รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 211
บทที่ 211 จบกัน
ฉู่เฉินซีมองไปยังผู้หญิงที่ร้องไห้อยู่ข้างๆ เธอราวกับได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างไม่รู้จบ ร้องไห้จนทำให้คนอื่นเป็นห่วง แต่การปฏิเสธของเธอทิ่มแทงทะลุกระดูกเขาราวกับดาบแหลม
ฉู่เฉินซีไม่ขยับไปไหน เพียงจ้องมองเธออย่างเงียบๆ“บอกเหตุผลฉันมาหน่อยสิ”
“ฉันรักครอบครัวของฉัน”เธอพูดพลางสะอื้น แต่ก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อความเจ็บปวดในใจได้
ฉู่เฉินซีดึงเธอเข้ามา จ้องเธอเขม็ง“แล้วฉันล่ะ?เธอทำร้ายฉันแบบนี้หน่ะเหรอ?”
“คุณก็มีทางเลือกของคุณ ฐาลี่รอคุณมาหลายปีแล้ว คุณควรให้คำตอบเธอได้แล้ว”หลินเวยมี่คิดว่าเธอควรจะพูด เธอใช้ชีวิตของเธอต่อไป ฐาลี่ก็จะได้สิ่งที่เธอต้องการ ยิงปืนนัดเดียวได้นก2ตัว
“เหอะๆ หลินเวยมี่ ในนี้มันทำมาจากอะไรเหรอ?”ฉู่เฉินซีหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วชี้ไปที่หัวใจของเธอ“ก้อนหินงั้นเหรอ?”
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินเวยมี่เห็นฉู่เฉินซีบ้าขนาดนี้ เขาจ้องเธอตาแดงก่ำ สายตาสิ้นหวัง
เธอรู้สึกตื่นตระหนก ยิ่งไปกว่านั้นคือรู้สึกไม่สบายใจ มีบางส่วนในหัวใจที่รู้สึกเหมือนกับว่าสูญเสียอะไรบางอย่างไป เธอคว้ายังไงก็คว้าไว้ไม่ได้
“ฉันคิดว่าระยะเวลา5ปีมานี้ฉันสามารถลืมเธอได้”เขาพูดอย่างเย็นชา รอยยิ้มนั่นช่างดูถ่อมตัว“แต่เมื่อฉันเจอเธออีกครั้ง ฉันกลับรู้ว่านั่นไม่ใช่การลืม แต่เป็นฝุ่นผง ฉันฝังความรักที่มีต่อเธอ เพราะคิดว่าถ้าไม่สัมผัสมันก็คงลืมไปได้ แต่ฉันกลับมาเจอเธออีก เธอเป็นเหมือนดอกฝิ่นที่มาทำให้เลือดทั้งตัวของฉันชาไปหมด ฉันโดนพิษจนไม่มียาตัวไหนมารักษาได้แล้วล่ะ”
รอยยิ้มของเขายิ่งดูยิ่งสิ้นหวัง มือที่จับไหล่เธอก็แน่นขึ้นเช่นกัน ทำให้เธอรู้สึกว่าร่างกายที่ด้านชานี้เจ็บปวดไปหมด
“ตอนแรกฉันตกหลุมรักเธอก่อน คนที่ตกหลุมรักก่อนก็คงเจ็บมากกว่า หลินเวยมี่ ฉันไม่เสียใจที่รักเธอ”
หลินเวยมี่สูดหายใจเข้าลึกๆ ราวกับปากเธอหนักมากๆ พูดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะปลอบใจผู้ชายข้างๆอย่างไร เธอรู้สึกได้ถึงความเศร้าโศกที่เขาแสดงออกมา มันเศร้ามากๆ
สิ่งที่เศร้าที่สุดไม่ใช่ความรักที่ไม่ได้ความรักกลับ แต่คือทั้งๆที่รักมากๆแต่กลับพูดออกไปไม่ได้ต่างหาก
ความทุกข์ในใจยิ่งก่อตัวมากขึ้น มากขึ้น ท้ายที่สุดก็แปรเปลี่ยนเป็นน้ำตา ไหลลงมาทีละหยดทีละหยด
“หลินเวยมี่ ความรักของฉันต่ำต้อยขนาดนี้แล้ว ทำไมเธอไม่หันกลับมามองฉันล่ะ?”เขาจับแก้มเธอ เช็ดน้ำตาบนใบหน้าเธอเบาๆ น้ำตานั่นทำให้หัวใจของเขายิ่งแย่ไปอีก
ครอบครัว เธอให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก เขารู้ว่าตัวเองสู้ไม่ได้ แย่งมาไม่ได้
แต่เขาทนกับความรู้สึกที่ไม่มีเธอข้างกายไม่ได้ 5ปีแล้ว หัวใจที่เป็นฝุ่นผงกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เขาจะลืมเธอไปได้อย่างไรกัน?
