รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ - บทที่ 349 ค่ำคืนที่นอนไม่หลับ
คนที่สามารถทำให้มู่ซีซีมีท่าทางแบบนี้ นอกจากชายคนนั้นแล้วก็ไม่น่าจะเป็นใครไปได้
ลั่วเสี่ยวชิงคิดพลางจ้องไปที่มู่ซีซีและพูดขึ้นว่า”โทรศัพท์สายเมื่อกี้ คือจี้หลิงชวนใช่ไหม?”
ลั่วเสี่ยวชิงเห็นมู่ซีซีพยักหน้าเบา ๆ ให้กับเธอ ลั่วเสี่ยวชิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เรื่องของมู่ซีซีและจี้หลิงชวนเป็นเรื่องเกี่ยวกับชะตากรรมล้วนๆ
เมื่อเห็นใบหน้าของมู่ซีซีเป็นเช่นนี้แล้ว ลั่วเสี่ยวชิงก็พูดด้วยความสงสารขึ้นอีกครั้งว่า “ซีซี มีบางเรื่องที่เธอสามารถหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกหัวใจตัวเองไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ฉันที่เป็นคนนอกก็สามารถมองออกได้ว่าเธอชอบจี้หลิงชวนอยู่ ”
ขณะที่ฟังคำพูดของลั่วเสี่ยวชิง ในสมองของมู่ซีซีก็นึกถึงเรื่องครึ่งปีก่อนที่เธอเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา หลังจากที่จี้หลิงชวนรู้เรื่อง เขาก็รู้สึกเกลียดตัวเองจนขนาดที่ต้องการกระโดดลงแม่น้ำเพื่อตายตามเธอไป เห็นได้ว่าในใจของจี้หลิงชวนมีมู่ซีซีอยู่
ลั่วเสี่ยวชิงมองไปที่มู่ซีซีอีกครั้งพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ซีซี ในหัวใจของจี้หลิงชวนมีเธออยู่จริงๆ และเธอก็ปล่อยวางเรื่องของจี้หลิงชวนไปไม่ได้ แทนที่จะต้องทนทุกข์ทรมานทั้งคู่ ไม่ลองเริ่มต้นใหม่ดูอีกครั้งเหรอ ลองให้โอกาสกันและกันดูอีกสักครั้ง”
หลังจากได้ฟังคำพูดของลั่วเสี่ยวชิงแล้ว มู่ซีซีก็ส่ายหัวขึ้นอย่างช้าๆ หลังจากนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง
หลังจากที่มู่ซีซีกลับมา จี้หลิงชวนก็ปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี ไม่ใช่ว่าเธอไม่เห็น แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้ความทุกข์ใจเรื่องนั้นผ่านไปได้
เธอไม่สามารถลืมลูกที่เธอรอคอยได้ ลูกที่เสียชีวิตจากแผนการชั่วร้ายเหล่านั้น
ไม่มีทางลืมความเจ็บปวดที่ชูเหยามอบให้กับเธอ
ไม่มีทางลืมเรื่องที่จี้หลิงชวนเลือกที่จะช่วยชูเหยา และทอดทิ้งเธอ
ชูเหยาเป็นอุปสรรคใหญ่ระหว่างเธอกับจี้หลิงชวน ตราบใดที่ชูเหยายังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ มู่ซีซีก็ไม่สามารถลืมอดีตและเริ่มต้นใหม่กับจี้หลิงชวนได้
เมื่อเห็นท่าทางอันเงียบสงบของมู่ซีซี ลั่วเสี่ยวชิงก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้ เธอเอื้อมมือออกไปและจับมือของมู่ซีซีไว้
มู่ซีซีไม่ต้องการให้ลั่วเสี่ยวชิงได้รับผลกระทบจากอารมณ์หดหู่ของเธอ ดังนั้นเธอจึงพยายามฝืนยิ้ม ให้กับลั่วเสี่ยวชิงและพูดขึ้นว่า “เสี่ยวชิง ฉันไม่เป็นไร””
