รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ - บทที่ 348 ซีซี ฉันคิดถึงเธอ
จี้หลิงชวนเหลือบขึ้นไปมองที่หน้าต่างบนชั้นสี่ เขาจำได้ว่าบ้านของลั่วเสี่ยวชิงอยู่ที่ชั้นสี่
แสงสีส้มอ่อนๆส่องผ่านหน้าต่างออกมา จี้หลิงชวนยกข้อมือขึ้นมาเพื่อดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว
ปกติมู่ซีซีมักจะเข้านอนตอนเวลาประมาณห้าทุ่ม ตอนนี้มู่ซีซีน่าจะยังไม่เข้านอน
จี้หลิงชวนกำโทรศัพท์ที่อยู่ในมือไว้แน่น ตอนนี้เขาต้องการอยากจะฟังเสียงของมู่ซีซีอีกครั้ง
อยากเจอหน้ามู่ซีซี อยากกอดและจูบเธอ
มือที่กำโทรศัพท์ไว้แน่น ค่อยๆคลายออก เหมือนกับว่าหัวใจของจี้หลิงชวนกำลังสับสน
จี้หลิงชวนลังเลอยู่หลายนาที ในที่สุด เขาก็พ่ายแพ้ต่อความปรารถนาในใจของตัวเอง จี้หลิงชวนถือโทรศัพท์ไว้ในมือ จากนั้นก็กดโทรออกไปที่เบอร์ของมู่ซีซีในทันที
เมื่อจี้หลิงชวนได้ยินเสียงรอสายของโทรศัพท์ดัง ตู๊ด ๆ ๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปากด้วยความตื่นเต้น
ขณะเดียวกัน ในห้องของลั่วเสี่ยวชิงที่อยู่บนชั้นสี่ โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงก็ดังขึ้น บรรยากาศในห้องอันเงียบสงบถูกทำลายลง ลั่วเสี่ยวชิงซึ่งอาบน้ำเสร็จแล้วกำลังนอนเล่นโทรศัพท์ของเธออยู่บนเตียง เมื่อเธอเห็นว่าโทรศัพท์ทางด้านข้างของเธอนั้นสั่นไม่หยุด เธอจึงหันไปพูดกับมู่ซีซีที่กำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำว่า”ซีซี โทรศัพท์ของเธอดัง มีคนโทรเข้ามาหาเธอ”
มู่ซีซีที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จรีบสวมชุดนอนแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำในทันที เธอหยิบโทรศัพท์ซึ่งกำลังสั่นอยู่บนโต๊ะหัวเตียงขึ้นมา และเธอก็เห็นว่าบนหน้าจอโทรศัพท์แสดงหมายเลขของจี้หลิงชวน
มู่ซีซีจ้องไปที่โทรศัพท์และชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากที่เธอได้สติกลับมา เธอก็เห็นว่าโทรศัพท์ยังคงดังไม่หยุด มู่ซีซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอจึงกดปุ่มรับสาย
ทันทีที่เธอวางโทรศัพท์ไว้แนบกับหูเสียงที่คุ้นเคยของจี้หลิงชวนก็ดังเข้ามาในสาย “ซีซี เธอนอนหรือยัง ?”
หลังจากได้ยินเสียงของจี้หลิงชวน มู่ซีซีก็ชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นจึงตอบเขากลับไปว่า “ฉันกำลังจะนอนแล้ว”
หลังจากที่มู่ซีซีพูดจบประโยค เธอก็หยุดชะงักไปชั่วครู่ ไม่นานหลังจากนั้นมู่ซีซีก็พูดต่อไปอีกว่า “ดึกขนาดนี้แล้วโทรมามีธุระอะไร?”
