รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 207
บทที่ 207 ในห้องครัว
หลินเวยมี่รีบกดไปที่มือเขา สายตาตื่นตระหนกแวบเข้ามา แล้วพูดไปเสียงเบา“ฉู่เฉินซี อย่าทำแบบนี้”
ฉู่เฉินซียิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย ลมหายใจยังคงรดหูของเธอ แม้ว่าปากจะยิ้มอยู่ แต่ก็ยังเห็นแววตาโกรธที่โกรธมากของเขา
“กลัวแล้วงั้นเหรอ?”เขาหัวเราะเบาๆแล้วถามขึ้น น้ำเสียงอ้อยอิ่ง สายตาชวนมอง พร้อมกับกระซิบเบาๆ“หลินเวยมี่ เธอกลัวว่าฉันจะรู้ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
หลินเวยมี่เม้มปากแน่น เธอไม่รู้ว่าเขาไปโกรธอะไรมาจากไหน“ใช่ ฉันกลัว”
เมื่อได้ยินเธอตอบมาฉู่เฉินซีก็หรี่ตาลง มือใหญ่โอบเอวเธออย่างไม่สบอารมณ์ เข้าใช้แรงมาก ราวกับอยากให้เอวของเธอหัก
“หลินเวยมี่ เธออย่ามายั่วโมโหฉันนะ!”เขาจ้องตาแดงก่ำ ความโกรธที่มีในสายตาของเขาไม่สามารถปกปิดได้ เขาจ้องไปที่เธอราวกับอยากจะกินเข้าไปในท้อง
ความโกรธในใจชัดเจนขนาดนั้น ราวกับเขาจะสติแตกอกมา
นอกจากนี้ เขาไม่รู้ว่าจะลงโทษผู้หญิงที่ชอบยั่วโมโหเขายังไง
หลินเวยมี่เจ็บ ขมวดคิ้วแน่น พร้อมกับจ้องไปยังฉู่เฉินซี แต่กลับไม่พูดให้เขายกโทษให้
ในใจพลิกกลับไปกลับมา แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือความสับสน พอนึกถึงเดวิดเธอก็รู้สึกลำบากใจ แต่เธอไม่สามารถสู้แรงเขาได้ ทำได้เพียงให้เขาบงการได้ตามใจ
“หลินเวยมี่ คุณนี่มันปีศาจที่คอยทำให้คนทรมาน!”เขาแผดเสียงออกมา
เมื่อก่อนฉู่เฉินซีชอบพูดคำนี้ ทุกครั้งที่เขาพูดคำนี้คือตอนที่เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ทว่าวันนี้กลับไม่ใช่แบบนั้น แต่มันเต็มไปด้วยความโกรธ
ท่าทางแบบนี้ของเขาทำให้เธอหวาดกลัว ในใจก็คิดอยากจะหนี
มีช่องว่างเล็กน้อย เธอก็รีบหนีไปทางด้านข้าง หนีไปได้แค่ไม่กี่ก้าวก็โดนเขาจับได้จากด้านหลัง เขาแรงเยอะมากมากซะจนเธอแทบจะหายใจไม่ออกครู่หนึ่ง
ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงมือใหญ่ของเขาทีกำลังทำตามอำเภอใจไปทั่ว ทรมานเธอไม่หยุดหย่อน
ทันใดนั้นเขาก็ถกเสื้อผ้าเธอขึ้น เธอตาเบิกกว้างแล้วพยายามขัดขืน
“เลิกเล่นได้แล้ว”เขาพูดไปที่หูของเธอเสียงเบา“ถ้าไม่อยากให้เขาเห็นก็เลิกเล่นซะ!”
