอ?”
เมื่อฉู่หรานได้ยินเช่นนั้น เจ็บใจขึ้นมาทันที เห็นทีหล่อนคงไม่มีทางให้ตัวเองได้อยู่ต่อ หล่อนเบี่ยงสายตามองไปที่หลินซินหยานที่นั่งอยู่ด้านข้าง รู้สึกดีใจขึ้นมา
“เวยมี่ เธอไม่เห็นแก่ฉัน ก็เห็นแก่ซินหยานเถอะนะ เธอคงทำใจเห็นซินหยานออกไปขอทานขอข้าวจากด้านนอกไม่ได้ใช่ไหม?”
หลินเวยมี่ไม่ได้คิดจะให้ฉู่เฉินซีไล่พวกเขาออกไปตั้งแต่แรก คำพูดเมื่อครู่เพียงแค่ต้องการจะขู่ฉู่หรานเท่านั้น
“อยู่ต่อก็ได้ แต่ต้องสำรวมให้มากกว่านี้” เมื่อหล่อนพูดจบก็รีบสะบัดตัวออกจากอ้อมอกของฉู่เฉินซี ลุกขึ้นยืนเดินเข้าไปในห้อง
สายตาของฉู่เฉินซีมองไปที่หลินซินหยาน ค่อยๆลุกขึ้นเดินไปหยุดตรงหน้าหล่อน มองหน้าสักพักพูดขึ้น “จำคำพูดของฉันใส่ใจไว้ให้ดีแล้วยัง?”
“จำไว้แล้วค่ะ” หล่อนก้มหน้าลงพูดพึมพำขึ้น
ฉู่เฉินซีเบี่ยงสายตาออก รีบเดินขึ้นไปด้านบน
ยังไม่ทันได้เข้าไปในห้อง เสียงมือถือก็ดังขึ้น เขาหยิบมือถือออกมาดูเบอร์โทรศัพท์ จากนั้นรีบลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว
ภายในคลินิก ฉู่เฉินซีนั่งนิ่งอยู่ด้านข้าง อ้านเย่นั่งอยู่ด้านหลังเขา ฝั่งตรงข้ามมีคุณหมอใส่ชุดกาวน์ยืนอยู่
สีหน้าของคุณหมอซีดเซียวก้มหน้าลง ปาดเหงื่อตลอดเวลา
“ถูกใครขู่ไว้งั้นเหรอ?” ฉู่เฉินซีพูดขึ้นด้วยเสียงนิ่งเรียบ ฟาดผลตรวจลงบนโต๊ะ
คุณหมอสั่นไปทั้งตัว เหงื่อไหลลงมาใบหน้ามากขึ้น
“ไม่…ไม่มีใครขู่ผมครับ นี่เป็นผลที่ออกมา”
ฉู่เฉินซีโมโห พิงลงไปที่พนักเก้าอี้ สีหน้าเบื่อหน่าย หรี่สายตาลงไปมองรายงานผลDNA ในเอกสารบอกว่าเขากับหลินเวยมี่มีสายเลือดเดียวกัน?
อ้านเย่ค่อยๆเดินเข้าไป หยิบปืนจ่อไปที่หัวของเขา
หมอตกใจจนสั่นไปทั้งตัว สีหน้าหวาดกลัวจนดำคล้ำ
“ผมอยากฟังความจริง…” ฉู่เฉินซียิ้มอย่างเย็นชา สีหน้าเยือกเย็น จนทำให้คนเดาความคิดของเขาไม่ออก
“ผม…ที่ผมพูดไปก็คือความจริง ผลไม่มีอะไรคลาดเคลื่อนครับ”
ฉู่เฉินซียิ้มขึ้นด้วยสีหน้าอันแสนเยือกเย็น ค่อยๆเอ่ยปากพูดขึ้น “งั้นเหรอ? บางทีหมออาจจะไม่รู้ ว่าผมไปตรวจDNAมาแล้วอย่างน้อยสิบที่ แต่ผลตรวจของหมอเกินความคาดหวังของผมจริงๆ”
สีหน้าของหมอชะงักไปด้วยความเหลือเชื่อ “เป็นไปได้ยังไง พวกเขาบอกว่าคุณมาหาผมแค่คนเดียว…”
ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็ถูกกำหมัดของฉู่เฉินซีเข้าไปที่มุมปาก จนตัวสั่นไปทั้งตัว รู้ว่าตัวเองพูดผิดไป
“พวกเขา…” ฉู่เฉินซีนั่งเล่นรูปครอบครัวสามคนบนโต๊ะทำงาน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ลูกสาวของคุณน่ารักดีนะ ตอนนี้คงกำลังรอคุณไปช่วยอยู่สินะ? แต่คุณอาจจะไม่รู้ ลูกสาวกับภรรยาของคุณเป็นแขกรับเชิญอยู่ที่บ้านผมตอนนี้”
สีหน้าของหมอตกใจอย่างมาก รีบถามขึ้น “พวกหล่อนเป็นยังไงบ้าง? คุณห้ามทำร้ายพวกเขานะ ผมขอสารภาพทุกอย่าง!”
