รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ - บทที่ 340: โลกของคนสองคน
เมื่อลั่วเสี่ยวชิงรู้ว่ามู่ซีซีคบอยู่กับจี้หลิงชวนนั้น ลั่วเสี่ยวชิงก็กังวลมากว่าเมื่อมู่ซีซีคบกับจี้หลิงชวนนั้นเธอต้องถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างแน่นอน
ในเวลานั้นตอนที่มู่ซีซีถูกลักพาตัวและหายตัวไป จี้หลิงชวนกลับเลือกที่จะช่วยชูเหยาก่อน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นมันทำให้ลั่วเสี่ยวชิง รู้สึกโกรธแทนมู่ซีซีอย่างมาก
แต่ต่อมาเมื่อเธอเห็นท่าทางเป็นห่วงเป็นใยของจี้หลิงชวนแล้ว และเมื่อเขารู้ว่ามู่ซีซีตกลงไปในแม่น้ำพร้อมกับรถและหายตัวไป ลั่วเสี่ยวชิงอดไม่ได้ที่จะให้อภัยจี้หลิงชวน
เพราะในเวลานั้นทุกอย่างที่จี้หลิงชวนแสดงออกมานั้น สามารถทำให้ลั่วเสี่ยวชิงรู้สึกได้ว่าจี้หลิงชวนนั้นรักและห่วงใยซีซีจริง ๆ
แม้แต่ในตอนนั้นลั่วเสี่ยวชิงก็ยังเห็นว่าจี้หลิงชวนนั้นตั้งใจแน่วแน่ที่อยากจะตาย และท้ายสุดถ้าไม่ใช่คุณย่าของจี้หลิงชวนมาเกลี้ยกล่อมจี้หลิงชวนแล้วล่ะก็ เกรงว่าจี้หลิงชวนคงจะตายตามมู่ซีซีไปด้วยจริง ๆ
จี้หลิงชวนรักมู่ซีซีมากขนาดนี้ และยังมองออกอีกว่าในหัวใจของมู่ซีซีก็มีความรู้สึกที่ดีต่อจี้หลิงชวนเช่นกัน
ดังนั้นลั่วเสี่ยวชิงแอบคาดหวังเล็ก ๆว่าจี้หลิงชวนและมู่ซีซีจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
ทันทีที่ลั่วเสี่ยวชิงจากไป มีเพียงจี้หลิงชวนเท่านั้นที่ยืนอยู่ข้างมู่ซีซี
จี้หลิงชวนมองไปที่มู่ซีซีและพูดก่อนว่า: “ผมพึ่งเลิกงานบังเอิญเป็นทางผ่านจึงแวะมารับคุณกลับบ้านพร้อมกัน ”
จี้หลิงชวนพูดว่าบังเอิญเป็นทางผ่าน แต่มู่ซีซีเองก็เคยทำงานให้กับบริษัทจี้ซือมาก่อน และเธอก็รู้ดีว่าระหว่างมหาวิทยาลัย A และทางกลับคฤหาสน์มันทิศทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าจะเป็นทางผ่านของจี้หลิงชวนจริง ๆ หรือแม้ว่าจะเลิกงานมาจากบริษัทจี้ซือก็คงไม่ใช่ทางผ่านมาทางมหาลัย A ทางนี้หรอกมั้ง
เห็นได้ชัดว่าจี้หลิงชวนตั้งใจมารับเธอ
มู่ซีซีไม่ได้พูดหักหน้าคำโกหกของจี้หลิงชวน ในเมื่อจี้หลิงชวนมารับเธอแล้ว เธอจึงไม่จำเป็นต้องเสแสร้งที่จะขึ้นรถบัสกลับบ้าน ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าให้กับจี้หลิงชวน และเดินตามหลังจี้หลิงชวนขึ้นรถไปทันที
มู่ซีซีเหมือนมีเรื่องบางอย่างซ่อนไว้ในใจ และเธอจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความเหม่อลอยใจไม่อยู่กบเนื้อกับตัวตลอดทาง ในขณะที่จี้หลิงชวนเองก็รู้สึกผิดเพราะเรื่องที่ปิดปังมู่ซีซี แต่เขากลัวว่ามู่ซีซีจะรู้ความจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นยิ่งทำให้เขากังวลใจมากขึ้นไปอีก