การคุมคามที่รุนแรงแบบนี้ทำให้หลินเวยมี่ขบฟันแน่น สายตาเต็มไปด้วยความดิ้นรน
ผิวหนังรู้สึกอากาศเย็นที่มาสัมผัส อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น แต่เธอก็ทำอะไรไม่ถูกและโดนมือใหญ่ๆของเขาปลุกปั่นไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาอย่างเร็ว
เธอละเกลียดความรู้สึกนี้ของตัวเองจริงๆ ในใจกลับไม่เหมือนกัน ถึงแม้จิตใต้สำนึกจะอยากปฏิเสธ แต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้รังเกียจสัมผัสของเขา
ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกถึงความร้อนจากเขา ขบฟันแน่น แล้วพูดขึ้นมาอีกครั้ง“ฉู่เฉินซี คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้”
“ทำไม?”เขาถามทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ
หลังของเธอตรงกับเขา รู้สึกได้ถึงการขยายตัวของเขา ขบฟันแน่น หลับตาแล้วหายใจเข้าลึกๆ เธอรู้ดีว่าเธอไม่มีทางควบคุมผู้ชายคนนี้ได้
“เพราะผู้ชายที่อยู่ในห้องคนนั้นน่ะเหรอ?”น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
หลินเวยมี่นิ่งไป กำมือแน่น สายตาเต็มไปด้วยความอัปยศอดสู เธอคิดอะไรไม่ออก เดวิดอยู่ในห้องนอน พวกเขาอยู่ในห้องครัว……
“หลินเวยมี่ ตอนนี้ทางที่ดีเธอควรจะลืมผู้ชายคนนั้นไปก่อน เพราะเธอเป็นของฉัน”
เมื่อเขาพูดเสร็จ เขาก็ลุกขึ้น
หลินเวยมี่ขบฟันแน่น เธอใช้ความอดทนทุกกระเบียดนิ้ว แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
มือใหญ่ของฉู่เฉินซีจับเอวเธอแน่น ชื่นชมความงามของเธอ สติหายไปหมด แล้วเปลี่ยนเป็นความดื้อรั้น
ระบายความโกรธของตัวเอง
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงจุดสูงสุด
เขากอดเธอแน่นจากทางด้านหลัง และหายใจหอบอย่างใจไม่หยุดหย่อน ความรู้สึกแบบนี้มันเร้าใจมากๆ ทำให้เขายิ่งตื่นเต้น
เพราะหลินเวยมี่กัดปากแน่นจึงทำให้เลือดออก ปากเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
รู้สึกได้ถึงผู้ชายที่อยู่ด้านหลังนั้นผลักออก กระแสน้ำอุ่นๆพุ่งออกมาบนใบหน้าที่ตื่นตระหนกของเธอ เธอจัดการเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วรีบวิ่งเข้าห้องไปทันที
ฉู่เฉินซีหรี่ตาแล้งมองหญิงสาวที่เข้าไปในห้อง เขายกยิ้มอย่างชั่วร้ายที่มุมปาก
ไม่นานนักหลินเวยมี่ก็เปลี่ยนชุดแล้วเดินออกมา บรัชออนบนใบหน้าเล็กๆจางลง ที่ตัวมีกลิ่นครีมอาบน้ำ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งอาบน้ำมา
เธอรีบเดินผ่านเขาไป ราวกับเขาเป็นคนแปลกหน้า
ทันใดนั้นเธอก็โดนดึงแขน เธอโดนลากไปอยู่ในอ้อมแขนของฉู่เฉินซี แล้วทั้งสองก็นั่งลงบนโซฟา
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่หลินเวยมี่ยังไม่ลืม เธอถูกเขากอดไว้โดยไม่ทันตั้งตัว ก็เลยไม่สามารถทำอะไรได้
มือของเขาจับคางเธอไว้ แล้วพูดเสียงเบาว่า“ใครอณุญาตให้เธออาบน้ำเอากลิ่นของฉันออก?”
“ฉัน…….”