“ผมอยากรู้ผลเท่านั้น”
“รายงานฉบับนี้คือผลลัพธ์ที่แท้จริงของคุณ” คุณหมอหยิบเอกสารอีกฉบับยื่นให้เขา
ฉู่เฉินซีมองรายงานผลด้วยความพอใจ สายตาเคียดแค้นขึ้นอีกครั้ง จากนั้นฉีกรายงานโยนลงถังขยะ เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“นายท่าน พวกเราทำยังไงกันต่อดี?” อ้านเย่นั่งอยู่ที่คนขับถามขึ้น
ฉู่เฉินซีนั่งพิงพนักที่นั่ง หลับตาลงยกมือกุมขมับ สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย
“ไปคฤหาสน์”
เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทำไมคุณท่านฉู่อยากให้เขาเข้าใจว่าพวกเขาเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน? คุณท่านกำลังปิดบังเรื่องอะไรอยู่กันแน่? ตัวตนที่แท้จริงของหลินเวยมี่คืออะไรกัน?
แต่ถ้าหมอคนนี้ไม่แสดงท่าทีมีพิรุธ เขาคงเชื่อรายงานผลฉบับนี้สนิทใจแล้ว
ฉู่เฉินซีถือยืนถือดอกคาเนชั้นอยู่ในคฤหาสน์ รั่วหรานนั่งรดน้ำอยู่บนวิลแชร์อย่างเงียบสงบ
“น้าหราน” เขาตะโกนเรียก พร้อมรีบเดินเข้าไปหา
เมื่อรั่วหรานเห็นฉู่เฉินซี หล่อนรีบยิ้มขึ้น “เฉิน ช่วงนี้ไม่ยุ่งเหรอ? มาหาน้าหรายตลอดเลย”
“จะยุ่งยังไงก็ต้องหาเวลามาหาคุณน้าให้ได้ครับ” เขาพูดพลางยื่นดอกคาเนชั่นให้น้าหราน กวาดสายตามองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นคุณท่านฉู่
“พ่อของลูกออกไปแล้ว เมื่อเช้าฉันบอกเขาว่าอยากกินเสี่ยวหลงไป เขาจึงออกไปซื้อด้วยตัวเอง” รั่วหรานเม้มปากยิ้มขึ้น สายตาเต็มเปี่ยมด้วยความสุข
“จะว่าไปพ่อผมรักคุณน้ามาเลยนะครับ ทำไมพวกคุณถึงไม่แต่งงานกันล่ะ?” ฉู่เฉินซีหันหน้าไปทางรั่วหราน สายตาบ่งบอกถึงความสงสัย
รั่วหรานจ้องมาที่เขา สีหน้าซีดลงทันที ส่ายหน้าพูดขึ้น “อายุปูนนี้แล้ว จะแต่งหรือไม่แต่งก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก”
ฉู่เฉินซีมองเขาอย่างลึกซึ้ง ท่าทางของหล่อนเมื่อกี๊เห็นได้ชัดว่ากลัวบางสิ่งบางอย่าง คงไม่ใช่เหตุผลเรื่องอายุที่ทำให้ทั้งสองไม่แต่งงาน แล้วเป็นเพราะอะไรกันล่ะ?