ดังนั้นในเวลานี้จี้หลิงชวนก็ไม่พูดไม่จา เพราะเขากลัวว่าถ้าเขาพูดมากเกินไปกลัวโดนจับพิรุธได้
บรรยากาศเงียบตลอดทางจนขับไปถึงคฤหาสน์
จี้หลิงชวนและมู่ซีซีเดินลงจากรถทีละคน และบรรยากาศมาคุระหว่างทั้งสองคนยังคงดำเนินต่อไปจนถึงหลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จ
คนกลางอย่างป้าหลิงก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่มาคุระหว่างจี้หลิงชวนและมู่ซีซี แม้แต่ป้าหลิงเองก็ยังระมัดระวังคำพูดของตัวเองไม่กล้าพูดเสียงดังมากนัก
มู่ซีซีเอาแต่ครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ลั่วเสี่ยวชิงพูดในตอนเช้า เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย และในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองจี้หลิงชวน และถามว่า :“จี้หลิงชวน วันนี้ฉันได้ยินเสี่ยวชิงพูดว่า เมื่อคืนนี้ตอนที่เธอไปส่งพี่สาวลูกพี่ลูกน้องกับคุณพ่อของเธอที่สนามบินนั้นบังเอิญเห็นชูเหยาถูกนำตัวขึ้นเครื่องบิน เรื่องนี้คุณรู้เรื่องหรือไม่? ชูเหยาอาศัยอยู่ที่เมืองหรงก็ดีอยู่แล้วนี่? ทำไมอยู่ดี ๆเธอถึงบินไปอเมริกาอย่างกะทันหันด้วยล่ะ ? ”
หลังจากที่จี้หลิงชวนฟังคำพูดของมู่ซีซีแล้ว ในใจของเขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็เลือกที่จะปกปิด เขาไม่อยากสัมผัสความรู้สึกที่ต้องเสียมู่ซีซีไปอีกแล้ว
ในขณะที่จี้หลิงชวนคิดอยู่นั้นก็พูดขึ้นว่า: “คืนนั้นชูเหยาผลักคุณตกบันไดไม่ใช่หรอกหรือ เธอเป็นคนที่มีนิสัยเอาแต่ใจอย่างมาก ผมกลัวว่าเมื่อเธอยังอยู่ในเมืองหรงอีกเธออาจจะทำร้ายคุณได้ ดังนั้นผมจึงสั่งลูกน้องให้ส่งเธอไปอเมริกา”
อันที่จริงในสิ่งที่จี้หลิงชวนพูดนั้นก็ไม่ถือว่าโกหกมู่ซีซีทั้งหมด เพราะนั้นมันก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่จี้หลิงชวนจะส่งชูเหยาไปยังสหรัฐอเมริกา
มู่ซีซีพยักหน้าเมื่อได้ฟังคำพูดของจี้หลิงชวน แต่ในใจของเธอกลับรู้สึกว่าเรื่องราวมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
แต่เห็นได้ชัดว่าจี้หลิงชวนคงจะไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้แล้ว และมู่ซีซีก็ไม่ได้ถามอะไรอีก แล้วเธอก็เดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง
วันรุ่งขึ้น มู่ซีซีแอบนัดหมายกับนักสืบเอกชนที่เกี่ยวข้องกับคดีการลักพาตัวของชูเหยาในครั้งนั้น
ตั้งแต่มู่ซีซีกลับมาก็ผ่านไปหลายวันแล้ว เดิมทีมู่ซีซีคิดว่านักสืบเอกชนจะพบหลักฐานบางอย่างเกี่ยวกับชูเหยาและผู้ร้ายที่ลักพาตัว แต่หลังจากคุยกับนักสืบเอกชนแล้วมู่ซีซีกลับพบว่าเธอประเมินค่าชูเหยาต่ำเกินไปจริงๆ
พวกที่ทำการลักพาตัวมู่ซีซีนั้นกลับไม่ได้อยู่ในประเทศเลย และการที่จะหาตัวพวกเขานั้นเป็นไปได้ยากมาก และยิ่งใช้เวลานานขึ้น
