รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 205
บทที่ 205 ผู้หญิงเลือดเย็น
หลินเวยมี่พยายามใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดของเธอต้านเขาไว้ กลิ่นแอลกอฮอล์แรงมาก ฉู่เฉินซีนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างมีวินัย ปกติแล้วเขาก็ไม่ค่อยกินเหล้าหรือสูบบุหรี่มากนัก นอกซะจากตอนที่เขาจะอารมณ์ไม่ดีมากๆ
เขาเป็นอะไรไปอีก?
เธองุนงงไปครู่หนึ่ง แล้วถามออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจ“ฉู่เฉินซี ทำไมคุณถึงดื่มเยอะแบบนี้ล่ะ?”
แล้วช่วยเขาเคลื่อนตัวอย่างระมัดระวัง
“อารมณ์ไม่ดี”เขาเรอออกมาเสียงดัง ขณะที่เธอผลักเขาออกไป เขาก็จับมือถือไว้ทำให้เธอไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา
แขนที่แข็งราวกับเหล็กของฉู่เฉินซีโอบเอวเธอไว้ จนทำให้เธอขยับไปไหนไม่ได้
เธอขมวดคิ้วไปมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า“ปล่อยฉันนะ!”
ฉู่เฉินซีเบิกตากว้างอย่างมึนงง แต่ก็ไม่ได้ปล่อย ตรงกันข้ามเขาโอบแน่นกว่าเดิมอีก
อันที่จริงเขาไม่ได้เมาขนาดนั้น คนเมารู้ดีว่ายิ่งดื่มยิ่งมีสติ
“หลินเวยมี่”
เขาพูดชื่อเธอขึ้นเบาๆ ดวงตาเป็นประกายราวกับดวงดาว สัมผัสได้ถึงความรักที่แผ่ออกมาจากก้นบึ้งหัวใจของเขา
หลินเวยมี่ชะงักไป อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคืนที่พวกเขาอยู่ที่ทะเลด้วยกัน ท้องฟ้าสว่างไสว
“ทำไมถึงแต่งงาน?”เขายิ้มเจื่อนๆออกมา“ไม่โทษเธอหรอก มันเป็นความผิดของฉันตั้งแต่แรก ตอนนี้ฉันก็ไม่ควรจะกวนใจเธอ”
หลินเวยมี่ฟังเขาพูดเองเออเอง แต่ก็รู้สึกโล่งใจ นี่เขาหมายความว่าจะไม่กวนใจเธอแล้วงั้นเหรอ?
“แต่ทำไมถึงต้องให้ฉันเห็นเธออีก”เมื่อเขาพูดขึ้น สายตาก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“นี่ไม่ใช่ข้ออ้างนะ!”หลินเวยมี่ขมวดคิ้วแล้วดันเขาเบาๆ“อย่ามาก่อกวนฉัน ให้เรื่องในอดีตของเรามันจบไปเถอะ ”
“ไม่ได้ เห็นเธออยู่กับผู้ชายคนอื่นฉันจะบ้าตายเพราะความหึงหวง!”ฉู่เฉินซีจับคางของเธอแล้วมองลงไป
สายตาจากความสับสนไปยังความหนักแน่น เขาจะยอมให้เธอลืมเขาได้อย่างไรกัน?
“คุณไม่ควรทำแบบนั้น คิดซะว่าฉันเป็นคนแปลกหน้าซะ”
คำพูดชวนฝันนั้นลอยเข้ามาในหูของหลินเวยมี่ แล้วเขาก็จูบลงมา ราวกับทำยังไงก็ไม่พอ อีกทั้งยังลงโทษเธอ
กลิ่นแอลกอฮอล์กระจายไปทั่วลมหายใจของเธอ จนเธอรู้สึกว่าตัวเองก็จะเมาไปด้วย เธอกอดคอเขาอย่างไม่รู้ตัวแล้วตอบสนองเขา
คลื่นความร้อนในอากาศก็ยิ่งร้อนแรงขึ้น กระทบเข้ากับทั้งสองคน
ฉู่เฉินซีจูบเธอไปทั่วร่าง สายตาของเขาเฉียบคมราวกับหมาป่า
“เขาทำแบบนี้กับเธอหรือเปล่า?”
