รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 32
บทที่ 32 เธอมีอะไรพิเศษ(2)
ตาของเธอแวววาวขึ้นมาในชั่วพริบตา กวาดสายตาไปยังโจ่วชิงช๋วน “คุณรู้จักเขา?”
โจ่วชิงช๋วนมีท่าทีไม่ชอบใจขึ้นมา ขมวดคิ้วมองทีท่าอันเบิกบานของหลินเวยมี่ จุกเสียดในใจ ตั้งแต่แรก เป็นเวลานานมากแล้ว เธอยังไม่เคยลืมกู้จุนเฟิง
แต่ทำไมจงใจลืมเขาล่ะ? เขาถอนหายใจยาวเฮือกใหญ่ มือยังคงเล่นแหวนที่อยู่บนนิ้ว
“ฉันคือลูกพี่ลูกน้องของกู้จุนเฟิง เมื่อก่อนพวกเราสามคนมักจะมาเล่นด้วยกัน”
หลินเวยมี่นึกขึ้นได้อย่างฉับพลัน ผู้ชายหล่อเหลาคนนี้เมื่อก่อนก็คือคนที่อยู่กับกู้จุนเฟิงที่คอยแกล้ง เป็นเด็กดื้อคนนั้นที่เล่นด้วยกันกับพวกเขา
“ที่แท้ก็คือคุณนี่เอง” หลินเวยมี่อดไม่ได้ที่จะอุทานขึ้นมา เขาตอนนี้กับเขาตอนนั้นช่างต่างกันลิบลับ เพราะเธอถึงกับจำเขาไม่ได้ ตรงกันข้าม เขาแค่เห็นเธอก็จำได้แล้ว นี่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว เธอดูไม่เปลี่ยนไปสักนิดเลยหรือ?
“น่าผิดหวังจริงๆ คุณลืมผมไปหมดแล้ว”
เธอรู้สึกคอแห้งขึ้นมา หน้าแดงพลางกวาดสายตาออกไปนอกร้านอาหาร กลับเห็นร่างที่คุ้นตาสองคนเข้าพอดี
เธอเบ้ปาก ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้? หรือพวกเขาจงใจมาที่ร้านอาหารนี้?
คนหน้าประตูเหมือนกับมีโทรจิต หันมาปะทะเข้ากับสายตาของเธอ นัยน์ตาสีน้ำตาลบ่งบอกถึงความอันตราย มุมปากตวัดขึ้น อารมณ์ปีศาจชั่วร้ายแล่นเข้าร่าง
หลินเวยมี่รีบดึงสายตากลับเข้ามา ใจเต้นระรัว ทำไมรู้สึกหวาดผวาแบบนี้นะ?
เธอชะงักไปครู่หนึ่ง ทำไมเธอต้องหวาดผวา? เดิมทีพวกเขาเกี่ยวข้องกันแค่เรื่องข้อตกลงนั้น และฉู่เฉินซีก็คงไม่ได้สนใจว่าเธอกำลังนั่งกินข้าวอยู่กับใครหรอก?
คิดได้แบบนั้น จิตใจเธอก็สงบลงมากขึ้น “ เฉิน ทำไมเราต้องมาทานที่ร้านนี้ด้วย?” เย่เซียงถงเบ้ปากแดง ทีท่าไม่พอใจ แววตาไร้อารมณ์กวาดไปเห็นหลินเวยมี่ที่ด้านข้าง
ฉู่เฉินซีไม่พูดอะไร แต่สายตากลับมองหลินเวยมี่ไม่ห่าง มุมปากยกตวัดขึ้น เดินมาถึงข้างโต๊ะอาหารของหลินเวยมี่
“เวยมี่ คนนี้คือคุณฉู่ไม่ใช่หรอกหรือ?” เย่หนิงดึงชายเสื้อของหลินเวยมี่ พึมพำเสียงค่อย แววตาเต็มไปด้วยความนิยมชมชอบ
“เอ้อ ใช่” หลินเวยมี่พยักหน้าตอบติดขัด มองเห็นแววตาอันเลื่อมใสของเย่หนิงเช่นนั้น ถามอย่างอดไม่ได้“เย่หนิง เธอคงไม่ทันคิด เย่เซียงถงที่เข้าได้กับคนแบบนั้น จะไปมีอะไรดี? แค่ลูกคนรวยก็เท่านั้นเอง”
ฉู่เฉินซีที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆขมวดคิ้วย่น ลูกคนรวย? เขากลายเป็นคนแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน? ผู้หญิงคนนี้พูดอะไรไม่จริงเหมือนไม่มีสมอง!