เขาจับแก้มเธอ แต่กลับรู้สึกว่าทั้งคู่นั้นห่างไกลกันมาก ไกลจนไม่ว่ายังไงเขาก็เอื้อมไม่ถึง
“ฉันผิดไปแล้ว”ฉู่เฉินซีสูดหายใจเข้าลึกๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ“ตอนนั้นฉันไม่ควรปล่อยเธอไปไม่ควร ไม่ควรเลยจริงๆ”
“ฉู่เฉินซี……”
“หลินเวยมี่ บนโลกนี้ไม่มียาแก้เสียใจภายหลังใช่ไหม?”
“ฉู่เฉินซี เราสามารถผ่านมันไปได้ คุณมีชีวิตของคุณ ฉันก็มีครอบครัวของฉัน อย่าให้มันยุ่งเหยิงไปมากกว่านี้เลย”เธอขบฟันแน่น แล้วฝืนใจพูดออกมา
เธอเห็นถึงความเจ็บปวดที่เขาไม่แม้แต่จะปิดบังได้อย่างง่ายดาย ทั่วทั้งร่างกายของเขา มันชัดเจนมาก
ผ่านไปนานราวนับศตวรรษ เขาถึงจะพยักหน้าอย่างไม่อะไร“ได้ตามที่เธอขอ”
หลินเวยมี่โดนเขาไล่ลงจากรถ เธอมองไปยังรถเขาที่ค่อยๆหายไปอย่างเงียบๆ ในใจรู้สึกว่างเปล่า ราวกับของบางสิ่งหายไป
ตอนที่เย่หนิงมาถึง เห็นสภาพหลินเวยมี่ที่ตื่นตระหนกแบบนี้ จึงรีบลากเธอขึ้นรถ
“ก็แค่ผู้ชายคนเดียว?ต้องถึงกับทำให้ตัวเองกลายเป็นแบบนี้เลยเหรอ?”
หลินเวยมี่รู้สึกเพียงแค่ว่าเธอเหนื่อยมาก ก้มหน้าแล้วพิงตัวไปอีกด้าน“เย่หนิง เลิกพูดได้แล้ว ฉันเหนื่อย ไปส่งฉันเถอะ”
เย่หนิงถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็เหยียบคันเร่งแล้วออกรถไป
ฉู่เฉินซีหายจากไปชีวิตเธอซะดื้อๆแบบนี้ หลินเวยมี่มองข้อมูลในมืออย่างใจลอย ไม่รู้ว่าสติลอยหายไปไหน
“พี่เวยมี ช่วงนี้พี่เป็นอะไรไป?”หวงหยิ่งถามด้วยความกังวล
หลินเวยมี่เงยหน้าแล้วสบตาเธอ ยิ้มจางๆพร้อมส่ายหน้า“ไม่ได้เป็นอะไร ฉันสบายดี”
“แต่ช่วงนี้พี่เหม่อบ่อยๆ ใช่เพราะมีเรื่องอะไรกับแขกห้อง301หรือเปล่า?”หวงหยิ่งถามออกมาอย่างไม่คิดหลินเวยมี่หน้าซีด เธอชะงักไปชั่วขณะ ครู่หนึ่งเธอจึงกลับมามีสติ แกล้งเป็นไม่ได้สนใจแล้วส่ายหน้า“เขาเป็นแค่แขก ฉันจะไปมีเรื่องอะไรกับแขกได้ยังไง”
หวงหยิ่งส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ และบังเอิญเห็นฐาลี่เดินเข้ามาพอดี จึงรีบดึงแขนหลินเวยมี่
“พี่เวยมี ผู้หญิงคนนี้”
หลินเวยมี่เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นฐาลี่สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นไม่ค่อยสู้ดีนัก
“เวยมี่ ฉันมาเอาเสื้อผ้าของเฉิน เขาอยู่ห้องไหนเหรอ?”ฐาลี่ถามพร้อมรอยยิ้ม สายตาราวกับผู้ชนะ
หลินเวยมี่ยิ้มเจื่อนๆไป แล้วเดินนำเธอไปที่ลิฟต์“ฉันพาเธอไปดีกว่า”
หัวใจเธออยู่ไม่เป็นสุข หลังจากวันที่บอกเลิกกับฉู่เฉินซีวันนั้นเธอก็ไม่เห็นเขาอีกเลย เขาเชื่อฟังเธอจริงๆ ตัดสินใจที่จะหายไปจากชีวิตของเธออย่างนั่นใช่ไหม ?