เมื่อจี้หลิงชวนได้ยินเสียงของมู่ซีซีเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อกี้ในขณะที่เขากำลังโทรเข้ามาหามู่ซีซีอยู่นั้น เขายังแอบกลัวว่ามู่ซีซีจะไม่รับโทรศัพท์ แต่อย่างน้อยตอนนี้มู่ซีซีก็รับสายของเขาแล้ว
แต่เมื่อฟังคำพูดของมู่ซีซีเพียงครึ่งประโยค รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าก็ค่อยๆหายไป
เดิมทีจี้หลิงชวนมีบางอย่างที่อยากจะพูดกับมู่ซีซี แต่จี้หลิงชวนกลับพูดไม่ออก
ในสายโทรศัพท์กลับเข้ามาสู่บรรยากาศอันเงียบสงบอีกครั้ง
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงของมู่ซีซีก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะของความเงียบ “จี้หลิงชวน ยังมีธุระอะไรอีกไหม? ถ้าไม่มี ฉันจะวางสายก่อนแล้วนะ”
ก่อนที่คำพูดของมู่ซีซีจะจบลง จี้หลิงชวนที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์ เพิ่งตื่นขึ้นจากความฝัน ทันใดนั้นก็พูดขึ้นว่า “ซีซี รอเดี๋ยว อย่าเพิ่งวางสาย!”
เมื่อจี้หลิงชวนเห็นว่ามู่ซีซีไม่ได้วางสาย เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จี้หลิงชวนกำโทรศัพท์ในมือไว้แน่นด้วยความตื้นเต้นและกังวลอย่างอธิบายไม่ถูก เขานึกถึงคำพูดที่ลู่เฉิงฮ่าวได้พูดกับเขาเอาไว้ก่อนหน้านี้ขึ้นมา จากนั้นจี้หลิงชวนจึงค่อยๆเปล่งวาจาออกมาด้วยน้ำเสียงที่เขินอายว่า”ซีซี ฉันก็แค่อยากได้ยินเสียงของเธอ…”
เมื่อได้ยินคำพูดของจี้หลิงชวนเช่นนี้ หัวใจของมู่ซีซีก็เต้นแรงขึ้น มู่ซีซีขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อเป็นการยับยั้งหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูกนี้ มู่ซีซีแอบสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และรีบพูดขึ้นว่า “จี้หลิงชวน คุณยังมีธุระอะไรอีกไหม?ฉันเหนื่อยแล้ว ถ้าไม่มีฉันจะวางแล้วนะ”
เมื่อจี้หลิงชวนได้ยินมู่ซีซีพูดอย่างนั้นแล้ว เขากลัวว่ามู่ซีซีจะวางสายไปจริงๆ เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า “ซีซี ฉันคิดถึงเธอมาก”
เสียงพูดของจี้หลิงชวนไม่ดังและไม่เบามากจนเกินไป มันเพียงพอแล้วที่มู่ซีซีจะสามารถได้ยินอย่างชัดเจน นิ้วของมู่ซีซีที่เตรียมจะกดปุ่มตัดสายชะงักไปครู่หนึ่ง มู่ซีซีตกตะลึงและยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่
ในสมองของเธอว่างเปล่าไปหมด มีเพียงประโยคที่จี้หลิงชวนเพิ่งพูดออกมาเมื่อกี้ว่า “ซีซี ฉันคิดถึงเธอมาก” มันยังคงวนซ้ำอยู่ในหัวของเธอ
เดิมทีหัวใจของมู่ซีซีก็เต้นเร็วมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้กลับยิ่งเต้นเร็วขึ้นไปอีก