ไม่รอให้หลินเวยมี่ตอบ เขาก็จูบเธอลงมาอย่างบ้าคลั่ง เพื่อให้ลมหายใจของตนติดไปที่เธออีกครั้ง
ผ่านไปครู่ใหญ่ทั้งคู่จึงจะแยกจากกัน หลินเวยมี่นอนในอ้อมแขนของเขา ดวงตาคู่สวยจ้องเขม็งไปยังฉู่เฉินซี
“คนชั่ว!”เธอขบฟันด่าเขา หน้าเล็กๆนั่นก็แดงขึ้นมา เพราะเธอรู้สึกได้ว่าเขากำลังชนเธอ
เหมือนเขาจังสังเกตได้แล้ว จึงชนเข้าไปอีก
จู่ๆหลินเวยมี่ก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าว เธอจับโซฟาอย่างตื่นตระหนกเพื่อจะลุกขึ้น แต่ก็โดนเขาดึงไปอีก
ลมหายใจของเขารดอยู่ที่หูเธอ น้ำเสียงที่ดูเหมือนจะข่มอารมณ์อะไรบางอย่างไว้“คืนนี้มาหาฉัน”
หลินเวยมี่ไม่ได้ตอบกลับไป แล้วรีบลุกขึ้น ไม่อยากมองเขาไปมากกว่านี้แล้ว แล้วรีบเดินเข้าไปในห้องครัว พร้อมกับหั่นผักอย่างไม่เต็มใจ
ฉู่เฉินซีว่าง่ายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขานั่งดูนิตยสารบนโซฟาอย่างเงียบๆ
หลินเวยมี่เงยหน้ามองเขาเป็นครั้งคราว หน้าก็ร้อนผ่านขึ้นมาอีก เธอคิดไม่ถึงว่าฉู่เฉินซีจะกล้าขนาดนี้ ว่าคนสองคนจะไปอยู่ในห้องครัวแบบนั้นได้ยังไง……
เธอยังรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความรักใคร่ จึงรีบเปิดหน้าต่างห้องครัว แบนนี้ถึงจะผ่อนคลายได้นิดหน่อย
ไม่รู้ว่าเดวิดตั้งใจหรือเปล่า เพราะคิดไม่ถึงว่าเขาจะหลับจนถึงเที่ยงถึงจะตื่น และยังดูสดชื่นมาก อีกทั้งยังดูอารมณ์ดี
“คุณฉู่ คุณต้องลองชิมฝีมือของเวยมี่นะ ฝีมือเธอไม่เลวเลยจริงๆ”
ฉู่เฉินซีหรี่ตาแล้วมองไปยังอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะสายตาอึมครึมแวบเข้ามา ทำไมเขาไม่รู้ว่าหลินเวยมี่ทำอาหารเป็น?อีกทั้งเมื่อก่อนเธอไม่เคยทำให้เขากินเลย
หรือนี่คือความแตกต่าง?เขามองไปยังหญิงสาวที่กำลังวุ่นอยู่ในครัวด้วยสายตาเศร้าหมอง สายตาดุร้ายราวกับหมาป่า
หลินเวยมี่ยกซุปออกมา สีหน้าระมัดระวัง ไม่กล้าแม้แต่มองฉู่เฉินซีด้วยซ้ำ
“เวยมี่ อย่าวุ่นอยู่เลย คุณฉู่ก็ไม่ใช่คนนอกอะไร”เดวิดหัวเราะแล้วพูดขึ้น ความหมายสองแง่สองง่ามหลินเวยมี่รีบเงยหน้าแล้วมองไปยังเดวิด ไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ก็นั่งลงข้างๆเขาอย่างเชื่อฟัง
ฉู่เฉินซียกแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วดื่ม แต่จิตใจเขาไม่ได้อยู่ตรงนี้
สายตามองไปยังหญิงสาวที่นั่งยู่ตรงข้าม เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย หน้าผากมีเหงื่อออกบางๆ คอเสื้อต่ำมากจนเกือบจะเห็นข้างใน