“พวกเธอ……จะไปแล้วเหรอ?”หลินเวยมี่เงยหน้าขึ้น ถามเสียงเบา
ฐาลี่ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ตอบออกไป
ลิฟต์เปิดพอดี ทั้งคู่ยืนอยู่หน้าห้อง301 หลินเวยมี่เปิดประตูแล้วเดินตามฐาลี่เข้าไป
“หลินเวยมี่ ฉันอยากรู้ว่าวันนั้นเธอคุยอะไรกัน?”ฐาลี่หันหลังตรงกับเธอ น้ำเสียงปกติ
“พูดในสิ่งที่เธอต้องการนั่นแหละ”
ฐาลี่นิ่งไป หันหน้ากลับมาพร้อมกับตาแดงๆ “พูดในสิ่งที่ฉันต้องการ?”
เสียงเธอแหบแห้ง ราวกับกำลังสะอื้นอยู่
หลินเวยมี่งวยงง ความกังวลในใจแผ่ซ่าน“ทำไมเหรอ?”
ฐาลี่สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วระงับอารมณ์เอาไว้“เขาประสบอุบัติเหตุุ”
หลินเวยมี่มีอาการช็อกไปเล็กน้อย สมองขาวโพลน ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร แม้แต่ความคิดก็หยุดลง
เขาประสบอุบัติเหตุุ?
“ท่าทางแบบนี้ เธอคงยังไม่รู้?คืนวันนั้น รถเขาพลิกลงข้างทาง ตอนนี้ยังอยู่โรงพยาบาล”ฐาลี่เหลือบมองเธออย่างเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยความตำหนิ
“เขาเป็นไงบ้าง?”หลินเวยมี่ถามอย่างงงๆ หัวใจเหมือนถูกบีบแน่นด้วยมือใหญ่ที่มองไม่เห็น ทำให้เธอแทบหายใจไม่ออก
“ไม่ต้องถามแล้ว หลินเวยมี่ เรื่องเป็นแบบนี้แล้ว พวกเธอตัดขาดกันไปเถอะ”ฐาลี่สูดหายใจเข้าลึกๆ เก็บเสื้อผ้าฉู่เฉินซีให้เรียบร้อย แล้วเดินออกไป
ตอนที่เดินผ่านเธอ ฐาลี่พูดออกมาเบาๆว่า“หลินเวยมี่ เรื่องฉู่หรานฉันจะจัดการให้ เดี๋ยวฉันจะติดต่อมา แล้วก็ขอบคุณเธอด้วย ที่ปล่อยเฉินไป”
เมื่อเธอพูดจบ หลินเวยมี่ราวกับไม่มีแรง คุกเข่าลงไปกับพื้นพรม สมองแทบจะไม่พอใช้ ภาพเรื่องในคืนนั้นฉายขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
และสายตาสิ้นหวังนั่นของฉู่เฉินซี สารภาพรักด้วยความเศร้าโศก
เสียงของฐาลี่ยังคงก้องอยู่ในสมองของเธอ เขาประสบอุบัติเหตุุ ประสบอุบัติเหตุุ
สมองต้องมาแบกรับเรื่องหนักๆแบบนี้ ทำให้เธอไม่สามารถรับมันไว้ได้อีกต่อไปจึงล้มหมดสติไป
กว่าจะรอให้เธอฟื้นมาอีกครั้ง ก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว เย่หนิงกำลังนั่งปอกแอปเปิ้ล เสี่ยวหลงนั่งอยู่บนเตียงอีกข้างเธอมองเขาด้วยสายตาสงสาร ตาที่เปียกชื้นนั่นเห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะร้องไห้มา
“แม่ ในที่สุดแม่ก็ตื่นแล้ว!”เสี่ยวหลงกอดคอของเธอพลางร้องไห้ เด็กจ้ำม่ำๆโผไปที่ร่างกายของเธอ
เธอมองไปรอบๆด้วยความว่างเปล่า เธอรู้สึกคอแห้ง
“เย่หนิง…….แค่กๆ”
เย่หนิงรีบยืนน้ำที่อยู่ข้างๆให้เธอ เสี่ยวหลงก็ถือโอกาสกอดเธออีกด้านนึง
“เสี่ยวหลงให้แม่ดื่มน้ำให้เสร็จก่อน”
เสี่ยวหลงร้องไห้พร้อมกับกอดคอเย่หนิง สายตาเต็มไปด้วยความตระหนก
หลินเวยมี่ดื่มน้ำเสร็จ จึงรู้สึกว่าลำคอดีขึ้นมาหน่อย
“ฉันเป็นอะไรไป?ทำไมถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาล?”
“เป็นไข้แล้วก็โลหิตจาง”เย่หนิงจ้องเธออย่างตำหนิ“เวยมี่ ฉันไม่รู้จะพูดยังไงกับเธอแล้ว!ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้?”