หลินเวยมี่มองด้วยสายตาสบประมาทกลับไป เป็นผู้ชายที่ในหัวมีแต่เรื่องอย่างว่าจริงๆ ไม่ว่าที่ไหนเวลาใดก็สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้!
“เวยมี่ ที่ฉันพูดมาเป็นเรื่องจริงทั้งหมดนะ” โจ่วชิงช๋วนนัยน์ตาแวววาว มองอย่างลึกซึ้งไปที่เธอ ขณะที่กำลังพูดเหมือนเซลล์ในร่างกายได้ส่งผ่านความตั้งใจจริงออกมา
หลินเวยมี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นวาบขึ้นมา เวยมี่? ชื่อเล่นนี้ไม่น่าใช้คำที่ทำให้รู้สึกกลัว
“คุณต้องการอะไร?” เธอรีบหดหลังลงเล็กน้อย อยู่ในที่สาธารณะเช่นนี้ เขาไม่น่าจะกล้าทำเรื่องไม่ดีหรือเปล่า?
สายตาของเขาฉายแววขบขัน ล้วงแหวนออกมาจากถุง รีบวางไว้บนมือของเธอ จากนั้นลุกขึ้นยืน “เวยมี่ ฉันชอบเธอคือเรื่องจริง แหวนวงนี้ฉันให้เธอเก็บรักษาไว้ รอวันที่ฉันเลิกชอบเธอเมื่อไหร่ จะไปเอาคืนเอง”
สีหน้าของหลินเวยมี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบถอดแหวนนั้นออกไป แต่ดูเหมือนว่าแหวนนั้นจะติดอยู่ที่นิ้วของเธอ ถอดเท่าไรก็ไม่ออก
“เอ้ย นี่คุณบ้าไปแล้วหรอ รีบถอดออกไปเดี๋ยวนี้!” หลินเวยมี่พูดกับเขาหน่ามุ่ย
“ฉันได้พูดไปหมดแล้ว รอให้ฉันไม่ชอบเธอแล้วกัน จะมาเอาคืนเอง ดีละ กลางวันนี้ฉันมีธุระ ไปก่อนนะ พวกเรายังได้เจอกันอีกแน่ เวยมี่” โจ่วชิงช๋วนพูดเสร็จ ดึงมือของเธอขึ้นมา จูบเบาๆที่มือเธอ และก็จากไป
หลินเวยมี่เบ้ปากมองโจ่วชิงช๋วนเดินจากไป จิตใต้สำนึกหันไปมองที่ฉู่เฉินซี กลับปะทะเข้ากับสายตาเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง ฉู่เฉินซีมองเธอเงียบขรึม สายตาข่มขู่
เธอรีบดึงสายตากลับมา คว้ามือเย่หนิงเดินออกไป
ฉู่เฉินซีมีสีหน้าอึมครึม นิ้วมือที่วางอยู่บนแก้วขาวซีด เย่เซียงถงที่นั่งอยู่ด้านข้างสังเกตสีหน้าของเขาอย่างระมัดระวัง ถามเสียงค่อย
“เฉิน…” ฉู่เฉินซีกวาดสายตาไปที่เธออย่างกราดเกรี้ยว เธอตกใจกลัวหน้าซีด
“เย่เซียงถง จำเอาไว้นะ ให้ดีที่สุดอย่าไปหาเรื่องเธออีก”
เย่เซียงถงรีบจัดระเบียบสีหน้าท่าทาง มองไปยังผู้ชายข้างๆ เวลานี้เขาดูเหมือนราวกับปีศาจร้ายก็มิปาน เฉยเมยและยังไร้อารมณ์
เธอไม่ยอม เม้มปากแดงแน่น โต้กลับอย่างไม่พอใจ “ทำไมถึงหาเรื่องเธอไม่ได้? เธอมีอะไรพิเศษอย่างนั้นหรือ?
ฉู่เฉินซีหรี่ตา พิเศษ หลินเวยมี่ก็ต้องนับว่าพิเศษสิ กู้จุนเฟิงส่งหลินเวยมี่ให้แก่เขาเป็นของขวัญ ตอนนี้ยังมีค่า
“ถ้าฉันรู้ว่าเธอเล่นสกปรกอะไรกับเวยมี่ลับหลังฉัน อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจเธอแล้วกัน”