คำถามของเขาแว่วมาในหูของหลินเวยมี่ เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้ สายตาที่สับสนของเธอก็ได้สติขึ้นมา
เธอพยายามผลักผู้ชายที่อยู่บนตัวเธอ แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เธอรู้ว่าทำไมฉู่เฉินซีทำแบบนี้ น่าตลกที่เขาคิดว่าของของตัวเองโดนผู้ชายคนอื่นครอบครอง ดังนั้นจึงจะแย่งกลับมา ทำอย่างกับขยะที่จะเอากลับไปกลับมาได้
การกระทำแบบนี้ทั้งตลกและน่าเศร้าสิ้นดี
“ฉู่เฉินซี พอได้แล้ว ฉันไม่เล่นกับคุณแล้ว”เธอพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ สายตาเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส
สายตาของเธอราวกับดึงสติเขา จากเดิมที่ดื่มเหล้าอยู่แล้วก็เหมือนถูกกระตุ้นขึ้น
มือหนาคว้าเอวเธออย่างรุนแรง แล้วดึงเธอมาในอ้อมแขน จากนั้นก็ขยับหน้าเข้าไปใกล้ๆ
“ฉันบอกแล้วไง ว่าเธอไม่มีทางเลือกตั้งแต่แรก ตอนนี้เธอทำได้แค่ให้ความร่วมมือกับฉัน”
“บ้าไปแล้วเหรอ!”หลินเวยมี่ด่ากราดเขาอย่างคุมตัวไม่อยู่
“เธอนั่นแหละต้องบ้าไปกับฉัน แต่เกมๆนี้เธอต้องเล่นกับคนบ้าอย่างฉันจนจบ”มือใหญ่ๆของเขาจับไปที่คอเสื้อของเธอ
“ฉู่เฉินซี ต้องการแบบนี้จริงๆเหรอ?5ปีแล้วนะ ยังจะมารังควานอะไรฉันอีก?”หลินเวยมี่หลับตาลง แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มไป 5ปีกับชีวิตที่สงบสุขโดนเขาทำลายอีกครั้ง
เธอไม่ใช้สาวน้อยที่โง่เขลาและไม่ระมัดระวังเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เธอมีครอบครัวและลูกแล้ว เธอจะไม่ให้แค่เธอคนเดียวมาทำลายทุกอย่างได้หรอก
เสี่ยวหลงต้องมีครอบครัว ฉู่เฉินซีให้ไม่ได้หรอก
“งั้นทำไมเธอยังจะมาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก?”เขาถามกลับไป แล้วก็กอดเธอไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับจูบลงไปที่ต้นคอของเธอ
หลินเวยมี่หลับตาลงอย่างช่วยไม่ได้ แล้วหายใจเข้าลึกๆ“คุณจะเห็นฉันเป็นคนแปลกหน้าก็ได้”
“ฉันเกลียดที่มาเรียกว่าคนแปลกหน้า!”จู่ๆเขาก็ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตาโกรธเกรี้ยว เพราะคำว่าคนแปลกหน้านี้มันทำให้เขาเจ็บปวด
เขาเป็นคนที่หยิ่งยโสมาตลอด ไม่ว่าจะตอนไหนก็เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง เขาไม่ยอมให้ครั้งแรกที่เขาแสดงความรู้สึกจริงๆของตัวเองออกไป แล้วอีกฝ่ายไม่รู้สึกอะไรเลยแบบนี้
หลินเวยมี่นิ่งเงียบไปอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความอดกลั้น ยิ่งอารมณ์แบบนี้แล้ว เรียกได้ว่าเขาก่อกวนไม่สำเร็จเพราะตอนที่เธอเห็นเขาเธอไม่รู้สึกอะไรเลย แค่นี้สบายมาก
ดังนั้นมันจึงไปกระตุ้นความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเขา ยิ่งทำให้เขาราวีเธอไม่เลิก?
หรือว่าเธอจะไม่ตอบโต้แล้ว เธอยังอาลัยอาวรณ์เขา มันจะทำให้เขารังเกียจไหมนะ?
ขณะที่คิดอยู่ สายตาก็แวบความเจ้าเล่ห์ขึ้นมา บางทีแบบนี้อาจจะหลุดพ้นจากเขาได้
มือเล็กๆกอดเขากลับไป สายตาเธอเต็มไปด้วยสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ จากนั้นก็ปลดกระดุมช้าๆ
“คุณต้องการแบบนี้?ใช่ไหม?”เธอถามออกไปเสียงแผ่วเบา แล้วก็ก้มลงไปกัดเขาเบาๆ ราวกับเธอเป็นลูกแมวตัวน้อยๆที่เกาะเขา
มันทำให้เขารู้สึกแทบบ้า แต่ก็อยากจะรู้ว่าเธอจะทำอะไรต่อ จึงควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้
เธอถอดเสื้อผ้าตัวเองออกเกลี้ยง แล้วจับไปที่เข็มขัดเขา สายตาของเธอมีความลำบากใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมือน้อยๆก็รีบแกะมันออก
“แบบนี้เหรอ?”ฉู่เฉินซีมองไปที่เธอ เขาเมามากแต่แกล้งทำเป็นปกติ
หลินเวยมี่ทนไม่ไหวแล้ว จึงขึ้นคร่อมเอวเขาอย่างรวดเร็วแล้วนั่งลงไป
ในขณะเดียวกัน มือของเขาก็จับไปที่เอวของเธออย่างแรง
หลินเวยมี่กัดริมฝีปากเล็กน้อย เธอหลับตาลงแล้วขยับเอวเบาๆ ในเมื่อเขาต้องการแบบนี้ เธอก็เลยจัดให้
ในเมื่อเธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจเขา แล้วทำไมต้องทรมานตัวเองด้วยล่ะ?ทำไมไม่จอยไปกับมันล่ะ?