หลินเวยมี่ยิ้มเจื่อนๆออกมา รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง
“เธอดูสิว่าทำให้เสี่ยวหลงตกใจขนาดไหน เขามีเธอเป็นแม่แค่คนเดียว ถ้าเธอเกิดเรื่องอะไรขึ้น เสี่ยวหลงจะทำยังไง?”เย่หนิงพูดต่อ
หลินเวยมี่เอาเสี่ยวหลงมากอดไว้ในอ้อมแขน เช็ดน้ำตาบนหน้าของเขา แล้วพูดปลอบใจ“เสี่ยวหลง ต่อไปแม่จะไม่ป่วยแล้ว อย่ากลัวไปนะ”
เสี่ยวหลงรีบพยักหน้า ความตื่นตระหนกบนใบหน้ายังไม่จางหายไป
หลินเวยมี่สูดหายใจเข้าลึกๆ จิตใจอยู่ไม่เป็นสุข เธออยากรู้ว่าฉู่เฉินซีเป็นไงบ้าง เธออยากเจอเขา
“เย่หนิง เขาประสบอุบัติเหตุุ คืนวันนั้นนั่นแหละ”
เย่หนิงชะงักๆไปอย่างเห็นได้ชัด เธอหันหน้ามา“เวยมี่ เธอไม่ยอมรับใช่ไหมว่าเธอยังไม่ลืมเขา?”
หลินเวยมี่กัดปากแน่น สายตาแดงก่ำ“ฉันเป็นห่วงเขา”
“แม่ครับ แม่เป็นห่วงใครเหรอ?”เสี่ยวหลงถามด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าน้อยๆนั่นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“คืนนั้นเธอพูดไปซะเด็ดขาดขนาดนั้นแล้ว สมมุติถ้าเขาไม่เกิดอุบัติเหตุุ เธอคิดว่าเขายังจะมาเจอเธองั้นเหรอ?อีกอย่างฐาลี่ก็อยู่ที่นั่นทั้งคน เธอยิ่งไม่ให้เขามาเจอแน่นอน”เย่หนิงวิเคราะห์
หลินเวยมี่หลบสายตาลง ปกปิดความรู้สึกว่างเปล่า แล้วพูดขึ้น“แค่ฉันเป็นห่วงเขา”
“พวกเธอจบกันแล้วนะ”เย่หนิงพูดอย่างหนักแน่น“ดูเสี่ยวหลงที่อยู่ในอ้อมแขนเธอสิ คิดถึงครอบครัวของเธออย่าดื้อดึงไม่ยอมรับความจริงเลย”
หลินเวยมี่สูดหายใจเข้าลึกๆ กัดริมฝีปากแน่น นี่เธอดื้อดึงไม่ยอมรับความจริงงั้นเหรอ?ทั้งที่รู้ว่าฉู่เฉินซีไม่ใช่คนที่เธอเอื้อมถึง แต่ก็ยังไปพัวพันกับเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
คืนนั้นเธอพูดไปอย่างเด็ดขาดแล้ว ดังนั้นพวกเขาจบกันแล้วจริงใช่ไหม?
“เวยมี่ มองไปข้างหน้าสิ ชีวิตของเธอยังอีกยาวไกล คิดเพื่อเสี่ยวหลงให้มันดีๆหน่อย”เย่หนิงพูดโน้มน้าวเธออย่างจริงจัง“ฉันไม่อยากเห็นเธอเจ็บปวดเพราะเขาอีกแล้ว หลายปีมานี้เธอทุกข์ทนมามากพอแล้ว”
หลินเวยมี่สูดหายใจเข้าลึกๆ เก็บสายตาที่คลุมเครือนั่นไป ก็เหมือนที่เย่หนิงพูดนั่นแหละ พวกเขาจบกันแล้ว เธอไม่สามารถดื้อรั้นไม่ยอมรับความจริงแบบนี้ได้อีกใช่ไหม?คิดซะว่ามันเป็นแค่หมอกควัน จางหายไปงั้นเหรอ?
แต่ใครจะบอกเธอได้ ว่ามียาแบบนั้นไหม ยาที่ทำให้ความเจ็บปวดมันหายไป?
ทั้งๆที่รู้ว่าไม่มี ก็ยังจะกระโจนเข้าไป ฉู่เฉินซีบอกว่าเธอคือดอกฝิ่น ทำประสาทของเขาด้านชาไปหมด แต่ถ้ามองในทางหลินเวยมี่ เขาก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?
ครอบงำหัวใจเธอทุกกระเบียดนิ้ว ไม่มีที่เหลืออีก
พวกเขาจบกันแล้ว