ในอีกด้านหนึ่งคนที่จี้หลิงชวนส่งไปสอบสวนคดีการลักพาตัวก็ให้คำตอบแบบเดียวกัน จี้หลิงชวนทำได้เพียงส่งคนออกไปตามหาที่ต่างประเทศต่อไป
เวลานี้ไม่มีชูเหยาที่จงใจสร้างปัญหาอยู่ตลอดเวลา ชีวิตของมู่ซีซีและจี้หลิงชวนก็สงบขึ้นมาก
บังเอิญว่าวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ จี้หลิงชวนและมู่ซีซีต่างก็มีเวลา หลังจากที่จี้หลิงชวนและมู่ซีซีรับประทานอาหารเช้าด้วยกันเสร็จ จี้หลิงชวนจึงเสนอกับมู่ซีซีว่า: “ซีซี วันนี้เราไปบ้านพักคนชราไปเยี่ยมคุณย่าด้วยกันดีไหม ท่านคิดว่าคุณประสบอุบัติเหตุ ท่านเสียใจและเป็นห่วงคุณมาก ตอนนี้ท่านยังไม่รู้ว่าคุณกลับมาแล้ว ถ้าคุณย่าท่านเห็นว่าคุณกลับมาแล้ว ท่านต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอน”
หลังจากฟังจี้หลิงชวนพูดจบ มู่ซีซีก็พยักหน้าอย่างไม่ลังเล
เพราะถึงแม้จี้หลิงชวนจะไม่พูดมู่ซีซีก็ต้องการหาเวลาไปเยี่ยมคุณย่าเช่นกัน
อย่างไรก็ตามมู่ซีซีเพิ่งกลับมา และติดธุระมาโดยตลอดอีกทั้งยังหาเวลาที่เหมาะสมไปเยี่ยมคุณย่าที่บ้านพักคนชราไม่ได้สักที
เมื่อจี้หลิงชวนเห็นว่ามู่ซีซีตอบตกลงแล้ว เขาก็ยิ้มที่มุมปากทันที เขาขับรถพามู่ซีซีตรงไปที่บ้านพักคนชราที่นายหญิงจี้อาศัยอยู่ทันที
เกือบหนึ่งชั่วโมงจี้หลิงชวนและมู่ซีซีก็มาถึงบ้านพักคนชราที่นายหญิงจี้พักอาศัยอยู่ *
จี้หลิงชวนกลัวว่าเมื่อมู่ซีซีปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันต่อหน้าคุณย่าแล้วจะทำให้ท่านตกใจได้ ดังนั้นเขาจึงขอให้มู่ซีซีรออยู่ที่หน้าประตูก่อนแล้วตัวเองเข้าไปในห้องพักฟื้นคนไข้ก่อน
นายหญิงจี้กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง และเมื่อเห็นจี้หลิงชวนเข้ามา ก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ เธอวางหนังสือในมือลง และพูดกับจี้หลิงชวนว่า: “หลิงชวน ทานข้าวหรือยัง? ถ้าหากยังไม่ทานเดี๋ยวย่าให้แม่จางไปเตรียมให้”
แม้ว่าในตอนนี้นายหญิงจี้จะพักอาศัยอยู่ในบ้านพักคนชรา แต่นี่เป็นบ้านพักคนชราที่มีมาตรฐานสูง มีห้องครัวที่เตรียมไว้ให้กับนายหญิงจี้เป็นพิเศษ และยังได้จ้างเชฟพิเศษ ถ้าหากนายหญิงจี้อยากทานอะไรมันก็สะดวกมากยิ่งขึ้น
ทันทีที่นายหญิงจี้พูดจบ จี้ลิงชวนก็รีบพูดขึ้นว่า: “คุณย่าครับ ไม่ต้องแล้วครับ ผมทานมาแล้วครับ ”
ในขณะที่จี้หลิงชวนพูดอยู่นั้นเขาก็นั่งลงข้าง ๆนายหญิงจี้พร้อมพูดขึ้นว่า: “คุณย่าครับ วันนี้ผมมาที่นี่เพื่อต้องการบอกเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งให้คุณย่าทราบครับ”
นายหญิงจี้มองดูใบหน้าที่จริงจังของจี้หลิงชวน และสีหน้าของเธอก็ดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย เธอมองไปที่จี้หลิงชวนอย่างจริงจังและพยักหน้าพร้อมพูดว่า: “อืม เอาล่ะ หลานพูดมาได้เลย ย่ารอฟังอยู่”