มู่ซีซีกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น จนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเสียวซ่านจากริมฝีปากของเธอ และเมื่อมู่ซีซีได้สติกลับมา เธอพยายามสงบสติอารมณ์ให้เย็นลง เป็นเพราะในตอนนี้เธอรู้สึกสับสนในคำพูดประโยคเมื่อกี้ของจี้หลิงชวนและไม่รู้ว่าจะพูดต่อประโยคของเขาอย่างไร หลังจากที่ลังเลอยู่สองถึงสามวินาที มู่ซีซีกัดริมฝีปาก จากนั้นจึงวางสายไป
หลังจากที่จี้หลิงชวนซึ่งนั่งอยู่ในรถพูดประโยคที่ว่าฉันคิดถึงเธอออกจากก้นบึ้งของหัวใจ เขาก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก หัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ จี้หลิงชวน รู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก บนฝ่ามือของเขามีเหงื่อค่อยๆไหลซึมออกมา
ในขณะที่ ในใจของจี้หลิงชวนหวังว่าเขาจะได้รับการตอบกลับจากมู่ซีซี
แต่ในเวลาต่อมา จี้หลิงชวนที่กำลังรอคอยคำตอบอย่างกังวลใจ กลับได้ยินเสียงตัดสายโทรศัพท์ดังตู๊ดๆๆขึ้น
มู่ซีซีวางสายโทรศัพท์ไปในทันที ซึ่งก็อยู่ในการคาดการณ์ของจี้หลิงชวน แต่อย่างไรก็ตาม สายตาคู่นั้นของจี้หลิงชวนก็ยังคงอดเสียใจไม่ได้
จี้หลิงชวน มองไปที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่หน้าจอมืดสนิท ใบหน้าของเขาค่อยๆเผยให้เห็นรอยยิ้มออกมา นี่อาจเป็นการแก้แค้นของเธอ
ในตัวเลือกก่อนหน้านี้ เป็นเพราะเขาเลือกชูเหยาจึงได้ยอมที่จะปล่อยเธอไป สิ่งที่มู่ซีซีปฏิบัติต่อเขาแบบนี้ มันก็สมควรที่เขาจะได้รับ
จี้หลิงชวนหันกลับไปมองแสงไฟสีส้มอ่อนๆที่สะท้อนออกมาตรงหน้าต่างบนชั้น 4 อีกครั้ง เขาไม่มีความรู้สึกที่อยากจะกลับบ้านเลยแม้แต่น้อย
ใช่แล้ว ตอนนี้จี้หลิงชวนไม่อยากจะกลับไปที่คฤหาสน์ที่บรรยากาศเย็นๆ คฤหาสน์ที่ไม่มีมู่ซีซี
ในทางตรงกันข้าม จี้หลิงชวนยอมที่จะอยู่ในรถคันนี้ อย่างน้อยก็สามารถอยู่ใกล้กับมู่ซีซีได้
ส่วนบรรยากาศในห้อง ลั่วเสี่ยวชิงมองไปที่มู่ซีซีซึ่งรู้สึกดูไม่ค่อยปกติหลังจากที่รับโทรศัพท์ เธอเลิกคิ้วและยื่นมือออกไปตรงหน้าของมู่ซีซีพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เฮ้ สติจงกลับมา สติจงกลับมา ”
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของลั่วเสี่ยวชิง มู่ซีซีจึงกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เธอมองไปที่ลั่วเสี่ยวชิงและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่มีความรู้สึกผิดบางอย่าง “มีอะไรเหรอ เสี่ยวชิง?”
“เธอยังจะถามฉันว่ามีอะไร ประโยคนี้ฉันควรถามกับเธอมากกว่า ” ลั่วเสี่ยวชิงพูดขึ้นพลาง หยิบกระจกให้กับมู่ซีซีส่องและพูดขึ้นว่า “คุณซีซี เธอลองส่องดูด้วยตัวเองสิ ตั้งแต่ตอนที่เธอรับโทรศัพท์ เธอก็ดูเหมือนคนกำลังเหม่อลอย เล่ามาสิว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?”
มู่ซีซีมีสีหน้าที่ดูทุกข์ทรมานใจและไม่พูดไม่จา แต่เมื่อลั่วเสียวชิงเห็นมู่ซีซีเป็นแบบนี้ เธอก็พอจะเดาออกได้ถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์