เส้นผมที่หล่นลงมานิดหน่อย กับหน้าที่ไม่ได้แต่งแต้มอะไร
ถ้าหากเดวิดไม่ได้อยู่ตรงนี้ล่ะก็ เขาคงกดเธอลงไปกับโต๊ะอาหารแล้ว
เหมือนว่าเธอจะสังเกตเห็นถึงสายตาของเขา หลินเวยมี่จึงเงยหน้าแล้วสบตาเขา แค่ครู่เดียวเธอก็ละสายตาออกไป
ฉู่เฉินซีรีบกระดกไวน์แดงเข้าไป หน้าอกของเขาราวกับโดนอัดด้วยก่อนหินใหญ่ อัดอั้นจนทำให้เขารู้สึกไม่ดี
“คุณฉู่ชอบไวน์แดงของผมเป็นพิเศษเหรอ?ไม่ลองชิมฝีมือเวยมี่หน่อยล่ะ?เธอทำอาหารจีนทั้งนั้นเลย พวกคุณเป็นคนจีน คงจะรู้สึกคุ้นชิน?”เดวิดยิ้มแล้วพูดไป
ฉู่เฉินซียิ้มมุมปาก แต่ก็ดูความหมายที่แท้จริงของรอยยิ้มเขาไม่ออก ท่าทางค่อนข้างแปลก
“ไม่ยักรู้ว่าภรรยาของคุณเดวิดมีความสามารถหลายด้าน สามารถจัดงานเลี้ยงได้ แล้วยังทำอาหารเป็นอีก น่าอิจฉาจริงๆ ทำไมผมถึงไม่มีภรรยาที่ดีแบบนี้นะ”
เดิมนี่เป็นคำชม แต่เมื่อหลินเวยมี่ได้ยินนี่มันเป็นการปั่นหัวเล่น เธอกำตะเกียบในมือแน่น
เดวิดไม่ค่อยกลับมาที่นี่ ดังนั้นเครื่องครัวของที่นี่จึงเป็นพวกอาหารจีนซะส่วนใหญ่ อีกทั้งเขาใช้ตะเกียบไม่ค่อยเก่ง ทนไม่ค่อยได้ จึงวางตะเกียบลงแล้วไปคุยกับฉู่เฉินซี
“อันที่จริง ผมรู้สึกโชคดีมาก”เดวิดยิ้มเยาะแล้วมองไปยังหลินเวยมี่
หลินเวยมี่กำตะเกียบในมือแน่น รู้สึกว่าการกินข้าวมือนี้มันยากสุดๆ
“แต่ฐาลี่ก็ไม่เลวนะ เธอเป็นผู้หญิงแกร่งมาก”เดวิดจิบไวน์ลงไป แล้วพูดอย่างครุ่นคิด
ฉู่เฉินซีเงียบไม่พูดอะไร แต่บนใบหน้าก็ยังมีรอยยิ้มอยู่ รอยยิ้มนั่นดูเป็นสูตรตายตัว
“จริงสิ ข้อตกลงของพวกเรา……”เดวิดมองหลินเวยมี่ครู่หนึ่ง หลินเวยมี่เข้าใจทันที ก็เลยหาข้อแก้ตัว แล้วกลับไปในห้อง
“ไม่ทราบว่าข้อตกลงของเรามีส่วนไหนที่คุณฉู่ไม่พอใจบ้าง?”
“ผมพอใจมาก คุณเดวิดมีน้ำใจกับผม ถ้าผมกลับกลอกก็คงใจร้ายมาก ”
เดวิดยิ้มอย่างไม่เต็มใจ“เรื่องเล็กน้อยน่ะ”
ฉู่เฉินซียิ้มอย่างเย็นชา ตั้งแต่ที่เขาปรากฏตัวที่ฝรั่งเศสเกรงว่าเดวิดคงเตรียมตัวมาดีแล้ว ไม่งั้นจะรู้ได้อย่างไรว่าฐาลี่ชอบกำไลเส้นนั้น ล่อเหยื่อไว้ก่อนเพื่อจะให้เขาติดกับสินะ?
แต่โชคดีที่การทำธุรกิจร่วมกันครั้งนี้ไม่มีทางเลือกมากนัก ก็แค่ติดค้างความมีน้ำใจของเขา
เขาหรี่ตาลง และยังคงเดาอยู่ในใจ ว่าตกลงแล้วทำไมเดวิดถึงไว้ใจเขา?อีกทั้งหลินเวยมี่ก็เป็นภรรยาเขา สองเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกันยังไงนะ?
“มือของคุณฉู่ดูละเอียดอ่อนมาก คุณเล่นเปียโนได้ไหม?”
เสียงของเขาเรียกสติกลับมา มือของฉู่เฉินซีก็โดนเขาจับเอาไว้