ลั่วเสี่ยวชิงก็ยิ้มให้กับมู่ซีซีเช่นกัน ทั้งสองคนไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ประจวบเหมาะกับเสียงคุณแม่ของลั่วเสี่ยวชิงดังขึ้นมาจากทางด้านนอกของห้อง “เสี่ยวชิง แม่หั่นผลไม้มาให้ ออกมาเอาไปให้ซีซีลองชิมดู มันหวานมากเลยนะ”
ลั่วเสี่ยวชิงยิ้มและตอบกลับไปในทันทีว่า “ตกลงค่ะแม่ หนูจะรีบไปเดี๋ยวนี้ ”
ลั่วเสี่ยวชิงเดินออกไปข้างนอกภายในไม่กี่นาทีและนำถาดผลไม้ที่ถูกหั่นแล้วเข้ามา
“มาสิ มากินผลไม้กัน”ลั่วเสี่ยวชิงหยิบผลไม้ที่ถูกหั่นแล้วยื่นให้กับมู่ซีซี
ทั้งสองทานผลไม้ไปพลางพูดคุยกันในเรื่องอื่นๆไปพลาง และบรรยากาศก็เต็มไปด้วยความสุข
มู่ซีซีนอนตะแคงข้างอยู่บนเตียง ในขณะที่ลั่วเสี่ยวชิงเอนกายพิงกับหน้าต่างทางด้านข้างเตียงอย่างเกียจคร้าน
และในขณะที่ลั่วเสี่ยวชิงที่กำลังกินผลไม้อยู่นั้น เธอได้หันศีรษะและมองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่รู้ตัว ลั่วเสี่ยวชิงบังเอิญเห็นรถยนต์คันสีดำจอดอยู่ใต้อาคารบ้านของเธอ
ลั่วเสี่ยวชิงจ้องไปที่รถคันนั้นเป็นเวลาหลายสิบวินาที เธอรู้สึกว่าทำไมรถคนนี้มันชั่งดูคุ้นมากจริงๆ
เมื่อมู่ซีซีที่กำลังนอนอยู่บนเตียงเห็นท่าทางงุนงงของลั่วเสี่ยวชิง ก็ค่อยๆลุกขึ้นมานั่งบนเตียงและมองไปที่ลั่วเสี่ยวชิงพร้อมกับถามขึ้นว่า “เสี่ยวชิง กำลังเหม่อมองอะไรอยู่ ทำไมถึงได้ดูตั้งใจแบบนั้น ?”
เมื่อได้ยินคำถามของมู่ซีซีแล้ว ลั่วเสี่ยวชิงกลับมามีสติอีกครั้ง เธอรีบหันไปมองมู่ซีซีและพูดขึ้นว่า “ซีซี มาดูนี่ เธอรีบมาดูสิว่าใครเป็นเจ้าของรถคันนี้! ทำไมฉันถึงได้รู้สึกคุ้นๆยังไงไม่รู้! ”
เมื่อมู่ซีซีเห็นท่าทางที่ประหลาดใจของลั่วเสี่ยวชิง มู่ซีซีก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย มู่ซีซีเดินไปที่หน้าต่าง จากนั้นก็มองลงไปที่รถยนต์คันสีดำที่จอดอยู่ทางด้านล่าง
แค่แวบเดียว มู่ซีซีถึงกับตกตะลึง เพราะมู่ซีซีรู้ดีว่ารถยนต์คันนี้เป็นรถของจี้หลิงชวน
เลขทะเบียนรถของจี้หลิงชวน มู่ซีซีจำมันได้อย่างชัดเจน
มู่ซีซีมีสายตาที่ดีมากๆ แม้ว่าเธอจะอยู่สูงถึงชั้นสี่ แต่มองลงไปเพียงแวบเดียวก็สามารถเห็นเลขทะเบียนรถของจี้หลิงชวนได้อย่างชัดเจน
ใบหน้าอันงดงามของมู่ซีซีแสดงออกถึงความประหลาดใจเป็นอย่างมาก
เธอไม่คิดว่าจี้หลิงชวนจะมาถึงบ้านของลั่วเสี่ยวชิงแบบนี้
เมื่อลั่วเสี่ยวชิงที่อยู่ทางด้านข้างเห็นท่าทางตกใจของมู่ซีซี เธอก็สามารถเข้าใจบางอย่างได้ในทันที
ลั่วเสี่ยวชิงคิดพลางถามมู่ซีซีขึ้นว่า “ซีซี รถที่อยู่ทางด้านล่างคือรถของจี้หลิงชวนใช่ไหม? ”
หลังจากที่ได้ยินเสียงของลั่วเสี่ยวชิง มู่ซีซีจึงได้สติกลับมา มู่ซีซีพยักหน้าให้กับลั่วเสี่ยวชิงที่กำลังมองมาที่เธออยู่
ลั่วเสี่ยวชิงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “ซีซี เธอจะลงไปดูหน่อยไหม?”