เธอคิดเช่นนั้น เสียงสูงเสียงต่ำดังระงมไปทั่วห้อง
กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
หลินเวยมี่ลืมตาขึ้นทันที จู่ๆเธอก็แวบคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบผลักเขาออกไปรีบแล้วหยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะ
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา ที่แท้ก็เป็นเบอร์ของเย่หนิง
ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงน้ำหนักบนเอว
เธอรับสายพลางขมวดคิ้ว เย่หนิงก็รีบพูดส่งเสียงตื่นตระหนกมาทันที
“เวยมี่ เธออยู่ที่ไหน?”
“ทำไมเหรอ?”เธอขบฟันแน่นถึงจะช่วยคุมน้ำเสียงให้ปกติได้
ฉู่เฉินซีที่อยู่ด้านหลังนั้นเหมือนจะไม่พอใจ
“เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!เธอรีบมาเถอะ!”เย่หนิงพูดอย่างลุกลี้ลุกลน
“ทำไมเหรอ?เสี่ยวหลงงอแงงั้นเหรอ?”หลินเวยมี่หันไปจ้องหน้าฉู่เฉินซี สายตาเชิงขู่ๆ
ฉู่เฉินซีไม่สนท่าทางของเธอ แล้วนั่งทำธุระของตัวเองไปอย่างไม่แยแส
หลินเวยมี่พยายามทำให้ลมหายใจสงบลง แต่ฉู่เฉินซีไม่ให้โอกาสเธอเลย
“เสี่ยวหลงตกลงจากเวทีขาหัก”เย่หนิงพูดด้วยความร้อนใจ
หลินเวยมี่ชะงักไปและสั่นไปทั้งตัว เธอคิดไม่ออกเลยว่าเด็กอย่างเสี่ยวหลงจะเป็นอย่างไรบ้าง
เธอเจ็บจี๊ดๆที่หัวใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล“ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้!”
“ไปให้พ้น!”เธอพยายามจะด่าเขา จากนั้นก็ผลักเขาออกแล้วใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว น้ำตาไหลออกมาเพราะความตื่นตระหนก หัวใจของเธอราวกับอยู่บนที่สูง
“ลูกของเธอ?”ฉู่เฉินซีถามออกไปด้วยความลังเล
หลินเวยมี่มีเวลามาสนใจเขาซะที่ไหนกัน เธอรีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วกำลังจะออกไปโดยไม่ได้แคร์ผมอันยุ่งเหยิงแม้แต่น้อย
โดนจับที่ข้อมือ เธอมองกลับไปยังฉู่เฉินซีอย่างไม่พอใจ แล้วขบฟันด่ากลับไป“ปล่อยฉัน!ฉันไม่มีเวลาจะมาเสียเวลากับคุณนะ!ไม่ได้ยินรึไง?เกิดเรื่องขึ้นกับลูกชายของฉัน!”
ฉู่เฉินซีมองไปที่ใบหน้าอันเต็มไปด้วยความตึงเครียดของเธอ เขายิ้มอย่างเย้ยหยันออกมา“คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงเลือดเย็นอย่างเธอ ก็เป็นห่วงลูกเป็นเหมือนกัน”
“ฉันเป็นแม่ของเขานะ เป็นห่วงก็เป็นเรื่องปกติ!”หลินเวยมี่อธิบายออกไปอย่างไม่พอใจ เธอรู้ว่าฉู่เฉินซีกำลังตำหนิเรื่องเอาลูกออกเมื่อ5ปีก่อน
“แล้วทำไมถึงโหดเหี้ยมกับลูกของฉันนักล่ะ?หรือเพราะว่าเป็นลูกของฉัน เธอก็เลยคิดว่าการให้กำเนิดเขานั้นมันเป็นภาระ?”ฉู่เฉินซีมองเธอด้วยสายตาเย็นชา สายตานั้นมีแต่ความคับแค้นใจ
“ใช่ แบบนั้นแหละ!”หัวใจของหลินเวยมี่จุกไปถึงลำคอ เธอไม่มีเวลามาเสียเวลากับเขาก็เลยตอบออกไปมั่วซั่วแบบนี้
สายตาของฉู่เฉินซีฉายแววความผิดหวังออกมา แล้วพูดออกไปด้วยเสียงหนักแน่น“เพราะเป็นลูกของฉันเธอก็เลยไม่เต็มใจให้เขาเกิด มันเป็นแบบนี้นี่เอง!”
“ออกไป!”เธอตะโกนออกมาแล้วปัดมือเขาออกอย่างแรง จากนั้นก็ไปเปิดประตูแล้วรีบออกไป
ฉู่เฉินซีพิงที่ประตูอย่างหมดสภาพ สายตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง ตอนแรกเรื่องที่ลูกยังอยู่กะจะค่อยบอกเขา เพราะเธอทำใจตั้งแต่แรกแล้วว่าจะไม่ให้เด็กเกิดออกมา
จิตใจของผู้หญิงคนนี้ ทำไมถึงโหดร้ายได้ถึงเพียงนี้!