“ทำไมนายมาอีกแล้วล่ะ?” น้ำเสียงของคุณท่านฉู่ดังมาจากด้านหลัง ทั้งสองรีบหันกลับไปทันที
“เฉินเป็นห่วงฉัน ก็เลยมาหา นายไม่ยอมให้ลูกเข้าใกล้ฉันใช่ไหม?” รั่วหรานแกล้งถามขึ้น
คุณท่านฉู่เหลือบมองฉู่เฉินซี ยื่นเสี่ยวหลงเปาในมือให้ลุงหลี่ “รั่วหราน ฉันซื้อเสี่ยวหลงเปากลับมาให้ เธอลองชิมดู ฉันมีธุระจะคุยกับเฉิน”
รั่วหรานมองพวกเขา พูดกำชับขึ้น “คุยก็คือคุย ห้ามทำร้ายเขาเด็ดขาด!”
คุณท่านฉู่พยักหน้าลงเบาๆ เดินก้มหน้าออกไป
ฉู่เฉินซีเดินตามหลังเขาถามขึ้น “ผมเป็นพี่น้องกับหลินเวยมี่งั้นเหรอ?”
“นายไปฟังใครมา?” สีหน้าของคุณท่านนิ่งเรียบ สายตาเลิกลั่ก แต่ไม่พูดโต้กลับ
“หลินเวยมี่เป็นลูกของพ่อกับน้าหรานงั้นหรอ? แล้วทำไมพ่อถึงไม่ยอมบอกผม?” ฉู่เฉินซีจ้องมองเขา น้ำเสียงนิ่งเรียบ เขาไม่อยากให้คุณท่านฉู่รู้ว่าเขาดูรายงานผลฉบับจริงมาแล้ว
คุณท่านฉู่หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด หรี่สายตาลง ลองใจเขาถามขึ้น “ถ้าฉันไม่บอกนาย นายก็คงไปตรวจเองได้ใช่ไหม? รอยตำหนิที่ไหปลาร้าหล่อนก็ยืนยันเรื่องทั้งหมดได้แล้วไม่ใช่หรือไง? ”
ฉู่เฉินซีตกตะลึง ที่แท้เขารู้เรื่องที่การตรวจที่เขาทำมาโดยตลอด เขามีเป้าหมายในการเข้าใกล้หลินเวยมี่อย่างชัดเจน เมื่อก่อนเป็นแค่ความประทับใจวัยเด็ก แต่ตอนนี้เขาหลงรักหล่อนจริงๆแล้ว
เขารู้มาตั้งแต่เด็กว่ารั่วหรานเคยมีลูกมาก่อนหนึ่งคน จากการตรวจสอบของเขารู้ว่าเด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน แต่ฉู่หรานกับคุณท่านฉู่ยุติสัมพันธ์กัน คงเป็นเพราะคุณท่านฉู่กลัวว่าเรื่องของหลินเวยมี่จะหลุดออกมา จึงตัดสินใจยุติความสัมพันธ์
แต่เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ในเมื่อหลินเวยมี่เป็นลูกสาวของคุณท่านฉู่กับรั่วหราน คุณท่านฉู่สามารถเลี้ยงหล่อนไว้ที่บ้านได้ ทำไมต้องทิ้งให้หล่อนอยู่กับหลินจ่านหง?
อีกทั้งคุณท่านฉู่ยังพยายามทำร้ายหลินเวยมี่อยู่หลายครั้ง กระทั่งไม่ให้หลินเวยมี่ได้เจอกับหลินจ่านหง ทุกอย่างเป็นเพราะอะไรกันแน่?
เพราะความสงสัยเหล่านี้ เขาจึงตัดสินใจไปตรวจDNA ผลยืนยันว่าพวกเขาไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด แต่การกระทำของคุณท่านฉู่กลับทำให้รู้สึกสงสัย คุณท่านฉู่กำลังปิดบังอะไรอยู่กันแน่?