ลั่วเสี่ยวชิงพูดพลางเหลือบไปดูเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์และพูดกับมู่ซีซีขึ้นต่อว่า”ตอนนี้ก็เกือบห้าทุ่มแล้ว จี้หลิงชวนที่อยู่ทางด้านล่างคงไม่ได้ตั้งใจจะรออยู่ที่นี่ไปตลอดใช่ไหม?”
มู่ซีซีเหลือบมองไปที่รถยนต์คันสีดำที่คุ้นเคยทางด้านล่างอีกครั้ง
ในวินาทีถัดมา มู่ซีซีก็ยกมือขึ้นมานวดที่ตรงบริเวณหว่างคิ้วของตัวเอง ตอนนี้ ในหัวใจของเธอรู้สึกสับสนไปหมด และเธอก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร
เธอไม่อยากลงไปข้างล่าง แต่เมื่อคิดว่ารถของจี้หลิงชวนยังคงจอดรออยู่ตรงนั้น มันยิ่งทำให้หัวใจของเธอไม่สงบ
“เสี่ยวชิง ฉันง่วงแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะ” มู่ซีซีพูดพลางหันกลับมานอนที่เตียงและห่มผ้า ถ้ามองไม่เห็น ก็จะไม่รู้สึกหงุดหงิด
ลั่วเสี่ยวชิงทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นท่าทีที่เอาแต่หลบของมู่ซีซี เห็นได้ชัดว่ามู่ซีซีไม่สามารถปล่อยเรื่องของจี้หลิงชวนไปได้ แต่ก็ปฏิเสธที่จะยอมรับ
มู่ซีซีไม่ต้องการเผชิญกับความจริงในใจของเธอ และลั่วเสี่ยวชิงก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเธอได้อย่างไร
หลังจากที่กินผลไม้ที่เหลือจนหมด ลั่วเสี่ยวชิงก็นอนลงตรงด้านข้างของมู่ซีซีในทันที
ตอนนี้ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ทั้งสองคนยังมีเรียนแต่เช้า และลั่วเสี่ยวชิงก็ปิดไฟในห้องนอน
บรรยากาศภายในห้องมืดสนิท
ลั่วเสี่ยวชิงไม่ได้มีเรื่องกังวลอะไร ฉะนั้นเธอจึงหลับไปภายในไม่กี่นาที
แต่อีกด้านหนึ่ง มู่ซีซีที่นอนไม่หลับไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม ทันทีที่มู่ซีซีหลับตาลง ในสมองของเธอก็จะปรากฏใบหน้าของจี้หลิงชวนขึ้นมา หรือไม่ก็ภาพรถของจี้หลิงชวน หรือแม้แต่คำพูดที่ดังขึ้นในโทรศัพท์ประโยคที่ว่า “ซีซี ฉันคิดถึงเธอมาก…”
มู่ซีซีพยายามตั้งใจฟัง เธอคิดว่า ตอนนี้ไฟในห้องถูกปิดลงแล้ว หากว่าจี้หลิงชวนที่อยู่ในรถทางด้านล่างเห็นเข้า เขาก็น่าจะรู้ และขับรถกลับไปเอง
แต่ไม่ว่ามู่ซีซีจะเงี่ยหูฟังยังไง ก็ยังคงไม่ได้ยินเสียงของรถ เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของรถทางด้านล่างเลย
มู่ซีซีกำมือแน่น จี้หลิงชวนคนบ้านี่ คงไม่คิดจะอยู่ในรถแบบนี้ไปตลอดทั้งคืนหรอกนะ ?